ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Devil may cry) Blood on Blood (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #11 : Date(?)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 970
      6
      29 มี.ค. 51

                             แสงแดดอ่อนๆตกกระทบใบหน้าคมหล่อ เขาปรือตามองภาพเบื้องหน้า ปรากฏเป็นนาฬิกาที่ทั้งเข็มสั้นยาวบรรจบกันที่เลข 6 ร่างสูงยันตัวขึ้นก่อนจะส่ายหัวสะบัดความง่วงออกจากหัว ขายาวสาวเท้าเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรส่วนตัวอย่างสะลึมสะลือ

     

                             ...นานแค่ไหนแล้วน้า ที่ไม่ได้ตื่นเช้าแบบนี้... ดันเต้คิดในใจพลางขยับมีดโกนหนวดในมือ ก่อนจะยิ้มบางๆอย่างอ่อนใจกับกระจก

     

                             หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วดันเต้ก็เดินลงมายังด้านล่าง บรรยากาศภายในบ้านยังคงเงียบสงัดผิดกับด้านนอกที่เริ่มมีผู้คนเดินไปมา เสียงวิ่งเล่นของเด็กยามเช้า เสียงของเครื่องยนต์ที่ไม่ดังมากเท่าไหร่ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ เขาทอดสายตาผ่านไปด้านนอกสะดุดกับเด็ก 2 คนที่หน้าเหมือนจะคล้ายกันอยู่เดินจับมือร้องเพลง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กทั้งสองทำให้คนดูตามยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว

     

     

                             ...หืม?....กลิ่นเนื้อ...

     

                             ...กลิ่นโคล่า....เอ๊ะ....

                            

                             ...กลิ่นไหม้!.....

                            

                             คนที่นอนหลับอยู่รีบกระวีกระวาดลุกจากที่นอนลงไปยังที่ๆน่าจะเกิดเหตุ ภาพเบื้องหน้าเป็นภาพของร่างสูงที่กำลังตั้งกระทะเหมือนว่ากำลังทำอาหารอยู่ มือขวาถือตะหลิว มือซ้าย...ถือกระป๋องโคล่าแถมน้ำหวานสีเข้มกำลังไหลลงไปผสมกับกลิ่นคาวของเนื้ออีกต่างหาก

     

                             เจ้าคิดจะทำอะไร...ดันเต้....เสียงเย็นๆที่เอ่ยขึ้นอย่างขุ่นมัวจากการถูกปลุกด้วยกลิ่นประหลาด

     

                             อรุณสวัสดิ์ เวอ ตื่นแล้วเหรอ...อาหารเช้าไงใบหน้าคมยังคงจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า

     

                             นั่นอะไร...

     

                       เนื้อย่างสไตล์ชั้นเอง~”

     

                       ข้าขอผ่านแล้วกัน...เวอร์จิลกล่าวพลางหยิบถุงกาแฟที่เริ่มร่อยหรอลงออกมาชงดื่ม

     

                             บรรยากาศเงียบๆเข้ามาปกคลุมอีกครั้งเมื่อต่างคนต่างไม่พูดอะไร ดันเต้ที่เริ่มลงมือก้มหน้าก้มตาทานอาหารมื้อเช้าฝีมือตนเองก่อนเอ่ยถามร่างที่ดื่มกาแฟพลางเปิดหนังสืออ่านไปพลาง

     

                             แล้วนายไม่กินข้าวเหรอ…”

     

                       กำลังจะกิน...

     

                       หา?ร่างที่เอ่ยถามเงยหน้าขึ้นมอง แต่หน้าที่เขาจะมองกลับเลื่อนมาอยู่ใกล้ ริมฝีปากบางเลื่อนมาประทับก่อนที่พลังวิญญาณจะส่งผ่านออกมาจากอีกร่าง ฝ่ายคนที่ชะงักไปเล็กน้อยยักยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหมุนตัวไปยังทิศที่อีกร่างอยู่ มือแกร่งกระชับเอวอีกฝ่ายจนร่างนั้นเสียหลัก เรียวลิ้นแกร่งค่อยๆสอดลึกเข้ามาหาความหวานล้ำ มือแกร่งลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย

                            

                             อื้มๆ!” เสียงประท้วงถึงลมหายใจที่ขาดห้วง มือที่ยันอกอีกฝ่ายเริ่มพยายามดันตัวออกหาทางรอด ในที่สุดร่างสูงก็ค่อยๆผละริมฝีปากออก ก่อนจะเลื่อนมาไล้เลียที่ต้นคอขาวเนียน

     

                             อิ่มหรือยัง พี่ชายเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยขึ้นถามร่างที่กำลังหอบ รอยยิ้มยียวนปรากฎขึ้นบนใบหน้าคมก่อนกลับไปซุกที่ลำคอระหงอีกครั้ง

     

                             ดันเต้.....เสียงเยียบเย็นเอ่ย ก่อนจะเรียกดาบของตนกลับมาอยู่ในมือ ความเย็นของโลหะนาบกับต้นคอของร่างแกร่ง

     

                             ดุจริงๆแฮะ โอเคๆดันเต้ยอมมือยอมแพ้ปล่อยร่างนั้นลุกเดินหนีไปที่โซฟาเพื่อเริ่มอ่านหนังสืออีกครั้ง.... (คนเขียน / โธ่ น้องเวอ...ใจเจ้าจะอ่านมันทั้งวันเรอะ!”

     

                             คนที่เดินออกมาทีหลังมองร่างที่จดจ่ออยู่กับหนังสือก่อนนัยน์ตาคมตวัดมองรอบๆเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

     

                             เวอร์จิล...ออกไปช่วยชั้นทำงานหน่อยซิร่างสูงเอ่ยขึ้นพลางหยิบเสื้อโค้ทสีแดงสดขึ้นพาดบ่า

     

                             มันงานของเจ้าเสียงเย็นเอ่ยอย่างเรียบๆราวกับไม่สนใจ

     

                             อะไรกัน มาอยุ่บ้านคนอื่นแล้วยังไม่คิดจะทำอะไร ทำตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนไปได้~”

     

                             นัยน์ตาสีห้วงสมุทรหรี่ลงหันมองคนที่ทำสีหน้ายียวนกวนประสาทก่อนจะลุกขึ้นหยิบโค้ทยาวสีน้ำเงินเข้มก่อนเดินออกประตูไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

                             คนที่ตามทีหลังยิ้มก่อนจะคว้าของทำมาหากินเดินตามไป

     

                             งั้นที่แรกคือปราสาทร้างทางทิศตะวันตก ไกลเหมือนกันแฮะ...ดันเต้มองแผ่นกระดาษในมือก่อนจะเกาหัวแกรกๆ

     

                             แล้วเจ้าจะทำอย่างไรล่ะ?

     

                       ตามชั้นมาสิ...ร่างสูงกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้เดินตาม ซึ่งร่างนั้นก็ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างทั้งสองค่อยๆเดินตามเส้นถนนก่อนจะหยุดที่รถสปอตสีแดงสด ดันเต้หยิบกุญแจรถขึ้นปลดล็อคก่อนจะสตาร์ทเครื่อง

     

                             ยืนเหม่ออะไรอยู่ ขึ้นมาสิเสียงเรียกร่างโปร่งบางที่เหม่อลอยให้รู้สึกตัว ร่างที่ดูงงๆกับเหตุการณ์ทำให้เขาถึงบางอ้อ ร่างสูงรีบเดินไปอีกด้าน

     

                             วิธีการขึ้นก็แค่ขยับไอ้นี่ให้มีเสียงดังแกร๊กนะ พอขึ้นก็ปิดมันให้เข้าที่ อ้อ ถ้าตรงนั้นมีไฟแดงๆอยู่นายก็ต้องเปิดแล้วปิดใหม่นะ ไฟมันจะขึ้นตอนที่ประตูใดประตูนึงปิดไม่สนิท พูดไปก็ยิ้มไป แต่รอยยิ้มนั่นกลับทำให้เวอร์จิลขมวดคิ้ว

     

                             เชิญครับ...เจ้าหญิงรอยยิ้มยียวนเผยกว้าง พอๆกับประตูรถที่เปิดออก

     

                             ข้าไม่ใช่ผู้หญิง...

     

                       ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆ รีบๆขึ้นไปเหอะ เดี๋ยวแดดแรงร่างโปร่งบางมองใบหน้าคมราวกับช่างใจ ก่อนทอดตัวนั่งลงบนเบาะนิ่ม ดันเต้ปิดประตูลงก่อนรีบไปข้างตนเองจะได้เดินทางซะที

     

                             สายลมยามเช้าที่ปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกดีไม่น้อย บรรยากาศของชุมชนเมืองที่ดูมีชีวิตชีวาเรียกความสนใจให้ผู้เพิ่งมาเยือน สายตานั้นมองตามสิ่งที่น่าสนใจจนมองตามไปสบตากับร่างข้างๆ เวอร์จิลรีบทำหน้าเย็นชาก่อนจะมองวิวด้านข้างอีกครั้ง...

     

     

                             เอี๊ยด~~

                       เสียงเบรกพร้อมเครื่องยนต์ที่หยุดลง ร่างทั้ง2เคลื่อนตัวเข้าไปในปราสาทร้างที่ไร้ผู้คน ต้นไม้ที่ขึ้นซ้อนกันอย่างไม่มีระเบียบซ่อนเร้นซากปรักหักพังนี้เป็นอย่างดี

     

                             เหอะ! ไอ้คนจ้างจะให้เราทำอะไรกับซากอารยธรรมแบบนี้วะเนี่ย~!” ดันเต้บ่นกระปอดกระแปด

     

                             ข้าคิดว่า งานที่เจ้าต้องจัดการคงเป็น...ตรงนั้น... ร่างโปร่งบางเอ่ยพลางชี้นิ้วไปยังหน้าต่างชั้นสูงสุดของปราสาท เผยให้เห็นเสี้ยวหน้าของสาวงามนัยน์ตาสีทองซึ่งกำลังแยกเขี้ยวคมยาว ก่อนที่มันจะหายไป

     

                             เห? ราพันเซล งั้นเหรอ? คิดยังไงเวอร์จิลนัยน์ตาคมตวัดมองรอบๆ ท่าทางทหารจะป้องกันเยอะไม่เลย เนอะ~” รอบๆทั้งสองค่อยๆมีฝูงชนสวมชุดฮุดดำล้อมเข้ามา

     

                       หึหึ...เจ้าต้องถามข้าด้วยรึ?คมดาบเผยออกจากฝักช้าๆ

     

                             ฮ่าๆๆ นั่นสินะ...มือแกร่งควงปืนมือไปมาก่อนจะเล็งเป้าหมายเบื้องหน้า “Let’s Rock Baby!”

     

     

                       หลังจากจัดการเจ้าหญิงบนหอคอยเขาทั้งคู่เดินทางไปทำงานต่ออีก 2-3 ที่ ก่อนทุกอย่างจะจบลงที่บาร์เหล้า ท่าทางทุกคนในบาร์รู้จักดันเต้ดี เขาทุกคนยกมือทักทายดันเต้แล้วลากดันเต้ไปกระซิบกระซาบราวกับถามไถ่อะไรบาง เจ้าตัวยิ้มกว้างก่อนจะกระซิบกลับ ทุกคนตาโตก่อนเอ่ยเสียงดัง จนร่างที่นั่งอยู่นานต้องหันไปมอง

     

                             เฮ้ย!! จริงอ้ะ!!???” ทุกคนประสานเสียงกันถาม

     

                             ฮ่าๆๆๆ เชื่อด้วยเรอะ!? ล้อเล่น พี่ชายฝาแฝดชั้นเอง ฮ่าๆๆๆ เหมือนเดิมนะ เอา 2 ที่เลยเจ้าตัวแสบหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะไปนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามกับร่างที่นั่งอยู่ก่อน

     

                             พวกมันมีปัญหากับข้าหรือ?ลูกแก้วสีเย็นตวัดมอง

     

                             อ่อ เปล่าๆ เค้าแค่ถามว่านายเป็นใครเฉยๆ ตอนแรกชั้นบอกว่านายเป็นโคลนนิ่งชั้นแหละ หน้าเหวอกันทุกคนเลย ฮ่าๆๆๆ

     

                       เหอะ...แค่ต้องเป็นฝาแฝดของเจ้า ข้าก็เสียใจแล้ว...เสียงเย็นเอ่ยอย่างยโส

     

                             ดันเต้หันมองอย่างช้า คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะ...

     

                             ของที่สั่งได้แล้วค่ะ~~” เสียงบริกรหญิงดังขึ้นทำลายบรรยากาศอึมครึมของทั้งสอง แก้วไอศกรีมสตอเบอร์รี่ซันเดสองถ้วยถูกเสริฟให้พี่น้องที่หน้าตาคล้ายกัน

     

                             เฮ้อ...เอาเถอะ กินแล้วไปทำงานต่อเถอะร่างสูงถอนหายใจ ก่อนจะจับช้อนตักของหวานเย็นตรงหน้าเข้าปาก

                            

                             นี่อะไร...เวอร์จิลมองของตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

     

                             ไอศกรีมน่ะ ชั้นเชื่อว่าตอนเด็กนายต้องเคยกินแน่ๆ แต่จำไม่ได้ก็เท่านั้นพูดไปก็กินไป

     

                             เวอร์จิลจับช้อนเรียวยาวก่อนจะตักไอศกรีมเข้าริมฝีปากบางอย่างช้าๆ ความหวานเย็นของมันทำให้ร่างบางชะงักไปเล็กน้อย หวานมากไปหรือเปล่า?...

     

                       แต่ชั้นว่า...นายเมื่อเช้าหวานกว่าเยอะเลยรอยยิ้มยียวนประดับใบหน้าคม สายตาเจ้าเหล่ส่งเข้าปะทะสายตาดุๆที่ส่งมา จนเวอร์จิลต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนที่มือเรียวจะรีบตักไอศกรีมเบื้องหน้าให้หมดๆจะได้หนีจากสายตาของคนทั้งร้านที่มองเป็นตาเดียว หน้ามนได้รูปกำลังขึ้นระเรื่ออ่อนๆโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

     

                             ดันเต้มองปฎิกิริยานั้นอย่างถูกใจก่อนจะยักยิ้มบางๆ

     

    ...นานๆที...แบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ...





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×