กรรมของเด็กชาย
เรื่องบาปกรรมมีจริง และถึงใครไม่เชื่อ ไม่เคยเจอ เขาคนนั้นแหละที่ประสบกับตัวเองและเชื่อเรื่องบาปกรรม100%
ผู้เข้าชมรวม
287
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
วันนี้ลองมาอ่านนิทานหลอกเด็ก
เฮ้ย
ไม่ใช่นิทานดีมีสาระกันดีกว่าค่ะ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กรรม
‘‘เฮ้ยไผ่เอ็งดูดิตลกดีว่ะ’’เด็กชายพูดกลั้วหัวเราะ “ข้าว่าแกะออกแล้วปล่อยมันไปเหอะ”ไผ่ว่า “กะอีแค่ด้ายเส้นเล็กๆไม่ถึงตายหรอกว่ะ”ภาพตรงหน้าคือกบตัวหนึ่งกระโดดหัวทิ่มหัวตำ ขาทั้ง2ข้างถูกมัดด้วยสายป่านเส้นเล็กๆ “อ้อ”เด็กหนุ่มวัย14ปีดูสนุกเพลิดเพลินกับอาการของมัน ผิดกับไผ่ เด็กชายอายุอ่อนกว่าสานป่านคือด้ายเล่นว่าวที่ถูกรูดด้วยกาวหนังควายผสมกับเศษแก้วชิ้นเล็กๆต่อให้เกิดความคมตลอดเส้น แม้มันจะถูกมัดไม่แน่นเท่าไรนักแต่ด้วยแรงดิ้นบวกกับคมด้าย บริเวณขากบที่โดนมัดจึงเกิดเป็นแผลบาดลึกเหวอะหวะและด้วยการดิ้นติดต่อกันอีกไม่กี่ทีขาของมันก็ขาดออกด้วยสัญชาตญาณกบเคราะห์ร้ายกระเสือกกระสนด้วยขาที่เหลืออีกข้างลงคูข้างทางอย่างทุลักทุเล ทิ้งอ้อกับไผ่ให้ยืนอึ้งไปพักใหญ่อ้อคิดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นขนาดนี้ และหวังว่าจะแกะออกหลังจากหมดสนุกแล้วก็เท่านั้น
บ่ายคล้อยดวงอาทิตย์กลมแดงทอแสงเหลืองอมส้มฉาบไปทั่วท้องฟ้า สองเด็กชายเดินลัดเลาะตามคันนามุ่งหน้ากลับบ้าน ก่อนจะมายืนหยุดคุยกันที่หน้าบ้านของไผ่
“พรุ่งนี้ไปตกปลาที่หลังวัดโคกกันดีกว่าว่ะ เออ!เอ็งต้องตื่นแต่เช้านะโว๊ย”ประโยคหลังอ้อชี้หน้ากำชับ
“ได้ ข้าจะรีบตื่น”ไผ่รับคำก่อนจะผละจากอ้อหันหลังเดินเข้าบ้านไป
บ้านของอ้อและไผ่ไม่แตกต่างกันนักรั้วเป็นไม้ไฝ่สะไว้อย่างลวกๆมุมด้านหนึ่งมีไผ่ที่ลำโตกว่าแบบที่ใช้ทำรั้วขัดกันแข็งแรงล้อมพื้นที่ไม่มากเป็นคอกสำหรับวัวควาย บริเวณบ้านเป็นพื้นดินค่อนข้างแข็งมีหญ้าขึ้นเป็นหย่อมๆบางตา ยกเว้นส่วนที่เป็นคอกที่มีลักษณะเป็นโคลนเละ ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกใต้ถุนสูงตามแบบฉบับบ้านไทยในชนบท บางบ้านใช้เป็นที่เก็บเครื่องมือหากิน บ้างก็ปล่อยโลงผูกเปล ตั้งแคร่ไปตามเรื่อง
ความมืดโรยตัวเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็วท้องฟ้าสีแดงช้ำตั้งเค้าฝนมาแต่ไกล ลมพัดอื้ออึงไปทั่วบริเวณ โหมกอไผ่เสียดสีกันดังซู่ซ่าพ่อกับแม่และอ้อนั่งดูข่าวหลังมื้อเย็นจากโทรทัศน์เครื่องเก่าคร่ำ
“มือปืนดังอนาถ ปืนระเบิดใส่ตัว”เสียงผู้ประกาศข่าวอ่านขาดๆหายๆตามจังหวะของคลื่นรบกวน บนจอแก้วปรากฏภาพชายรูปร่างกำยำนอนแน่นิ่งจมกองเลือดแดงฉาน
“เนี่ยน้า บาปกรรมมันตามทัน”แม่พูดก่อนก้มลงเก็บจานข้าวเดินเข้าครัว พ่อลุกขึ้นไปนั่งมวนยา สูบ แล้วพ่นควันขาวลอยฟุ้งก่อนจะอันตรธารไปด้วยแรงลมนอกบ้าน
สายฝนเริ่มโปรยปรายเม็ดฝนกระทบสังกะสีดังเปาะแปะก่อนจะลงห่าใหญ่ส่งเสียงอื้ออึงกลบสรรพสำเนียงรอบบริเวณบ้านจนหมด อ้อนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนเตียงไม้ในห้องเล็กๆของเขารวมไปถึงเรื่องเมื่อกลางวัน เขาคิดเลยเถิดไปถึงเรื่องกรรมเวรไม่นานนักก็เผลอหลับไปท่ามกลางเสียงอึงคะนึงของฝนที่ยังกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย
“โอ๊ย!เจ็บช่วยด้วย”อ้อตะโกนลั่น มือเกร็งกำแน่นอยู่ที่ต้นขา เนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ กับดักสัตว์ขนาดใหญ่งับติดแน่นอยู่ที่ขาของเด็กชายและดูเหมือนว่าจะค่อยๆบีบตัวเข้าเรื่อยๆจนดูเหมือนมีชีวิต
กึก!
เสีย
ฟันเหล็กแหลมของมันกระทบกันพร้อมๆกับขาของอ้อที่ขาดออก เลือดทะลักจากแผลที่ถูกตัดขาดนองเต็มพื้นที่เด็กชายเคราะห์ร้ายนั่งอยู่
“โอ๊ย!”อ้อตะโกนสุดเสียง สะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่ง เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นเต็มใบหน้าที่ขาวซีดแสดงอาการตกใจสุดขีด
“ขาข้า”เร็วเท่าความคิดเขาเสือกเอามือเข้าใต้ผ้าห่มจับขาที่ถูกตัดขาดในความฝัน
“ฝันบ้าอะไรวะ” อ้อสบถกับตัวเองใบหน้าเริ่มมีเลือดมาหล่อเลี้ยงจนกลับกลายเป็นปกติ เขาสนใจความฝันแปลกๆอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหลับไปอีกด้วยความง่วง
“ไอ้อ้อ ไอ้อ้อโว๊ย” สิ้นเสียงตะโกนของไผ่ตรงหน้าต่างห้องของอ้อ เด็กชายยื่นหน้าออกมาเอามือป้องแดดมองลงมาที่เจ้าของเสียงเรียกแวบหนึ่ง แล้วหันหลังหายไป
ไผ่วางกระป๋องเหล็กบุบๆลง และทิ้งก้นลงบนแคร่ไม้ไผ่ใต้ถุนบ้าน พูดคุยทักทายกับแม่ของอ้อที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บกวาดเศษใบไม้ที่ร่วงเต็มบริเวณบ้านไผ่นั่งฟังเสียงแกรกกรากของคราดที่ลากเศษใบไม้มาสลับกับเสียงจู๋จี๋ของนกเล็กๆที่จะได้ยินชัดขึ้นในตอนที่แม่ของอ้อละมือจากการกวาดใบไม้ ไม่นานอ้อก็ลงมาจากบ้านพร้อมกระป๋องในมือที่มีสภาพไม่ต่างจากของไผ่เท่าไรนัก
“ไปเหอะไผ่ คันเบ็ดไว้ไปหาไผ่ลำสวยๆเอาข้างหน้า”อ้อหันมาโบกมือเรียกไผ่ก่อนหันไปคว้ามีดดายหญ้าเล่มเก่าคร่ำคร่าที่วางพิงเสาอยู่พาดบ่า แล้วเดินดุ่มๆออกจากบ้านไปไผ่ล่ำลาแม่ของอ้อและเดินตามเด็กหนุ่มไปติดๆ
เส้นทางที่ทั้งคู่เดินผ่านสองข้างทางเป็นทุ่งนาสีเขียวกว้าสุดลูกหูลูกตานานๆจึงจะเจอบ้านคนที่ปลูกอยู่ในกลุ่มกอไม้ร่มครึ้มจุดหมายที่ทั้งคู่จะไปนั้นคือบึงขนาดใหญ่ท้ายวัดโคกที่ต้องเดินต่อไปราว1ชม.
“อึ๊บนี่ เป็นไงเอ็งโดดถึงเปล่า”อ้อตะโกนอวดเด็กรุ่นน้องขณะที่ตัวกระโดดขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง
“เออเอ็งเก่ง”ไผ่พูดตัดบท “แต่ข้าว่าลงมาเหอะว่ะเดี๋ยวได้ตกลงมาจนได้”ประโยคหลังเขาเตือนด้วยเห็นว่าอ้อเริ่มแกว่งตัวแรงขึ้น
พลั่ก! ฉับ!
อ้อพลาดท่าตกลงมาจากกิ่งไม้ที่โหนอยู่ร่างของเด็กชายร่วงลงมาทับด้ามมีดดายหญ้าที่เขาเอาติดตัวมาและวางทิ้งไว้ตอนที่กระโดดขึ้นไปโชว์ความสามารถ ด้วยน้ำหนักกดทับรุนแรง ปลายมีดถูกดีดกลับและฟันเข้าที่ขาของอ้ออย่างเต็มรัก
“โอ๊ย !”อ้อร้องเสียงหลง เลือดแดงฉานไหลทะลักออกจากแผลคมมีดสนิมกรังผังตัวเข้าไปลึกพอสมควร ไผ่หน้าซีดเผือดตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลุกลี้ลุกลน ทำอะไรไม่ถูก ฝ่ายอ้อก็แผดเสียงดังไปทั่วบริเวณก่อนสลบไปด้วยอาการช็อก
อ้อรู้สึกตัวอีกทีก็รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้วที่ยืนอยู่รอบตัวตอนนี้คือ พ่อ แม่ ไผ่ และลุงเจิมคนที่พาเขาส่งโรงพยาบาล และทันทีที่ได้สติอ้อเสือกมือเข้าไปใต้ผ้าห่มควานหาขาของตนที่เขาคิดว่าน่าจะขาดไปแล้ว
“โอ๊ย”เด็กชายอุทานเสียงดังเมื่อมือจับโดนแผลที่ต้นขา
“เบาๆ สิแผลยังไม่หายเลยนะเอ็ง”แม่พูดเบาๆ
“ดีนะที่ทิดเจิมเขาอยู่แถวนั้พอดี”พ่อว่า
“แล้วลุงเจิมรู้ได้ไงว่าข้านอนเจ็บอยู่ตรงนั้น”
“ก็เอ็งแหกปากออกดังลั่นขนาดนั้น ข้าไม่ได้หูหนวกนะโว๊ยตอนที่ไปถึงข้าคิดว่าเอ็งตายแล้วซะอีกเลือดงี้ไหลนองพื้นที่เต็มไปหมด ไอ้ไผ่ก็ยืนหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูก”ทิดเจิมเล่าบุ้ยหน้าไปทางไผ่ที่ยืนไม่พูดอะไรอยู่ข้างเตียง
หลังจากพูดคุยอยู่พักใหญ่ ทิดเจิมก็ขอตัวกลับ เหลือเพียง พ่อ แม่ และไผ่ไผ่มองดูแผลของอ้อและเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เห็นขาเอ็งแล้วข้านึกถึงกบตัวนั้นจังเลยว่ะ ถ้าเอ็งไม่ทำมันขนาดนั้น เอ็งคงไม่เป็นไร”
“เอ็งรู้จักเรื่องกรรมตามทันมั้ย คราวหน้าจะเล่นอะไรอย่าทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ก็ตามแต่ รู้มั้ย”พ่อพูดเชิงสอนลูกชาย
เหตุการณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นฝันร้าย คำพูดของแม่ หรือมือปืนที่ตายในโทรทัศน์ เขาไม่รู้หรอกว่ามันเป็นลางบอกเหตุอะไรรึเปล่า ที่แน่ๆ เรื่องบาปกรรมมีจริง และถึงใครไม่เชื่อ ไม่เคยเจอ เขาคนนั้นแหละที่ประสบกับตัวเองและเชื่อเรื่องบาปกรรม100%
ผลงานอื่นๆ ของ ยมฑูตราตรี ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ยมฑูตราตรี
ความคิดเห็น