ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #22 : คำทำนาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 70
      6
      11 ก.ย. 61


    หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ในห้องทำงานขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ของชายหนุ่มที่มีกองงานเอกสารเต็มไปหมดเหมือนเคย ทั้งสองที่นั่งอยู่ห่างๆไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ส่วนมายุนั้นได้เพียงนั่งครุ่นคิดกับตนเองเท่านั้นจนกระทั่งเธอนั่งนิ่งประดุจก้อนหิน อยู่นานเพียงใดก็ไม่อาจทราบได้  กระทั่งอากาเนะนำชาเขียวร้อนมาให้คนทั้งสองก็รู้สึกได้ถึงความเงียบงันประดุจป่าช้า จนถึงขนาดกับคนที่ช่างจ้ออย่างเธอยังไม่กล่าวสิ่งใดออกมา และรีบออกไปจากห้องทำงานในทันที ทั้งสองถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนชายหนุ่มจะวางพู่กันลงช้าๆ ดูเหมือนว่าเขาจะหยุดทำงาน และหันมามองเธอในที่สุด มายุเพียงหันไปมองเขาอย่างสงสัย

    “ค..คือว่า เรื่องเมื่อวาน ข้าขอโทษเจ้าด้วย”ไดกิกล่าวออกมาในที่สุด หญิงสาวตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ และกำลังนึกถึงเรื่องที่เขากำลังจะต้องขอโทษเธอ

    คงเป็นเรื่องที่บอกรักฉันสินะ...จริงๆแล้วเขาไม่ได้รักฉันสินะ

    มายุผลุบตาลงไปมองพื้นห้องแทนเมื่อได้ฟัง เธอไม่กล่าวอะไรออกมาสักพักใหญ่ น้ำตาหยดใสๆรื้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ

    “ขอโทษเรื่องอะไรคะ?”เธอถามขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเครือ ชายหนุ่มที่เห็นก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะและมองเธออย่างตกตะลึงเพราะทำตัวไม่ถูกนัก เขามักจะทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ

    “ข...ข้า ก็เพราะเมื่อวาน..เพราะว่าข้าสูดดมกำยานเข้าไป จึงทำให้เจ้ากลัวสินะ ข้าในสภาพนั้นมันน่ารังเกียจเสียจริง  เมื่อคืนข้าแทบจะนอนไม่หลับเพราะสิ่งที่ข้าทำลงไปมันทำให้ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าอย่างมาก”มายุประหลาดใจเมื่อได้ฟัง แต่อีกฝ่ายก็ยังพูดไม่ชัดเจนนัก

    “แล้วท่านไดกิ คิดอย่างไรกับดิฉันหรือคะ?”ร่างบางหันมาถามเขา ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายชั่วครู่

    “ข..ข้าก็รักเจ้ายังไงล่ะ หรือเจ้าคิดว่าข้าหลอกลวงเจ้า”ไดกิหน้าแดงเมื่อกล่าวเช่นนี้ เขาไม่ชินกับการบอกความรู้สึกต่อเธอเลย

    “ท่านไดกิ ดิฉันตกใจหมดเลย นึกว่าท่านจะเปลี่ยนใจ”มายุโล่งอกเมื่อได้ฟังเช่นนั้น และเช็ดน้ำตาของตนเอง

    “ข้ารักเจ้า...เรื่องนั้นข้าพูดจริง แต่ว่าเจ้าจะให้อภัยข้าหรือไม่ ที่ข้าล่วงเกินเจ้าไป ข้าทำตามใจตนเองมากเกินไปหน่อย แถมยังกล่าววาจาออกไปเช่นนั้น”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะดูเหมือนปิศาจโรคจิตเสียขนาดนั้น

    “ไม่เป็นไรค่ะ ท่านไดกิ มันเป็นเพราะกำยานสินะคะ ฉะนั้นไม่ใช่ความผิดของท่านไดกิหรอกค่ะ”เธอยิ้มออกมาอย่างโล่งอก มือใหญ่เช็ดน้ำตาของอีกฝ่ายหนึ่ง เขามีใบหน้าที่รู้สึกผิดนักที่ทำให้เธอร้องไห้ออกมา

    “ข้าไม่อยากให้เจ้าร้องไห้เลย เจ้าร้องไห้เพราะความไม่ชัดเจนของข้าสินะ เจ้าคงไม่อยากเชื่อใจข้าแล้ว”ร่างกำยำกล่าวออกมา

    “ถ้าท่านไดกิรักดิฉัน ก็ช่วยกอดดิฉันเถอะค่ะ”มายุร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ปิศาจเทนกุโอบเธออย่างอ่อนโยนนัก หญิงสาวซุกใบหน้าของเธอลงที่อกเขา ทั้งอบอุ่นและดีใจนักจนร่างนั้นหยุดร้องไห้ในทันที

    “ดิฉันรักท่านไดกินะคะ”

    “ข้าก็รักเจ้ามายุ “ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

    “ข้าขอโทษที่ข้าปิดบังความรู้สึกของตนเองมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าชอบเจ้าตั้งแต่ก่อนที่เจ้าจะกลับไปโลกมนุษย์คราวนั้น แต่ข้าปากแข็งมาตลอด ทั้งๆที่เจ้าดูจะเป็นคนเดียวที่ข้าพูดคุยได้ในทุกๆเรื่อง ยิ่งเจ้าบอกว่าเจ้าคงไม่กลับมาที่นี่ ข้าก็ทรมาณแทบแย่ หากเจ้าตายไปจริงๆ คงจะเป็นความผิดของข้าที่รู้ว่าเจ้ามีอันตรายรออยู่แต่ก็ปล่อยให้เจ้ากลับไป และยิ่งข้าเห็นเจ้ากลับมาในร่างที่สะบักสะบอม ข้ารู้ดีว่าร่างนั้นไม่ใช่เจ้า... และยิ่งรู้สึกผิดมากเสียยิ่งกว่าเดิมเพราะเจ้าบาดเจ็บจากพวกปิศาจ แถมมันยัง...”นิ้วของเขาสัมผัสที่ริมฝีปากของเธออย่างเบามือ

    “ถ้ามันย่ำยีเจ้าล่ะก็ข้าคงบุกไปหาพวกมันที่ปราสาทแน่นอน และทำลายทุกอย่างให้หมดสิ้นแน่นอน”ไดกิกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เรียบเฉย  แต่ร่างบางรู้สึกได้ถึงความคับแค้นใจของเขานัก

    “ข้าชอบเจ้ามานาน แต่ไม่รู้ว่าข้าหลงรักเจ้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เหมือนกับวันหนึ่งที่ตื่นขึ้นมา และรู้สึกกับเจ้าต่างออกไป”เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

    “ดิฉันก็รักท่านไดกิ รักที่สุดเลยค่ะ”ชายหนุ่มถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อได้ฟัง และลูบหลังหญิงสาวอย่างเบามือ ก่อนจะกล่าวออกมา

    “เจ้าสวยมากๆเลยรู้ไหม? ข้าบอกตอนนี้เจ้าคงจะพอใจแล้วนะ”หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและพยักหน้าออกมา ก่อนเขาจะจับคางของเธอให้อยู่นิ่งๆ

    “ที่จริงแล้วเจ้าก็น่ารักด้วยนะ”มายุแก้มแดงเมื่อได้ฟังจากเขา

    “แต่ท่านไดกิคะ ดิฉันอายุจะสามสิบอยู่แล้วนะคะ ไม่ใช่วัยรุ่นสักหน่อย”เธอคงจะแก่เกินคำว่าน่ารักแล้ว

    “เจ้าก็ยังอายุอ่อนกว่าข้าเป็นหลายร้อยปีอยู่ดี ข้าชมว่าเจ้าน่ารักจนเจ้าอายุสักเก้าสิบข้าก็ยังจะชมว่าน่ารัก”เขากล่าวออกมาอย่างมีความสุขนัก

    “แหม ท่านไดกิคะ ตอนนั้นดิฉันคงไม่น่ารักแล้วล่ะค่ะ”เธอคลี่ยิ้มออกมา ส่วนชายหนุ่มนั้นฟังก็นิ่งไป จนเธอสงสัย

    “มีอะไรหรือคะ?”ร่างบางถามเขาขึ้น ก่อนไดกิจะกอดเธอแน่น

    “ข้าแค่...คิดอะไรอยู่ก็เท่านั้น เจ้าไม่ต้องห่วงไป”ปิศาจเทนกุยังกอดเธออยู่จนร่างบางขยับไปไหนไม่ได้ ดวงตาสีดำขลับจ้องมองเธอพร้อมกับมีบางสิ่งบางอย่างผุดขึ้นในใจ

    นางเป็นมนุษย์ มีอายุที่สั้นนัก...ข้าต้องดูแลนางให้ดี แต่ข้าคิดเมื่อเวลานั้นมาถึงก็อดคิดมากไม่ได้ ที่นี่มีแต่ของที่เป็นอันตรายกับนางได้เสียทั้งหมด

    “ท่านไดกิคะ”เสียงหวานเรียกให้เขาพ้นจากภวังค์และมองใบหน้าของเธอ

    “ดิฉันเศร้าใจ ที่ท่านไดกิทำลายความหวังของดิฉันตลอดเวลา และดูไม่เหมือนว่าท่านไดกิจะสนใจดิฉันเช่นคนรักเลย”ร่างบางกล่าวออกมา เธอหลบหน้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่กล้าสบตาเขานัก

    “ถ้าเช่นนั้นข้าขอโทษด้วย ข้าทำให้เจ้าเสียความรู้สึกอย่างมาก ข้าเห็นเจ้าทำตัวเย็นชาต่อข้า ข้าก็รู้ซึ้งถึงสิ่งที่ข้าเคยทำ ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก”หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ใครเล่าจะรู้ว่ากามเทพจะมาในรูปแบบเทพีแห่งความงาม มิใช่เทพแห่งความรักแต่อย่างไร

    “ถ้าเช่นนั้นให้ข้าจุมพิตเจ้าอีกรอบได้ไหม?”ไดกิถามขึ้น

    “ค..ค่ะ”มายุหลับตาลง ปิศาจเทนกุค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้เธอ ใบหน้าของทั้งสองแนบชิดกัน จนจมูกของทั้งสองสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เขายังได้ยินเสียงลมหายใจของหญิงสาวที่สั้นและกระชั้นด้วยความตื่นเต้น

    “แกร็ก!!!”อากาเนะเปิดประตูโชวจิเข้ามาเพื่อจะนำถาดอาหารเช้าเข้ามาให้ทั้งสองพอดิบพอดี หญิงในชุดเฮอันชะงักไปจนเกือบทำถาดอาหารตก ทั้งมายุและชายหนุ่ม รีบหันขวับมามองอากาเนะ ก่อนมายุจะรีบปิดหน้าตนเองด้วยความอายเป็นที่สุด

    “ข..ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ!!”ฝั่งการาสุเทนกุรับใช้ก็ปิดหน้าของตนและรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จนชายหนุ่มต้องเป็นคนเดินไปปิดประตูเลื่อนและยืนอยู่อย่างนั้น  จนกว่าความคิดของเขาจะสงบลง มายุกลับมานั่งนิ่งอย่างเรียบร้อย แม้ใบหน้าเธอจะแดงจนเห็นได้ชัด ความรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมายังบนใบหน้าของเธอ ไดกิกลับมานั่งลงข้างๆเธอคราวนี้ทั้งสองคนทำตัวไม่ถูกนักอยู่สักพักใหญ่

    “ท...ท่านไดกิคะ เรามาจูบกันเถอะค่ะ”มายุกล่าวออกมา

    “ข้านึกว่าเจ้าไม่อยากทำแล้วเสียอีก...”เขายิ้มกริ่มออกมา มือกำยำจับบ่าของร่างบางเอาไว้ และค่อยๆจุมพิตอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกัน เขารับรู้ถึงริมฝีปากที่แสนนุ่มนวลของหญิงสาวได้เป็นอย่างดีทั้งสองหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะถอนจุมพิตออก ทั้งสองใบหน้าแดงระเรื่อ เทนกุมองหน้าหญิงสาวด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีต่อเธอ

    “ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดีมายุ ให้ที่นี่เป็นบ้านของเจ้าได้หรือไม่ เจ้าจะอยู่ที่นี่ได้ตราบนานเท่านาน”

    “ดิฉันอยากอยู่กับท่านไดกิค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะที่ให้ดิฉันอยู่ที่นี่”มายุยิ้มออกมา

    “ที่นี่จะไม่มีใครทำร้ายเจ้ามายุ ให้ข้าเป็นคนรักของเจ้าข้าจะปกป้องดูแลเจ้าเอง”

    “ค่ะท่านไดกิ  ให้ดิฉันเป็นคนรักของท่านไดกิด้วยนะคะ”มายุมีความสุขอย่างมาก นี่เป็นความสุขมากที่สุดที่เธอเคยได้รับมาในชีวิต มายุไม่เคยมองอีกฝ่ายเป็นปิศาจน่าเกลียดน่ากลัวเลยสักนิดเดียว เธอเห็นเขาเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่เธอรักเท่านั้น

     

    หลายสัปดาห์ผ่านไปหญิงสาวกับชายหนุ่มเดินไปตามชายป่าอย่างมีความสุขนัก ฤดูใบไม้ผลิที่ใกล้เข้ามาทำให้ต้นไม่นานาพันธุ์เริ่มผลิใบออกมาอีกครั้งหนึ่ง สัตว์ต่างๆมากมายเริ่มตื่นจากการจำศีล ทั้งนกน้อย  กระรอก  เริ่มออกมาหาอาหาร อากาศที่เริ่มอบอุ่นนั้นช่างรู้สึกสบายเสียจริง ป่าไม้ที่เพิ่งจะผลิใบออกมาทำให้สุดสิ่งทุกอย่างดูร่มรื่นย์และเขียวขจีไปทั่วบริเวณด้วยต้นไม้สูงเสียดฟ้ามากมาย ที่แห่งนี้ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความสงบที่แท้จริง มายุเดินอยู่เคียงข้างไดกิและมองชายหนุ่มอย่างมีความสุขนัก จนอีกฝ่ายรู้สึกตัวจึงหันมามองเธอก่อนจะยิ้มตอบ

    "ท่านไดกิคอยเป็นห่วงการาสุเทนกุเสมอเลยนะคะ ตั้งแต่การรบครั้งนั้นท่านไดกิก็ไปเยี่ยมการาสุเทนกุที่บาดเจ็บอยู่ตลอดเลยนะคะ"มายุเริ่มบทสนทนาขึ้น ชายหนุ่มมักจะไปเยี่ยมเยียนเหล่าการาสุเทนกุที่ได้รับบาดเจ็บ และถามไถ่อาการต่างๆทุกวัน แม้ว่าจะเป็นเวลาไม่นานนัก แต่เธอก็เห็นว่าเขาใส่ใจปิศาจรับใช้มากเพียงใด

    "ข้าต้องเป็นห่วงสิ พวกนั้นอยู่ในการดูแลของข้า เพราะข้าสั่ง พวกนั้นถึงสู้.... มันเป็นหน้าที่ของพวกเขา แต่ข้าซาบซึ้งใจที่พวกเขาต่อสู้อย่างกล้าหาญ ที่พวกเขาต้องมาคอยรับใช้ข้าเช่นนี้แม้ว่าข้าจะทำให้ทุกคนถูกกักขังไว้ที่นี่ ข้าเองทำได้เพียงเท่านี้ยังถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ"

    "ท่านไดกิคงเป็นที่รักของเหล่าการาสุเทนกุแน่นอนเลยค่ะ การาสุเทนกุมีอยู่หลายร้อยตน แต่ก็ยังถือว่าท่านไดกิยังมีความใกล้ชิดกับพวกเขานะคะ"

    "ไม่หรอก ข้าเอาแต่ทำงานเอกสารของพวกจตุรเทพ ข้าแทบไม่มีเวลาปกครองคนของข้าด้วยตัวข้าเอง ข้าจะต้องพยายามมากกว่านี้"ไดกิมีสายตาที่แน่วแน่ ก่อนเขาจะจับมือเธอเอาไว้และเดินไปตามเส้นทางมายุมองอีกฝ่ายอย่างชื่นชม

    "ท่านทำเพื่อพวกเขาค่ะ ทุกคนต้องเข้าใจท่านไดกิแน่นอนเลยค่ะ"ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนภาพของเขา ก่อนเธอจะมองมือทั้งสองที่สัมผัสกันอย่างมีความสุข

    “ท่านไดกิไม่กลัวใครเห็นเราจับมือกันหรือคะ”ร่างบางถามขึ้น

    “ข้ารักเจ้าแล้ว ทำไมจะต้องกลัวล่ะ เจ้าเป็นคนรักของข้า ข้าจะต้องให้เจ้ามั่นใจว่า ข้าจะยกย่องเชิดชูเจ้าให้สมกับเป็นคนรักของเทนกุผู้นี้สิ”

    “ค่ะท่านไดกิ ดิฉันเชื่อค่ะ”ใบหน้าขาวผ่องยิ้มหวานออกมา ทั้งสองเดินทางไปต่อ ชายหนุ่มพาเธอเดินไปตามทาง เพราะแผลของเขายังหายไม่สนิทดีนัก ร่างบางเดินแกว่งมืออย่างสนุกสนาน

    อยู่ที่นี่แล้วรู้สึกว่าตัวเองเด็กลงจริงๆเลย ไม่ต้องทำงานไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตใคร...เหมือนกับฝันเลยนะ แต่ว่ากำลังจะมีสงครามในไม่ช้า แบบนี้มันน่าหนักใจกว่าเดิมอีก มิวะผ่านช่วงเวลาไปได้ยังไงนะ หรือเธอจะนึกแช่งสามีของเธอให้ตายอยู่ทุกวันกันนะ...

    ร่างบางจับมืออีกฝ่ายแน่น ไม่อยากจะปล่อยให้เขาไปเลยจริงๆ แต่ชายหนุ่มไม่มีทีท่าหวาดกลัวแต่อย่างใด ช่างน่านับถือใจของเขานัก

    “ท่านไดกิกลัวไหมคะ สงครามมันใกล้เข้ามาแล้ว ท่านไดกิคงต้องไป...”มายุมีสีหน้าที่สลดลง

    “ข้าน่ะรึจะกลัว? ข้าเป็นถึงเทนกุเชียวนะ เรื่องแบบนี้ข้าไม่กลัวหรอก ข้าเชื่อว่าข้าต้องชนะแน่นอน”เขากล่าวออกมาด้วยความทระนงตน

    “ท่านไดกิอย่าประมาทนะคะ”นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเตือนเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง ชายหนุ่มพยักหน้ารับและพาเธอเดินต่อไป โดยที่มีการาสุเทนกุตนหนึ่งมองอยู่ห่างๆ ก่อนร่างนั้นจะหายไปในไม่ช้า มายุหันกลับไปมองแต่ก็ไม่พบใครแล้ว

    “เจ้ายังถือว่ามีสัญชาติญาณที่ดีนะ แต่คงช้าไปนิด”ชายหนุ่มกล่าวออกมา

    “เมื่อกี้มีคนอยู่หรือคะ”มายุถามขึ้นและหันกลับไปมองด้านหลังต้นไม้

    “ใช่ และไม่นานนักพวกเราสุเทนกุอาวุโสคงจะดิ้นพล่านเป็นแน่ โดยเฉพาะอายุมุ”ปิศาจเทนกุกล่าวออกมาโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    “แล้วท่านไดกิจะทำอย่างไรดีคะ”มายุกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่กังวล

    “ข้ามิต้องทำอะไร แค่นั้นพวกเขาก็แทบจะตีกันเองอยู่แล้ว ข้าแค่อยู่เคียงข้างเจ้าเหมือนปกติเท่านั้น”มือกำยำลูบศีรษะของเธอ

    “อย่างนั้นหรือคะ?”เธอกล่าวออกมาด้วยความไม่มั่นใจนัก และไม่อยากทำให้เขามีปัญหาตามมา ก่อนร่างสูงใหญ่จะโอบกอดเธอเอาไว้

    “ท...ท่านไดกิคะ เดี๋ยวการาสุเทนกุตนอื่นก็มาเห็นกันหมดหรอกค่ะ”เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ

    “ข้าอยากกอดเจ้าเท่านั้น เวลานี้ให้ข้ากอดเจ้าเยอะๆหน่อยสิ ก่อนข้าจะไปรบ ข้าคงจากที่นี่ไปนาน และคงคิดถึงเจ้ามากๆเป็นแน่”มายุเองก็กอดเขากลับ ชายหนุ่มดูประหลาดใจนิดหน่อย

    “เจ้านี่กล้ากว่าที่ข้าคิดไว้นะ”เขาแสยะยิ้มออกมา

    “แน่นอนค่ะ ดิฉันกล้ากว่าที่ท่านไดกิคิดไว้เสียอีกนะคะ”มายุตอบกลับ มาอย่างไม่ถ่อมตัวแต่อย่างใด อยากจะลองทำตัวแบบเทนกุบ้างเพื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายหนึ่ง ไดกิหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้น

    “ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้ากล้าหาญ ข้าไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น”หญิงสาวหัวเราะคิกคักออกมาอย่างมีความสุข ก่อนทั้งสองจะหยุดหัวเราะลงและจ้องตากัน และค่อยๆจุมพิตกันอีกรอบหนึ่ง

    “ว่ายังไง...เจ้ายังกล้าอยู่ไหม”ปิศาจผู้มีปีกสีดำยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะจับปลายคางของอีกฝ่ายและจูบเธออีกสักรอบ จนร่างบางนั้นหายใจแทบไม่ทัน เธอผละออกจากเขาด้วยใบหน้าที่เขินอายนัก

    “ท...ท่านไดกิ มันน่าอายเกินไปแล้วนะคะ”หญิงสาวรีบกล่าวออกมา

    “ความกล้าของเจ้ามันหายไปไหนหมดเสียแล้วล่ะ”เขาแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะรีบทำหน้าเรียบเฉยเช่นเดิมและ พาร่างบางเดินต่อไปเรื่อยๆในทันที

    “มายุ...”ชายหนุ่มเหมือนอยากจะกล่าวสิ่งใดออกมา

    “คะ?”เธอหันมามองเขาอย่างสงสัย

    “ข้ารู้สึกละอายที่จะกล่าวออกมา แต่ข้าไม่เคย...รักใครแบบหนุ่มสาวมาก่อน”ชายหนุ่มไม่รู้จะอายดีไหมที่เขาไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อนตลอดเวลานับหลายร้อยปี

    “แล้วที่ท่านบอกมิวะล่ะคะ”ร่างบางถามเขาขึ้น อย่างสงสัยแน่นอนว่าคำถามนี้ก็สร้างความหนักใจให้เขานัก

    “ตอนนั้นข้ายังเด็กเกินไปกว่าจะเข้าใจได้ว่าจริงๆแล้ว ความรักแบบหนุ่มสาวมันเป็นเช่นไร”ไดกิเลี่ยงการตอบอีกฝ่ายหนึ่ง มายุเองที่ได้ฟังจึงเงียบลง ก่อนเขาจะกล่าวขึ้น

    “มายุข้ารู้สึกว่า....ข้ามันเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะกับเจ้า  ข้าอยากได้ความรักจากเจ้ามากกว่านี้ ข้าอยากใกล้ชิดเจ้ามากกว่านี้ และข้าก็อยากรู้จักเจ้าในทุกแง่ทุกมุม โดยเฉพาะในมุมที่เจ้าไม่เคยให้คนอื่นเห็นมาก่อน...”ไดกิกล่าวออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่ม หญิงสาวตาเบิกโพลงด้วยความตกใจใบหน้าของเธอแดงแจ๊ที่อีกฝ่ายกล่าวออกมาโต้งๆหัวใจของเธอแทบจะเต้นออกมา นอกอกเมื่อฟังเขากล่าว

     “ท..ท่านไดกิพูดออกมาอ้อมๆหน่อยก็ได้ค่ะ!!..ด....ดิฉันคิดว่ามันเร็วเกินไปค่ะ”เธอรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว มือกำยำคว้าข้อมือของเธอไว้ และเดินไปข้างๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนชายหนุ่มกลับยิ้มออกมาเมื่อทำให้มายุมีสีหน้าเช่นนั้นได้ และทำให้เธอเลิกถามเรื่องของมิวะเสียที ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย

    “ยามข้าไม่อยู่  ปิศาจน่ะน่ากลัวกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้ นอกจากพลังแล้ว ยังมีเรื่องการควบคุมอารมณ์ด้วยที่เป็นปัญหาใหญ่ของปิศาจและเทพ ฉะนั้นแล้ว...อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด แม้จะเป็นจตุรเทพก็ห้ามไว้ใจ”มือกำยำลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน มายุพยักหน้ารับ

    “ขอบคุณที่บอกนะคะ”มายุยิ้มออกมาและจับมือของเขากลับ ชายหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจนักกับการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ตอนแรกเธอดูจะตกใจกลัวเสียด้วยซ้ำ

    “ดิฉันเชื่อว่าท่านไดกิจะปกป้องดิฉันจากปิศาจตนอื่นๆเอง และก็...”

    “กา กา กา”อีกาตนหนึ่งร้องเรียกอยู่บนยอดไม้ขัดบทสนทนาของคนทั้งสอง ชายหนุ่มเพียงฟังเสียงร้องนั้น ถอนหายใจออกมา คงจะหมดเวลาเดินเล่นกับหญิงสาวเสียแล้วสิ พวกการาสุเทนกุอาวุโสช่างประชุมกันอย่างรวดเร็วเสียจริง

    “ข้าต้องไปประชุมต่อแล้ว ขอตัวก่อน”

    “ค่ะ ท่านไดกิ”มายุมองอีกาตัวนั้นบินนำหน้าชายหนุ่มไปจนทั้งสองบินไปจนลับตา ร่างบางเพียงยืนพิงต้นไม้ ด้วยใบหน้าที่ทำหน้าไม่ถูกว่าจะเขินอายดีไหมกับสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมาหรือควรจะโกรธอีกฝ่ายดี

     “แหมท่านไดกินี่ล่ะก็ ดิฉันอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ท่านคงลืมไปกระมัง”เธอเพียงยิ้มมุมปากออกมา ปิศาจหนุ่มคงไม่รู้ถึง ฤทธิ์ของหญิงสาวสมัยใหม่อย่างเธอเสียแล้ว

     

    ปีศาจเทนกุเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่ภายในคฤหาสน์ของตนที่ไม่ไกลจากประตูทางเข้านัก  ก็พบการาสุเทนกุอาวุโสที่ทั้งเก้ามาที่แห่งนี้เพื่อพบไดกิด้วยท่าทีที่ต่างจากเดิมนัก และนั่งลงที่ห้องโถงใหญ่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตามที่นั่งที่จัดไว้ให้  เมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง และกล่าวธุระถึงเรื่องการรบที่ผ่านมาตั้งแต่เขายังไม่ได้นั่งลงเสียให้เรียบร้อย

    ขอคารวะท่านไดกิทั้งเก้ากล่าวขึ้นเมื่อชายหนุ่มเข้ามาในห้อง ไดกิเพียงมองไปรอบๆ และค้อมตัวรับการคารวะนั้น ก่อนจะนั่งลง

    ท่านไดกิ พวกข้าทราบข่าวว่าลูกศิษย์ของท่าน ช่วยชีวิตการาสุเทนกุไว้ ข้าจึงคิดว่าเราควรจะมาพิจารณาข้อตกลงเสียใหม่ยามะคาวะกล่าวขึ้น แต่อายุมุก็ยังถกเถียงอีกฝ่าย

    ข้าว่าเป็นเช่นนี้ดีแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนสิ่งใดอีกเธอกล่าวขึ้น เพราะเธอรับไม่ได้อย่างยิ่งที่จะให้นางเข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ แม้ว่าจะรู้ถึงคำทำนายแล้วก็ตาม แต่เธอยังอยากจะต่อต้านให้ถึงที่สุด

    เจ้าบอกเหตุผลของเจ้ามาเสีย อายุมุยามะคาวะกล่าวออกมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายเถียงกันไม่จบไม่สิ้นมาอย่างยาวนานแล้ว 

    ข้าดูแลไดกิมานานจนข้ารู้ว่าเขานั้นเหมือนไดอิจิขนาดไหน หากเลือกคู่ครองแล้ว ยังไงเขาก็ต้องทำพิธีมมอบอายุขัยครึ่งหนึ่งให้นาง แต่ปัญหาคือมนุษย์มีอายุที่สั้นมาก มากเสียจนเอาอายุขัยของท่านไดกิไปถมก็ไม่คุ้ม เพราะถ้าท่านไดกิไม่หลงเสน่ท์ของนางมนุษย์ผู้นั้นข้าก็คงไม่ยื่นข้อเสนอให้แก่พวกเราตั้งแต่แรก ใช่ไหมเจ้าคะ

    เรื่องนี้เจ้าก็ฟังดูดีมีเหตุผลตรงที่ ยังไงก็ไม่คุ้มกับอายุขัยของเขาที่เสียไป แต่ส่วนอื่นข้าคงไม่เห็นด้วยกับเจ้า ท่านไดกิรู้ตัวดีว่าเขาจะทำเช่นไร เจ้าน่าจะเชื่อใจเขา และปล่อยให้ท่านไดกิทำหน้าที่ของเขาไปเสียเท่านั้น มิใช่ไปคอยจ้ำจี้จ้ำไชให้เขาทำตามในสิ่งที่เจ้าต้องการยามะคาวะตำหนิอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะได้กล่าวสิ่งใดต่อ ไดกิจึงกล่าวขึ้น

    พวกท่านอย่ามากีดกันความรู้สึกของข้าที่มีต่อนางเลยขอรับ หากข้าไม่มีความรัก ข้าก็ไม่ต่างกับซากศพที่เดินได้ไดกินึกถึงสภาพของมายุในวันก่อนๆผ่านมาก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ และในตอนนี้เขาจะถอยไม่ได้เด็ดขาด

    จริงดั่งที่ข้ากล่าว ท่านไดกิรักนางมนุษย์ผู้นั้นอายุมุกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ขัดเคือง

    ข้าอยากจะมีชีวิตกับคนที่ข้ารัก และอยู่กับนางไปนานๆ และตอนนี้ข้าเองก็รู้ตัวดีแล้วว่ารู้สึกกับนางเช่นไร หากพวกท่านขัดขวางข้ากับนางไม่ให้รักกัน ข้าที่ไม่อาจรักนางได้ก็คงตรอมใจในไม่ช้า ซึ่งเร็วเสียกว่าการที่ข้ามอบอายุขัยครึ่งหนึ่งแก่นางไปเสียอีก พวกท่านจงตรองให้ดีขอรับเสียงฮือฮาดังขึ้น ในการประชุม เพราะชายหนุ่มที่บอกปัดมาตลอดกลับยอมรับขึ้นมา อายุมุถลึงตาใส่เขาเมื่อได้ฟัง

    ...ท่านไดกิ ท่านจะทำเช่นนั้นมิได้นะเจ้าคะ…”อายุมุกล่าว แต่ก็ถูกยามะคาวะขัดขึ้น

    ไดกิ ข้าลองทำนายดวงชะตาของนางแล้ว ชีวิตของนางนั้นสั้นเสียยิ่งกว่าท่านยูมิโกะเสียอีก นางอยู่ไม่ถึงมีลูกกับท่านหรอก ที่ข้ากล่าวเช่นนี้ เพราะอยากให้ท่านทราบ ข้าจักอนุญาตให้ท่านรักนางได้ แต่ท่านต้องคำนึงไว้ด้วยว่านางอายุขัยสั้นนัก ขอจงได้อย่าฝืนชะตาของตนเองเลยขอรับ อย่างน้อยก็เห็นแก่การาสุเทนกุที่อยู่ในปกครองของท่านขอรับ ไดกิถึงกับนิ่งอึ้งไปสักพัก และกำหมัดแน่นเมื่อได้ฟังคำนั้น รู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นชาไปทั้งตัว เพราะการทำนายของยามะคาวะนั้นมีความแม่นยำอย่างมาก ไดกิหยุดกึกในทันทีและก้มหน้าลงก่อนจะฟังอีกฝ่ายกล่าวแทนเพราะรู้สึกจุกในอกเสียจนไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้ ยามะคาวะจึงกล่าวต่อ

    และอายุของนางนั้น ไม่สามารถช่วยได้จากการมอบอายุขัยได้ด้วยขอรับไดกิตกตะลึงไปกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะนิ่งเงียบไป

    หากนางมีอายุขัยสั้นนัก ข้าก็ขอขอให้ข้าได้รักนาง ขอให้ข้ามีโอกาสให้อยู่กับนางในฐานะที่นางเป็นคนรักบ้างขอรับ ข้าจะดูแลนางอย่างดีและก็จะเป็นผู้นำที่ดีไปด้วย  พวกท่านจงเชื่อใจข้า ข้าไม่มีวันละทิ้งพวกท่านไปได้แน่นอนดั่งคำสาบานที่เคยให้ท่านไว้ไดกิค่อยๆกล่าวออกมาช้าๆ แต่หนักแน่น

    งั้นข้าขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้นยามะคาวะกล่าวขึ้น ก่อนจะกล่าวต่อ

    หากนางตาย ท่านต้องมีชีวิตอยู่ ห้ามตายตามเด็ดขาดดั่งเช่นท่านไดอิจิกับท่านแม่ของท่านการาสุเทนกุชรากล่าวขึ้น โดยการาสุเทนกุตนอื่นต่างก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง

    ขอรับ... หากท่านไม่มีธุระอื่นใดแล้วพวกท่านกลับไปเถิดขอรับไดกิกล่าวด้วยเสียงที่สั่น

    ยังไงข้าก็ต้องฝากท่านขอบคุณนาง ที่ช่วยชีวิตการาสุเทนกุตนด้วยเจ้าค่ะอายุมุคำนับเขา ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป ตามด้วยการาสุเทนกุตนอื่นๆ จนหมดสิ้น เหลือเพียงยามะคาวะเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าจะรู้ถึงความสงสัยของอีกฝ่าย

    ท่านยามะคาวะ ที่ท่านกล่าวนั้นเป็นจริงสินะขอรับไดกิกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง

    ข้าไม่มีเหตุอันใดที่จะโกหกท่านชายชรากล่าวออกมา ด้วยความสงบนิ่ง

    แล้วเหตุใดกัน ข้าจึงไม่อาจช่วยนางได้ แม้ว่าข้าจะยอมสละอายุขัยของข้าก็ตาม

    ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ ข้าพูดเท่าที่ข้ารู้ เรื่องที่นอกเหนือจากนั้นข้ามิกล้าเอ่ยขอรับยามะคาวะคำนับปิศาจเทนกุ ส่วนชายหนุ่มแม้จะแสร้งมีสีหน้าที่นิ่ง ไม่ทุกข์ร้อนอะไรนั้นก็ถอนหายใจออกมา

    แม้นางจะเป็นมนุษย์ที่อายุสั้นอยู่แล้ว แต่อายุขัยของนางนั้นสั้นยิ่งกว่า น่าแปลกยิ่งนัก ตอนแรกที่นางมาที่นี่ข้าเคยทำนายดวงชะตาของนาง ก็ไม่พบว่านางจะมีอายุที่สั้นลงขนาดนั้น แต่เมื่อไม่นานมานี้ ข้าจึงลองทำนายดูอีกสักครั้งข้าจึงได้ปรึกษากับคนอื่นๆแล้ว พวกเขานั้นเองก็ทุกข์ใจมากขอรับ เพราะกลัวว่าท่านจะไปสาบานว่าจะตายตามนางไป หรือท่านสาบานยกอายุขัยของท่านให้นาง มันจะยิ่งทำให้อายุของท่านสั้นลงนัก ข้ารู้ดีว่าท่านรักนาง แต่โชคชะตาของท่านทั้งสองจะมาหยุดลงในอีกไม่นานนี้  หากท่านดึงดันจะรักนาง พวกข้าก็ห้ามไม่ได้ แต่ท่านต้องทนมีชีวิตอยู่ให้ได้หากท่านไม่มีนางแล้ว…”

    ช่างรวดเร็วยิ่งนัก ทำไมข้าจึงมีเวลาน้อยนัก เหตุใดกัน ถ้าข้ารู้ว่าเรื่องอันใดจะเกิดกับนาง ข้าจะพยายามหยุดมันให้ได้เขากำหมัดแน่น

    แต่ข้าเองก็มิทราบขอรับว่าเพราะเหตุอันใด แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น จงใช้เวลากับนางให้มาก เวลาที่กำลังผ่านไปย่อมมีความหมายยิ่งนัก

    แต่ข้าอีกไม่นานคุโระเฮียวจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน แล้วข้าต้องทำเช่นไรหากสงครามครานี้กินเวลานานนัก ข้าจะได้กลับมาพบนางหรือเปล่า

    ท่านเองก็ต้องระวังตัวด้วยนะขอรับ อย่ากังวลใจไปหากเวลานั้นมาถึง พวกข้าจะคอยดูแลนางอย่างดีไดกิคำนับอีกฝ่าย ก่อนชายชราจะคำนับเขาและเดินจากไป เมื่อเขาได้อยู่ผู้เดียวแล้วชายหนุ่มเพียงทรุดลงนั่งที่พื้น อยู่อย่างนั้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

    ทำไมกันทำไมเจ้าถึง จะต้องด่วนจากข้าไปนัก ข้าเองที่มัวแต่ปากแข็งมาตลอด นี่คือบทลงโทษของข้าสินะ แล้วข้าจะบอกเจ้าได้เช่นไรกันมายุ ทำไมข้าถึงมีเวลาน้อยยิ่งนัก หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ทั้งข้ากับเจ้าคงมีความสุขไปนานแล้ว…”ชายหนุ่มทุบกำปั้นลงบนพื้นอย่างเจ็บปวด ก่อนน้ำตาจะรื้นขึ้นมา แต่เขาจะต้องไม่ร้องไห้เด็ดขาด แม้เรื่องนี้จะเจ็บปวดเพียงใดก็ตามแต่ร่างของเขากลับสั่นเทาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในภายภาคหน้า

    ถ้าเจ้าจากข้าไปอย่างที่ข้าไม่ทันตั้งตัว ...อย่าง...ท่านแม่ท่านพ่อของข้า ข้าจะทำเช่นไร หรือถ้าเจ้าจากไปต่อหน้าต่อตาข้า ข้าคงกลายเป็นบ้าอย่างแน่นอนเขาฟุบลงกับพื้น หากเขาเปิดประตูและพบทั้งสองที่สิ้นใจในห้องนั้นอย่างไม่มีวันกลับโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว และหากมายุเป็นเช่นนั้นบ้าง เขาคงจะทนไม่ไหวและคงขาดใจตายเสียตรงนั้น เขาสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารแต่ไดกิเพียงก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเพราะเขากำลังร้องไห้อยู่ จนเมื่อรู้ตัวอีกที เขาก็พบผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า ชายผู้นั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองด้วยดวงตาแดงก่ำและพบกับร่างบางผู้สวมชุดกิโมโนก่อนที่เขาจะได้กล่าวสิ่งใดหญิงสาวเบื้องหน้าจึงสวมกอดเขาแน่น และลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ ปิศาจหนุ่มโอบกอดเธอไว้และค่อยๆหลับตาลงและซุกในอ้อมกอดของอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น

    ท่านไดกิร้องไห้ออกมาก็ไม่เป็นไรนะคะมายุลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างเบามือ อีกฝ่ายจึงกอดเธอไว้แน่นและซบหญิงสาว

    อย่าเศร้าไปเลยค่ะมายุกล่าวด้วยเสียงสั่น เพราะเมื่อเห็นคนรักเจ็บปวด เธอก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย

    เจ้าได้ยินที่พวกข้าคุยกันแล้วรึ?”ชายหนุ่มถามขึ้น

    ...ไม่หรอกค่ะ ท่านไดกิคุยธุระไม่ใช่หรือคะ ดิฉันไม่กล้าแอบฟังหรอกค่ะ เพียงแต่ท่านไดกิดูโศกเศร้านักดิฉันจะอยู่คอยปลอบท่านเสมอนะคะมายุกล่าวเพราะเธอเพิ่งจะมาเมื่อสักครู่และเห็นไดกิกำลังสะอึกสะอื้นอยู่

    อยู่กับข้าให้นานกว่านี้สิมายุ!!”แขนกำยำกอดรัดเธออย่างแน่นหนา

    ดิฉันก็อยู่กับท่านไดกิตลอดไม่ใช่หรือคะ?” เธอมีสีหน้าสงสัย และปาดน้ำตาของอีกฝ่ายก่อนน้ำตาของเธอเองจะไหลออกมาเช่นกัน

    ข้าเองก็จะปาดน้ำตาให้เจ้าบ้างมือใหญ่ลูบไปตามแก้มนวลอย่างเบามือ เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายอยู่ได้ไม่นานนัก หัวใจของเขาก็แทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

    มายุ...ข้าดีขึ้นแล้ว ขอบใจเจ้ามาก ตลอดมาข้าไม่เคยร้องไห้ให้ผู้ใดเห็นมาก่อนข้ารู้สึกว่าข้าอ่อนแอนัก

    ไม่หรอกค่ะท่านไดกิ ท่านไดกิไม่ได้ร้องไห้บ่อยๆแบบดิฉันนี่นา การร้องไห้มันก็เป็นเรื่องปกตินะคะท่านอย่าโทษตนเองเลยค่ะ

    แต่เจ้า….ก็ร้องไห้เพราะเรื่องของข้า ในครั้งนี้เจ้าก็ร้องไห้เพราะข้าอีกแล้ว

    ท่านไดกิ อย่าโทษตนเองเลยค่ะมายุฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจมากขึ้น ก่อนไดกิจะค่อยๆคลายอ้อมกอดจากเธอและลุกขึ้นยืนช้าๆ

    ข้าคงจะต้องไปรบในที่ที่ห่างไกลจากที่นี่มาก ไม่รู้ว่าข้าจะได้กลับมาเร็วแค่ไหน อาจจะครึ่งปี หรือสิบปีเลยก็ได้ และเจ้าต้องอยู่ที่นี่มายุ เหล่าการาสุเทนกุอาวุโสจะคอยดูแลเจ้า แต่ใช่ว่าหน้าที่ของข้าที่เป็นอาจารย์ของเจ้าจะหมดไป มายุ ข้าจะสอนเพลงดาบให้เจ้า และเทนกุซุโมะ ให้จนหมดเท่าที่ข้าจะรู้ เจ้าจะได้ป้องกันตัวเองได้ แต่ข้าขอกำชับอีกอย่างหนึ่งคือ เจ้าห้ามสู้กับศัตรูที่เจ้าดูแล้วเจ้าไม่มีกำลังพอที่จะชนะได้ ให้เจ้าหนีไปเสียมายุ เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายอีก

    ...สัญญาค่ะมายุตอบตกลงแม้เธอจะไม่ทราบถึงสาเหตุก็ตาม ไดกิลังเลใจอยู่สักพักก่อนจะถามขึ้น

    มายุเจ้ากลัวความตายไหม?”หญิงสาวชะงักไปชั่วครู่

    ดิฉันก็กลัวนิดหน่อยค่ะ แต่ยังไงมนุษย์ก็สามารถตายได้ทุกเมื่ออยู่แล้วค่ะท่านไดกิ ดิฉันรู้ดีค่ะพวกเรานั้นอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับท่านไดกิมากนัก ดิฉันจะรักษาตัวเองให้ดีนะคะเธอกุมมือของเขา

    หากเมื่อข้ากลับมาเมื่อใด เจ้าจะมาเป็นเจ้าสาวของข้าไหม มายุ เจ้าจะรอถึงตอนนั้นไหม?”ร่างบางหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อได้ฟัง  แม้จะดูเร็วเกินไป แต่ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกจริงใจของอีกฝ่าย

    ต้องรอสิคะท่านไดกิเธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มเพียงลูบศีรษะของเธอเบาๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

    ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็เตรียมตัวพักเสีย พรุ่งนี้ข้าจะฝึกเจ้าต่อ

    เอ๋แต่ว่าช่วงนี้ท่านไดกิ แผลก็ยังไม่หายสนิทดีนักนี่คะ

    ข้าต้องรีบสอนเจ้ามายุ ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันการณ์เขากล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง ก่อนจะโอบเธอไว้แน่น

    นอนกันเสียเถิดมายุ ข้าเหนื่อยมากแล้ว…”นี่เป็นครั้งแรกที่เขากล่าวว่าเหนื่อยจนอยากนอนพัก มายุถึงกับแอบสงสัยอย่างยิ่ง แต่ก็เดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับเขา จนทั้งสองเดินไปในห้องนอนใหญ่ ก่อนร่างสูงใหญ่นั้นจะล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที หญิงสาวเองก็ค่อยๆนวดอีกฝ่ายอย่างเช่นเคย แต่ไดกิเองเพียงนอนอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ชวนคุยเหมือนกับทุกทีจนมายุต้องเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้น

    ท่านไดกิ มีเรื่องอะไรอยากจะระบายไหมคะมายุที่นวดแขนกำยำของเขาถามขึ้น และมองอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง

    ข้าข้ามี แต่ข้าไม่รู้จะบอกเจ้ายังไงเขากล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

    อย่างนั้นหรือคะ

    ข้าเองก็อยากให้เจ้าเข้าใจสาเหตุที่ข้าต้องฝึก เจ้าเช่นนี้ แต่หากเจ้ารู้ไปบางทีมันอาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร และยังทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดีอีกต่างหาก

    ถ้ามันช่วยให้ท่านไดกิ สบายใจขึ้นมาได้ ก็บอกดิฉันมาเถอะค่ะ อย่าเก็บไว้คนเดียวเลยเสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขายิ่งนัก

    ข้ากลัวว่าเมื่อข้ากลับมา เจ้าจะไม่อยู่แล้ว ถ้าข้ากลับมาไม่พบเจ้า….มันคงทรมานมาก”ดวงตาเรียวสีดำฉายแววความเจ็บปวด

    ท่านไดกิกลัวว่าดิฉันจะตายสินะคะ ดิฉันคิดว่าท่านไดกิคงจะรู้อะไรบางอย่างมาแน่ๆเลยใช่ไหมล่ะคะ? เรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้น มันก็อาจจะพอเปลี่ยนแปลงได้นะคะ

    เจ้าคิดเช่นนั้นรึ? แต่ว่า หากมันไม่เปลี่ยนแปลงไปล่ะมายุ

    ถ้าเช่นนั้นดิฉันจะใช้เวลากับท่านไดกิเยอะๆ ยังไงล่ะคะ ที่จริงแล้วเรื่องนี้สักวันมันก็ต้องมาถึงอยู่ดีค่ะท่านไดกิ ดิฉันทำได้เพียงทำให้วันนี้ดีที่สุดเท่านั้นค่ะถ้าเป็นไปได้ดิฉันเองก็อยากจะเป็นปิศาจเช่นท่านบ้าง จะได้อยู่กับท่านให้นานกว่านี้มายุก้มลงจูบที่หน้าผากของเขา เพื่อปลอบโยนอีกฝ่ายหนึ่ง

    ข้าเองแม้แต่ขอให้เจ้าเป็นปิศาจเช่นข้า ข้าก็ยังไม่อยากจะคิด ข้าไม่อยากหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรให้เจ้าต่างไปจากเดิมจากตอนนี้ ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกว่าตนเองยังดีไม่พอมายุยิ้มออกมา

    เอาอย่างนี้ไหมคะ ถ้าดิฉันไปเกิดใหม่ ดิฉันขอไปเกิดเป็น….เอ...ยูกิอนนะไหมคะ ได้ยินว่าหน้าตาเหมือนกับมนุษย์ทุกอย่างและยังสวยด้วยมายุกล่าว

    เจ้ายังรู้จักยูกิอนนะน้อยเกินไป นางดูดพลังจากชีวิตของมนุษย์เพื่อมาเป็นอาหารของตน เจ้าจะต้องฆ่าคนจำนวนมากนัก หากเจ้าไม่มีพลัง

    อย่างนั้นหรือคะ ดิฉันก็คิดว่าพวกเธอน่าจะกินอาหารปกติได้ เหมือนอย่างพวกท่านเสียอีก หรือนางกลัวอ้วนกันนะคำพูดของเธอทำให้ทั้งสองหัวเราะออกมา

    เรื่องนั้นข้าก็ไม่มั่นใจ อาจจะเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆก็ได้มายุแค่ไดกิยิ้มออกมาเมื่อเห็น เธอมีความสุข ก่อนเขาจะเล่าเรื่องยูกิอนนะต่อ

    ข้าเคยเห็นพวกนางเล่นหิมะ แต่นั่นก็นานมาแล้ว พวกนางจะเดินทางไปเรื่อยๆเมื่อหน้าหนาวมาเยือน แต่เจ้าต้องระวังพวกนางไว้เช่นกัน

    ค่ะ ท่านไดกิ ดิฉันจะระวังตัวค่ะหญิงสาวก้มลงไปจุมพิตที่แก้มของเขาอย่างนุ่มนวล เธอมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหน้าและสัญญากับตนเองว่าเธอจะใช้เวลากับเขาให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เธอจะสามารถทำได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×