ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:KNB] Ice cream [Kikuro]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : การเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 59




    =การเริ่มต้น=

     “วันนี้จะไปไหนกันดี ?

    “ไปร้านคาเฟ่กันมั้ย ที่หน้าสถานี เดี๋ยวจะโทรเรียกพวกมิกะจังมาด้วย

    “ก็ดีนะ งั้นไปกัน”

    หลังจากที่ได้กำหนดเป้าหมายที่จะไปต่อได้เรียบร้อยแล้ว สาวน้อยทั้งสองก็เดินไปพลางยิ้มหัวเราะอย่างสนุกสนานโดยไม่ทันสังเกตสายตาของอีกคนที่เกาะขอบประตูโรงยิมมองพวกเธอด้วยความอิจฉา..

    ดีจังนะ เลิกเรียนปุ๊บก็ได้ไปลั้ลลาเลย เฮ้ออ  คิเสะบุ้ยปากแล้วถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะใช้สองมือที่เกาะขอบประตูนั้นดันตัวเองออกแล้วหันหลังกลับไปทางด้านในของโรงยิม ที่เจอเหล่าสมาชิกชมรมบาสเทย์โควทีม1 ทุกคนกำลังฝึกซ้อมอย่างขะมักเขม้น  อยากกลับบ้านแล้ววุ้ย !’ นี้ก็ผ่านมาเป็นเวลาเกือบจะสามเดือนเข้าให้แล้วตั้งแต่ที่เข้าได้เข้าชมรมมา ตอนนั้นนึกว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไหนได้ยากชะมัดเลย แถมทั้งวันนี้ก็เรียนหนักจนก็สมองระเบิด ทำให้เขาเบื่อเป็นพิเศษ

    “อาโอมิเนจจิ!! มาแข่ง  1 on 1 กันเถอะ !!! ” ระหว่างที่รอให้เวลาล่วงเลยไปถึงตอนเลิกซ้อม นี่ก็เป็นเพียงอย่างเดียวที่จะสามารถบรรเทาความเบื่อหน่ายนี่ไป   แต่คนที่ถูกชวนก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกันเอาซะเลย

    “ไม่ล่ะ ฉันเบื่อ”ลูกบาสที่หมุนอยู่บนปลายนิ้วของอาโอมิเนะหยุดลงพร้อมกับคำตอบที่ได้เอ่ยออกไป “ว่างนักก็ไปชวนมิโดริมะสิ ”

    “ไม่เอาด้วยหรอก ! ถ้าไม่ใช่นายฉันก็ไม่เล่นเหมือนกัน”  คิเสะสะบัดหน้าหนีอย่างหัวเสียเพราะไม่ได้ดั่งใจ บวกกับความเบื่อในตอนนี้ ซึ่งมันก็ทำให้คนผิวแทนเหล่ตามองเขาพร้อมกับถอนหายใจ

    “เอาไว้ซ้อมตามเมนูฝึกเสร็จแล้วกัน . .ฉันจะแข่งด้วย ”

    “จริงๆนะ ห้ามผิดสัญญานะ !!!” คิเสะตาเป็นประกายทันที

    “เออ ! ”  คิเสะวิ่งไปอีกทางพร้อมส่งเสียง ยะฮู้ว !  ทันทีทำตัวเหมือนเด็กๆ ไม่สิเหมือนสุนัขที่กำลังวิ่งเต้นดีใจเวลาเจ้านายของมันจะพามันไปเล่นด้วย ก็เหมือนจริงๆนั้นแหละ

     

    “เป็นคนใจดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? อาโอมิเนะ” มิโดริมะที่ยืนอยู่แถวนั้นพูดขึ้น

    “พอนายพูดแล้วน่าขนลุกแปลกๆว่ะ ” อาโอมิเนะยักไหล่ไม่สนใจ “แค่รำคาญ . .”

    “แล้วหมอนั้นล่ะ ? ”  

    “คงจะมาพร้อมซัทสึกิ นั้นแหละ.....แล้วทำไมคุยกับฉันต้องยืนห่างกันเป็นกิโลแบบนั้น” อาโอมิเนะคิ้วขมวดมองมิโดริมะอย่างไม่เข้าใจ และในขณะที่เขากำลังจะยกเท้าก้าวเดินเข้าไปนั้นก็ต้องชะงักหยุดทันที เมื่อมิโดริมะก็ตะโกนบอกเขาอย่างสุดเสียง

    “อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ นาโนดาโยะ !!!!!! ”      จนอาโอมิเนะหลุด ห่ะ?’ ออกมา

    “วันนี้ดวงราศีของนายอยู่อันดับสุดท้าย ฉันไม่อยากได้เชื้อความซวยจากตัวนาย ! นาโนดาโยะ !

    ถ้าเป็นเพื่อนกันปกติ อาโอมิเนะก็ควรที่จะอยู่ห่างๆมิโดริมะเพื่อความสบายใจของตัวมิโดริมะ แต่... เขาก็รู้ตัวว่าคงไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น อาโอมิเนะกระตุกยิ้มอย่างร้ายกาจก่อนที่เตรียมวิ่งเข้าชาร์จใส่อีกคน

    “นายพลาดแล้วว่ะ มิโดริมะ !!!

    “นายอยากตายใช่มั้ย !!!”   เมื่อเห็นว่ากลุ่มก้อนพลังแห่งความอับโชคนั้นกำลังเข้ามาใกล้ มิโดริมะเองก็เตรียมตัวป้องกัน ก่อนที่จะขว้างลูกบาสในมือไปกำจัดอีกคนอย่างสุดแรง !

    “เอืออก!

    “เห้ย ! พวกนายอย่ามัวแต่เล่นกันสิ !!” และคนที่ห้ามศึกในครั้งนี้ก็คือ นิจิมุระ

     

    “ขอโทษที่มาช้านะคะ ! /ขอโทษด้วยนะครับ ” โมโมอิยืนหอบอยู่ที่ทางเข้าก่อนจะถอดเปลี่ยนรองเท้าเดินเข้ามา ตามด้วยคุโรโกะ

     “ไม่เป็นไรแล้วตารางแข่งล่ะ ” นิจิมุระเอ่ยถามโมโมอิ

    “นี้ใบตารางการแข่งค่ะ คุณนิจิมุระ” โมโมอิยื่นใบตารางให้เขา

    “อาคาชิเห็นแล้วรึยัง ? นิจิมุระไล่ตามองรายละเอียดการแข่งขันในรอบนี้

    “ยังค่ะ แต่ว่าก็ตรงกับที่อาคาชิคุงคาดไว้เลยค่ะ ที่รอบแรกเราต้องแข่งกับ โรงเรียนฟุกุยามะ”

    “นั้นสินะ  ตอนเลิกคงต้องอยู่ประชุมด้วยสินะ ขอบใจมากโมโมอิ”

    “ด้วยความยินดีค่ะ” โมโมอิยิ้มตอบ ก่อนจะขอตัวไปจัดการงานของชมรมในการเก็บข้อมูลของผู้เล่นของทีมตัวเองเป็นการอัพเดทความสามารถในวันนี้

     

    “สวัสดีครับ” คุโรโกะทักทายอาโอมิเนะที่เพิ่งจบศึกสงครามกับมิโดริมะ

    “มาช้านะ เท็ตสึ”  อาโอมิเนะทักตอบโดยไม่หันมามองอีกคน เพราะตอนนี้ใบหน้าสีแทนของเขามันปรากฏรอยแดงเป็นวงกลมอย่างเห็นได้ชัด ว่ามาจากสิ่งใดซึ่งมันเรียกเสียงหัวเราะให้คนอื่นๆเป็นอย่างมาก รวมทั้งตัวของคุโรกะเองด้วย

    “อย่าหัวเราะฉันนะ”

    “ขอโทษครับ”  คุโรโกะคลี่ยิ้มบางออกมาซึ่งมันยากที่จะสังเกตเห็น แต่ไม่ใช่กับคิเสะ

    คิเสะมองอีกคนที่อยู่ตรงข้ามฝั่งสนามอย่างหลงใหล “ยิ้มอีกแล้วล่ะ”

    “หืม ? หิวอีกแล้ว ? ฉันไม่แบ่งขนมให้คิเสะจินหรอกนะ” มุราซากิบาระพูดขึ้น

    “ห่ะ? เปล่านะฉันไม่ได้พูดว่าหิวอีกแล้วซะหน่อย มุราซากิบารัจจิ” คิเสะแย้งขึ้น “ฉันไม่ขอให้นายแบ่งขนมให้หรอก ป่ะไปซ้อมกันเถอะ” คิเสะผลักให้มุราซากิบาระเดินไป ซึ่งอีกคนก็เดินอย่างช้าๆ จนคิเสะต้องเพิ่มแรงขึ้น

    “งั้นเมื่อกี้พูดว่าอะไรอ่ะ...เห ทางเมื่อกี้มีพวกคุโระจินอยู่ด้วยนี้  นายมองคุโระจินหรอ คิเสะจิน” มุราซากิบาระพูดเสียงเอื่อยและมองไปทางพวกคุโรโกะ

    จู่ๆคิเสะก็ชะงัก จนมุราซากิบาระหันไปมองคนด้านหลังพบว่าเขาก้มหน้าอยู่และใช้หัวนั้นพิงหลังของเขา

    “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันมองหน้าต่าง ต่างหากเล่า ว่า ว้าว! ท้องฟ้าสวยจังเลย พวกเราไปซ้อมกันเถอะ” คิเสะใช้ทั้งสองแขนดันและครั้งนี้รวมศีรษะของเขาด้วย เพื่อให้อีกคนเริ่มเดินต่อ “ไปซ้อมกันเถอะนะ ฉันอยากซ้อมแล้ว”  

    มุราซากิบาระยอมเดินแต่โดยดี และคิดทบทวนในใจ

    เมื่อกี้หูแดงด้วยนี้นา....คงไม่สบายมั้ง อืม....แต่ว่าโรงยิมเรามันไม่มีหน้าต่างนี้นา ควรจะบอกไปดีมั้ย. ไม่ล่ะน่ารำคาญสุดท้ายแล้วเขาก็เลี่ยงที่จะพูดออกไปเพราะความขี้เกียจ ก่อนที่สัญญาณนัดรวมจะดังขึ้นเพื่อรับเมนูการฝึกของวันนี้ตามโปรแกรมที่โมโมอิและอาคาชิ คิดขึ้น   

     

    เมื่อเวลาล่วงเลยไปมากพอสมควรที่จะเลิกกิจกรรมของวันนี้ อาคาชิจึงเรียกทุกคนอีกครั้งให้รวมตัวกันเพื่อที่จะคุยเกี่ยวกับการแข่งขันในครั้งต่อไป ใช้เวลาไม่นานนักจึงสั่งเลิกประชุมและปล่อยให้ทุกคนกลับบ้าน 

    นี้แหละเวลาที่รอคอย เกมจ๋า ขนมจ๋า การ์ตูนจ๋า รอฉันคนนี้ก่อนนะ จะเรียบกลับบ้านทันทีเลย!!

    คิเสะยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะเปิดตู้ล็อกเกอร์ของตนเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงไฟของจอโทรศัพท์สว่างอยู่ใต้เสื้อนักเรียนในตู้ของเขา   เมื่อหยิบมือถือนั้นขึ้นมาดูสิ่งที่คิดเอาไว้ว่าจะเมื่อไปถึงบ้านจะทำอะไรก็พังทลายลงทันที เพราะข้อความที่ส่งเข้ามานั้นเป็นของ ผู้จัดการของเขา ที่ส่งมาเตือนเรื่องงานในวันนี้ตอน 1 ทุ่ม  แบบว่า...ลืมไปเลย !  ตอนหกโมงครึ่งแล้ว ก็โชคดีหน่อยที่วันนี้เลิกซ้อมเร็วแต่ว่าจะไปทันรึเปล่าเนี่ย !  คิเสะรีบจัดการกับตัวเองทันทีเก็บเสื้อผ้ายัดๆใส่กระเป๋า และวิ่งออกไปทันที

    “เห คิเสะ! จะรีบไปไหนน่ะ ” อาโอมิเนะร้องถามคิเสะที่วิ่งสวนเขาออกไป “อะไรของหมอนั้น”

    “วันนี้คิเสะจิน ไม่สบายน่ะ”  มุราซากิบาระให้คำตอบกับอาโอมิเนะ

    “แล้วตอนนั้นบอกให้ฉันไปแข่ง 1 on 1 ตัวเองเป็นคนท้าแท้ๆ”

    “อย่าไปถือสาคนป่วยเลยนา มิเนะจิน” มุราซากิบาระโบกข้อมือแบบขอไปที

    “คนป่วย ?

     

    “เวรเอ๊ย! ลืมได้ไงเนี่ย !” คิเสะสบถกับตัวเองและเร่งฝีเท้าขึ้นพลางวางแผนการเดินไปที่สตูดิโอโดยใช้ทุกแผนที่คิดว่าจะประหยัดเวลาที่สุด เพียงเล็กน้อยก็ยังดี  ระหว่างที่วางแผนกว่าร้อยแปดแผนนั้น จู่ๆก็มีอีกหนึ่งความคิดผุดขึ้นมาในหัวของเขา ซึ่งแม้แต่ตัวเองนั้นยังไม่รู้ว่ามันโผล่มาได้ยังไง

    วันนี้เรายังไม่ได้คุยกันเลยนี้นา...ไม่คืบหน้าเลยซะนิดนะ เรียวตะ เห้ยยย ไม่ใช่สิ ต้องไปทางสถานีเร็วสุด แต่ยังไม่มีเมล์เลย จะของ่ายๆก็ไม่ได้ด้วยสิ .... เดี๋ยวสิตัวฉัน !!!!!!! ’

    “ว๊ากกก !” คิเสะร้องตะโกนหวังที่จะสลัดความคิดที่ตีกันออกไป

    ระหว่างนั้นด้วยความที่ไม่มีสติบวกกับความมืดจึงทำให้วิ่งชนกับบางสิ่งเข้า

    “อึ่ก!!”  เมื่อเขาพยายามปรับโฟกัสสายตาให้ชินกับความมืดที่มีแสงจากหลอดไฟเพียงน้อยนิดก็รู้ว่าชนกับอะไร

    คุโรโกจจิ!!!

    ทั้งเขาและคุโรโกะต่างล้มกันทั้งคู่ด้วยแรงปะทะ คุโรโกะกุมหัวตัวเองเพราะความมึนเล็กน้อย

    “ค-คุโรโกจจิ !!” อยู่ๆคิเสะก็ตะโกนขึ้นสุดแรงเพราะความลนลานและตกใจ อย่างไม่รู้ตัว คุโรโกะจึงรีบเอามืออุดหูไว้

    “คุณจะตะโกนทำไมกันครับเนี่ย”  คนตัวเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ เขาลุกขึ้นและปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าออก “จะนั่งงง อีกนานมั้ยครับ”

    “ขอโทษนะที่ชนนายน่ะ ไม่เป็นอะไรนะ” คิเสะพยายามคุมสติตัวเอง ไม่ให้ลนไปมากกว่านี้

    “ครับผมไม่เป็นไร แล้วคุณล่ะ ท่าทางรีบจังนะครับ”

    “พอดีมีงานที่ต้องรีบไปทำน่ะ”  ลัคกี้ไปเลย โชคดีจัง ..“..ที่ได้คุยด้วยกัน”

    ห้ะ คิเสะรีบเอามืออุดปากตัวเองทันทีเมื่อเขานั้นพูดในสิ่งที่คิดออกมา  และมองอีกคนที่ส่งสายตาไม่เข้าใจออกมา ว่าเมื่อกี้คิเสะพูดว่าอะไร

    “มุราซากิบาระคุงบอกว่าวันนี้คุณไม่สบายท่าทางจะเป็นเรื่องจริงนะครับ ”

      คิเสะโล่งใจที่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้ยินจึงยิ้มเจื่อนๆออกไป และขอตัวออกมา

    “ขอตัวนะ”

    “ครับอย่าหักโหมมากนะครับคิเสะคุง เดี๋ยวอาการจะเป็นหนักกว่าเดิม” คุโรโกะบอกด้วยความห่วงใยเพราะคิเสะเองก็เป็นผู้เล่นร่วมทีมเดียวกัน จึงไม่อยากให้เขานั้นหักโหมมากจนเกินไป

    “อ---อืม ขอบคุณนะ” เออ..ว่าไงดีล่ะ ขอเมล์ดีมั้ยนะ แต่มันจะง่ายไปรึเปล่า ไม่เอาอ่ะไม่กล้า !! “ พรุ่งนี้เจอกันนะ ”

    เขาวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที เพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร  และเริ่มวิ่งไปตามเส้นทางที่คิดเอาไว้ แต่ก็ต้องยอมรับเลยนะว่า.. ตอนนี้โคตรจะมีความสุขเลย!!

     

      

    ณ สตูดิโอ

    “คิเสะคุงพร้อมแล้วค่ะ ”

    “ขอความกรุณาด้วยนะครับ ”  คิเสะโค้งเคารพอย่างน้อบน้อมให้ทีมสตาฟและตากล้อง และเริ่มงานทันที

    เขาเลดเวลาไป 15 นาทีซึ่งในฐานะที่เพิ่งเขาวงการมานั้นเขายังไม่อยากผิดนัดเท่าไหร่ นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เขาเลดไป แต่ทุกคนก็เข้าใจเพราะว่าติดกิจกรรมชมรม แถมยิ่งเป็นชมรมบาสที่มีชื่อเสียงแห่งนั้นด้วยจึงไม่ถือสาอะไร

    วันนี้เป็นงานถ่ายคอลเลคชั่นใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้โดยฝีมือของดีไซเนอร์ที่เป็นที่นิยมไม่ว่าจะในยุคไหน ที่รู้จักกันในนามว่า  ควีน’  ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าชายหรือหญิง  คิเสะเป็นหนึ่งในนายแบบที่ถูกเลือกให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ในคอนเซ็ป แสงตะวัน ที่ร่าเริงซึ่งทั้งเขาและชุดเหล่านี้ช่างเหมาะสมกันดีจริงๆ  จนทุกคนรู้สึกว่าคิดเอาไว้ไม่มีผิด คนที่เหมาะสมกับคำว่าแสงตะวัน และ ร่าเริง ก็ต้อง คิเสะ เรียวตะนี้แหละ

     

    งานถ่ายออกมาได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีชุดที่เหลืออยู่อีก ทางสตาฟจึงตัดสินใจให้ยกไปถ่ายวันหลังและดูท่าว่านายแบบเองก็เหนื่อยเต็มทีแล้ว

    คิเสะนั่งรอผู้จัดการที่ห้องรับรอง เพื่อฟังตารางงานครั้งต่อไป ไม่นานหนักหญิงสาวที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการก็เดินเข้ามา

    “ขอโทษนะจ๊ะ คิเสะคุงที่ให้รอ  สรุปแล้วงานนี้ครั้งต่อไปเจอกันวันเสาร์แล้วกันนะจ้ะ ส่วนงานของวันพรุ่งนี้คงจะกินเวลาทั้งวันเลย พรุ่งนี้พี่จะลาทางอาจารย์ให้นะ ขอโทษจริงๆนะจ้ะที่ทำให้เธอเสียการเรียนแบบนี้น่ะ ” ไม่ว่าเปล่าผู้จัดการก็เริ่มเสียงสั่นคลอและก้มหัวโขกกับโต๊ะการแฟอย่างแรง ทำให้คิเสะสะดุ้งและรีบออกปากไปแล้ว อย่าโทษตังเองเลยครับ ! พี่สึบากิ 

    สึบากิสาวร่างเล็กผู้จัดส่วนตัวของคิเสะเป็นคนที่พี่สาวแนะนำมาเพราะเป็นรุ่นน้องของพี่สาว โดยภาพรวมแล้วเป็นคนใจดีมากๆ เรียบร้อยแต่ข้อเสียคือ มักจะโทษตัวเองบ่อยๆ หากเกิดอะไรขึ้นกับคิเสะ เพราะเธอเองก็เป็นมือใหม่ ในตอนแรกๆไม่กล้ารับงานเพราะกลัวจะทำให้ชื่อเสียงของคิเสะไม่เป็นที่นิยม แต่ในทุกวันนี้ต้องขอบคุณเธอเพราะงานต่างๆราบรื่นไปด้วยดีเพราะความขยันและอัธยาศัยดีของเธอ เป็นอีกคนที่คิเสะเชื่อใจมากแต่บางทีก็เป็นห่วงว่าการขอโทษที่ฮาร์ดคอร์ของเธอนั้นจะทำเธอได้รับอันตรายเข้าสักวัน

    “ถ้าเกิดว่ามีการบ้านค้างเยอะ บอกพี่ได้นะ พี่จะช่วยเอง”

    “แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้วล่ะครับ ขอบคุณนะครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ ?

    “ได้จ้ะว่ามาเลย”คิเสะสูดหายใจเอกใหญ่ก่อนเอ่ยถาม

    “เวลาขอเมล์ควรจะพูดว่ายังไงไม่ให้อีกฝ่ายลำบากใจหรอครับ . ”

    “จ้ะ ??

     

     

    “อะไรของแก ก็แค่พูดไปว่า เรามาแลกเมล์กันมั้ยครับ  แค่นี้เอง”    คิเสะ ฮิเมโกะตอบน้องชายของเธอพลางหยิบขนมเข้าปากและนอนดูทีวีกระดิกเท้าอย่างสบายใจ

    “แค่นั้นหรอ ”

    “แล้วแกจะทำให้มันเป็นเรื่องยากทำไมล่ะ ”  คิเสะกดอกใช้ความคิด  สายตาก็หันไปมองจอทีวีที่กำลังฉายซีรี่ย์ที่กำลังดังอยู่  เป็นฉากที่นางเอกนั้นกำลังจะไปสารภาพรักกับรุ่นพี่ที่แอบชอบ

    “มันสนุกหรอ?

    “ใช่ น่ารักดีพี่ชอบ” ฮิเมโกะยิ้มกริ่มอย่างสุขใจ ไม่ได้ฟินกับซีรี่ย์อย่างเดียว แต่เป็นพระเอกด้วย “อ๊าย น่ารักจังเลยที่รักค่า !//

    เป็นเอามาก...

    “พี่ยูกะอยู่บนห้องใช่มั้ย” คิเสะคิดว่าการที่มาถามฮิเมโกะเป็นเรื่องที่คิดผิดสุดๆจึงถอดใจเปลี่ยนเป้าหมายไปทางพี่คนกลางแทน

    “ใช่อยู่บนห้อง”  คิเสะพยักหน้าก่อนปลีกตัวไปชั้นสอง

    “แล้วงานเสร็จหมดแล้วหรอฮะ ”

    “ก็ใกล้เสร็จหมดแล้วล่ะ เหลือแค่คัดเลือกนางแบบอีกคนคอนเซ็ป สีขาวของหิมะ ไปๆรำคาญ” ฮิเมโกะไล่คิเสะไปเพราะเขากำลังรบกวนเวลาดูซีรี่ย์ของเธอ

    “อ้อออ ครับพยายามเข้านะครับ”

    “เธอก็เหมือนกัน”

     

    “น้องสาวพี่ เอ้ย น้องชายพี่กำลังมีความรักหรอ !? คิเสะ ยูกะ ใช้เท้าถีบกับผนังด้านข้างเพื่อให้เก้าอี้เคลื่อนล้อไปทางที่น้องชายของเธอนั่งอยู่  “แล้วเป็นคนแบบไหนล่ะ น่ารักรึเปล่า!?

    “เปล่านี้ แค่ถามเฉยๆ ”  คิเสะเบนสายตาหนีตาดวงตาที่กำลังเป็นประกายของพี่สาว 

    “ไม่จริงๆหรอก คนแบบเธอเป็นมิตรจะตายไปจะขอเมล์ใครเขาก็ให้หมดนั้นแหละ นายแบบชื่อดังเชียวนะ นอกซะจากว่า เธอจะเขินจนประหม่า...” ยูกะพล่ามยาวออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น  “แสดงว่าเป็นคนที่เธอรู้สึกดีด้วยไง เธอชอบคนๆนั้นใช่มั้ย  ว๊ายย ! น่ารักจังเลย

    คิเสะนั่งนิ่งไม่พูดจาอะไรอีกต่อไป  ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะกลับห้อง

    “เดี๋ยว!!!”  คิเสะหันกลับเข้าไปในห้องที่พี่สาวของเขานั้นกำลังนั่งยิ้มให้อยู่ 

    “แล้วสรุปน่ารักมั้ย คนๆนั้นน่ะ ?

    คิเสะยิ้มุมปากตีคิ้วใส่ยูกะ “น่ารักอยู่แล้วล่ะ น่ารักกว่าใครเลยด้วย”

     

    เมื่อกลับมานั่งคิดทบทวนดูดีๆ หรือเขามันบ้าไปเองที่ทำให้เรื่องง่ายๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ ... คิเสะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเปิดรูปภาพในอัลบั้มดู เป็นรูปของคุโรโกะเมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรก

    “บอกว่าอย่าหักโหมงั้นหรอ ...ใจดีจังนะ”  นิ้วเรียวลูบหน้าจอที่กำลังปรากฏภาพอย่างช้าๆ ริมฝีปากนั้นก็ยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ศีรษะน้อมลงกับโต๊ะพลางส่ายศีรษะจนจมูกโด่งนั้นถูไปมากับโต๊ะ เพื่อแก้เขินออกมา แค่รูปก็เป็นได้ขนาดนี้แล้ว ในทุกๆวันนั้นทั้งเรียน ทำงาน และซ้อม ทำให้เหนื่อยทั้งกายและใจก็ท้ออีกต่างหาก ยาแก้ที่ดีที่สุดคงต้องรูปของรอยยิ้มหวานๆนี้แหละนะ

    ครืดด

    เสียงสายเข้าดังขึ้นทำให้คิเสะหลุดจากภวังค์ มองหน้าจอที่โชว์เบอร์   โมโมจจิ ? คิเสะยืนตัวนั่งปกติและกดรับสาย

    [คีจัง ไม่สบายงั้นหรอ เป็นงั้นบ้าง ?! เป็นห่วงมากเลยนะเนี่ย !?] ปลายเสียงดังขึ้นอย่างดังเพราะความรู้สึกที่เป็นห่วง

    ห้ะ ? ไม่สบาย ?

    “เปล่านะก็สบายดีนะ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ” คิเสะยิ้มอยู่คนเดียวเพราะความรู้สึกของเพื่อนที่ส่งมาให้เขา จนเขานั้นรู้สึกได้ และรู้ได้ทันที่ว่าตอนนี้โมโมอิกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ “จริงๆนะ ”

    [โกหกครับ]

    ปลายเสียงเปลี่ยนไปกลายเป็นอีกคน  ทันที ที่คิเสะได้ยินเสียงนั้นที่คุ้นหู หัวใจก็เริ่มเต้นรัวขึ้น มือไม้สั่นไปหมด หน้าร้อนฉ่า แล้วพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติที่สุด

    “ค—คุโรโกจจิหรอ ? 

    [ครับผมเอง]  ใช่จริงๆด้วย !

    “เออ สวัสดีนะ เห ไม่สิ ทำไมอยู่กับโมโมจจิล่ะ มันดึกแล้วนะ” คิเสะถามออกไปเพราะตอนนี้นาฬิกาบ่งบอกว่ากำลังจะห้าทุ่มแล้ว

    [คือ ตอนนี้คุณโมโมอิ กับอาโอมิเนะคุงอยู่ที่บ้านผมน่ะครับ วันนี้เป็นวันเกิดคุณยายเลยจัดปาร์ตี้กันน่ะครับ..เออ ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ชวน เห็นว่าคิเสะคุงกำลังจะไปทำงานอยู่]

    “ไม่เป็นไร ! ไม่เป็นไรหรอก งั้นหรอฝากบอกคุณยายด้วยกันนะว่า ขอให้สุขภาพแข็งแรงน่ะ ..เออ คุโรโกจจิไม่ต้องขอโทษฉันหรอกนะ”  คิเสะเกาแก้มตัวเองแก้ขัดเขิน แต่ความรู้สึกอีกด้านก็รู้สึกอิจฉาโมโมอิและอาโอมิเนะสุดๆ

    [ครับ แล้วอาการเป็นไงบ้างหรอครับ] น้ำเสียงของคุโรโกะนั้นฟังแล้วช่างอ่อนโยน  ทำให้อีกคนทำให้ตัวไม่ถูก เขาเดินไปที่เตียงและทิ้งตัวนอนลง

    “คือฉันไม่ได้เป็นอะไรนะ จริงๆ”  เขาตอบออกไป ในตอนนี้อยากเจอตัวจริงจังเลย  อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียงชัดๆออกจากปากสีหวานนั้น

    [โกหกครับ ผมไม่เชื่อหรอก]

    “เชื่อฉันหน่อยเถอะนะ จริงๆนะ ” คิเสะอ้อนด้วยน้ำเสียง “เออ พรุ่งนี้ฉันติดงาน คงจะไม่ได้ไปโรงเรียนฝากบอกโมโมจจิกับมุราซากิบารัจจิหน่อยนะ”

    [ได้ครับ แล้วผมจะบอกให้นะครับ ..]

     เมื่อปลายสายเว้นช่วงไป คิเสะจังกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที ...ไม่นะขอคุยต่ออีกหน่อยสิ อีกนิดยังดี

    “ค---”

    [พรุ่งนี้ก็ตั้งใจทำงานนะครับ อย่าหักโหมเกินไปนะครับ]

    ไม่ทันที่จะเอ่ยชื่ออีกคน ปลายสายก็พูดขึ้นก่อน ทำเอาคิเสะแทบลืมหายใจไปขณะหนึ่ง  และทิ้งตัวอย่างแรง

    “อืม ฉันสัญญาเลยละ ฉันจะตั้งใจทำงาน จะไม่หักโหมเด็ดขาด”

    [สัญญาแล้วนะครับ งั้นพรุ่งนี้ อะ ไม่สิวันศุกร์เจอกันนะครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ]

    “อืม ราตรีสวัสดิ์นะคุโรโกจจิ”  ให้ตายสิหุบยิ้มไม่ได้เลยแหะ

    [ครับ คิเสะคุง]

     

    บทสนทนานั้นจบลง ใจของคิเสะก็ยังเต้นรัวไม่หายเสียที รู้สึกเหมือนจมไปในความฝันเลย คิดแบบนั้นจึงหยิกแก้มของตัวเองอย่างแรง   ..โอ้ย...เจ็บ  แสดงว่าไม่ใช่ฝัน  เราได้คุยกันอีกครั้งถึงจะไม่ใช่เวลาที่นานเท่าไหร่ก็ตาม ดีใจจังเลย  เฮ้อ..รออะไรเขินสิครับ !

    เมื่อรู้ว่าคุมอาการไม่อยู่แล้วร่างสูงจึงกระโดดออกจากเตียงเปิดประตูเสียงดังวิ่งออกไปจากห้อง กระโดดลงบันได จนพวกพี่ๆและแม่ของเขามองว่าเขานั้นเป็นบ้าบออะไร คิเสะกระโดดพุ่งเข้ากอดฮิเมโกะที่กำลังดูซีรี่ย์เรื่องเดิมอยู่

    “อะไรของแกเรียวตะ!”  ฮิเมโกะผลักคิเสะออกอย่างรำคาญ

    “ผมเขินน!!!!!

    “โอ้ยย รำคาญ !!!

     

    แค่นี้ก็ดีแล้ว...เพียงแค่ได้ยินเสียง ก็เพียงพอแล้วล่ะ ขอบคุณนะ 

    หุบยิ้มได้แล้วตัวผม!!!  ต่อจากวันนี้ไปนี้แหละ คือการเริ่มต้นที่จะรุกอย่างแท้จริง 


    See you next chapter...


    ==================================================================

    หายไปนาน นาน และนาน เพิ่งจบรบจากการสอบทั้งหลายมาค่ะยากโฮก (ฮา) ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ

    ปิดเทอมแบบยาวๆแล้ว  มีเวลาอัพแล้วค่ะ >_<

    จะพัฒนาฝีมือเรื่อยๆขอบคุณค่ะ 

    Cr image : Pixiv Id 1920947

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×