คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 3 : อยากให้รับรู้
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว เลิกกองได้
ขอบคุณทุกคนมากนะ”
เสียงของคุณผู้กำกับดังขึ้น พร้อมด้วยเสียงปรบมือดัง ‘ปั้บ’ อีกหนึ่งครึ่ง
เรียกความสนใจของทีมงานทุกคนได้เป็นอย่างดีก่อนที่ทุกคนเองก็จะขอบคุณซึ่งกันและกัน
ที่เป็นแรงสำคัญทำให้งานในวันนี้สำเร็จลุล่วงไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
“ขอบคุณนะครับ เหนื่อยหน่อยนะครับ”
ผมโค้งให้กับเหล่าทีมงานก่อนปลีกตัวออกมา
“ขอบคุณที่ทำงานหนักนะจ๊ะ คิเสะคุง ” พี่สึบากิเดินตามผมมาทันที
และเปิดสมุดตารางงานของผม “เราเลยอีก 1 ชั่วโมง
ก่อนจะเริ่มงานสัมภาษณ์ที่ตึก P อยากจะทานหรือไปไหนก่อนมั้ย ?
”
“ไม่ล่ะครับ
แล้วต่อจากนี้ไม่มีงานอะไรแล้วใช่มั้ยครับ? ”
ผมพยายามก้าวเท้าให้ช้าลงกว่าเดิมเพราะดูเหมือนอีกคนจะเดินตามไม่ทันผม
“ไม่มีแล้วจ้ะ งานถ่ายอาทิตย์นี้หยุดไว้แค่งานนี้
ตอนนี้พี่ปรับตารางเวลาให้คิเสะคุงใหม่
เธอจะได้มีเวลาเต็มที่กับการเรียนและชมรมมากขึ้นน่ะ”
“ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มให้เธอ
ก่อนจะมุ่งเดินออกไปจากตัวอาคารเพื่อจะขึ้นรถแท็กซี่ไปยังอีกตึกหนึ่ง
รู้สึกว่าน่าเบื่อ....เป็นวันหยุดที่น่าเบื่อมากกว่าปกติ
เรียน ทำงาน เข้าชมรม และวนลูปแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมาทั้งอาทิตย์
แถมยัง..ไม่มีอะไรคืบหน้าสักนิด ต่อให้ถอนหายใจจนลมหมดตัว
ก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาสักนิดเดียว ผมเขี่ยหน้าโซเชียลไม่ว่าจะเป็น เฟสบุ๊ค ไลน์
หรือ อินสตาแกรม ไปมา เลื่อนขึ้นแล้วเลื่อนลง เลื่อนไปแล้วเลื่อนมา ปิดแอฟ
แล้วเข้าใหม่ ปิดแล้วเข้าใหม่ เปิดกล่องข้อความก็ไม่มีข้อความอะไรที่น่าสนใจนัก
จนนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีอีกอย่างที่ตั้งแต่จับมือถือขึ้นมายังไม่ได้เปิดมัน
รูปของคุโรโกจจิ ปกติแล้วผมจะเปิดจนชิน แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นนเอาตั้งเป็นรูปหน้าจอ
แต่ก็นะเปิดดูทุกครั้ง พอให้ได้รู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็รู้สึกดี อาา
แลดูแปลกๆแฮะ ตั้งแต่คราวก่อนที่ได้คุยกัน
ก็เป็นแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกันผ่านทางโทรศัพท์ และก็ไม่มีครั้งต่อไปอีกเลย
ที่โรงเรียนแน่นอนเจอกันทุกวันอยู่แล้ว ที่นอกจากชมรมที่เจอกันบ่อยสุด รองลงมาก็เป็นโรงอาหารเป็นบางครั้ง มีเดินสวนกันบ้าง
และเขาก็จะสะดุ้งทุกครั้งที่ผมทัก ‘สังเกต
เห็นผมด้วยหรอครับ คิเสะคุง ? ’ ดูพูดเข้าสิ
คนอะไรก็ไม่รู้...แน่นอนฉันก็ต้องมองเห็นนายอยู่แล้วล่ะ
และก็ไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษ
บางวันแทบไม่ได้คุยกัน ไม่ใช่แค่แทบสิ ไม่ได้คุยกันเลยต่างหาก หรือถ้าหากคุย บทสนทนานั้นก็พื้นๆ
‘กินข้าวรึยัง?’ ‘เหนื่อยรึเปล่า’ ‘นั้นสินะ’ ‘ฮะๆ งั้นหรอ’ และ ‘พรุ่งนี้เจอกันนะ คุโรโกจจิ’
ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีอะไรคืบหน้า
ถึงจะเคยยืนกรานกับตัวเองไปแล้วว่าจะรุกอย่างจริงจัง ... แต่มันรู้สึกแปลกๆ
เหมือนวางตัวไม่ถูกเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขา และเหมือนมีกำแพงบางกั้นเอาไว้อยู่
ว่าไงดีนะ เขาดูเหมือนเป็นคนเข้าถึงยาก แต่จริงๆแล้วก็ไม่
แต่บางครั้งก็เหมือนกับว่าเขาไม่สนใจอะไรเราด้วยซ้ำ ไม่อยากคุยด้วยประมาณนั้น หรือ
เขาเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่ละไม่จริงสักนิด
ย้อนแย้งชะมัด
“นายไม่จริงจังสักนิดเลยนี่หว่า”
“นายจะบอกว่าความรู้สึกที่ฉันมีต่อคนๆนั้นเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบงั้นหรอ”
“ก็ใช่ ตั้งใจจะสื่อแบบนั้นแหละ”
ทาเครุ เท้าคางมองผม
“ไม่จริงสักหน่อยความรู้สึกนี่มันของจริงนะ!!” ผมเผลอทุบโต๊ะกาแฟตรงหน้าไป จนอีกฝ่ายสะดุ้ง “ขอโทษเผลอไป”
“หัวรุนแรงนะเรา....เอาเถอะ
จะขยายความใหม่ คือถ้าแกยืนกรานว่าความรู้สึกที่มีต่อ อะไรนะ ชื่ออ่ะ ที่แกเรียก”
“ฮ--ฮักกี้” หวา
ขอโทษนะคุโรโกจจิที่เอาชื่อพันธุ์ของสุนัขมาตั้งเป็นโค้ดเนมนาย
“เออนั้นแหละ ฮักกี้ ถ้าแกยืนกรานว่าชอบเขาจริง
ความรู้สึกนี่เป็นของจริงนะก็กล้าๆไปคุยเหอะ หรือจะรอให้มีใครได้ไปก่อน
แล้วก็มาโอดครวญ น่ารำคาญชะมัด ...เหลือเชื่อจริงๆว่าคนแบบนายจีบคนไม่เป็น
นายแบบชื่อดังที่ผู้หญิงแทบจะโยนตัวเองให้แกรับ ผู้หญิงที่วนเวียนไปมารอบตัวก็ตั้งเยอะ
แต่รับมือเรื่องแบบนี้ไม่เป็นเนี่ยนะ ”
“มันไม่เหมือนกันนี่ กับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย
กับคนที่ชอบ ยังไงคนเราก็ปฏิบัติต่างกันอยู่แล้ว กับผู้หญิงฉันก็มองว่าพวกเขาคือแฟนคลับที่ให้กำลังใจเสมอมาก็รู้สึกขอบคุณ
เซอร์วิสได้บ้างก็เซอร์วิส แต่กับคนที่ชอบก็อยากจะทำอะไรสักอย่างให้เขาหันมาชอบเรา
หันมาคุยด้วย หันมา...ยิ้ม ให้ ตอนที่ของพวกนั้นมาจากคนที่เรารู้สึกพิเศษด้วย
ตอนได้รับมันรู้สึกดี ดีมากๆแม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ดีใจ
เอาอะไรมาเปรียบเทียบมันก็ไม่พอนี่”
ทันทีที่ผมพูดออกไป ทาเครุก็เงียบไป
เหมือนกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง หมอนี่เป็นเพื่อนในวงการกับผม เป็นคนที่ช่วยอะไรได้หลายๆอย่าง
ปรึกษาเขาก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เท่าไหร่ หมอนั้นฉีกแผ่นกระดาษออกจากสมุดโน๊ตของเขา
กดปากกาและเขียนอะไรบางอย่างลงไป
“นี่เป็นวิธีจีบคนอื่นที่ฉันเคยอ่านมาจากหนังสือของเพื่อนฉัน
คิดว่าน่าจะได้ผลเพราะมันก็จีบผู้หญิงคนนั้นติดแล้วก็คบกันนานมากด้วย ลองดู” เขายื่นกระดาษมาตรงหน้าผม “ดีกว่าไม่ได้ลองทำอะไรใช่มั้ย
บางทีถ้ามีแนวทางนายอาจจะกล้าทำอะไรบางก็ได้.... คิดว่านะ คิดช่วยได้แค่นี้ล่ะ”
“อืมขอบคุณนะทาเครุ ฉันจะลองดู”
“ถ้ามันพอคืบหน้าก็ดี เอ่อ
แล้วก็บอกกันด้วยจะเอาขั้นต่อไปให้...พยายามเข้าละ”
“ขอบคุณครับ อาจารย์” กระดาษที่ทาเครุเอาให้มีวิธีการอยู่แค่ 7
อย่างซึ่งแม้จะดูน้อยแต่ผมก็คิดว่ามันจะช่วยได้ จะลองดูนะ
เริ่มจากข้อแรกก่อน....ถึงแม้ตอนเห็นจะดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แต่ว่าโชโจมังงะของพี่ยูกะที่ยืมมาช่วยทำให้ผมมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าต้องทำยังไง
ซึ่งพอเข้าใจแล้วก็ร้องออกมาว่า แค่นี้เองหรอเนี่ย !! จริงๆแล้วก็ไม่ได้ยากอะไรเลยสักนิด
การอิงคาแรคเตอร์พระเอกจากโชโจมังงะ มันน่าจะช่วยได้มากๆเลย
ต้องทำตัวให้คล้ายกับหมอนนี่ ก่อนอื่นเลย ทรงผม สินะ จากนั้นก็การวางตัว
คำพูด การใช้สายตา
“ดีล่ะ !!”
-
ข้อที่ 1
วางมาดเท่ดั่งราชสีห์ -
ราชสีห์นั้นทั้งน่าเกรงขาม และ สง่างาม ทุกย่างก้าวทุกกริยาช่างชวนดูน่าหลงใหล
สูงส่ง สายตาที่เย็นยะเยือกที่ปะปนด้วยความดุดัน แข็งกร้าว แฝงไปด้วยเสน่ห์ หากมีใครสบสายตาคู่นั้นโดยตรง
จักต้องละลายและพร้อมที่ถวายตัวเองให้เป็นอาหารอันโอชะ แน่นอน
ไม่มีใครจะต่อต้านความสง่างามของมันได้
แน่นอน ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน
แต่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าโรงเรียนสายตาเป็นสิบๆคู่ก็จ้องมาที่ผม
แบบว่ามีรังสีแปลกๆแผ่ออกมาด้วย จริงอยู่ที่ว่าผมเป็นนายแบบการโดนมองก็เป็นเรื่องปกติ
แต่นี่มันแปลก แปลกไปจากทุกวัน
เหมือนกำลังจะโดนกินอย่างไรอย่างงั้น เดี๋ยวนะนี่ผมทำตัวให้เหมือนราชสีห์อยู่นะ
แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นแมว
ที่เดินเตร็ดเตร่ไปมาแล้วเจ้าของสายตาเหล่าเป็นสิงโตที่กำลังจ้องจะจับผมตีหัว
และลากเข้าไปกินล่ะ มันสลับกันเห็นๆเลยนะ!!
ไม่ๆต้องคุมตัวเองไม่ให้สีหน้าแสดงออกถึงความกังวลกับเรื่องที่กำลังคิดอยู่
ผมสะบัดความคิดนั้นออกไปจากหัว
สูดลมหายไปเข้าไปเต็มปอดแล้วเดินต่อไปด้วยท่าทางที่คิดว่าสง่างามที่สุด
ประดุจพวกนักเรียนคุณหนูที่ถูกฝึกอย่างเข้มงวดเรื่องการเดินมาตั้งแต่เด็กๆ
แต่ผมฝึกแค่คืนเดียว แต่คงแก้ขัดได้มั้ง....จากที่ศึกษาเมื่อคืน สิงโตใช้สายตาสะกดเหยื่อ
งั้นลองดูแล้วกัน
ผมหยุดเดินกะทันหัน และหันหน้าไปมองกับเจ้าของสายตาเหล่านั้น
ก่อนยกยิ้มที่มุมปากพร้อมด้วยสายตาหยอกเย้า แล้วหันกลับและรีบเดินออกไป
จากนั้นเมื่อทิ้งห่างระยะไปพอสมควรเหมือนได้ยินเสียงดัง ‘ตุ้บ’ และคำว่า มีคนเป็นลมค่า!!!! จากที่ไกลๆ
“อรุณ---”
ไม่สิๆ จะไปทักทายกับใครก่อนได้ไง ต้องว่างตัวดูสันโดษเข้าไว้ ผมหยุดปากตัวเองแล้วเดินไปที่โต๊ะของผม
มุราซากิบารัจจิ ที่คาบป็อกกี้อยู่ หันหน้าเอื่อยๆมาทางผม
“อาเร๊ะ.....วันนี้คิเสะจิน
แปลกๆแหะ....เซ็ตผมมาด้วยมีอะไรรึเปล่า”
“ก็นะ..นิดหน่อย” ผมหันไปตอบเขา อาใช่เซ็ตผมมานิดหน่อยให้คล้ายกับพระเอกคนนั้น
ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปได้สวย ดีแล้วๆ ต้องเช็กเสน่ห์ตัวเองด้วยสิอืมงั้นยิ้ม
ผมมองหาคนที่จะทดลองด้วย เอาเป็นคุณคาโต้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นดีกว่า เอาสเต็ปเดิมแล้วกันเห็นอีตาพระเอกนั้นชอบทำ
ยกยิ้มที่มุมปากด้วยสายตาหยอกเย้า ผลออกมาค่อนข้างน่าพอใจ
คุณคาโต้หน้าแดงขึ้นมาทันทีแล้ววิ่งออกไป ลองอีกสิ ลองอีก ลองไปเรื่อยๆ แม้กับผู้ชายก็ไม่เว้น
แต่ผลที่ออกมาเหมือนดาบสองคมมาก
พักเที่ยงยิ่งมีคนมาดักรอที่หน้าห้อง ก็พอเดาๆได้อยู่นะว่าเป็นเพราะผมเที่ยวแจกยิ้มไปทั่วแบบนั้น
แต่ก็ปกตินะ สงสัยเป็นเพราะด้วยท่าทางที่กำลังวางเท่ และทรงผมคงจะช่วยเพิ่มดาเมจละมั้ง
“แหมได้ข่าวมาว่า...วันนี้เธอแปลกไปจริงงั้นหรอ”
เซริกะ...ผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในโรงเรียน “กำลังเรียกร้องให้พวกฉันสนใจนายมากขึ้นกว่าเดิมอยู่หรอ
แกะน้อย” เธอนั้งบนโต๊ะของผม นิ้วเรียวม้วนปลายผมตัวเองอย่างเย้ายวน ไหนจะเสื้อนักเรียนที่ดูยังไงก็ตั้งใจไม่ติดกระดุมเม็ดบนหวังให้อีกฝ่ายเห็นบราด้านในนั้นอีก
ให้ตายสิ กำลังอ่อยอยู่สินะ
“นี่บอกมาสิ
แกะน้อยที่อยู่ๆทำก็ทำตัวแปลกไปตั้งใจอะไรกันแน่ เธอต้องการอะไร จะทำให้พวกฉันให้หลงเธอมากขึ้นอยู่สินะ”
เซริกะยังคงพล่ามไปเรื่อยๆ และญี่ปุ่นมุงก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
น่ารำคาญชะมัดนี้พักเที่ยงแล้วนะ หิวข้าวแล้ว
ผมลุกขึ้นแล้วจับบ่าเธอทั้งสองข้างเบาๆค่อยๆดันเธอให้ลุกขึ้นจากโต๊ะ
เธอมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“คุณเป็นผู้หญิงนะครับ ช่วยห่วงตัวเองหน่อย
อย่าไปเที่ยวทำแบบนี้กับใครอีก ถือว่าผมขอเถอะครับ” ผมพูดพลางติดกระดุมของเธอให้เรียบร้อย
ดึงเสื้อแขนยาวที่ผูกเอวเธอออกมาคลุมตัวให้เธอ แล้วเดินออกจากห้องทันที แล้วเสียงกรี๊ดด
ก็ดังไล่หลังผม......วิธีในโชโจมังงะเนี่ยใช่ได้จริงแฮะ
หลังจากที่ผมหาอะไรกินเรียบร้อยแล้ว
เนื่องด้วยว่ายังไม่อยากที่จะกลับห้องจึงต้องหาที่สิงสถิต
ฉะนั้นห้องสมุดนี้แหละที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด ไม่ค่อยมีคนด้วย
โต๊ะมุมหลังสุดที่ติดหน้าต่างต้องเดินมาลึกพอควรถึงจะถึงโต๊ะตัวนี้ นั่งฟังเพลงเล่นฆ่าเวลา ไปพลางคิดนู้นนี่ไป
รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่แหะ...ที่ว่าวางตัวเหมือนราชสีห์
เรารู้สึกว่ามันเหมือนพวกผู้ชายดูดีทั่วไปมากกว่า
ระหว่างที่กำลังมองวิวนอกหน้าต่าง สายตามันก็ดันไปโฟกัสชายหญิงคู่หนึ่ง
ซึ่งดูยังไงก็คู่รักกันชัดๆ พวกเขาคุยกันคู่หนึ่งจู่ๆฝ่ายชายก็ผลักฝ่ายหญิงเข้าต้นไม้
แล้วยกแขนกันไว้ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวน้าา เพิ่งเคยเห็นการคาเบะด้งจริงๆก็คราวนี้แหละ
ผมรีบหันหน้ากับเข้ามาเพราะรู้ว่าตอนไปสองคนนั้นจะทำอะไร คุงไม่พ้นจูบหรอก.....จูบหรอ
ผมกำลังจินตนาการมโนอย่างนักขั้นโรคจิตเลยทีเดียว อยากลองทำบ้างจัง
“คิเสะคุง รึเปล่าครับ ?” ผมสะดุ้งตกใจก่อนตอบเขา
“คาเบะด้ง!?” ยอมรับเลยว่าสมงสมองไปหมดแล้ว พอเงยหน้าในหัวก็ขาวไปหมด “คุโรโกจจิ....”
“เป็นคุณจริงๆด้วย ผมจำแทบไม่ได้เนะครับ
” เขามองที่เก้าอี้ ที่ว่างตรงข้ามกับผม “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ ?” จริงๆจะนั่งตักฉันก็ได้นะ...เดี๋ยวคิดอะไรอยู่เนี่ย!!!
“อ้อ ได้สิทำไมจะไม่ได้ล่ะ เชิญเลยๆ”
หวาา....อยู่ดีๆก็โผล่มา ตอนแรกนึกว่าจินตนาการมากไปจนหลอนซะแล้วนะ
“มาอ่านหนังสือหรอ”
“ครับ
ยังไม่บทเรียนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่เลยกะว่าจะมานั่งอ่านเพิ่มน่ะครับ
แล้วคิเสะคุงละครับ ? มาอ่านหนังสือหรอครับ”
“เปล่าหรอกฉันมานั่งเล่นน่ะ”
จบบทสนทนาเพียงแค่นี้
แล้วคุโรโกจจิก็เงียบไป คงเพราะกำลังตั้งใจอ่านหนังสือแน่นอน
ผมแสร้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์แต่ก็มองเขาอยู่ตลอด พอเขาเงยหน้าขึ้น
ผมก็ก้มลงแบบเนียนๆไม่ก็หันออกมองหน้าต่าง
ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสอยู่ด้วยกันแค่สองโดนที่ไม่มีคนอื่นแบบนี้ อยากชวนคุยจัง
แต่จะรำคาญเรามั้ยนะ ?
“วันนี้คุณแปลกไปนะครับ” คุโรโกจจิ
พูดทั้งๆที่เขียนโน้ตอยู่
“เอิ่ม ยังไงหรอ” ผมถามกลับ
“เงียบผิดปกติน่ะครับ”
ว่าแล้วเชียวปกติเขาคงคิดว่าเราน่ารำคาญแน่ๆ “แล้วก็ดูเข้าถึงยาก...เออละมั้งครับ วันนี้”
เข้าถึงยาก?
“ทำไมถึงคิดงั้นละ”
ผมตั้งใจรอฟังคำตอบจากเขา
“คงเป็นท่าทางมั้งครับ
ดูคุณแบบแปลกๆไปเหมือนพยายามเปลี่ยนให้ตัวเองไปใครอีกคนที่ไม่ใช่คุณ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้เพราะว่าปกติแล้วคุณมันก็พวกเซอร์วิสสาวๆอยู่แล้ว
ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองอยู่ละครับ ว่าอะไรทำให้ผมคิดแบบนั้น แล้วก็ทรงผมด้วย”
“มันดูไม่เหมือนฉันหรอ?”
“ครับ เหมือนพวกพระเอกการ์ตูนตาหวานที่เป็นที่นิยม
จริงๆคุณตอนปกติผมก็คิดว่าเป็นแบบนั้นนะครับ แต่รู้สึกว่าวันนี้คุณไปเที่ยวสร้างความประทับให้คนอื่นอย่างพร่ำเพรื่อ
นะครับ”
เขาวางปากกาก่อนเงยหน้ามองผมอย่างตรงๆ
“ปกติคุณก็วางตัวห่างผู้หญิงพอควรเลย
แต่ว่าวันนี้ดูคุณหว่านเสน่ห์คนไปทั่ว ด้วยรอยยิ้มน่ะครับ
ซึ่งไม่ใช่รอยยิ้มธรรมดาที่คุณชอบทำ แต่เหมือนกับการหยอกเย้า น่ะครับ ”
“ทำไมถึงคิดว่างั้นละ คุโรโกจจิ”
สิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูกเกือบทั้งหมด
ไม่ใช่สิงโตแต่เราเหมือนพวกนกยูงที่รำแพนมากกว่า
“เพราะผมมองคุณอยู่น่ะครับ”
เพราะงี้เอง....ห้ะ!? “ไม่ใช่ในความหมายแปลกๆนะครับ
แค่เห็นคุณทำแบบนั้นแล้วก็เลยคิดว่าเป็นอะไรรึเปล่า
ผมสังเกตตั้งแต่คุณเดินเข้าโรงเรียนแล้วครับ แต่เข้าใกล้คุณไม่ได้ ผมเป็นห่วงน่ะครับที่คุณแปลกๆ
ทั้งๆที่เคยบอกว่ารับมือกับพวกผู้หญิงไม่ถนัด แต่วันนี้เล่นแจกยิ้มกับสายตาแบบนั้นไปทั่ว
เลยคิดว่ากินอะไรแปลกๆมารึเปล่า”
ทันทีที่เขาพูดจบผมก็หลุดขำทันที จนคุโรโกจจิเองก็งง
“งั้นหรอนั้นสินะ พอดีกว่าเนอะ
โอเคขอบคุณนะที่เป็นห่วงแต่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นอะไรหรอก
งั้นเดี๋ยวฉันจะเล่าให้นายฟัง” ผมเล่าแค่ว่าที่ทำแบบนี้เพราะเป็นบทบาทงานใหม่
ซึ่งเค้าก็เข้าใจและยิ้มบางๆออกมา และบอกว่า ‘แบบนั้นก็ลองอกครับ’
“แล้วเป็นไงเหมือนราชสีห์บ้างมั้ย”
“เหมือนนกยูงรำแพนมากกว่าครับ”
“นั้นสิน้าา” พวกเราต่างหลุดขำออกมา
... เพิ่งเคยเห็นเขาขำออกมาแบบนี้ น่ารักจัง และพวกเราก็คุยเรื่องต่างๆกันตั้งทั้งเรื่องไร้สาระ
เรื่องที่อยากทำ เรื่องที่ชอบ เรื่องที่ไม่ชอบ เรื่องที่ไปเจอมา เรื่องของหนังสือ
เรื่องของหนัง เรื่องของอาหาร เรื่องราวต่างๆ ไม่คิดว่าจะได้คุยกันมากขนาดนี้
อยากหยุดเวลาเอาไว้แค่ตรงนี้จริงๆ “จริงสินายคิดยังไงกับฉันลุคนี่บ้างคุโรโกจจิ”
ผมวางมาดเท่แบบพระเอกมังงะให้เขาดูพลางทำเสียงเท่ “ตอบสิ”
“ชอบแบบเดิมมากกว่าครับ ดูเป็นคุณดี”
เขามองแล้วสองมือเล็กๆนั้น ค่อยจะเส้นผมของผมเบาๆ เขาขยี้เส้นนี่ผมอย่างเบามือแล้วจัดทรงให้ใหม่
“ผมชอบแบบนี้มากกว่านะครับ ” ผมส่องตัวเองผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ตอนนี้ทรงผมที่เคยเช็ตไว้ก็เป็นทรงเดิมที่ผมเคยทำมาทุกวัน
การกระทำของเขาเมื่อกี้นี่มันอะไร....คำพูดแบบนั้นอีก
ผมเข้าข้างตัวเองได้มั้ย...ว่าเค้าอาจจะรู้สึกกับผมก็ได้
“ชอบนะ......”
เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งลงไป
คำๆหนึ่งหลุดออกมาจากปากของผมโดยไม่ทันคิดกว่าจะรู้ตัว ก็ไม่ทันแล้ว
“ครับ?” เขาเลิกคิ้วสงสัย
“เอ่อ...คือ” มือสั่นไปหมด
ใจก็เต้นถี่และแรงจนแทบจะหลุดออกมา จะตอบว่าไงดี เอาว่ะ.
“ชอบ....นายชอบอ่านหนังสือสินะ”
บ้าอะไรเนี่ย “ขอโทษเมื่อกี้ฉันพูดไม่ทันจบน่ะ”
“อ่ะครับ
ผมตกใจหมดเลยนึกว่าคิเสะคุงจะบอกชอบผม เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะ
ใช่มั้ยครับ”
เป็นไปได้สิ......ตอนนี้ฉันชอบนาย
ชอบมาก แต่ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง
“แล้วถ้าฉันชอบขึ้นมาจริงๆละ คุโรโกจจิจะตอบรับฉันมั้ย”
ถามสิ่งที่ใจอยากจะรู้ออกไปเรื่อยๆ
“นั้นสินะครับ เพราะดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวผมมาก
เลยไม่ได้คิดเรื่องแบบนี้ไว้น่ะครับ แต่เป็นผมจะดีหรอครับ.....ผมชอบที่จะเป็นเพื่อนแบบนี้มากกว่านะครับ
สบายใจดี” ดูยังไงก็โดนปฏิเสธชัดๆ ไม่อยากปิดบังอีกต่อไปแล้ว
อยากจะบอกออกไป
“ไม่หรอกไม่ใช่เรื่องไกลตัวนายสักหน่อย
นายคงไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์แค่ไหนใช่มั้ย
ขอโทษนะเรื่องที่ชอบเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องโกหกหรอก ไหนๆก็เผลอพูดสิ่งที่อยากบอกไปแล้ว
จะขอพูดไว้ตรงนี้เลยแล้วกัน”
คุโรโกจจินิ่งไป “ครับ?
อะไรนะครับ” เสียงเขาสั่นราวกับว่ายังไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“ฉันชอบนาย ชอบมากด้วยและฉันก็จริงจังมาก อาจจะกะทันหันไปหน่อยแต่ช่วยฟังสิ่งที่ฉันกำลังพูดหน่อยนะ”
ผมกุมมือของเขาขึ้นมาแล้วทาบริมฝีปากคงผมลงไปเบาๆ มือของเขามันสั่นไหว มันคงเป็นเพราะตอนนี้เขากำลังสับสนและงง
แต่ถ้าถึงขั้นนี่แล้วผมก็ไม่ถอยแล้วล่ะ
“คุโรโกะ เท็ตสึยะ
ผมชอบคุณ...ไม่ต้องให้คำตอบผมตอนนี้ก็ได้ แต่อยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมชอบคุณ
และจะจีบคุณอย่างจริงจังด้วย เป็นเรื่องที่อยากให้คุณได้รับรู้เอาไว้
และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกนี่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง”
ว่าแล้วก็จุมพิตลงมือที่ขาวและอ่อนนุ่มนั้นลงไปอีกครั้ง........
See you next chapter...
===============================================
สภาพคีจังตอนไปโรงเรียนค่ะ ทรงผมประมานนี้ หาเครดิตรูปไม่เจอขออภัยค่ะ หายไปเป็นปีเลย //กราบ
ความคิดเห็น