คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : การเริ่มต้น
“วันนี้จะไปไหนกันดี ? ”
“ไปร้านคาเฟ่กันมั้ย
ที่หน้าสถานี เดี๋ยวจะโทรเรียกพวกมิกะจังมาด้วย ”
“ก็ดีนะ
งั้นไปกัน”
หลังจากที่ได้กำหนดเป้าหมายที่จะไปต่อได้เรียบร้อยแล้ว
สาวน้อยทั้งสองก็เดินไปพลางยิ้มหัวเราะอย่างสนุกสนานโดยไม่ทันสังเกตสายตาของอีกคนที่เกาะขอบประตูโรงยิมมองพวกเธอด้วยความอิจฉา..
‘ดีจังนะ เลิกเรียนปุ๊บก็ได้ไปลั้ลลาเลย เฮ้ออ’ คิเสะบุ้ยปากแล้วถอนหายใจยาวๆ
ก่อนจะใช้สองมือที่เกาะขอบประตูนั้นดันตัวเองออกแล้วหันหลังกลับไปทางด้านในของโรงยิม
ที่เจอเหล่าสมาชิกชมรมบาสเทย์โควทีม1 ทุกคนกำลังฝึกซ้อมอย่างขะมักเขม้น ‘อยากกลับบ้านแล้ววุ้ย
!’ นี้ก็ผ่านมาเป็นเวลาเกือบจะสามเดือนเข้าให้แล้วตั้งแต่ที่เข้าได้เข้าชมรมมา
ตอนนั้นนึกว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไหนได้ยากชะมัดเลย
แถมทั้งวันนี้ก็เรียนหนักจนก็สมองระเบิด ทำให้เขาเบื่อเป็นพิเศษ
“อาโอมิเนจจิ!! มาแข่ง 1 on 1 กันเถอะ !!! ”
ระหว่างที่รอให้เวลาล่วงเลยไปถึงตอนเลิกซ้อม นี่ก็เป็นเพียงอย่างเดียวที่จะสามารถบรรเทาความเบื่อหน่ายนี่ไป
แต่คนที่ถูกชวนก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกันเอาซะเลย
“ไม่ล่ะ
ฉันเบื่อ”ลูกบาสที่หมุนอยู่บนปลายนิ้วของอาโอมิเนะหยุดลงพร้อมกับคำตอบที่ได้เอ่ยออกไป
“ว่างนักก็ไปชวนมิโดริมะสิ ”
“ไม่เอาด้วยหรอก
! ถ้าไม่ใช่นายฉันก็ไม่เล่นเหมือนกัน” คิเสะสะบัดหน้าหนีอย่างหัวเสียเพราะไม่ได้ดั่งใจ
บวกกับความเบื่อในตอนนี้ ซึ่งมันก็ทำให้คนผิวแทนเหล่ตามองเขาพร้อมกับถอนหายใจ
“เอาไว้ซ้อมตามเมนูฝึกเสร็จแล้วกัน
. .ฉันจะแข่งด้วย ”
“จริงๆนะ
ห้ามผิดสัญญานะ !!!” คิเสะตาเป็นประกายทันที
“เออ ! ”
คิเสะวิ่งไปอีกทางพร้อมส่งเสียง ยะฮู้ว ! ทันทีทำตัวเหมือนเด็กๆ
ไม่สิเหมือนสุนัขที่กำลังวิ่งเต้นดีใจเวลาเจ้านายของมันจะพามันไปเล่นด้วย
ก็เหมือนจริงๆนั้นแหละ
“เป็นคนใจดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
? อาโอมิเนะ” มิโดริมะที่ยืนอยู่แถวนั้นพูดขึ้น
“พอนายพูดแล้วน่าขนลุกแปลกๆว่ะ
” อาโอมิเนะยักไหล่ไม่สนใจ “แค่รำคาญ . .”
“แล้วหมอนั้นล่ะ
? ”
“คงจะมาพร้อมซัทสึกิ
นั้นแหละ.....แล้วทำไมคุยกับฉันต้องยืนห่างกันเป็นกิโลแบบนั้น”
อาโอมิเนะคิ้วขมวดมองมิโดริมะอย่างไม่เข้าใจ
และในขณะที่เขากำลังจะยกเท้าก้าวเดินเข้าไปนั้นก็ต้องชะงักหยุดทันที เมื่อมิโดริมะก็ตะโกนบอกเขาอย่างสุดเสียง
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ
นาโนดาโยะ !!!!!! ” จนอาโอมิเนะหลุด ‘ห่ะ?’ ออกมา
“วันนี้ดวงราศีของนายอยู่อันดับสุดท้าย
ฉันไม่อยากได้เชื้อความซวยจากตัวนาย !
นาโนดาโยะ !”
ถ้าเป็นเพื่อนกันปกติ
อาโอมิเนะก็ควรที่จะอยู่ห่างๆมิโดริมะเพื่อความสบายใจของตัวมิโดริมะ แต่...
เขาก็รู้ตัวว่าคงไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น อาโอมิเนะกระตุกยิ้มอย่างร้ายกาจก่อนที่เตรียมวิ่งเข้าชาร์จใส่อีกคน
“นายพลาดแล้วว่ะ
มิโดริมะ !!! ”
“นายอยากตายใช่มั้ย
!!!”
เมื่อเห็นว่ากลุ่มก้อนพลังแห่งความอับโชคนั้นกำลังเข้ามาใกล้ มิโดริมะเองก็เตรียมตัวป้องกัน
ก่อนที่จะขว้างลูกบาสในมือไปกำจัดอีกคนอย่างสุดแรง !
“เอืออก!”
“เห้ย
! พวกนายอย่ามัวแต่เล่นกันสิ
!!”
และคนที่ห้ามศึกในครั้งนี้ก็คือ นิจิมุระ
“ขอโทษที่มาช้านะคะ
! /ขอโทษด้วยนะครับ ” โมโมอิยืนหอบอยู่ที่ทางเข้าก่อนจะถอดเปลี่ยนรองเท้าเดินเข้ามา
ตามด้วยคุโรโกะ
“ไม่เป็นไรแล้วตารางแข่งล่ะ ” นิจิมุระเอ่ยถามโมโมอิ
“นี้ใบตารางการแข่งค่ะ
คุณนิจิมุระ” โมโมอิยื่นใบตารางให้เขา
“อาคาชิเห็นแล้วรึยัง
? ” นิจิมุระไล่ตามองรายละเอียดการแข่งขันในรอบนี้
“ยังค่ะ
แต่ว่าก็ตรงกับที่อาคาชิคุงคาดไว้เลยค่ะ ที่รอบแรกเราต้องแข่งกับ โรงเรียนฟุกุยามะ”
“นั้นสินะ ตอนเลิกคงต้องอยู่ประชุมด้วยสินะ
ขอบใจมากโมโมอิ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
โมโมอิยิ้มตอบ ก่อนจะขอตัวไปจัดการงานของชมรมในการเก็บข้อมูลของผู้เล่นของทีมตัวเองเป็นการอัพเดทความสามารถในวันนี้
“สวัสดีครับ” คุโรโกะทักทายอาโอมิเนะที่เพิ่งจบศึกสงครามกับมิโดริมะ
“มาช้านะ
เท็ตสึ” อาโอมิเนะทักตอบโดยไม่หันมามองอีกคน
เพราะตอนนี้ใบหน้าสีแทนของเขามันปรากฏรอยแดงเป็นวงกลมอย่างเห็นได้ชัด ว่ามาจากสิ่งใดซึ่งมันเรียกเสียงหัวเราะให้คนอื่นๆเป็นอย่างมาก
รวมทั้งตัวของคุโรกะเองด้วย
“อย่าหัวเราะฉันนะ”
“ขอโทษครับ”
คุโรโกะคลี่ยิ้มบางออกมาซึ่งมันยากที่จะสังเกตเห็น แต่ไม่ใช่กับคิเสะ
คิเสะมองอีกคนที่อยู่ตรงข้ามฝั่งสนามอย่างหลงใหล
“ยิ้มอีกแล้วล่ะ”
“หืม ? หิวอีกแล้ว ? ฉันไม่แบ่งขนมให้คิเสะจินหรอกนะ”
มุราซากิบาระพูดขึ้น
“ห่ะ? เปล่านะฉันไม่ได้พูดว่าหิวอีกแล้วซะหน่อย
มุราซากิบารัจจิ” คิเสะแย้งขึ้น “ฉันไม่ขอให้นายแบ่งขนมให้หรอก ป่ะไปซ้อมกันเถอะ”
คิเสะผลักให้มุราซากิบาระเดินไป ซึ่งอีกคนก็เดินอย่างช้าๆ จนคิเสะต้องเพิ่มแรงขึ้น
“งั้นเมื่อกี้พูดว่าอะไรอ่ะ...เห
ทางเมื่อกี้มีพวกคุโระจินอยู่ด้วยนี้
นายมองคุโระจินหรอ คิเสะจิน” มุราซากิบาระพูดเสียงเอื่อยและมองไปทางพวกคุโรโกะ
จู่ๆคิเสะก็ชะงัก
จนมุราซากิบาระหันไปมองคนด้านหลังพบว่าเขาก้มหน้าอยู่และใช้หัวนั้นพิงหลังของเขา
“ไม่ใช่สักหน่อย
ฉันมองหน้าต่าง ต่างหากเล่า ว่า ว้าว! ท้องฟ้าสวยจังเลย
พวกเราไปซ้อมกันเถอะ” คิเสะใช้ทั้งสองแขนดันและครั้งนี้รวมศีรษะของเขาด้วย
เพื่อให้อีกคนเริ่มเดินต่อ “ไปซ้อมกันเถอะนะ ฉันอยากซ้อมแล้ว”
มุราซากิบาระยอมเดินแต่โดยดี
และคิดทบทวนในใจ
‘เมื่อกี้หูแดงด้วยนี้นา....คงไม่สบายมั้ง อืม....แต่ว่าโรงยิมเรามันไม่มีหน้าต่างนี้นา
ควรจะบอกไปดีมั้ย. ไม่ล่ะน่ารำคาญ’ สุดท้ายแล้วเขาก็เลี่ยงที่จะพูดออกไปเพราะความขี้เกียจ
ก่อนที่สัญญาณนัดรวมจะดังขึ้นเพื่อรับเมนูการฝึกของวันนี้ตามโปรแกรมที่โมโมอิและอาคาชิ
คิดขึ้น
เมื่อเวลาล่วงเลยไปมากพอสมควรที่จะเลิกกิจกรรมของวันนี้
อาคาชิจึงเรียกทุกคนอีกครั้งให้รวมตัวกันเพื่อที่จะคุยเกี่ยวกับการแข่งขันในครั้งต่อไป
ใช้เวลาไม่นานนักจึงสั่งเลิกประชุมและปล่อยให้ทุกคนกลับบ้าน
นี้แหละเวลาที่รอคอย
! เกมจ๋า ขนมจ๋า การ์ตูนจ๋า รอฉันคนนี้ก่อนนะ จะเรียบกลับบ้านทันทีเลย!!
คิเสะยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะเปิดตู้ล็อกเกอร์ของตนเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
แสงไฟของจอโทรศัพท์สว่างอยู่ใต้เสื้อนักเรียนในตู้ของเขา เมื่อหยิบมือถือนั้นขึ้นมาดูสิ่งที่คิดเอาไว้ว่าจะเมื่อไปถึงบ้านจะทำอะไรก็พังทลายลงทันที
เพราะข้อความที่ส่งเข้ามานั้นเป็นของ ผู้จัดการของเขา ที่ส่งมาเตือนเรื่องงานในวันนี้ตอน
1 ทุ่ม
แบบว่า...ลืมไปเลย !
ตอนหกโมงครึ่งแล้ว ก็โชคดีหน่อยที่วันนี้เลิกซ้อมเร็วแต่ว่าจะไปทันรึเปล่าเนี่ย
!
คิเสะรีบจัดการกับตัวเองทันทีเก็บเสื้อผ้ายัดๆใส่กระเป๋า และวิ่งออกไปทันที
“เห คิเสะ! จะรีบไปไหนน่ะ ” อาโอมิเนะร้องถามคิเสะที่วิ่งสวนเขาออกไป
“อะไรของหมอนั้น”
“วันนี้คิเสะจิน
ไม่สบายน่ะ” มุราซากิบาระให้คำตอบกับอาโอมิเนะ
“แล้วตอนนั้นบอกให้ฉันไปแข่ง
1 on 1 ตัวเองเป็นคนท้าแท้ๆ”
“อย่าไปถือสาคนป่วยเลยนา มิเนะจิน” มุราซากิบาระโบกข้อมือแบบขอไปที
“คนป่วย ? ”
“เวรเอ๊ย! ลืมได้ไงเนี่ย !” คิเสะสบถกับตัวเองและเร่งฝีเท้าขึ้นพลางวางแผนการเดินไปที่สตูดิโอโดยใช้ทุกแผนที่คิดว่าจะประหยัดเวลาที่สุด
เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
ระหว่างที่วางแผนกว่าร้อยแปดแผนนั้น
จู่ๆก็มีอีกหนึ่งความคิดผุดขึ้นมาในหัวของเขา
ซึ่งแม้แต่ตัวเองนั้นยังไม่รู้ว่ามันโผล่มาได้ยังไง
‘วันนี้เรายังไม่ได้คุยกันเลยนี้นา...ไม่คืบหน้าเลยซะนิดนะ
เรียวตะ เห้ยยย ไม่ใช่สิ ต้องไปทางสถานีเร็วสุด
แต่ยังไม่มีเมล์เลย จะของ่ายๆก็ไม่ได้ด้วยสิ .... เดี๋ยวสิตัวฉัน !!!!!!! ’
“ว๊ากกก !” คิเสะร้องตะโกนหวังที่จะสลัดความคิดที่ตีกันออกไป
ระหว่างนั้นด้วยความที่ไม่มีสติบวกกับความมืดจึงทำให้วิ่งชนกับบางสิ่งเข้า
“อึ่ก!!” เมื่อเขาพยายามปรับโฟกัสสายตาให้ชินกับความมืดที่มีแสงจากหลอดไฟเพียงน้อยนิดก็รู้ว่าชนกับอะไร
คุโรโกจจิ!!!
ทั้งเขาและคุโรโกะต่างล้มกันทั้งคู่ด้วยแรงปะทะ
คุโรโกะกุมหัวตัวเองเพราะความมึนเล็กน้อย
“ค-คุโรโกจจิ !!” อยู่ๆคิเสะก็ตะโกนขึ้นสุดแรงเพราะความลนลานและตกใจ อย่างไม่รู้ตัว คุโรโกะจึงรีบเอามืออุดหูไว้
“คุณจะตะโกนทำไมกันครับเนี่ย” คนตัวเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ เขาลุกขึ้นและปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าออก “จะนั่งงง อีกนานมั้ยครับ”
“ขอโทษนะที่ชนนายน่ะ ไม่เป็นอะไรนะ” คิเสะพยายามคุมสติตัวเอง ไม่ให้ลนไปมากกว่านี้
“ครับผมไม่เป็นไร แล้วคุณล่ะ ท่าทางรีบจังนะครับ”
“พอดีมีงานที่ต้องรีบไปทำน่ะ” ลัคกี้ไปเลย โชคดีจัง ..“..ที่ได้คุยด้วยกัน”
ห้ะ ! คิเสะรีบเอามืออุดปากตัวเองทันทีเมื่อเขานั้นพูดในสิ่งที่คิดออกมา และมองอีกคนที่ส่งสายตาไม่เข้าใจออกมา ว่าเมื่อกี้คิเสะพูดว่าอะไร
“มุราซากิบาระคุงบอกว่าวันนี้คุณไม่สบายท่าทางจะเป็นเรื่องจริงนะครับ ”
คิเสะโล่งใจที่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้ยินจึงยิ้มเจื่อนๆออกไป และขอตัวออกมา
“ขอตัวนะ”
“ครับอย่าหักโหมมากนะครับคิเสะคุง เดี๋ยวอาการจะเป็นหนักกว่าเดิม” คุโรโกะบอกด้วยความห่วงใยเพราะคิเสะเองก็เป็นผู้เล่นร่วมทีมเดียวกัน จึงไม่อยากให้เขานั้นหักโหมมากจนเกินไป
“อ---อืม ขอบคุณนะ” เออ..ว่าไงดีล่ะ ขอเมล์ดีมั้ยนะ แต่มันจะง่ายไปรึเปล่า ไม่เอาอ่ะไม่กล้า !! “ พรุ่งนี้เจอกันนะ ”
เขาวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที เพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร และเริ่มวิ่งไปตามเส้นทางที่คิดเอาไว้ แต่ก็ต้องยอมรับเลยนะว่า.. ตอนนี้โคตรจะมีความสุขเลย!!
ณ สตูดิโอ
“คิเสะคุงพร้อมแล้วค่ะ ”
“ขอความกรุณาด้วยนะครับ ” คิเสะโค้งเคารพอย่างน้อบน้อมให้ทีมสตาฟและตากล้อง และเริ่มงานทันที
เขาเลดเวลาไป 15 นาทีซึ่งในฐานะที่เพิ่งเขาวงการมานั้นเขายังไม่อยากผิดนัดเท่าไหร่ นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เขาเลดไป แต่ทุกคนก็เข้าใจเพราะว่าติดกิจกรรมชมรม แถมยิ่งเป็นชมรมบาสที่มีชื่อเสียงแห่งนั้นด้วยจึงไม่ถือสาอะไร
วันนี้เป็นงานถ่ายคอลเลคชั่นใหม่
ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้โดยฝีมือของดีไซเนอร์ที่เป็นที่นิยมไม่ว่าจะในยุคไหน
ที่รู้จักกันในนามว่า ‘ควีน’ ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าชายหรือหญิง
คิเสะเป็นหนึ่งในนายแบบที่ถูกเลือกให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ในคอนเซ็ป ‘แสงตะวัน ที่ร่าเริง’ ซึ่งทั้งเขาและชุดเหล่านี้ช่างเหมาะสมกันดีจริงๆ จนทุกคนรู้สึกว่าคิดเอาไว้ไม่มีผิด
คนที่เหมาะสมกับคำว่าแสงตะวัน และ ร่าเริง ก็ต้อง คิเสะ เรียวตะนี้แหละ
งานถ่ายออกมาได้อย่างสมบูรณ์
แต่ก็ยังมีชุดที่เหลืออยู่อีก ทางสตาฟจึงตัดสินใจให้ยกไปถ่ายวันหลังและดูท่าว่านายแบบเองก็เหนื่อยเต็มทีแล้ว
คิเสะนั่งรอผู้จัดการที่ห้องรับรอง
เพื่อฟังตารางงานครั้งต่อไป
ไม่นานหนักหญิงสาวที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการก็เดินเข้ามา
“ขอโทษนะจ๊ะ
คิเสะคุงที่ให้รอ สรุปแล้วงานนี้ครั้งต่อไปเจอกันวันเสาร์แล้วกันนะจ้ะ
ส่วนงานของวันพรุ่งนี้คงจะกินเวลาทั้งวันเลย พรุ่งนี้พี่จะลาทางอาจารย์ให้นะ
ขอโทษจริงๆนะจ้ะที่ทำให้เธอเสียการเรียนแบบนี้น่ะ ”
ไม่ว่าเปล่าผู้จัดการก็เริ่มเสียงสั่นคลอและก้มหัวโขกกับโต๊ะการแฟอย่างแรง
ทำให้คิเสะสะดุ้งและรีบออกปากไปแล้ว อย่าโทษตังเองเลยครับ ! พี่สึบากิ
สึบากิสาวร่างเล็กผู้จัดส่วนตัวของคิเสะเป็นคนที่พี่สาวแนะนำมาเพราะเป็นรุ่นน้องของพี่สาว
โดยภาพรวมแล้วเป็นคนใจดีมากๆ เรียบร้อยแต่ข้อเสียคือ มักจะโทษตัวเองบ่อยๆ หากเกิดอะไรขึ้นกับคิเสะ
เพราะเธอเองก็เป็นมือใหม่ ในตอนแรกๆไม่กล้ารับงานเพราะกลัวจะทำให้ชื่อเสียงของคิเสะไม่เป็นที่นิยม
แต่ในทุกวันนี้ต้องขอบคุณเธอเพราะงานต่างๆราบรื่นไปด้วยดีเพราะความขยันและอัธยาศัยดีของเธอ
เป็นอีกคนที่คิเสะเชื่อใจมากแต่บางทีก็เป็นห่วงว่าการขอโทษที่ฮาร์ดคอร์ของเธอนั้นจะทำเธอได้รับอันตรายเข้าสักวัน
“ถ้าเกิดว่ามีการบ้านค้างเยอะ
บอกพี่ได้นะ พี่จะช่วยเอง”
“แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้วล่ะครับ
ขอบคุณนะครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ ?”
“ได้จ้ะว่ามาเลย”คิเสะสูดหายใจเอกใหญ่ก่อนเอ่ยถาม
“เวลาขอเมล์ควรจะพูดว่ายังไงไม่ให้อีกฝ่ายลำบากใจหรอครับ
. ”
“จ้ะ
??”
“อะไรของแก
ก็แค่พูดไปว่า เรามาแลกเมล์กันมั้ยครับ
แค่นี้เอง” ‘คิเสะ ฮิเมโกะ’ ตอบน้องชายของเธอพลางหยิบขนมเข้าปากและนอนดูทีวีกระดิกเท้าอย่างสบายใจ
“แค่นั้นหรอ
”
“แล้วแกจะทำให้มันเป็นเรื่องยากทำไมล่ะ
” คิเสะกดอกใช้ความคิด สายตาก็หันไปมองจอทีวีที่กำลังฉายซีรี่ย์ที่กำลังดังอยู่ เป็นฉากที่นางเอกนั้นกำลังจะไปสารภาพรักกับรุ่นพี่ที่แอบชอบ
“มันสนุกหรอ?”
“ใช่
น่ารักดีพี่ชอบ” ฮิเมโกะยิ้มกริ่มอย่างสุขใจ ไม่ได้ฟินกับซีรี่ย์อย่างเดียว
แต่เป็นพระเอกด้วย “อ๊าย น่ารักจังเลยที่รักค่า !//”
เป็นเอามาก...
“พี่ยูกะอยู่บนห้องใช่มั้ย”
คิเสะคิดว่าการที่มาถามฮิเมโกะเป็นเรื่องที่คิดผิดสุดๆจึงถอดใจเปลี่ยนเป้าหมายไปทางพี่คนกลางแทน
“ใช่อยู่บนห้อง”
คิเสะพยักหน้าก่อนปลีกตัวไปชั้นสอง
“แล้วงานเสร็จหมดแล้วหรอฮะ
”
“ก็ใกล้เสร็จหมดแล้วล่ะ
เหลือแค่คัดเลือกนางแบบอีกคนคอนเซ็ป สีขาวของหิมะ ไปๆรำคาญ” ฮิเมโกะไล่คิเสะไปเพราะเขากำลังรบกวนเวลาดูซีรี่ย์ของเธอ
“อ้อออ
ครับพยายามเข้านะครับ”
“เธอก็เหมือนกัน”
“น้องสาวพี่
เอ้ย น้องชายพี่กำลังมีความรักหรอ !?” คิเสะ ยูกะ ใช้เท้าถีบกับผนังด้านข้างเพื่อให้เก้าอี้เคลื่อนล้อไปทางที่น้องชายของเธอนั่งอยู่ “แล้วเป็นคนแบบไหนล่ะ น่ารักรึเปล่า!?”
“เปล่านี้
แค่ถามเฉยๆ ”
คิเสะเบนสายตาหนีตาดวงตาที่กำลังเป็นประกายของพี่สาว
“ไม่จริงๆหรอก
คนแบบเธอเป็นมิตรจะตายไปจะขอเมล์ใครเขาก็ให้หมดนั้นแหละ
นายแบบชื่อดังเชียวนะ นอกซะจากว่า เธอจะเขินจนประหม่า...” ยูกะพล่ามยาวออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“แสดงว่าเป็นคนที่เธอรู้สึกดีด้วยไง
เธอชอบคนๆนั้นใช่มั้ย ว๊ายย ! น่ารักจังเลย ”
คิเสะนั่งนิ่งไม่พูดจาอะไรอีกต่อไป ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะกลับห้อง
“เดี๋ยว!!!”
คิเสะหันกลับเข้าไปในห้องที่พี่สาวของเขานั้นกำลังนั่งยิ้มให้อยู่
“แล้วสรุปน่ารักมั้ย
คนๆนั้นน่ะ ?”
คิเสะยิ้มุมปากตีคิ้วใส่ยูกะ
“น่ารักอยู่แล้วล่ะ น่ารักกว่าใครเลยด้วย”
เมื่อกลับมานั่งคิดทบทวนดูดีๆ
หรือเขามันบ้าไปเองที่ทำให้เรื่องง่ายๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ ... คิเสะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเปิดรูปภาพในอัลบั้มดู
เป็นรูปของคุโรโกะเมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรก
“บอกว่าอย่าหักโหมงั้นหรอ
...ใจดีจังนะ”
นิ้วเรียวลูบหน้าจอที่กำลังปรากฏภาพอย่างช้าๆ
ริมฝีปากนั้นก็ยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ศีรษะน้อมลงกับโต๊ะพลางส่ายศีรษะจนจมูกโด่งนั้นถูไปมากับโต๊ะ
เพื่อแก้เขินออกมา แค่รูปก็เป็นได้ขนาดนี้แล้ว ในทุกๆวันนั้นทั้งเรียน ทำงาน
และซ้อม ทำให้เหนื่อยทั้งกายและใจก็ท้ออีกต่างหาก
ยาแก้ที่ดีที่สุดคงต้องรูปของรอยยิ้มหวานๆนี้แหละนะ
ครืดด
เสียงสายเข้าดังขึ้นทำให้คิเสะหลุดจากภวังค์
มองหน้าจอที่โชว์เบอร์ โมโมจจิ ? คิเสะยืนตัวนั่งปกติและกดรับสาย
[คีจัง
ไม่สบายงั้นหรอ เป็นงั้นบ้าง ?! เป็นห่วงมากเลยนะเนี่ย !?]
ปลายเสียงดังขึ้นอย่างดังเพราะความรู้สึกที่เป็นห่วง
ห้ะ
? ไม่สบาย
?
“เปล่านะก็สบายดีนะ
ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ” คิเสะยิ้มอยู่คนเดียวเพราะความรู้สึกของเพื่อนที่ส่งมาให้เขา
จนเขานั้นรู้สึกได้ และรู้ได้ทันที่ว่าตอนนี้โมโมอิกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ “จริงๆนะ
”
[โกหกครับ]
ปลายเสียงเปลี่ยนไปกลายเป็นอีกคน ทันที ที่คิเสะได้ยินเสียงนั้นที่คุ้นหู หัวใจก็เริ่มเต้นรัวขึ้น
มือไม้สั่นไปหมด หน้าร้อนฉ่า แล้วพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติที่สุด
“ค—คุโรโกจจิหรอ
?”
[ครับผมเอง] ใช่จริงๆด้วย !
“เออ
สวัสดีนะ เห ไม่สิ ทำไมอยู่กับโมโมจจิล่ะ มันดึกแล้วนะ”
คิเสะถามออกไปเพราะตอนนี้นาฬิกาบ่งบอกว่ากำลังจะห้าทุ่มแล้ว
[คือ
ตอนนี้คุณโมโมอิ กับอาโอมิเนะคุงอยู่ที่บ้านผมน่ะครับ
วันนี้เป็นวันเกิดคุณยายเลยจัดปาร์ตี้กันน่ะครับ..เออ ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ชวน
เห็นว่าคิเสะคุงกำลังจะไปทำงานอยู่]
“ไม่เป็นไร
! ไม่เป็นไรหรอก
งั้นหรอฝากบอกคุณยายด้วยกันนะว่า ขอให้สุขภาพแข็งแรงน่ะ ..เออ คุโรโกจจิไม่ต้องขอโทษฉันหรอกนะ” คิเสะเกาแก้มตัวเองแก้ขัดเขิน
แต่ความรู้สึกอีกด้านก็รู้สึกอิจฉาโมโมอิและอาโอมิเนะสุดๆ
[ครับ
แล้วอาการเป็นไงบ้างหรอครับ] น้ำเสียงของคุโรโกะนั้นฟังแล้วช่างอ่อนโยน ทำให้อีกคนทำให้ตัวไม่ถูก
เขาเดินไปที่เตียงและทิ้งตัวนอนลง
“คือฉันไม่ได้เป็นอะไรนะ
จริงๆ” เขาตอบออกไป
ในตอนนี้อยากเจอตัวจริงจังเลย
อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียงชัดๆออกจากปากสีหวานนั้น
[โกหกครับ
ผมไม่เชื่อหรอก]
“เชื่อฉันหน่อยเถอะนะ
จริงๆนะ ” คิเสะอ้อนด้วยน้ำเสียง “เออ พรุ่งนี้ฉันติดงาน
คงจะไม่ได้ไปโรงเรียนฝากบอกโมโมจจิกับมุราซากิบารัจจิหน่อยนะ”
[ได้ครับ
แล้วผมจะบอกให้นะครับ ..]
เมื่อปลายสายเว้นช่วงไป
คิเสะจังกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที ...ไม่นะขอคุยต่ออีกหน่อยสิ อีกนิดยังดี
“ค---”
[พรุ่งนี้ก็ตั้งใจทำงานนะครับ
อย่าหักโหมเกินไปนะครับ]
ไม่ทันที่จะเอ่ยชื่ออีกคน
ปลายสายก็พูดขึ้นก่อน ทำเอาคิเสะแทบลืมหายใจไปขณะหนึ่ง และทิ้งตัวอย่างแรง
“อืม
ฉันสัญญาเลยละ ฉันจะตั้งใจทำงาน จะไม่หักโหมเด็ดขาด”
[สัญญาแล้วนะครับ
งั้นพรุ่งนี้ อะ ไม่สิวันศุกร์เจอกันนะครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ]
“อืม
ราตรีสวัสดิ์นะคุโรโกจจิ” ให้ตายสิหุบยิ้มไม่ได้เลยแหะ
[ครับ
คิเสะคุง]
บทสนทนานั้นจบลง
ใจของคิเสะก็ยังเต้นรัวไม่หายเสียที รู้สึกเหมือนจมไปในความฝันเลย
คิดแบบนั้นจึงหยิกแก้มของตัวเองอย่างแรง ..โอ้ย...เจ็บ
แสดงว่าไม่ใช่ฝัน เราได้คุยกันอีกครั้งถึงจะไม่ใช่เวลาที่นานเท่าไหร่ก็ตาม
ดีใจจังเลย เฮ้อ..รออะไรเขินสิครับ !
เมื่อรู้ว่าคุมอาการไม่อยู่แล้วร่างสูงจึงกระโดดออกจากเตียงเปิดประตูเสียงดังวิ่งออกไปจากห้อง
กระโดดลงบันได จนพวกพี่ๆและแม่ของเขามองว่าเขานั้นเป็นบ้าบออะไร
คิเสะกระโดดพุ่งเข้ากอดฮิเมโกะที่กำลังดูซีรี่ย์เรื่องเดิมอยู่
“อะไรของแกเรียวตะ!” ฮิเมโกะผลักคิเสะออกอย่างรำคาญ
“ผมเขินน!!!!!”
“โอ้ยย
รำคาญ !!!”
แค่นี้ก็ดีแล้ว...เพียงแค่ได้ยินเสียง
ก็เพียงพอแล้วล่ะ ขอบคุณนะ
หุบยิ้มได้แล้วตัวผม!!!
ต่อจากวันนี้ไปนี้แหละ
คือการเริ่มต้นที่จะรุกอย่างแท้จริง
See you next chapter...
==================================================================
หายไปนาน นาน และนาน เพิ่งจบรบจากการสอบทั้งหลายมาค่ะยากโฮก (ฮา) ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ
ปิดเทอมแบบยาวๆแล้ว มีเวลาอัพแล้วค่ะ >_<
จะพัฒนาฝีมือเรื่อยๆขอบคุณค่ะ
Cr image : Pixiv Id 1920947
ความคิดเห็น