คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ค่ำคืนที่ 1 ราชาองค์ใหม่
ค่ำคืนที่ 1 ราชาองค์ใหม่
ว่ากันว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกนี้นอกจากพวกพ้องของตัวเองแล้วย่อมต้องมีศัตรูตามธรรมชาติที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถญาติดีและอยู่ร่วมกันได้ ไม่มีเหตุผลในการเข่นฆ่าเอาชีวิตของเผ่ามีปีก รู้เพียงแต่เผ่าพันธุ์อันแข็งแกร่งที่ได้รับพลังพิเศษของแสงจันทร์ของพวกข้าต้องฆ่า ฆ่า ฆ่าพวกมันเท่านั้น เผ่าพันธุ์อ่อนแอของพวกมันก็เช่นกัน ไร้ซึ่งพละกำลังดีแต่ใช้อุบายอันโสโครกคอยชักใยให้พวกมนุษย์มาทำลายประชากรแวร์วูลฟ์ของข้าทุกครั้งที่มีโอกาส
ที่แห่งนี้มีหลากหลายเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เอลฟ์ พรายน้ำ แวร์วูลฟ์ ประชากรของทั้ง 4 เผ่าพันธุ์ได้จับจองดินแดนด้านทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกตามลำดับ และกำหนดพื้นที่ตรงกลางซึ่งเรียกว่าแฟรี่ พาร์ค เป็นเขตที่เจริญที่สุดและไม่ว่าใครก็ตามสามารถหาความสำราญของทั้ง 4 ดินแดนได้ พื่นที่ส่วนนี้ปลอดการสู้รบจะมีทหารของแต่ละเผ่าคอยดูแลความสงบตามพันธสัญญาของราชาทั้ง 4 อาณาจักรที่ตกลงกันไว้แต่เนิ่นนาน
เผ่ามีปีกอันแสนอ่อนแอได้เข้ามาจับจองดินแดนแห่งนี้ทีหลังและใช้ภูผาจันทราที่อยู่สูงที่สุดตั้งอาณาจักร ทั้งๆที่พื้นที่แห่งนั้นเผ่าแวร์วูลฟ์หมายปองมาตลอดเพราะว่าในวันที่พระจันทร์เต็มดวงการไปรับแสงสีนวล ณ สถานที่นั้นจะทำให้พวกข้ามีพลังเพิ่มขึ้น แต่พวกมนุษย์ได้สิทธิ์ในภูผาจันทราและดูเหมือนจะทำข้อตกลงบางอย่างทำให้เผ่ามีปีกตั้งรกรากอยู่บริเวณนั้นมากว่า 600 ปี
ใช่ ความบาดหมางของแวร์วูลฟ์และแวมไพร์มีมาตั้งแต่ตอนนั้น ใน 600 ปีมานี้ทั้งเผ่าของข้าและพวกมันต่างสู้รบกันมาโดยตลอด และในคืนที่ดวงจันทร์ปรากฏบนท้องฟ้าเต็มดวงเช่นนี้ ข้าในฐานะทายาทเพียงหนึ่งเดียวของเผ่าพันธุ์ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดขอสาบานว่าจะทำลายพวกเผ่ามีปีกให้สิ้นซาก!
////////*////////*///////*//////////
“แวร์วูลฟ์บุก!!” เสียงทหารยามในปราสาทตะโกนดังก้อง สร้างความโกลาหลและแตกตื่นทั่วทั้งปราสาท แวมไพร์ทั้งหลายรีบบินไปยังด้านล่างเพื่อหยุดพวกป่าเถื่อนตามคำสั่งของหัวหน้าองค์รักษ์
“รู้สึกกังวลใจอย่างไรไม่รู้” ชายร่างโปร่งที่ดวงหน้าจัดว่าหวานเกินกว่าจะมองปราดเดียวแล้วรู้ว่าเป็นบุรุษเพศ เอ่ยลอยๆให้หญิงรับใช้ทั้งสองให้ได้ยิน
“เพราะว่าวันนี้ท่านจะแอบหนีออกไปที่แฟรี่ พาร์คน่ะสิเจ้าคะ ข้าว่าท่านไม่ควร...”
ไม่ทันที่จะพูดจบ เด็กหนุ่มหน้าสวยก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา
“ไฟย์! พวกแวร์วูลฟ์บุกโดยที่ทางเราไม่ทันได้ตั้งตัว สถานการณ์เลวร้ายมาก ท่านพ่อสั่งให้นายหนีไปยังทางลับเดี๋ยวนี้”
ข่าวนี้สร้างความตระหนกให้คนทั้ง 3 เป็นอย่างมากเสียงเอะอะที่ได้ยินก็เพราะแบบนี้เองน่ะสินะ
“ท่านพ่อกับซึบารุล่ะ?” เสียงใสๆถามน้องชายถึงพ่อบุญธรรมและน้องชายอีกคน
“ท่านพ่อกับซึบารุกำลังต่อสู่อยู่ที่ห้องโถง พวกมันบุกมาเยอะมาก คงจะยกพวกตัวเต็มวัยมาทั้งเผ่าเลยทีเดียว ท่านพ่อสั่งให้ฉันมาคุ้มครองนาย”
“ฉันจะลงไปช่วยท่านพ่อ” ร่างสูงโปร่งผมสีบอล์นรีบผลักหน้าต่าง เตรียมกางปีกบินลงไปยังชั้นล่าง แต่พยายามเท่าไหร่ปีกก็ไม่งอกออกมา
“ไปไม่ได้ไฟย์! นายลืมแล้วหรือว่าวันนี้พระจันทร์เต็มดวง พวกเลือดผสมอย่างนายถูกมนต์ของแสงจันทร์ทำให้ไร้พลัง” คามุอิย้ำเสียงแข็งและกระชากพี่ชายออกมาจากหน้าต่าง
คนที่มีเลือดบริสุทธิ์และเลือดผสมมันต่างกันอย่างนี้นี่เอง ในวันที่พระจันทร์เต็มดวงเช่นนี้แวมไพร์เลือดผสมอย่างเขาไร้ซึ่งพลังใดๆ ต่างกับพวกเลือดบริสุทธิ์
เขาซึ่งเป็นลูกของมนุษย์ถูกนำมาทิ้งไว้ในป่าตอนอายุได้ 5 ขวบ ในตอนที่คิดว่ากำลังจะตาย ท่านพ่อซึ่งเป็นราชาแวมไพร์ได้บังเอิญมาพบและได้ถ่ายเลือดให้ทำให้รักษาชีวิตไว้ได้ เขาเหมือนได้เกิดใหม่ ความทรงจำว่างเปล่ารู้แต่ว่าตนเองชื่อไฟย์ ได้ชีวิตใหม่ที่มีพ่อและน้องชายฝาแฝดอีก 2 คน ในตอนที่เหมือนได้เกิดใหม่นี้เขาก็สาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าอาชูร่าคือทุกสิ่งทุกอย่าง
คามุอิเดินนำหน้าไฟย์และสองสาวใช้ลงไปยังบันไดหินด้านนอกของหอคอยเพื่อไปยังทางลับใต้กลิ่นเนื้อไหม้ลอยมาตามลม ควัน และเปลวไฟที่ลามเลียหอ
คอยต่างๆ ดีที่แวมไพร์ทุกตนจะอาศัยในหอคอยทำให้ไฟที่ลุกไฟม้ไม่ลุกลามเร็ว แต่โกดังที่ใช้เก็บอาหารและเสบียงยามฉุกเฉินไม่เหลือแม้แต่ซาก
ที่ห้องใต้ดินซึ่งเป็นทางลับมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ต้องดำลงไปเรียงก้อนอิฐที่กำแพงให้ถูกต้องจึงจะสามารถเปิดทางที่เชื่อมต่อกับทางน้ำอีกทางที่เชื่อมกับดินแดนของเผ่ามนุษย์ได้ ก่อนที่จะทุกคนจะลงน้ำต่างก็มองเห็นว่าที่ลานกว้างบริเวณห้องโถงราชาแวมไพร์กำลังถูกดาบใหญ่จ่อที่คอ
“ท่านพ่อ!” ไฟย์รีบวิ่งไปยังที่อาชูร่าอยู่ โดยที่คามุอิมัวแต่ตะลึงจึงไท่ทันได้ห้ามไว้ ตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากวิ่งตามไป แต่ถูกสาวใช้สองคนที่ได้สติช่วยกันจับตัวไว้ คามุอิดิ้นรนขัดขืนแต่พลังของแวมไพร์วัยรุ่นก็ยังไม่อาจสู้พลังของแวมไพร์ที่โตเต็มที่ถึงสองตนถึงแม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม
“ท่านคามุอิ เผ่าพันธุ์เราจำเป็นต้องมีคนรอดชีวิต” สิ้นคำองค์ชายองค์ที่สองของอาณาจักรก็หมดสติลง
“หยุดนะ!!” ร่างโปร่งปล่อยพลังเวทย์ใส่ดาบใหญ่ของแวร์วูลฟ์ป่าเถื่อน ที่ใช้พลังได้เพราะแอบขโมยกำไลข้อมือของคามุอิมา แต่พลังเวทย์ของกำไลมีจำกัดและอานุภาพไม่ร้ายแรงเท่าไรนัก ที่จริงดาบใหญ่ต้องหลุดจากมือของเจ้าของไปแล้ว แต่เจ้าของดาบก็มีพละกำลังมากพอสมควรจึงบังคับไม่ให้ดาบลอยกระเด็นออกไปได้ รัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของแวร์วูลฟ์หรี่ตามองคนที่มาขัดจังหวะ
“ท่านพ่อ” ไฟย์คุกเข่าลงข้างๆพยายามพยุงอาชูร่าให้ลุกขึ้น สัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆที่ทะลักออกมามากมาย ราชาแวมไพร์พยายามปรือตาขึ้นมอง
“แก!” ไฟย์ตาลุกโพลงใส่ฝ่ายตรงข้าม เล็บทั้ง 10 แผ่ยาว เตรียมกระโจนใส่
“อย่าไฟย์! ที่นี่พ่อจัดการเอง หนีไปซะ!” อาชูร่าลุกขึ้นยืนและเอาตัวเองบังไฟย์ไว้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายใช้กำไลเวทย์มนต์จึงใช้พลังเวทย์ได้ แต่พลังเวทย์ของกำไลก็แลกกับการดูดพลังของผู้ใช้เช่นกัน
“น่าชื่นชม แต่ไม่ต้องเป็นห่วง พ่อลูกรักกันมากจะส่งไปลงนรกทั้งสองคน!” คุโรงาเนะกวัดแกว่งดาบหวังจะฟันราชาให้ขาดเป็นสองท่อน แต่ไฟย์ใช้พลังเวทย์ส่งลิ่มน้ำแข็งจำนวนมากใส่ ทำให้เขาต้องใช้ดาบปัดออกไปให้พ้นตัว แต่การโจมตีต่อเนื่องและลิ่มน้ำแข็งจำนวนมากก็เสียบทะลุผิวหนัง ลิ่มน้ำแข็งปักที่ผิวหนังทำให้โลหิตสีแดงสดไหลรินเป็นทางยาว
“หน้าสวยแต่ไม่ใช่เล่นนี่ กำลังต้องการอยู่พอดี” คุโรงาเนะแสยะยิ้มเมื่อพบของเล่นถูกใจ แต่จู่ๆก็รู้สึกชาบริเวณที่โดนลิ่มน้ำแข็ง ที่ลิ่มน้ำแข็งคงจะอาบพิษอะไรซักอย่างไว้ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกสนใจคนหน้าหวานผมสีฮันนี่บอล์นตรงหน้า อีกฝ่ายมีท่าทีแน่วแน่และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เจ้าชายเผ่าแวร์วูลฟ์ลังเล รู้สึกเสียดายนิดๆที่ต้องฆ่าคนที่กล้าต่อกรด้วย ยามเช้าใกล้จะมาเยือนพระจันทร์จะถูกรัศมีของดวงอาทิตย์บดบัง เขาตัดสินใจเรียกพลังทั้งหมดไปไว้ที่ดาบก่อนที่จะตวัดดาบอีกครั้ง
คมดาบแทงทะลุร่างของราชาแวมไพร์ที่เอาตัวมาบังลูกชาย คุโรงาเนะสะบัดดาบออกมา ร่างของอาชูร่าล้มลงกระแทกพื้น เขาหันไปสบตากับอีกคนที่ยืนมองอย่างตะลึง แวร์วูลฟ์ที่เห็นเหตุการณ์ต่างส่งเสียงหอนแหลมสูงอย่างยินดี ต่างกับพวกแวมไพร์ที่ความปราชัยเข้ามาเกาะกุมจิตใจ
“ท่านอาชูร่า!” ไฟย์เรียกอีกฝ่ายๆซ้ำๆ หวังว่าถ้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนได้ยินเสียงตนเรียกแล้วจะตื่นลืมตาขึ้นมา
“ที่จริงกะจะฆ่าให้หมด แต่ว่า...” คุโรงาเนะเดินไปหาร่างโปร่งที่กอดศพอาชูร่าไว้แน่น เชยคางอีกฝ่ายให้สบตากับตน
“จะยอมไว้ชีวิตพวกที่เหลือ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นของเล่นของข้า”
ไฟย์สะบัดหน้าไปอีกทาง ราวกับว่าคนพูดเป็นตัวเชื้อโรคน่ารังเกียจ
“หึ ไม่ตกลงหรือ ดี ทหารฆ่าพวกมันให้หมดทุกตัว”
เสียงผู้หญิง เด็ก และคนแก่เผ่าแวมไพร์ดังระงม เสียงเด็กๆที่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเรียกให้สติของผู้ที่มีสิทธิ์ในบัลลังค์ของแวมไพร์ให้กลับคืนมา
“หยุดนะ!” ไฟย์รีบร้องห้าม เขากระชับอ้อมกอดที่กอดอาชูร่าไว้แน่น
“ได้ แต่มีข้อแม้....” ไฟย์พยายามเรียกร้อง คุโรงาเนะเพียงแค่ใช้สายตาบอกให้อีกฝ่ายพูดออกมา
“ขอข้าจัดงานศพท่านพ่ออย่างสมเกียรติที่ดินแดนนี้ ท่านต้องไว้ชีวิตแวมไพร์ทุกตนและให้สิทธิ์พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไป” ไฟย์เชิดหน้าพูดกับเจ้าชายแวร์วูลฟ์
“ข้าให้สิทธิ์นั้น เพราะต่อแต่นี้เจ้าคือราชาองค์ต่อไปของอาณาจักรแวมไพร์
เพียงแต่ เจ้าต้องไปเป็นกษัตริย์เชลยที่ดินแดนของข้าเท่านั้น” เป็นอีกครั้งที่คุโรงาเนะเหยีดยิ้มที่มุมปาก
“อย่าได้กังวลไป ข้าจะให้เจ้ากลับมาเยี่ยมที่นี่ถ้าต้องการ ให้เวลา 3 วัน เชิญมองดูทุกสิ่งที่เหลือแต่ซากให้พอใจ หวังว่าพวกมีปีกคงรักษาคำพูด เจ้าจะไม่ทำตามก็ได้ แต่ลองมองดูพวกพ้องของเจ้าให้ดีๆสิ ข้าจะทิ้งทหารให้อยู่ที่นี่ 2-3 คน หลังจากพระจันทร์ขึ้นในคืนวันที่ 4 เจ้าต้องมาอยู่ที่อาณาจักรของข้า แล้วพบกัน”
คุโรงาเนะถือวิสาสะจุมพิตที่หลังมือของคนที่จะเจอกันในอีก 4 วันด้วยความรู้สึกที่ตัวเขาเองก็อธิบายไม่ได้ ไฟย์ชักมือกลับทันทีและเช็ดหลังมือกับชุดคลุมที่สวมโดยจงใจทำให้อีกฝ่ายรู้ว่ารังเกียจ
เป็นอีกครั้งที่เขายิ้มออกมาจนองค์รักษ์คนสนิทเลิ่กคิ้วด้วยความแปลกใจที่เห็นผ฿ที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายดูจะอารมณ์ดียิ้มบ่อยผิดจากที่เคย
TBCS
ฮะแฮ่มๆ
เปงๆงมั่งฮร้า~~~~ แบบว่าที่จขริงมันก้อต้องใช้คำราชาศัพท์อ่ะนะ แต่แบบนั้นอ่านแร้วแปลกๆอ้ะ แร้วก้อมะถนัดด้วย เรยเอาเปงแบบนี้ดีก่า
ความคิดเห็น