ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ค่ำคืนที่ 4 เรื่องที่ต้องทำ
ค่ำคืนที่ 4 เรื่องที่ต้องทำ
เจ้าของร่างสูงใหญ่ค่อยๆวางเชลยลงกับเตียงอย่างเบามือ ตลอดทางที่มายังห้องนอนของเชลยผู้สูงศักดิ์เจ้าชายแห่งอาณาจักรแวรวูลฟ์ไม่อาจถอดสายตาออกจากใบหน้านวลได้เลย เขาเกลี่ยเส้นไหมสีน้ำผึ้งเล่นอย่างสนุกมือ ดวงตาคมมองสำรวจเครื่องหน้าอีกฝ่ายเป็นครั้งที่ร้อยและทุกครั้งก็จะหยุดลงตรงริมฝีปากสีแดงที่แห้งผาก ผิวที่ขาวซีดราวหิมะทำให้ดูราวกับว่าร่างนั้นไม่มีลมหายใจ ยัง..ยังไม่ใช่ตอนนี้
ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและการต้อนรับการกลับมาของทัพแวร์วูลฟ์ของพวกชาวเมืองทำให้เจ้าชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยกว่าที่คิดและยังต้องสะสางรายงานต่างๆ อีกมากมายจึงทำให้ไม่มีเวลาคิดเรื่องของกผู้นำเผ่าแวมไพร์เท่าใดนัก
เวลาล่วงไปสามราตรีแวมไพร์เพียงหนึ่งเดียวในอาณาจักรแวร์วูลฟ์ก็รู้สึกตัว ในสติที่ลางเลือน ท่านพ่อกำลังกอดเขาและปลอบเขาที่กำลังหวาดกลัว ลำคอที่แห้งผากทำให้สติเริ่มกลับมา ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง แต่เหนืออื่นใด เขายังมีลมหายใจ ดูจากของตกแต่งห้อง ลายผ้าม่าน สีพรม ก็เน้นโทนสีแดงเพลิงและสิ่งของทุกชิ้นต่างล้วนมีสัญลักษณ์รูปหัวสุนัขป่าประดับไว้ทั้งสิ้น ตอกย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำสีใสหยดลงมาจากดวงตาสีฟ้าสวย ที่บัดนี้ไม่เปล่งประกายงดงามเช่นเดิมอีกแล้ว
“เขารู้สึกตัวแล้วค่ะ”
พอหันไปตามเสียงก็พบเด็กหญิงน่าตาน่ารักผมสีน้ำตาลเธอมีดวงตากลมโตสีมรกตเป็นประกายสดใส สีเดียวกับซึบารุ
“รู้สึกตัวแล้วหรือ” เสียงนุ่มนวลฟังดูเป็นมิตรองผู้ชายอีกคนเอ่ยขึ้น เขายื่นน้ำให้คนที่นอนอยู่บนเตียง “เป็นอย่างไรบ้าง ท่านมีไข้สูงและหลับไปถึงสามวันเต็มๆ”
“ท่าน ” เจ้าของเรือนผมสีทองทำตาวาวใส่ก่อนหันหน้าหนี รู้ทั้งรู้ว่าเป็นการเสียมารยาทที่ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยเหลือแต่พอมาคิดดูว่าตัวเองถูกพรากออกมาจากบ้านเกิดมาอยู่ในถิ่นของศัตรูโดยไม่เต็มใจเช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกเคืองนัก
ฝ่ายนักบวชประจำอาณาจักรที่ควบตำแหน่งหมอหลวงเมื่อเห็นดังนั้นก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร
“ข้าชื่อยูกิโตะเป็นหัวหน้านักบวชและเป็นหมอของที่นี่ ส่วนทางนี้คือเจ้าหญิงซากุระ”
ไฟย์มองสำรวจเด็กหญิงตัวน้อย ทั้งที่เธอดูปกติดีเหมือนเด็กทั่วๆไปแต่มีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าเธอมีอะไรอย่างอื่นมากกว่านั้น ใช่แล้ว เธอตาบอด มองไม่เห็นเขา แต่การที่รู้สึกเหมือนมีอะไรที่อบอุ่นโอบอุ้มตัวเองอยู่ ลำคอไม่แห้งผาก และเรี่ยวแรงที่กลับคืนมา คงเป็นเพราะพลังของเธอคนนี้ด้วยสินะ
ไฟย์ร่ายเวทย์ป้องกันพลังของเด็กหญิงที่ค่อยๆซึมซับเข้ามา
‘ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเผ่าศัตรู!’ ไฟย์สะบัดเวทย์รักษาที่แสนอ่อนโยนนั้นทิ้ง
ซากุระรับรู้ถึงความเคียดแค้น ชิงชังละรังเกียจที่แผ่ออกมา เธอผงะไปเล็กน้อย
ยูกิโตะที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้คนที่ทำท่าพร้อมสู้ เขาอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยที่ปืนขึ้นไปอยู่บนเตียงคนป่วยให้ลงมา
“วันนี้เรากลับกันก่อนปล่อยให้เขาพักมากๆดีกว่า แล้วพอเขาหายดีเมื่อไหร่เราค่อยมาเยี่ยมเขาใหม่ก็แล้วกัน”
เด็กหญิงหน้าหมองลงเล็กน้อยก่อนรับคำ แต่เสียงประตูที่กระชากดังก็ทำให้เธอสะดุ้ง
หลังประตูคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ถึงจะเป็นองค์รัชทายาทแต่ก็มีอำนาจมากที่สุดในขณะนี้และในอาณาจักรแห่งนี้ ห้องทั้งห้องมีบรรยากาศหนักๆกดลงมาทันที
ผู้มาใหม่ก้าวเข้ามาโดยไม่รอคำเชิญ เขาก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ไปประชิดตัวแวมไพร์แขนแข็งแรงกระชากแขนที่ขาวซีดอย่างแรง
“ฟื้นแล้วหรือ?” เสียงห้วนๆเอ่ยถาม
เมื่อครู่เรี่ยวแรงที่หายไปกลับคืนมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเหือดแห้งไปเสียแล้ว ฝ่ายที่ถูกถามจ้องลึกลงไปในดวงตาสีแดงก่อนหันหน้าหนีอย่างช้าๆ สร้างความขัดเคืองให้กับคุโรงาเนะเป็นอย่างมาก
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ ..” ไฟย์จ้องมองลาสลักของหน้าต่างที่แกะสลักลายวิจิตรงดงามรวมกับว่ามันน่าสนใจนักหนา
“ข้าถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” การที่ต้องถามคำถามเดิมในครั้งที่สองทำให้อดขึ้นเสียงสูงใส่ไม่ได้ หากแต่ว่าอีกฝ่ายยังคงเลือกใช้การเมินเฉย
“เจ้า!” คุโรงาเนะบีบท่อนแขนเรียวแรง
“ปล่อยนะ! ไปให้พ้น! ไปให้พ้น!” ไฟย์พยายามกระชากแขนให้ออกมาจากการเกาะกุม เขาสะบัดมือไปทั่วไม่ต้องการให้ชายหนุ่มสัมผัส
“ฆ่าข้าซะ! อย่าให้ข้ามีชีวิตอยู่เลย ได้โปรด” น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งด้วยความคับแค้นใจ ทำไมต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ด้วย ทำไมไม่ตายๆไปซะ
ร่างโปร่งดูจะเบาบางเลือนหายไปท่ามกลางแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ยามเย็น น้ำตาที่พรั่งพรูออกมา ไหล่บางที่สั่นระริก ดูแล้วช่างน่าเวทนานัก แต่เมื่อคู่กรณีคือเจ้าชายเพียงคนเดียวแห่งอาณาจักรแวร์วูลฟ์มีหรือที่ความรู้สึกเช่นนี้จะสื่อไปถึง
“อะไรกัน ยังไม่ได้ทำ “หน้าที่” ที่ต้องทำในฐานะเชลยเลยเจ้าจะรีบร้อนอยากตายไปทำไมกัน” น้ำเสียงทุ้มเข้มที่ทอดลงมาเหมือนจะปลอบใจ แต่แววตาสีแดงคู่นั้นกลับฉายแววคุกคามอย่างเห็นได้ชัด
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังสนั่น
เจ้าชายหนุ่มหน้าชาก่อนจะรับรู้ถึงของเหลวอุ่นๆที่มุมปาก เขาใช้หลังมือแตะโลหิตสีแดงเบาๆก่อนจะเหยียดยิ้ม
เจ้าของฝ่ามือตัวแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อสบกับดวงตาสีแดงโลหิต ลองมาขนาดนี้ต่อให้คุกเข้าอ้อนวอนก็คงไม่เกิดอะไร
“บอกแล้วใช่ไหม” คุโรงาเนะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เขาใช้เรี่ยวแรงที่มีมากกว่าบีบคางเรียวแล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาสีแซไฟร์
“ว่าอย่าทำอะไรที่เป็นการดูหมิ่นเกียรติของข้าอีกเป็นครั้งที่สอง” เขาเพิ่มแรงบีบและสะสัดหลังมือใส่อีกฝ่ายเต็มๆ
“อึก..” ไฟย์นิ่วหน้า ข่มความเจ็บเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงไอถี่ๆและโลหิตสีแดงฉานที่ไหลออกมา
“คุโรงาเนะ พอเถอะเขายังไม่แข็งแรง” ยูกิโตะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนสนิทด้วยว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเอ่ยขึ้น เขากระชับวงแขนที่อุ้มเด็กหญิงไว้แน่น ถึงแม้จะไม่สามารถมองเห็นแต่เด็กหญิงก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเกรี้ยวกราดรุนแรง
“ท่าน..พ่อ” เด็กหญิงเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ยูกิโตะ! พาซากุระออกไป!” คุโรงาเนะสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ห้องทั้งห้องกลับสู่สภาวะกดดันอีกครั้ง
////////////////
“อึก..” ไฟย์พยายามไม่ให้เสียงใดๆเล็ดลอดออกมา ในเมื่อตอนนี้แรงบีบที่ปลายคางมีมากขึ้น
“เจ้า! ทำอะไร?” แวร์วูลฟ์หนุ่มตะโกน พร้อมเพิ่มแรงบีบขึ้นอีก ในทีแรกเขาอาจจะผ่อนแรง แต่เมื่อเห็นหยดเลือดสีม่วงเข้มออกมาจากมุมปากจึงได้รู้ว่าเชลยตรงหน้ากำลังคิดจะฆ่าตัวตาย
“อยากตายงั้นหรือ?” คุโรงาเนะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกจดกับดวงหน้าหวาน เขาเปลี่ยนมาใช้เสียงกระซิบแผ่วเบา
“ในเมื่อเป็นความปรารถนาของเจ้า ข้าก็ไม่ห้าม แต่ ถ้าเจ้าคิดหนีจากข้าด้วยวิธีนี้ ขอสาบานว่าแวมไพร์ทุกตัวจะตามเจ้าไป ข้าจะจับพวกมันมาย่างสดให้หมดและเปลี่ยนที่ของเผ่าเจ้าเป็นสนามเด็กเล่นของเด็กๆของข้า” ชายหนุ่มไล่ริมฝีปากไปตามใบหน้าที่เบือนหนี
“อา .ฟังดูดีใช่ไหม? เด็กๆของข้าคงชอบใจน่าดู” สิ้นคำคุโรงาเนะบดปลายลิ้นลงหลังหูของคนที่อยู่ในอ้อมแขน ก่อนค่อยๆเลื่อนต่ำลงมา บรรจงจูบเม้มที่ซอกคอขาว
ผู้ถูกรุกรานพยายามดิ้นรนขัดขืน ก่อนที่จะหยุดนิ่ง ไฟย์เอ่ยถามด้วยน้ำเลียงอ่อนล้า
“ข้าต้องทำยังไง”
“หืมม์” คุโรงาเนะแกล้งย้อน ริมฝีปากหยุดจู่โจมแต่มือซ้ายยังไล้วนแผ่นหลังเนียน มันค่อยๆวนต่ำลงไปยังเนินสะโพก
“อะ..” ไฟย์สะดุ้งเล็กน้อย แกมแดงเรื่อ ดวงตาปรือปรอย ดูเย้ายวนและนำความสุขใจมาให้ร่างสูง
“ทำยังไงน่ะเหรอ?” คุโรงาเนะปลดผ้าคลุมเอวของร่างโปร่งทิ้ง
“เจ้า!” ไฟย์ตาลุกวาวใส่อย่างลืมตัว แต่ก็รีบก้มหน้าลงต่ำเมื่อจับจิตสังหารของเจ้าชายแวร์วูลฟ์ได้ คุโรงาเนะลอบยิ้มสมใจเมื่อเห็น
“ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่คอยอ้าขากว้างๆ และทำให้ข้าพอใจ”
“!”
คุโรงาเนะใช้หลังมือแตะแผลที่แก้ม เพราะเล็บเมื่อครู่
“ทีแรกนึกว่าจะฉลาดแล้วเชียว แต่ดูท่าจะโง่เหมือนเดิมนะ” แค่ออกแรงเบาๆ อาภรณ์บางสีส้มอ่อนชิ้นบนก็หลุดร่วงลงสู่พรมสีแดง ร่างโปร่งไร้สิ่งปกปิดหนีถอยไปยังผ้าม่านที่อยู่ใกล้ๆหวังจะใช้มันเพื่อปกคลุมร่างเปลือยเปล่าของตน แต่ดูเหมอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆไม่มีวันฟังคำอ้อนวอนของเขา ไฟย์ถูกมือหนากระชากโยนลงนอนที่พื้น หลังกระแทกพื้นเต็มๆ แต่ดีที่มีพรมหนา
“ชอบให้ใช้กำลังหรือ?” ไฟย์เบือนหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายขึ้นคร่อม
“ดีสิ ของถนัดเลย”
TBC กรี๊ดดดดดดด คุโรมิ้วพูดอะไรออกไป
เจ้าของร่างสูงใหญ่ค่อยๆวางเชลยลงกับเตียงอย่างเบามือ ตลอดทางที่มายังห้องนอนของเชลยผู้สูงศักดิ์เจ้าชายแห่งอาณาจักรแวรวูลฟ์ไม่อาจถอดสายตาออกจากใบหน้านวลได้เลย เขาเกลี่ยเส้นไหมสีน้ำผึ้งเล่นอย่างสนุกมือ ดวงตาคมมองสำรวจเครื่องหน้าอีกฝ่ายเป็นครั้งที่ร้อยและทุกครั้งก็จะหยุดลงตรงริมฝีปากสีแดงที่แห้งผาก ผิวที่ขาวซีดราวหิมะทำให้ดูราวกับว่าร่างนั้นไม่มีลมหายใจ ยัง..ยังไม่ใช่ตอนนี้
ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและการต้อนรับการกลับมาของทัพแวร์วูลฟ์ของพวกชาวเมืองทำให้เจ้าชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยกว่าที่คิดและยังต้องสะสางรายงานต่างๆ อีกมากมายจึงทำให้ไม่มีเวลาคิดเรื่องของกผู้นำเผ่าแวมไพร์เท่าใดนัก
เวลาล่วงไปสามราตรีแวมไพร์เพียงหนึ่งเดียวในอาณาจักรแวร์วูลฟ์ก็รู้สึกตัว ในสติที่ลางเลือน ท่านพ่อกำลังกอดเขาและปลอบเขาที่กำลังหวาดกลัว ลำคอที่แห้งผากทำให้สติเริ่มกลับมา ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง แต่เหนืออื่นใด เขายังมีลมหายใจ ดูจากของตกแต่งห้อง ลายผ้าม่าน สีพรม ก็เน้นโทนสีแดงเพลิงและสิ่งของทุกชิ้นต่างล้วนมีสัญลักษณ์รูปหัวสุนัขป่าประดับไว้ทั้งสิ้น ตอกย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำสีใสหยดลงมาจากดวงตาสีฟ้าสวย ที่บัดนี้ไม่เปล่งประกายงดงามเช่นเดิมอีกแล้ว
“เขารู้สึกตัวแล้วค่ะ”
พอหันไปตามเสียงก็พบเด็กหญิงน่าตาน่ารักผมสีน้ำตาลเธอมีดวงตากลมโตสีมรกตเป็นประกายสดใส สีเดียวกับซึบารุ
“รู้สึกตัวแล้วหรือ” เสียงนุ่มนวลฟังดูเป็นมิตรองผู้ชายอีกคนเอ่ยขึ้น เขายื่นน้ำให้คนที่นอนอยู่บนเตียง “เป็นอย่างไรบ้าง ท่านมีไข้สูงและหลับไปถึงสามวันเต็มๆ”
“ท่าน ” เจ้าของเรือนผมสีทองทำตาวาวใส่ก่อนหันหน้าหนี รู้ทั้งรู้ว่าเป็นการเสียมารยาทที่ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยเหลือแต่พอมาคิดดูว่าตัวเองถูกพรากออกมาจากบ้านเกิดมาอยู่ในถิ่นของศัตรูโดยไม่เต็มใจเช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกเคืองนัก
ฝ่ายนักบวชประจำอาณาจักรที่ควบตำแหน่งหมอหลวงเมื่อเห็นดังนั้นก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร
“ข้าชื่อยูกิโตะเป็นหัวหน้านักบวชและเป็นหมอของที่นี่ ส่วนทางนี้คือเจ้าหญิงซากุระ”
ไฟย์มองสำรวจเด็กหญิงตัวน้อย ทั้งที่เธอดูปกติดีเหมือนเด็กทั่วๆไปแต่มีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าเธอมีอะไรอย่างอื่นมากกว่านั้น ใช่แล้ว เธอตาบอด มองไม่เห็นเขา แต่การที่รู้สึกเหมือนมีอะไรที่อบอุ่นโอบอุ้มตัวเองอยู่ ลำคอไม่แห้งผาก และเรี่ยวแรงที่กลับคืนมา คงเป็นเพราะพลังของเธอคนนี้ด้วยสินะ
ไฟย์ร่ายเวทย์ป้องกันพลังของเด็กหญิงที่ค่อยๆซึมซับเข้ามา
‘ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเผ่าศัตรู!’ ไฟย์สะบัดเวทย์รักษาที่แสนอ่อนโยนนั้นทิ้ง
ซากุระรับรู้ถึงความเคียดแค้น ชิงชังละรังเกียจที่แผ่ออกมา เธอผงะไปเล็กน้อย
ยูกิโตะที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้คนที่ทำท่าพร้อมสู้ เขาอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยที่ปืนขึ้นไปอยู่บนเตียงคนป่วยให้ลงมา
“วันนี้เรากลับกันก่อนปล่อยให้เขาพักมากๆดีกว่า แล้วพอเขาหายดีเมื่อไหร่เราค่อยมาเยี่ยมเขาใหม่ก็แล้วกัน”
เด็กหญิงหน้าหมองลงเล็กน้อยก่อนรับคำ แต่เสียงประตูที่กระชากดังก็ทำให้เธอสะดุ้ง
หลังประตูคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ถึงจะเป็นองค์รัชทายาทแต่ก็มีอำนาจมากที่สุดในขณะนี้และในอาณาจักรแห่งนี้ ห้องทั้งห้องมีบรรยากาศหนักๆกดลงมาทันที
ผู้มาใหม่ก้าวเข้ามาโดยไม่รอคำเชิญ เขาก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ไปประชิดตัวแวมไพร์แขนแข็งแรงกระชากแขนที่ขาวซีดอย่างแรง
“ฟื้นแล้วหรือ?” เสียงห้วนๆเอ่ยถาม
เมื่อครู่เรี่ยวแรงที่หายไปกลับคืนมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเหือดแห้งไปเสียแล้ว ฝ่ายที่ถูกถามจ้องลึกลงไปในดวงตาสีแดงก่อนหันหน้าหนีอย่างช้าๆ สร้างความขัดเคืองให้กับคุโรงาเนะเป็นอย่างมาก
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ ..” ไฟย์จ้องมองลาสลักของหน้าต่างที่แกะสลักลายวิจิตรงดงามรวมกับว่ามันน่าสนใจนักหนา
“ข้าถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” การที่ต้องถามคำถามเดิมในครั้งที่สองทำให้อดขึ้นเสียงสูงใส่ไม่ได้ หากแต่ว่าอีกฝ่ายยังคงเลือกใช้การเมินเฉย
“เจ้า!” คุโรงาเนะบีบท่อนแขนเรียวแรง
“ปล่อยนะ! ไปให้พ้น! ไปให้พ้น!” ไฟย์พยายามกระชากแขนให้ออกมาจากการเกาะกุม เขาสะบัดมือไปทั่วไม่ต้องการให้ชายหนุ่มสัมผัส
“ฆ่าข้าซะ! อย่าให้ข้ามีชีวิตอยู่เลย ได้โปรด” น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งด้วยความคับแค้นใจ ทำไมต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ด้วย ทำไมไม่ตายๆไปซะ
ร่างโปร่งดูจะเบาบางเลือนหายไปท่ามกลางแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ยามเย็น น้ำตาที่พรั่งพรูออกมา ไหล่บางที่สั่นระริก ดูแล้วช่างน่าเวทนานัก แต่เมื่อคู่กรณีคือเจ้าชายเพียงคนเดียวแห่งอาณาจักรแวร์วูลฟ์มีหรือที่ความรู้สึกเช่นนี้จะสื่อไปถึง
“อะไรกัน ยังไม่ได้ทำ “หน้าที่” ที่ต้องทำในฐานะเชลยเลยเจ้าจะรีบร้อนอยากตายไปทำไมกัน” น้ำเสียงทุ้มเข้มที่ทอดลงมาเหมือนจะปลอบใจ แต่แววตาสีแดงคู่นั้นกลับฉายแววคุกคามอย่างเห็นได้ชัด
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังสนั่น
เจ้าชายหนุ่มหน้าชาก่อนจะรับรู้ถึงของเหลวอุ่นๆที่มุมปาก เขาใช้หลังมือแตะโลหิตสีแดงเบาๆก่อนจะเหยียดยิ้ม
เจ้าของฝ่ามือตัวแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อสบกับดวงตาสีแดงโลหิต ลองมาขนาดนี้ต่อให้คุกเข้าอ้อนวอนก็คงไม่เกิดอะไร
“บอกแล้วใช่ไหม” คุโรงาเนะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เขาใช้เรี่ยวแรงที่มีมากกว่าบีบคางเรียวแล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาสีแซไฟร์
“ว่าอย่าทำอะไรที่เป็นการดูหมิ่นเกียรติของข้าอีกเป็นครั้งที่สอง” เขาเพิ่มแรงบีบและสะสัดหลังมือใส่อีกฝ่ายเต็มๆ
“อึก..” ไฟย์นิ่วหน้า ข่มความเจ็บเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงไอถี่ๆและโลหิตสีแดงฉานที่ไหลออกมา
“คุโรงาเนะ พอเถอะเขายังไม่แข็งแรง” ยูกิโตะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนสนิทด้วยว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเอ่ยขึ้น เขากระชับวงแขนที่อุ้มเด็กหญิงไว้แน่น ถึงแม้จะไม่สามารถมองเห็นแต่เด็กหญิงก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเกรี้ยวกราดรุนแรง
“ท่าน..พ่อ” เด็กหญิงเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ยูกิโตะ! พาซากุระออกไป!” คุโรงาเนะสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ห้องทั้งห้องกลับสู่สภาวะกดดันอีกครั้ง
////////////////
“อึก..” ไฟย์พยายามไม่ให้เสียงใดๆเล็ดลอดออกมา ในเมื่อตอนนี้แรงบีบที่ปลายคางมีมากขึ้น
“เจ้า! ทำอะไร?” แวร์วูลฟ์หนุ่มตะโกน พร้อมเพิ่มแรงบีบขึ้นอีก ในทีแรกเขาอาจจะผ่อนแรง แต่เมื่อเห็นหยดเลือดสีม่วงเข้มออกมาจากมุมปากจึงได้รู้ว่าเชลยตรงหน้ากำลังคิดจะฆ่าตัวตาย
“อยากตายงั้นหรือ?” คุโรงาเนะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกจดกับดวงหน้าหวาน เขาเปลี่ยนมาใช้เสียงกระซิบแผ่วเบา
“ในเมื่อเป็นความปรารถนาของเจ้า ข้าก็ไม่ห้าม แต่ ถ้าเจ้าคิดหนีจากข้าด้วยวิธีนี้ ขอสาบานว่าแวมไพร์ทุกตัวจะตามเจ้าไป ข้าจะจับพวกมันมาย่างสดให้หมดและเปลี่ยนที่ของเผ่าเจ้าเป็นสนามเด็กเล่นของเด็กๆของข้า” ชายหนุ่มไล่ริมฝีปากไปตามใบหน้าที่เบือนหนี
“อา .ฟังดูดีใช่ไหม? เด็กๆของข้าคงชอบใจน่าดู” สิ้นคำคุโรงาเนะบดปลายลิ้นลงหลังหูของคนที่อยู่ในอ้อมแขน ก่อนค่อยๆเลื่อนต่ำลงมา บรรจงจูบเม้มที่ซอกคอขาว
ผู้ถูกรุกรานพยายามดิ้นรนขัดขืน ก่อนที่จะหยุดนิ่ง ไฟย์เอ่ยถามด้วยน้ำเลียงอ่อนล้า
“ข้าต้องทำยังไง”
“หืมม์” คุโรงาเนะแกล้งย้อน ริมฝีปากหยุดจู่โจมแต่มือซ้ายยังไล้วนแผ่นหลังเนียน มันค่อยๆวนต่ำลงไปยังเนินสะโพก
“อะ..” ไฟย์สะดุ้งเล็กน้อย แกมแดงเรื่อ ดวงตาปรือปรอย ดูเย้ายวนและนำความสุขใจมาให้ร่างสูง
“ทำยังไงน่ะเหรอ?” คุโรงาเนะปลดผ้าคลุมเอวของร่างโปร่งทิ้ง
“เจ้า!” ไฟย์ตาลุกวาวใส่อย่างลืมตัว แต่ก็รีบก้มหน้าลงต่ำเมื่อจับจิตสังหารของเจ้าชายแวร์วูลฟ์ได้ คุโรงาเนะลอบยิ้มสมใจเมื่อเห็น
“ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่คอยอ้าขากว้างๆ และทำให้ข้าพอใจ”
“!”
คุโรงาเนะใช้หลังมือแตะแผลที่แก้ม เพราะเล็บเมื่อครู่
“ทีแรกนึกว่าจะฉลาดแล้วเชียว แต่ดูท่าจะโง่เหมือนเดิมนะ” แค่ออกแรงเบาๆ อาภรณ์บางสีส้มอ่อนชิ้นบนก็หลุดร่วงลงสู่พรมสีแดง ร่างโปร่งไร้สิ่งปกปิดหนีถอยไปยังผ้าม่านที่อยู่ใกล้ๆหวังจะใช้มันเพื่อปกคลุมร่างเปลือยเปล่าของตน แต่ดูเหมอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆไม่มีวันฟังคำอ้อนวอนของเขา ไฟย์ถูกมือหนากระชากโยนลงนอนที่พื้น หลังกระแทกพื้นเต็มๆ แต่ดีที่มีพรมหนา
“ชอบให้ใช้กำลังหรือ?” ไฟย์เบือนหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายขึ้นคร่อม
“ดีสิ ของถนัดเลย”
TBC กรี๊ดดดดดดด คุโรมิ้วพูดอะไรออกไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น