~สายใยของธรรมชาติ คือ สายใยของชีวิต~

ลำดับตอนที่ #4 : การพิจารณาวรรณกรรมด้านรูปแบบ

การพิจารณาวรรณกรรมด้านรูปแบบ

·       ความหมายของชื่อเรื่อง

คำว่า สายใย นั้นหมายถึงความผูกผัน ดังนั้นคำว่า “สายใยของธรรมชาติ” จึงหมายถึงความผูกพันของธรรมชาติ และ “สายใยของชีวิต” จึงหมายถึง ความผูกพันของชีวิต ซึ่งการตั้งชื่อเรื่องนี้เป็นการตั้งชื่อเรื่องโดยการใช้โวหารภาพพจน์ประเภทอุปลักษณ์ โดยการเปรียบว่าความผูกพันของธรรมชาตินั้นเหมือนกับเป็นความผูกพันของชีวิตเรา

·       ลักษณะคำประพันธ์

§  ชนิดร้อยแก้ว

§  ประเภทสารคดีเชิงโน้มน้าวใจ

·       ความรู้ที่ได้รับจากเรื่อง

ในธรรมชาติ ป่าไม้ ดิน และน้ำ ล้วนเป็นสิ่งที่คอยเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน  ดินประกอบขึ้นด้วยธาตุอาหารที่ได้มาจากใบไม้ที่ร่วงหล่นมาจากต้น แล้วผุพังเน่าเปื่อยด้วยความชุ่มชื้นและจุลินทรีย์  น้ำจะเกิดได้เมื่อมีความชุ่มชื้นจากป่าไม้ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธาร และป่าจะเกิดได้เพราะได้รับธาตุอาหารจากดินทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต ดังนั้นป่าไม้ น้ำ และดินจึงล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กัน และไม่สามารถขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปได้ ความสัมพันธ์ของธรรมชาติเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ขึ้น สิ่งมีชีวิตต่างๆจึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้   แต่ในปัจจุบันนั้นมนุษย์ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของธรรมชาติ คือ มนุษย์ได้เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อใช้ในการเกษตรกรรม ทำให้พื้นที่ป่าลดลง ส่งผลให้ความชุ่มชื้นและธาตุอาหารที่อยู่ในดินนั้นค่อยลดลงไปด้วย เพราะถูกนำใช้ในการหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาหาร  จนในที่สุดก็จะเหลือเพียงแต่ความแห้งแล้ง  นอกจากการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมก็ยังส่งผลให้อากาศจะเจือปนไปด้วยก๊าซพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและยานพาหนะ นำไปสู่การเกิดฝนกรด การทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศ และนำไปสู่ภาวะโลกร้อน   ธรรมชาตินั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คอยเกื้อหนุนให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นในขณะที่ธรรมชาติได้ถูกทำลายไปเรื่อยๆ จึงมีเพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติให้กลับคืนมาได้อีกครั้ง