คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Date(?)
แสงแดดอ่อนๆตกกระทบใบหน้าคมหล่อ เขาปรือตามองภาพเบื้องหน้า ปรากฏเป็นนาฬิกาที่ทั้งเข็มสั้นยาวบรรจบกันที่เลข 6 ร่างสูงยันตัวขึ้นก่อนจะส่ายหัวสะบัดความง่วงออกจากหัว ขายาวสาวเท้าเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรส่วนตัวอย่างสะลึมสะลือ
...นานแค่ไหนแล้วน้า ที่ไม่ได้ตื่นเช้าแบบนี้... ดันเต้คิดในใจพลางขยับมีดโกนหนวดในมือ ก่อนจะยิ้มบางๆอย่างอ่อนใจกับกระจก
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วดันเต้ก็เดินลงมายังด้านล่าง บรรยากาศภายในบ้านยังคงเงียบสงัดผิดกับด้านนอกที่เริ่มมีผู้คนเดินไปมา เสียงวิ่งเล่นของเด็กยามเช้า เสียงของเครื่องยนต์ที่ไม่ดังมากเท่าไหร่ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ เขาทอดสายตาผ่านไปด้านนอกสะดุดกับเด็ก 2 คนที่หน้าเหมือนจะคล้ายกันอยู่เดินจับมือร้องเพลง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กทั้งสองทำให้คนดูตามยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว
...หืม?....กลิ่นเนื้อ...
...กลิ่นโคล่า....เอ๊ะ....
...กลิ่นไหม้!.....
คนที่นอนหลับอยู่รีบกระวีกระวาดลุกจากที่นอนลงไปยังที่ๆน่าจะเกิดเหตุ ภาพเบื้องหน้าเป็นภาพของร่างสูงที่กำลังตั้งกระทะเหมือนว่ากำลังทำอาหารอยู่ มือขวาถือตะหลิว มือซ้าย...ถือกระป๋องโคล่าแถมน้ำหวานสีเข้มกำลังไหลลงไปผสมกับกลิ่นคาวของเนื้ออีกต่างหาก
“เจ้าคิดจะทำอะไร...ดันเต้....” เสียงเย็นๆที่เอ่ยขึ้นอย่างขุ่นมัวจากการถูกปลุกด้วยกลิ่นประหลาด
“อรุณสวัสดิ์ เวอ ตื่นแล้วเหรอ...อาหารเช้าไง” ใบหน้าคมยังคงจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า
“นั่นอะไร...”
“เนื้อย่างสไตล์ชั้นเอง~”
“ข้าขอผ่านแล้วกัน...” เวอร์จิลกล่าวพลางหยิบถุงกาแฟที่เริ่มร่อยหรอลงออกมาชงดื่ม
บรรยากาศเงียบๆเข้ามาปกคลุมอีกครั้งเมื่อต่างคนต่างไม่พูดอะไร ดันเต้ที่เริ่มลงมือก้มหน้าก้มตาทานอาหารมื้อเช้าฝีมือตนเองก่อนเอ่ยถามร่างที่ดื่มกาแฟพลางเปิดหนังสืออ่านไปพลาง
“แล้วนายไม่กินข้าวเหรอ ”
“กำลังจะกิน...”
“หา?” ร่างที่เอ่ยถามเงยหน้าขึ้นมอง แต่หน้าที่เขาจะมองกลับเลื่อนมาอยู่ใกล้ ริมฝีปากบางเลื่อนมาประทับก่อนที่พลังวิญญาณจะส่งผ่านออกมาจากอีกร่าง ฝ่ายคนที่ชะงักไปเล็กน้อยยักยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหมุนตัวไปยังทิศที่อีกร่างอยู่ มือแกร่งกระชับเอวอีกฝ่ายจนร่างนั้นเสียหลัก เรียวลิ้นแกร่งค่อยๆสอดลึกเข้ามาหาความหวานล้ำ มือแกร่งลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย
“อื้มๆ!” เสียงประท้วงถึงลมหายใจที่ขาดห้วง มือที่ยันอกอีกฝ่ายเริ่มพยายามดันตัวออกหาทางรอด ในที่สุดร่างสูงก็ค่อยๆผละริมฝีปากออก ก่อนจะเลื่อนมาไล้เลียที่ต้นคอขาวเนียน
“อิ่มหรือยัง พี่ชาย” เสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยขึ้นถามร่างที่กำลังหอบ รอยยิ้มยียวนปรากฎขึ้นบนใบหน้าคมก่อนกลับไปซุกที่ลำคอระหงอีกครั้ง
“ดันเต้.....” เสียงเยียบเย็นเอ่ย ก่อนจะเรียกดาบของตนกลับมาอยู่ในมือ ความเย็นของโลหะนาบกับต้นคอของร่างแกร่ง
“ดุจริงๆแฮะ โอเคๆ” ดันเต้ยอมมือยอมแพ้ปล่อยร่างนั้นลุกเดินหนีไปที่โซฟาเพื่อเริ่มอ่านหนังสืออีกครั้ง.... (คนเขียน / โธ่ น้องเวอ...ใจเจ้าจะอ่านมันทั้งวันเรอะ!”
คนที่เดินออกมาทีหลังมองร่างที่จดจ่ออยู่กับหนังสือก่อนนัยน์ตาคมตวัดมองรอบๆเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“เวอร์จิล...ออกไปช่วยชั้นทำงานหน่อยซิ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นพลางหยิบเสื้อโค้ทสีแดงสดขึ้นพาดบ่า
“มันงานของเจ้า” เสียงเย็นเอ่ยอย่างเรียบๆราวกับไม่สนใจ
“อะไรกัน มาอยุ่บ้านคนอื่นแล้วยังไม่คิดจะทำอะไร ทำตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนไปได้~”
นัยน์ตาสีห้วงสมุทรหรี่ลงหันมองคนที่ทำสีหน้ายียวนกวนประสาทก่อนจะลุกขึ้นหยิบโค้ทยาวสีน้ำเงินเข้มก่อนเดินออกประตูไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนที่ตามทีหลังยิ้มก่อนจะคว้าของทำมาหากินเดินตามไป
“งั้นที่แรกคือปราสาทร้างทางทิศตะวันตก ไกลเหมือนกันแฮะ...” ดันเต้มองแผ่นกระดาษในมือก่อนจะเกาหัวแกรกๆ
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไรล่ะ?”
“ตามชั้นมาสิ...” ร่างสูงกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้เดินตาม ซึ่งร่างนั้นก็ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างทั้งสองค่อยๆเดินตามเส้นถนนก่อนจะหยุดที่รถสปอตสีแดงสด ดันเต้หยิบกุญแจรถขึ้นปลดล็อคก่อนจะสตาร์ทเครื่อง
“ยืนเหม่ออะไรอยู่ ขึ้นมาสิ” เสียงเรียกร่างโปร่งบางที่เหม่อลอยให้รู้สึกตัว ร่างที่ดูงงๆกับเหตุการณ์ทำให้เขาถึงบางอ้อ ร่างสูงรีบเดินไปอีกด้าน
“วิธีการขึ้นก็แค่ขยับไอ้นี่ให้มีเสียงดังแกร๊กนะ พอขึ้นก็ปิดมันให้เข้าที่ อ้อ ถ้าตรงนั้นมีไฟแดงๆอยู่นายก็ต้องเปิดแล้วปิดใหม่นะ ไฟมันจะขึ้นตอนที่ประตูใดประตูนึงปิดไม่สนิท” พูดไปก็ยิ้มไป แต่รอยยิ้มนั่นกลับทำให้เวอร์จิลขมวดคิ้ว
“เชิญครับ...เจ้าหญิง” รอยยิ้มยียวนเผยกว้าง พอๆกับประตูรถที่เปิดออก
“ข้าไม่ใช่ผู้หญิง...”
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆ รีบๆขึ้นไปเหอะ เดี๋ยวแดดแรง” ร่างโปร่งบางมองใบหน้าคมราวกับช่างใจ ก่อนทอดตัวนั่งลงบนเบาะนิ่ม ดันเต้ปิดประตูลงก่อนรีบไปข้างตนเองจะได้เดินทางซะที
สายลมยามเช้าที่ปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกดีไม่น้อย บรรยากาศของชุมชนเมืองที่ดูมีชีวิตชีวาเรียกความสนใจให้ผู้เพิ่งมาเยือน สายตานั้นมองตามสิ่งที่น่าสนใจจนมองตามไปสบตากับร่างข้างๆ เวอร์จิลรีบทำหน้าเย็นชาก่อนจะมองวิวด้านข้างอีกครั้ง...
เอี๊ยด~~
เสียงเบรกพร้อมเครื่องยนต์ที่หยุดลง ร่างทั้ง2เคลื่อนตัวเข้าไปในปราสาทร้างที่ไร้ผู้คน ต้นไม้ที่ขึ้นซ้อนกันอย่างไม่มีระเบียบซ่อนเร้นซากปรักหักพังนี้เป็นอย่างดี
“เหอะ! ไอ้คนจ้างจะให้เราทำอะไรกับซากอารยธรรมแบบนี้วะเนี่ย~!” ดันเต้บ่นกระปอดกระแปด
“ข้าคิดว่า งานที่เจ้าต้องจัดการคงเป็น...ตรงนั้น...” ร่างโปร่งบางเอ่ยพลางชี้นิ้วไปยังหน้าต่างชั้นสูงสุดของปราสาท เผยให้เห็นเสี้ยวหน้าของสาวงามนัยน์ตาสีทองซึ่งกำลังแยกเขี้ยวคมยาว ก่อนที่มันจะหายไป
“เห? ราพันเซล งั้นเหรอ? คิดยังไงเวอร์จิล” นัยน์ตาคมตวัดมองรอบๆ “ท่าทางทหารจะป้องกันเยอะไม่เลย เนอะ~” รอบๆทั้งสองค่อยๆมีฝูงชนสวมชุดฮุดดำล้อมเข้ามา
“หึหึ...เจ้าต้องถามข้าด้วยรึ?” คมดาบเผยออกจากฝักช้าๆ
“ฮ่าๆๆ นั่นสินะ...” มือแกร่งควงปืนมือไปมาก่อนจะเล็งเป้าหมายเบื้องหน้า “Let’s Rock Baby!”
หลังจากจัดการ ‘เจ้าหญิงบนหอคอย’ เขาทั้งคู่เดินทางไปทำงานต่ออีก 2-3 ที่ ก่อนทุกอย่างจะจบลงที่บาร์เหล้า ท่าทางทุกคนในบาร์รู้จักดันเต้ดี เขาทุกคนยกมือทักทายดันเต้แล้วลากดันเต้ไปกระซิบกระซาบราวกับถามไถ่อะไรบาง เจ้าตัวยิ้มกว้างก่อนจะกระซิบกลับ ทุกคนตาโตก่อนเอ่ยเสียงดัง จนร่างที่นั่งอยู่นานต้องหันไปมอง
“เฮ้ย!! จริงอ้ะ!!???” ทุกคนประสานเสียงกันถาม
“ฮ่าๆๆๆ เชื่อด้วยเรอะ!? ล้อเล่น พี่ชายฝาแฝดชั้นเอง ฮ่าๆๆๆ เหมือนเดิมนะ เอา 2 ที่เลย” เจ้าตัวแสบหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะไปนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามกับร่างที่นั่งอยู่ก่อน
“พวกมันมีปัญหากับข้าหรือ?” ลูกแก้วสีเย็นตวัดมอง
“อ่อ เปล่าๆ เค้าแค่ถามว่านายเป็นใครเฉยๆ ตอนแรกชั้นบอกว่านายเป็นโคลนนิ่งชั้นแหละ หน้าเหวอกันทุกคนเลย ฮ่าๆๆๆ”
“เหอะ...แค่ต้องเป็นฝาแฝดของเจ้า ข้าก็เสียใจแล้ว...” เสียงเย็นเอ่ยอย่างยโส
ดันเต้หันมองอย่างช้า คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะ...
“ของที่สั่งได้แล้วค่ะ~~” เสียงบริกรหญิงดังขึ้นทำลายบรรยากาศอึมครึมของทั้งสอง แก้วไอศกรีมสตอเบอร์รี่ซันเดสองถ้วยถูกเสริฟให้พี่น้องที่หน้าตาคล้ายกัน
“เฮ้อ...เอาเถอะ กินแล้วไปทำงานต่อเถอะ” ร่างสูงถอนหายใจ ก่อนจะจับช้อนตักของหวานเย็นตรงหน้าเข้าปาก
“นี่อะไร...” เวอร์จิลมองของตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
“ไอศกรีมน่ะ ชั้นเชื่อว่าตอนเด็กนายต้องเคยกินแน่ๆ แต่จำไม่ได้ก็เท่านั้น” พูดไปก็กินไป
เวอร์จิลจับช้อนเรียวยาวก่อนจะตักไอศกรีมเข้าริมฝีปากบางอย่างช้าๆ ความหวานเย็นของมันทำให้ร่างบางชะงักไปเล็กน้อย “หวานมากไปหรือเปล่า?...”
“แต่ชั้นว่า...นายเมื่อเช้าหวานกว่าเยอะเลย” รอยยิ้มยียวนประดับใบหน้าคม สายตาเจ้าเหล่ส่งเข้าปะทะสายตาดุๆที่ส่งมา จนเวอร์จิลต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนที่มือเรียวจะรีบตักไอศกรีมเบื้องหน้าให้หมดๆจะได้หนีจากสายตาของคนทั้งร้านที่มองเป็นตาเดียว หน้ามนได้รูปกำลังขึ้นระเรื่ออ่อนๆโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
ดันเต้มองปฎิกิริยานั้นอย่างถูกใจก่อนจะยักยิ้มบางๆ
...นานๆที...แบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ...
ความคิดเห็น