ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1223334444

    ลำดับตอนที่ #1 : วิจารณ์หนัง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 54


    วิจารณ์หนัง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2

    และแล้วในที่สุดเรื่องราวการผจญภัยของพ่อมดน้อย ที่สร้างจากนิยายเรื่องดัง "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ของ เจ.เค .โรวลิ่ง ก็มาถึงบทส่งท้ายแล้วอันเป็นภาคที่ 8 หรือถ้าจะเรียกให้ทันสมัยสักหน่อย ก็ต้องเรียกว่าภาค 7.2 นั้นคือ Harry Potter and the Deathly Hallows Part 2 หรือชื่อที่เป็นภาษาไทยว่า "แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2"

    ก่อนที่จะไปดูหนังเรื่องนี้ เรามารู้จักกับคนแต่งเรื่องนี้สักเล็กน้อยก่อนนะครับ อย่างผู้ที่ใช้นามปากกาว่า เจ.เค.โรวลิ่ง หรือชื่อจริงของเธอ โจแอนน์ "โจ" โรว์ลิ่ง (Joanne "Jo" Rowling) ผู้แต่งวรรณกรรมเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก่อนที่จะเกิดนิยายเรื่องนี้ เธอเป็นคนว่างงานจนวันหนึ่ง ขณะที่เธออยู่บนรถไฟระหว่างสถานีแมนเชสเตอร์ และคิงส์ครอสในลอนดอน โจแอนก็แว่บความคิดเกี่ยวกับเด็กกำพร้าผู้หนึ่ง ที่ภายหลังได้ค้นพบตัวเองว่าเขาคือ "พ่อมด" จากนั้นเรื่องราวต่างๆ ในหัวสมองได้ถูกถ่ายทอดลงบนกระดาษ เป็นลำดับขั้นตอนไปเรื่อยๆ จนเกิดมาเป็นนิยายเรื่อง "แฮร์รี่ พอตเตอร์ " ขึ้น จากเล่มที่หนึ่ง "แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์" ก็ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์ ดังเป็นพลุแตกขึ้นมาทันที และเล่มที่ 2-7 ก็เกิดขึ้นตามลำดับมาติดๆ จนปัจจุบันถ้าเราคิดเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ในการตีพิมพ์หนังสือของเธอรวมกันทุกเล่มแล้ว เธอจะมีทรัทพย์สินรวมถึง 2,000 ล้านบาท เรียกว่าเธอเป็นคนรวยที่ติดทำเนียบคนรวยที่สุดในอันดับที่ 122 ของอังกฤษเลยทีเดียว

    คราวนี้เรามาดูที่ผู้กำกับเรื่องนี้บ้าง สำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์ในภาคนี้เราได้ เดวิด เยสท์ (David Yates) มากำกับให้ ซึ่ง เดวิด เคยผ่านงานกำกับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มาให้เราได้ชมกันแล้วถึง 3 ภาคด้วยกันคือ "Harry Potter and the Order of the Phoenix : แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์", "Harry Potter and the Half-Blood Prince : แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม", และ "Harry Potter and the Deathly Hallows Part 1 : แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1" และอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในรูปแบบหนังสือวรรณกรรม แต่ละเรื่องแต่ละตอนนั้น ความหนาของหนังสือเรียกว่าหนามากต้องเป็นผู้รักการอ่านจริงๆ และชื่นชอบเรื่องนี้ถึงทนอ่านได้ ปัญหาก็เลยมาตกอยู่ที่ผู้กำกับ ที่ต้องเอาเนื้อหาทั้งเล่มมาทำเป็นภาพยนตร์เพียงสองชั่วโมงกว่าๆ ให้ได้ ซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้หมด เหมือนใน แฮร์รี่ พอตเตอร์ในภาคที่ 4 ซึ่งทำเอาแฟนๆ หนังสือบ่นไปตามๆ กัน ถึงเรื่องราวในตัวภาพยนตร์ขาดรายละเอียดสำคัญๆ ไปหลายช่วงหลายตอนเลย ทำให้ในภาคนี้ ซึ่งถือเป็นภาพสุดท้าย เดวิด เยสท์ จำใจต้องตัดเป็นสองภาค เพื่อจะได้เก็บรายละเอียดให้เยอะที่สุด เพื่อให้ผู้ชมได้ซื้งกับบทสรุปของพ่อมดน้อยอย่างไม่มีวันลืม จึงทำให้เกิดเป็นภาค1 ภาค 2 หรือ 7.1, 7.2 ขึ้นมา



    ผมเคยแต่เล่าเรื่องย่อๆ ของหนังเรื่องนั้นๆ ให้ทราบกันล่วงหน้าก่อนเข้าไปชม เพื่อที่จะทำความเข้าใจได้ถูก แต่สำหรับเรื่องนี้ ผมขอเล่า "ความเดิมตอนที่แล้ว" ให้ฟังแทนก็แล้วกัน เพราะมันเป็นภาคต่อกัน ความเดิม : เริ่มต้นในขณะที่ แฮร์รี่, รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ ออกเดินทางสู่ภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตราย เพื่อแกะรอยและหาทางทำลายฮอร์ครักซ์ ในเวลาเดียวกัน โลกของพ่อมดแม่มดก็กลายเป็นแหล่งอันตรายสำหรับศัตรูทุกคนของดาร์กลอร์ด และบรรดาผู้เสพความตายของ ลอร์ด โวลเดอมอร์ เข้ายึดครองสร้างความตื่นตระหนกและเข้าจับกุมทุกคนที่อาจอยู่ฝ่ายตรงข้าม แต่เป้าหมายหนึ่งที่พวกเขายังคงตามหาคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ความหวังเดียวของแฮร์รี่ คือ การหาฮอร์ครักซ์ให้พบก่อนที่โวลเดอมอร์จะหาตัวเขาเจอ และสิ่งที่ได้ถูกเตรียมไว้ให้รับมือเขา นับแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่ฮอกวอตส์ กำลังคืบคล้านเข้ามาใกล้ สงครามครั้งสุดท้ายกับโวลเดอมอร์กำลังจะเริ่มขึ้น

    สำหรับในภาคแรกนั้นจะเป็นเหมือนโร้ดมูฟวี่ ตัวเอกทั้งสามคน แฮร์รี่, รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ เปิดฉากมาก็สู้ๆๆ หนีๆๆ และก็มีหลายชีวิตที่ต้องตายไปเพราะสิ่งชั่วร้าย อาจจะมีบทซึ้งกันระหว่างนางเอกกับพระเอกอยู่บ้าง แต่สำหรับในภาคสองนี้ เรียกว่าเป็นหนังบู๊เลยก็ได้ เพราะว่าในภาคนี้ พระเอกของเราจะไม่หนีอีกแล้ว ต้องสู้ๆๆ อย่างเดียว เพราะมันเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังอำนาจฝ่ายดีและพลังอำนาจที่ชั่วร้ายที่สุด ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งพ่อมด ที่มันทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ เพราะว่าไม่มีการเดิมพันที่สูงกว่านี้อีกแล้ว คือการเอาชีวิตหนึ่งแลกกับการยุติความชั่วร้าย ไม่มีที่แห่งหนไหนที่จะให้พวกแฮร์รี่หลบซ่อนได้อีกต่อไป และเป็นตัวแฮร์รี่เองที่ถูกขอร้องให้เสียสละเพื่อส่วนรวม และในที่สุดแฮรี่ก็ต้องเดินหน้าไปเผชิญอันตราย ด้วยการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับ ลอร์ด โวลเดอมอร์ เพราะถึงเวลาแล้วที่ความเลวร้ายทั้งมวลจะต้องถูกยุติลงเสียที (เล่ามากไม่ได้เดี๋ยวดูหนังไม่สนุก)



    ในด้านการแสดงดาราหลักๆ อย่าง แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliffe) ที่รับบทเป็น แฮร์รี่ พอตเตอร์, เอ็มม่า วัตสัน (Emma Watson) ที่รับบทเป็น เฮอร์ไมโอนี่ และ รูเพิร์ท กรินท์ (Rupert Grint) ที่รับบทเป็น รอน วีสลีย์ หรือดาราหลักคนอื่นๆ ก็เช่นกันคงไม่ต้องพูดถึงการแสดงให้เหนื่อยเปล่า เพราะว่าพวกเขาเล่นมาถึง 8 เรื่องด้วยกันแล้ว การแสดงจึงไม่ใช่ปัญหาของพวกเขาอีกต่อไป แต่คนที่คิดว่าขโมยซีนในภาคนี้น่าจะเป็น เนวิลล์ ลองบัททอม (รับบทโดย แมทธิว ลิวอีส) เนวิลล์ แม้ว่าภาคที่แล้วจะมีบทน้อยนิด แต่ภาคนี้ผู้กำกับจัดเต็มให้เลย สำหรับฉากสำคัญๆ ที่หลายคนคอยชมอยู่ ซีนหวานระหว่างรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ก็มีให้เห็นแน่นอน และที่พิเศษสุดๆ ฉากสถานีรถไฟ ที่เราเคยเห็นตั้งแต่ภาคแรก มันได้ย้อนกลับมาให้ได้เห็นอีกครั้ง แต่ว่าพวกเขาจะไปทำอะไรกันนั้นคงต้องให้ไปดูกันเอาเองแล้วกัน

    ไปดูความยิ่งใหญ่ตระการตาของเรื่องนี้ซะ เพราะว่าอย่างที่ทราบกันว่าเป็นตอนสุดท้ายแล้ว คงจะไม่มีภาพพ่อมดแกว่งไม้เสกคาถาออกมาต่อสู้ให้เราเห็นอีกยาวนานเลยทีเดียว อ๋อได้ข่าวมาว่า หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว ใครที่อยากจะไปเที่ยวเมืองพ่อมดในหนังเรื่องนี้ก็สามารถไปเที่ยวได้แล้วนะครับ โดยสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำเรื่องนี้ที่มีชื่อว่า ลีเวสเดน ในประเทศอังกฤษ ได้เนรมิตเนื้อที่กว่า 200 เอเคอร์ ให้กลายเป็นเมือแห่งเวทย์มนต์ เพื่อแฟนพันธุ์แท้ แฮร์รี่ พอตเตอร์โดยเฉพาะ ว่าแล้ว มักเกิ้ลอย่างผม ก็อยากเป็น พ่อมด กับเขาบ้าง เผื่อจะได้เสกให้คนในประเทศรักกัน ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก เหมือนปัจจุบันนี้เสียที ...โอมเพี้ยง!!!

    บทวิจารณ์โดย : ทชากร
    E-mail :TCK05@sanook.com

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×