คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : เขากลับมาแล้ว
ตอนที่ ๑
เขากลับมาแล้ว
เสียงเครื่องบินที่ดังกึกก้องเป็นครั้งคราวสลับกับเสียงผู้คนที่เดินสวนไปมารอบๆ ต่างคนต่างพูดคุยด้วยภาษาเชื้อชาติของตนจ้อกแจ้กจอดูแล้ววุ่นวาย ภัทรพลเบนสายตากลับมามองยังทางออกผู้โดยสารขาเข้าสลับกับมองนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ ชายหนุ่มมารอรับเพื่อนสนิทกำลังเดินทางกลับมาจากอเมริกา หลังจากไปศึกษาต่อที่นั่นถึง 8 ปีเต็ม
‘ให้ตายเถอะ ป่านนี้แล้วยังไม่โผล่หัวมาเลย สงสัยตกเครื่องบินตายแล้วมั้งนั่น’
“ตายยากจังนะไอ้เพื่อนรัก ฉันกำลังบ่นถึงนายอยู่พอดี ไม่ทราบว่าคุณเพื่อนอยู่ส่วนไหนของสนามบินครับ ฉันมารอนายตั้งนานแล้วโว้ย” ภัทรพลกรอกเสียงทักทายเพื่อนรักทางโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมรณ์นัก หิวก็หิว แถมยังต้องยืนจนแหน็บกินอีก
“อยู่ตรงไหนก็เรื่องของกระผมครับ ฮ่าๆๆ” ปลายสายตอบกลับมา ทำเอาภัทรพลขมวดคิ้วเมื่อถูกกวนประสาท ไอ้นี่วอนซะแล้ว เดี๋ยวเถอะไอ้แธมป์ อย่าให้เจอหน้านะ จะสมนาคุณด้วยลูกเตะสักป้าบสองป้าบ
“กวนตีนแล้วนะครับคุณเพื่อน เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย เจอกันที่ร้านเอสแอนด์พีนะ มาไวๆด้วย ฉันหิวข้าวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วโว้ย”
ภัทรพลแกล้งโวยวายใส่ปลายสายอีกรอบ เพราะความใจร้อนอยากจะเจอเพื่อนรักเร็วๆ นานแล้วสินะที่ไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงบ้างนะ จะหล่อขึ้น ดูดีขึ้นสักแค่ไหน เมื่อก่อนรณพีร์ฮอตขนาดมีสาวๆส่งดอกไม้ให้ทุกวัน ยิ่งวันวาเลนไทน์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ช็อกโกแลตเต็มโต๊ะจนล้นออกมา มันก็เลยแบ่งให้เพื่อนๆในห้องเข้ากลับไปบ้าง ยิ่งวันที่ไอ้เพื่อนยากต้องเดินทางไปอเมริกา เหล่าแฟนคลับทั้งหลายมารวมตัวกันยืนร้องไห้ที่สนามบินจนที่นั่นแทบแตก บางทีเขาก็เคยคิดเล่นๆว่า ถ้าสมมติว่าเขาได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ จะมีใครมายืนร้องไห้ให้กันบ้างไหมเนี่ย
“เออ…อย่าบ่นมากน่า รอฉันแป็บนึงแล้วกัน” ปลายสายวางไปสักพัก ภัทรพลจึงเดินไปรอเพื่อนที่ร้านเอสแอนด์พี ให้มันได้อย่างนี้สิ นอกจากจะรอมันจนตะคริวกิน ยังต้องทนหิวข้าวจนไส้กริ่วอีก นี่ถ้ามันไม่ใช่เพื่อนรักนะ พ่อจะทิ้งไว้ในสนามบินนี่ล่ะ
ไม่นานนักรณพีร์ก็นำพาร่างสูงๆของตัวเองมาหยุดที่หน้าร้านอาหาร ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน สายตาสอดส่องหาเพื่อนรัก แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว
“มันไปมุดหัวอยู่ไหนของมันวะ” รณพีร์ออกปากบ่นพลางหมุนไปหมุนมาก่อนออกเดินหา ก่อนที่จะได้ยินเสียงคุ้นหูเรียกชื่อของเขาอยู่ไม่ไกลจากที่จุดยืนอยู่นัก
“ไอ้แธมป์ ฉันอยู่นี่” ภัทรพลเรียกรณพีร์พร้อมกับโบกมือให้เห็น เจ้าของร่างสูงโปร่งหันมามองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นเพื่อนสนิทนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านใน แม้ว่าภัทรพลจะเรียกชื่อเพื่อน แต่สายตาไม่ได้มองมาทางรณพีร์เลย เจ้าของตาตี่ๆแอบมองไปทางสาวสวยโต๊ะข้างๆ
‘เห็นสาวสวยเป็นไม่ได้เลยนะไอ้ภัทร’
“ใครใช้ให้คุณเพื่อนไปนั่งตรงนั้นวะครับ แล้วอย่างนี้ฉันจะเห็นนายไหมล่ะ” รณพีร์บ่นอย่างเสียไม่ได้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิท ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้ภัทรนะไอ้ภัทร คิดว่าตัวเองตัวใหญ่มากสินะ เขาถึงจะเห็นมันในที่ที่มีคนพลุกพล่านขนาดนี้
“ฉันกำลังแอบมองสาวโต๊ะนั้นอยู่ ขาว สวย หมวยเซ็กส์ สเปคว่ะ ก็เลยต้องมานั่งทำองศาตรงนี้ล่ะ” ภัทรพลบุ้ยปากไปหญิงสาวโต๊ะข้างๆ เมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง เจ้าของใบหน้าสวยก็หันมายิ้มให้ทั้งรณพีร์และภัทรพล ก่อนที่เจ้าหล่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนๆต่อ
“น่ารักดีว่ะ ทำไมไม่เดินเข้าไปจีบเลยวะ” รณพีร์นั่งลงกับเก้าอี้ เสนอความคิดเห็นให้ภัทรพลลองจีบสาวสวยคนนั้น แต่ดูท่ามันจะไม่กล้าล่ะมั้ง มัวแต่กลัวจะจีบไม่ติด ชาตินี้ก็หาแฟนไม่ได้หรอก
“ใครจะไปหล่อเหมือนนายวะครับ จีบกี่รายๆก็ติด สวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย เข้าข้างแต่พวกซาตานชอบฟันหญิงแล้วทิ้ง คนดีๆเช่นฉัน กลับไม่เคยมีใครรัก” ภัทรพลบ่นด้วยความน้อยใจในโชคชะตา ก็มันจริงนี่หน่า ไอ้คาสโนวาไร้หัวใจอย่างมัน มีผู้หญิงมาติดพันเยอะแยะ ในขณะที่เขากลับไม่เคยมีใครสนใจเลย
รณพีร์ขำกับคำประชดประชันของเพื่อนสนิท ไอ้เพื่อนเวรนี่ก็บ่นเก่งจริงๆ หืม… ก็ตัวเองไม่กล้าที่จะเข้าไปจีบ แล้วใครที่ไหนมันจะมารัก ผู้หญิงนะเว้ย ไม่ใช่ฝุ่นละออง ที่อยู่ดีๆจะลอยเข้ามาหาเราเอง
“ขำอะไรของคุณไม่ทราบครับ ใช่สิ ก็คนไม่เคยอกหักนิ ไม่รู้หรอกว่าคนช้ำรักมันเป็นยังไง” ภัทรพลบ่นกระปอดกระแปด หนุ่มเชื้อสายจีนสัญชาติไทยไม่พอใจที่ถูกหัวเราะเยาะ ใช่สิ ก็คนมันไม่หล่อนี่นา สาวๆเลยไม่เข้าหา สงสัยต้องบินไปศัลยกรรมที่เกาหลีซะหน่อยแล้ว จะได้หน้าตาดีกับเขาบ้าง
ภัทรพลไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของตนเองนั้น จะสะกิดแผลใจเพื่อนรักอย่างไม่ตั้งใจ รณพีร์หุบยิ้มลงทันที ใครบอกว่าเขาไม่เคยรักใคร เคยสิ…เขาเคยรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่หญิงสาวไม่เคยสนใจกันเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังตอกย้ำว่าเธอรังเกียจกันมากแค่ไหน ตั้งแต่วันนั้นรณพีร์จึงพยายามลืมคนใจร้ายที่ย่ำยีหัวใจด้วยการควงหญิงสาวไม่ซ้ำหน้า ใช้ชีวิตเพลย์บอยไปวันๆ เผื่อว่าสักวันจะลืมผู้หญิงใจร้ายได้ แต่สุดท้าย…หัวใจดวงนี้กลับไม่เคยลืมเธอได้ลง ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง อยากพบ อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียงหวานๆเหมือนดั่งวันวาน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ก็หญิงสาวประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าเกลียดกันสุดชีวิต กลับมาคราวนี้ เขาอยากขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำลงไป รวมถึงการสารภาพรักอีกครั้ง แม้ว่าครั้งนี้เธอจะปฏิเสธอีกครั้งก็ตาม ขอแค่ได้บอกออกไปก็พอใจแล้ว
“เพ้อเจ้ออะไรของนาย รีบๆสั่งอาหารสิ ฉันหิวข้าวแล้ว จะได้รีบกลับไปหาแม่ ไม่ได้เจอท่านทั้งแปดปี ไม่รู้จะโดนนังแม่มดแกล้งอะไรบ้าง”
รณพีร์รีบเปลี่ยนเรื่องพูด เพราะไม่อยากให้เพื่อนรักรับรู้อะไรไปมากกว่านี้ แต่มันก็มีมูลความจริงอยู่บ้าง เพราะว่าตั้งแต่ชายหนุ่มไปเรียนต่อที่อเมริกา ก็ตัดสินใจเรียนต่อที่นั่นจนจบปริญญาโทถึงได้ยอมกลับไทย นานมากแล้วสินะที่เขาปล่อยให้แม่บังเกิดเกล้าอยู่เพียงลำพัง ป่านนี้ท่านจะโดนนังหญิงชั่วกลั่นแกล้งหนักขนาดไหน ก่อนที่จะไปเรียนต่อก็เคยเอ่ยปากขอร้องให้ท่านไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน แต่ท่านก็ปฏิเสธ อ้างว่าพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น เขาจึงจำใจไปอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง
“เฮ้ย! นายอย่าคิดมากดิวะ ยังไงซะ คุณป้าก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียคนหนึ่ง คุณลุงก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ไหนจะพี่คิวอีกล่ะ พี่เขาคอยช่วยดูแลนายทุกอย่างเลยนะ เชื่อฉันเถอะ คุณป้าคงไม่เป็นอะไรหรอก” ภัทรพลตบไหล่เพื่อนรักเพื่อให้กำลังใจ เขาเข้าใจความรู้สึกของรณพีร์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา รณพีร์ต้องทนกับผู้หญิงบ้าอำนาจนั่นที่ด่าสาดเสียเทเสียตั้งแต่เล็กจนโต เพราะเคยเห็นฤทธิ์เดชของแม่คุณมาแล้ว รู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นนั้นร้ายกาจขนาดไหน
“นายไม่ต้องมาปลอบใจฉันหรอก ฉันรู้ดีว่าช่วงเวลาที่เรียนอยู่ที่นั่น แม่ต้องเจอกับอะไรบ้าง ยังไงซะ ฉันก็ไม่มีทางให้อภัยนังแม่มดนั่น” รณพีร์บอกน้ำเสียงแข็งกร้าว สายตาที่ดุดันราวกับจะหักคอคนที่พูดถึง ภัทรพลมองเพื่อนรักที่เดินนำหน้าอยู่อย่างเข้าใจ ถ้าเป็นเขาก็คงแค้นฝังใจแบบนี้เหมือนกัน
“เออ ฉันลืมบอก น้องพรีม น้องนางฟ้าของพวกเราน่ะ โซลเอ้าท์ไปแล้วนะเว้ย เธอเพิ่งกลับมาจากแคนาดาพร้อมกับแฟนไม่นานนี่แหละ” ก่อนที่พวกเขาจะก้าวขึ้นรถ ภัทรพลก็เล่าเรื่องของรดาณัฐ เด็กสาวที่รณพีร์เคยทำลูกบาสกระแทกใบหน้าจนแว่นตาหนาๆของเธอแตก เจ้าของร่างสูงหยุดชะงัก เมื่อได้ยินข่าวคราวของหญิงสาวแสนรักจากเพื่อนสนิท เมื่อกี้ไอ้ภัทรบอกว่าเธอมีแฟนแล้วอย่างนั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง หัวใจกระตุกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต สมองหยุดสั่งการกระทันหัน ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้รับข่าวคราวที่น่าตกใจแบบนี้
“ใครคือแฟนของน้องพรีมเหรอ” กว่าจะควานหาเสียงตัวเองเจอ ไอ้เพื่อนรักก็ขับรถมาได้ถึงครึ่งทางแล้ว รณพีร์รู้สึกเหมือนคนขาดอากาศหายใจ อยากจะรู้เหลือเกิน ใครกันนะที่ได้เป็นเจ้าของหัวใจของหญิงสาวแสนรัก
“ก็พี่… แป็บนะ ป๊าโทรมา ครับป๊า” ภัทรพลกรอกเสียงไปตามสาย ชายหนุ่มพูดคุยกับบิดาอยู่นานจนลืมตอบคำถามเพื่อนสนิท ทิ้งให้คนข้างๆค้างคาใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ ทุกถ้อยคำที่เพิ่งได้ยินยังคงวงเวียนอยู่ในความคิดของรณพีร์ ใครกันที่เป็นคนที่เธอรัก ทีเมื่อก่อนตอนเขาสารภาพรักเธอกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย หึ...พอมาวันนี้ฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่งเริ่มทำงานหรือไงกัน ถึงได้นึกอยากจะมีความรักขึ้นมา บางทีมันคงไม่เกี่ยวกับช่วงเวลาหรือจังหวะอะไรทั้งนั้น เหตุผลเดียวที่เห็นได้ชัดคือเขาไม่ดีพอในสายตาเธอ ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลย ผู้ชายเพอร์เฟ็คต์อย่างรณรพีร์ อมรคุ้มศิริ เป็นที่หมายตาต้องใจของผู้หญิงครึ่งค่อนโลก แต่กลับสอบไม่ผ่านในสายตาของเด็กสาวไร้เดียงสาอย่างเธอคนนั้น แฟนที่เธอหน้ามืดไปหลงคบด้วยจะมีดีสักแค่ไหนกันเชียว
‘อยากเห็นไอ้งั่งคนนั้นนัก มันจะหล่อได้ครึ่งนึงของเขาหรือเปล่า’
ครอบครัวอมรคุ้มศิริกำลังนั่งปรึกษากันในเรื่องงานเปิดตัวของรณพีร์ ลูกชายคนเล็กของภีมพลที่เกิดจากกานต์ระพี หญิงชาวบ้านผู้แสนต้อยต่ำในสายตาของฐายิกา ภรรยาหลวงที่จงเกลียดจงชังสองแม่ลูกที่เข้ามาแย่งความรักไปอย่างหน้าด้านๆ
“ทำไมต้องจัดงานให้กับไอ้ลูกเมียน้อยด้วย แค่ส่งมันไปเรียนเมืองนอกเมืองนา แค่นั้นก็ถือว่าเป็นบุญหัวมันมากแล้ว” ฐายิกาแหวใส่สามี เธอไม่เห็นด้วยกับการจัดงานให้ไอ้ลูกเมียน้อยต่ำช้านั่น คนอย่างมันลำพังแค่ไม้ไผ่เก่าๆเอาจัดเวทีต้อนรับก็เพียงพอแล้ว ไม่เห็นต้องจัดในโรงแรมชั้นหนึ่งที่ครอบครัวถือหุ้นอยู่ด้วยเลย
“เจ้าแธมป์ก็ถือว่าเป็นลูกชายคนหนึ่งของผมเหมือนกัน ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์จัดงานให้ลูกล่ะ” ภีมพลตอกคนเป็นภรรยากลับ นักธุรกิจวัยกลางคนจะจัดงานเลี้ยงให้ลูกชายทั้งที ต้องจัดให้มันสมฐานะ และที่สำคัญไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดขวาง แม้กระทั่งภรรยาที่นอนกอดทะเบียนอย่างหล่อน
“อ๋อ! เดี๋ยวนี้เรียกมันว่าลูกชายเต็มปากเต็มคำเลยนะ ลูกชายตัวเองไม่มีให้ดูแลหรือยังไง” ฐายิกาเถียงสามีอย่างเหลืออด แน่ล่ะ! จะไม่ให้โมโหได้ยังไง ในเมื่อเขาแสดงอาการดีใจที่ไอ้ลูกเมียน้อยจะกลับมาอย่างออกนอกหน้าขนาดนั้น แล้วลูกชายของเธอล่ะ ไม่มีความหมายอะไรเลยหรือไง
“ผมว่าถ้าคุณแม่ไม่เห็นด้วยกับงานนี้ ก็ขอให้อยู่เฉยๆจะดีกว่านะครับ อย่าทำให้เสียงานเลยครับ ผมขอร้อง” รณภพส่ายหน้ากับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของมารดา เขาเห็นท่านแสดงความร้ายกาจแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนบางทีก็ระอาในตัวท่านเหมือนกัน
“นี่คิวหาว่าแม่วุ่นวายเหรอ” ฐายิกาถามลูกชายด้วยความน้อยใจ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพื่อลูกชายหรอกหรือ ทำไมลูกถึงไม่เข้าใจความรักที่เธอมีต่อเขาบ้าง ฐายิกาเพียงต้องการให้ลูกเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น จะต้องไม่มีที่สองที่สามมาแย่งความรักไป
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นครับ ก็คุณแม่ไม่เห็นด้วยกับงานนี้ คุณแม่ก็อยู่เฉยๆก็ได้นี่ครับ เดี๋ยวคุณพ่อและผมจะช่วยกันจัดงานเอง คุณแม่จะได้สบายใจด้วย” รณภพพยายามเพื่อรักษาน้ำใจของมารดาให้มากที่สุด ชายหนุ่มรู้ดีว่าท่านรังเกียจสองแม่ลูกนั่นมากแค่ไหน ทุกครั้งที่มารดากลั่นแกล้งสองคนนั้น ทั้งบิดาและเขาก็จะเข้าไปช่วย มีหลายครั้งที่เขาโกรธและไม่ยอมพูดกับท่านหลายวันก็มี
“เดี๋ยวนี้คิวกล้าพูดแบบนี้กับแม่เลยเหรอ ใช่สิ แม่ไม่สำคัญกับคิวแล้วนิ” ฐายิกาตัดพ้อลูกชาย ใช่…เธอก็ไม่เคยมีความสำคัญสำหรับใครแม้กระทั่งลูกชายของตัวเอง หญิงใจร้ายวัยกลางคนกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ ก่อนจะกระแทกส้นเดินขึ้นห้องไป ภีมพล รณภพ และญาติๆได้แต่ส่ายหน้ากับความไร้เหตุผลของหล่อน ทำไมถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้นะ แม้ว่าจะเปลี่ยนจากหัวดำเป็นหัวหงอกแล้วก็ตาม หล่อนก็ยังไม่วายมีนิสัยเช่นเดิม
ภัทรพลขับรถมาส่งรณพีร์ที่บ้าน ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมาก เพราะไม่รู้ว่าถ้าเข้าบ้านไป รณพีร์จะเจอนังคุณนายฐายิกาต่อว่าอะไรอีก ผู้หญิงอะไรร้ายกาจได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคุณลุงภีมเลือกมาเป็นภรรยาได้อย่างไร สงสารก็แต่พี่คิว คงจะอึดอัดใจมากสินะที่มีแม่แบบนี้
“ขอให้นายโชคดีนะ ถ้าเจอนังแม่มด อย่าไปทำอะไรเขาเลย แก่จะลงโลงอยู่แล้ว พี่คิวก็ด้วย ฉันขอล่ะ พี่คิวน่ะดีกับนายจะได้ไป รักนายมากด้วย ถ้าไม่ได้พี่เขาช่วย นายคงไม่ได้เรียนต่อหรอก” ภัทรพลกลัวว่ารณพีร์จะลืมความผิดชอบชั่วดี จนผลอทำร้ายรณภพไปด้วย เพราะที่ผ่านมารณภพก็เป็นพี่ชายที่แสนดี คอยปกป้องและดูแลรณพีร์ดั่งกับน้องในไส้
“แล้วทำไมฉันต้องทำร้ายพี่คิวด้วยล่ะ นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันแยกแยะออกว่าควรจะดีกับใคร หรือร้ายกับใคร” แม้ปากจะบอกไปอย่างนั้น แต่ในใจกลับขุ่นเคืองที่เพื่อนสนิทห่วงคนอื่นมากกว่าตนเอง ไม่รู้จะเป็นห่วงอะไรกันนักหนา แค่นี้มันก็มีคนห่วงมากพออยู่แล้ว
“ก็ดีแล้วล่ะ ฉันนึกว่านายจะเหมารวมทำร้ายพี่คิวด้วยน่ะสิ”
“ฉันก็ไม่เลวขนาดนั้นนะ” ใช่… เขาไม่ได้เลวหรอกนะ ก็แค่เลียนแบบต้นฉบับความชั่วร้ายจากนังแม่มดมาก็เท่านั้น สำเนาหรือจะสู้ต้นฉบับได้ แต่ว่า…เขาเลวได้มากกว่านี้อีก
‘นังแม่มด แกจะต้องเจ็บมากกว่าฉันหลายร้อยเท่า’
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน ป๊าเรียกกลับบ้านด่วนเลย”
“อืม… ขอบใจว่ะ คืนนี้เจอกันที่เดิมแล้วกันนะ”
“โอเค แล้วเจอกัน” ภัทรพลบอกเพื่อนสนิทก่อนจะขับรถออกไป รณพีร์โบกมือลาภัทรพลก่อนจะหันหลังมากดกริ่งหน้าบ้าน ไม่นานนักชายวัยชราคนหนึ่งก็เดินออกมารับ เจ้าของร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่ททอดมองบรรยากาศรอบๆบ้าน ก่อนจะสูดดมกลิ่นไอเข้าไปให้หายคิดถึง สายตาคมสะดุดที่ระเบียงห้องชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นห้องของนังแม่มด ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มเยือกเย็นจนไม่สามารถอ่านความรู้สึกที่เขามีอยู่ของตอนนี้ได้
ไม่นานรณพีร์นักก็ละความสนใจจากห้องนั้น แล้วเดินไปยังบ้านอีกหลังซึ่งอยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ ชายหนุ่มหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังเล็กๆซึ่งเขาเคยพักอาศัยกับมารดาแค่สองคน สายตาคมกวาดตามองไปโดยรอบ แปดปีที่แล้วมันสวยยังไง ตอนนี้มันก็ยังคงสวยเช่นเดิม มารดาของเขาคงจะดูแลเป็นอย่างดีสินะ พอนึกถึงท่านแล้วก็อยากเดินเข้าไปกอดให้หายคิดถึง รณพีร์ขยับตัวเตรียมจะเดินเข้าบ้าน แต่กลับมีเสียงเรียกของใครบางคน ทำให้ชายหนุ่มชะงักก่อนจะหันไปมองต้นเสียง
“นั่นใครน่ะ เข้ามาในบ้านของฉันได้ยังไง ใครอนุญาต”
ฐายิกาถามคนที่กำลังจะเดินเข้าบ้านกานต์ระพี เพราะเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าในบ้าน ด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้านนังเมียน้อย เธอจึงรีบเดินลงจากตึกมาที่นี่ทันที พอได้เห็นใบหน้าชายหนุ่มปริศนาชัดๆ หญิงวัยกลางคนก็ต้องตกใจ ชายหนุ่มคนนี้คือไอ้ลูกเมียน้อยที่เธอตั้งป้อมรังเกียจตั้งแต่มันยังไม่เกิดจนถึงบัดนี้ รณพีร์…มันหายหน้าไปแปดปี กลับมาคราวนี้ฐายิกาต้องยอมรับว่ารณพีร์เปลี่ยนไปมาก จากที่เคยเป็นเด็กหัวเกรียนๆ ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มหล่อที่น่าจะเป็นนายแบบได้สบาย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ลูกชายของเธอก็หล่อกว่ามันอยู่ดี
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้ลูกเมียน้อยชั้นต่ำนี่เอง ไปอยู่อเมริกามาตั้งนาน กลับมาก็ยังดูเหมือนเด็กสลัมไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะ ทำไมเหรอ กลิ่นไอตะวันตกไม่ได้ช่วยขัดเกลาชาติกำเนิดของแกบ้างหรือไง แต่ก็อย่างว่าแหละ อีกาชาติสกุลต่ำๆ ต่อให้นำไปอยู่กับฝูงหงส์ชั้นสูงยังไง ก็ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นหงส์ได้หรอก ว่าไหมล่ะ” ฐายิกาตั้งใจพูดให้รณพีร์ได้อาย มันจะได้สำนึกว่าต่อให้ขัดเนื้อขัดตัว ร่ำเรียนจากเมืองนอกเมืองนา ก็ไม่มีวันหนีกำพืดต่ำๆของตัวเองพ้น
“ต้องขอบพระคุณอย่างสูงสุดจนหาที่เปรียบไม่ได้ สำหรับการช่วยเตือนความจำให้นะครับ ถึงผมจะเป็นคนต่ำต้อยอย่างที่คุณผู้หญิงว่า แต่ผมก็มีสายเลือดของตระกูลอมรคุ้มศิริครึ่งหนึ่งเชียวนะครับ คุณผู้หญิงคงจำได้ดี เอ... หรือว่าพอแก่ตัวลงแล้วก็กลายเป็นคนเลอะเลือนจำอะไรไม่ค่อยได้ ไม่เป็นไรหรอกครับ ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเตือนความจำให้อีกสักครั้ง เพื่อเป็นทานสำหรับสมองเสื่อมๆของคุณ แต่ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน เพราะอยู่ตรงนี้นานๆ อากาศมันเป็นพิษ เดี๋ยวจะติดเชื้อแบคทีเรียซะก่อน ผมลาล่ะครับ”
รณพีร์แสยะยิ้มก่อนจะก้มโค้งให้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันมาสนใจคนข้างหลังอีก ทิ้งให้ฐายิกายืนกรีดร้องอยู่หน้าบ้านเหมือนคนไร้สติ รณพีร์มองหล่อนจากหน้าต่างด้วยความสะใจ ที่ทำไปวันนี้มันยังน้อย ชั่วช้าสารเลวอย่างนั้นต้องเจอความเลวอีกหลายรูปแบบ
“นี่มันยังแค่น้ำจิ้ม ต่อไปฉันจะทำให้แกร้องไม่ออกเลยทีเดียว” รณพีร์แสยะยิ้ม ที่ทำไปวันนี้มันอย่างน้อยกว่าที่หล่อนเคยทำกับแม่และเขาด้วยซ้ำ นังแม่มดจะต้องพบความเจ็บปวดมากกว่าเขาอีกหลายร้อยเท่า
“เกิดอะไรขึ้นนะ ใครมากรี๊ดอยู่หน้าบ้าน ธะ…แธมป์” รณพีร์หันไปมองเสียงเรียกที่ดังมาจากข้างหลัง “นั่นแธมป์จริงๆใช่ไหมลูก แม่ไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม” กานต์ระพีถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป ลูกชายกลับมาหาเธอแล้ว ริมฝีปากหยักฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในชีวิต กานต์ระพีอ้าแขนรอรับอ้อมกอดจากลูกชายอย่างรู้ใจ
“แม่!” รณพีร์โผเข้ากอดมารดาด้วยความคิดถึง นานเหลือเกินที่ไม่ได้กลับมากอดท่าน กลิ่นไอความรักจากอกแม่ที่เขาโหยหายมานาน ตั้งแต่ไปอยู่ที่อเมริกา ไม่เคยมีวันไหนไม่คิดถึงผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่คอยปกป้องเขายามถูกทำร้าย ผู้หญิงที่คอยปลอบใจในยามที่เขาเสียใจ ไม่มีใครทำเพื่อเขาได้เท่าผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ลูกชายของแม่หล่อขึ้นนะเนี่ย” กานต์ระพีชมลูกชายสุดรักที่บัดนี้กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว กลับมาคราวนี้รณพีร์ดูเปลี่ยนไปมาก รูปร่างก็กำยำขึ้นไม่ใช่เด็กที่รูปร่างผอมแห้งแรงน้อยเหมือนแต่ก่อน
“ไม่เท่าแม่หรอกครับ ไม่ได้เจอตั้งนาน แม่ผมก็ยังสวยเหมือนเดิม” รณพีร์พูดแล้วก็หอมแก้มของผู้เป็นแม่เหมือนอย่างที่เคยทำ
“แหม ปากหวานอย่างนี้ สาวๆคงจะติดตรึมสินะ” กานต์ระพีแซวลูกชายพลางลูบใบหน้าคมสันด้วยความเอ็นดู เมื่อก่อนเจ้าลูกชายไม่ได้หล่อเหลาขนาดนี้ ยังมีสาวๆตามมาหาที่บ้านไม่ว่างเว้น ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว แถมปากก็ยังหวานขึ้นเป็นกอง คงจะมีสาวๆมาติดพันเยอะล่ะสิท่า สงสัยว่าต่อไปจะต้องถูบ้านบ่อยๆแล้วล่ะ เพราะหัวกระไดคงจะไม่แห้ง เหล่าแฟนคลับของลูกชายคงจะแวะเวียนมาหาบ่อยๆ
“ไม่หรอกครับ มีแต่ผู้หญิงชื่อกานต์ระพีเท่านั้นแหละครับที่ผมจะปากหวานด้วย” รณพีร์ออดอ้อนมารดาก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักของท่าน กานต์ระพีลูบศีรษะลูกชายด้วยความรัก ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ลูกคนนี้ก็ยังออดอ้อนได้อย่างน่ารัก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอรักและหลงได้ยังไงกัน
“แธมป์ อาทิตย์หน้าจะมีงานเลี้ยงต้อนรับลูกนะ คุณพ่อและคุณคิวตั้งใจจัดงานนี้ขึ้น โดยเฉพาะคุณคิวดูจะตื่นเต้นกว่าใครเขา ลงมือเองทุกอย่างเลย รวมถึงแฟนคุณคิวก็มาช่วยงานนี้ด้วย สองคนนี้เหมาะสมกันจริงๆ ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวย ลูกสะใภ้ของแม่ ขอสวยๆแบบแฟนคุณคิวนะลูก”
“พี่คิวมีแฟนแล้วเหรอครับ”
“ใช่ลูก ก็กลับมาจากแคนาดาพร้อมกันนี่ล่ะ พอมาถึงก็พาแฟนมาเปิดตัวเลย”
อะไรก็ไม่สะดุดหูเท่ากับคำว่า ‘กลับมาจากแคนาดา’ รณพีร์กระหวัดถึงคำพูดของภัทรพลที่บอกว่ารดาณัฐเพิ่งกลับมาจากแคนาดาพร้อมคนรัก หรือว่า… เป็นไปไม่ได้หรอก โลกนี้มีคนอยู่มากมาย โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง มหาวิทยาลัยในแคนาดามีตั้งมากมาย คงจะไม่แจ็กพอตทำให้สองคนนี้เป็นแฟนกันหรอกนะ
“อ้อ… แม่ลืมบอกไปว่าคุณคิวจะย้ายให้เราขึ้นไปบนตึกใหญ่นะลูก ตอนที่คุณเขากลับมาใหม่ๆ ก็เคยขอร้องแม่ครั้งนึง แต่แม่อยากรอแธมป์กลับมาก่อน เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน”
“พี่คิวเขาดีกับเรามากๆเลยนะครับ” ถึงปากจะเอ่ยชมพี่ชายต่างมารดา แต่ใจที่คิดอคติกลับคิดว่ารณภพทำทุกอย่างก็เพื่อเอาหน้าเท่านั้น ชายหนุ่มไม่ได้คิดถึงวันเก่าๆที่พี่ชายคอยช่วยเหลือกันเลยแม้แต่น้อย
“ใช่ลูก คุณเขาดีกับเรามาก เราก็ต้องดีกับเขามากๆเช่นกันนะลูก อืม… ชุดที่ลูกจะใส่ในวันงาน แม่ขอคุณพ่อตัดเองนะ เพราะแม่อยากทำอะไรให้ลูกบ้าง ชดเชยที่เราจากกันตั้งนาน” กานต์ระพีบอกลูกชายที่กำลังเคลิ้มหลับด้วยความเอ็นดู
‘สงสัยจะเหนื่อยจากการเดินทางล่ะสิท่า’
กานต์ระพีไม่อาจล่วงรู้กับการกระทำของลูกชายที่กำลังคิดทำร้ายคนในครอบครัว เพราะว่าถ้ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ คงจะหยุดความคิดของลูกชายไว้แล้ว จะไม่มีวันปล่อยให้เขามาทำร้ายครอบครัวที่เธอรักเด็ดขาด
“มาเที่ยวผับทั้งที ทำหน้าให้มันรื่นเริงหน่อยสิครับไอ้เพื่อนรัก ไม่ใช่มานั่งหน้าเครียดแล้วใบ้กินอยู่แบบนี้” ชยางกรู ฉายาผู้กองเจ้าเสน่ห์ เพื่อนสนิทของรณพีร์ในสมัยมัธยมปลาย แซวคนที่คนกำลังนั่งทำหน้าเคร่งเครียดไม่สมกับมาเที่ยวสถานบันเทิงเลยสักนิด นี่เขาอุตส่าห์โกหกภรรยาที่บ้านเพื่อมานั่งดื่มเป็นเพื่อนมันโดยเฉพาะ แต่ไหงมันมานั่งนิ่งเป็นสากกระเบือแบบนี้ล่ะ
“เออนั่นดิ นายช่วยทำหน้าให้มันสนุกๆหน่อย มาเที่ยวผับนะ ไม่ใช่มานั่งทำสมาธิในป่าช้า” อธิวัฒน์สนับสนุนความคิดของชยางกรู ไอ้นี่ก็แปลก ชวนพวกเขามาเที่ยวแท้ๆ แต่กลับมานั่งทำหน้าบูดบึ้งไม่ยอมพูดจาอะไรกับใคร แล้วมันจะชวนเพื่อนๆออกมาทำไมกัน ไอ้เราก็อุตส่าห์ออกเวรตั้งใจว่าจะมาหาความบันเทิงใส่ตัว กลับต้องมาหงุดหงิดเพราะเห็นหน้ามันนี่ล่ะ
“เออๆ โทษทีว่ะ ฉันกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง” รณพีร์หยิบเครื่องดื่มสีอำพันกรอกเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า จนเพื่อนๆนั่งมองอย่างไม่เข้าใจว่าเขามีเรื่องเครียดให้คิดอะไรนักหนา ทั้งที่เพิ่งจะกลับมาแท้ๆ
“ดื่มหนักขนาดนี้ เดี๋ยวก็กลับบ้านไม่ไหวหรอกเพื่อน” อธิวัฒน์เตือนรณพีร์ เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเริ่มจะดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ไอ้แธมป์นี่ก็แปลก ดื่มอย่างเดียวไม่สนใจเพื่อนฝูง เดี๋ยวพวกเขาก็ทิ้งไว้ที่นี่ซะหรอก
“เรื่องของฉัน” รณพีร์ตอบอย่างไม่สนใจ ยังคงคว้าเครื่องดื่มมาดื่มต่อ ตอนนี้สมองของเขาไม่คิดอะไรทั้งนั้น คิดอย่างเดียวก็คือจะแก้แค้นยัยแม่มดนั่นยังไง
“บ๊ะ! ไอ้นี่ วอนโดนกระทืบซะแล้ว” อธิวัฒน์แทบจะกระโจนใส่ไอ้เพื่อนตัวดีที่ตอบคำถามได้กวนอวัยวะเบื้องล่างมาก คนอุตส่าห์เตือนดีๆ เดี๋ยวก็ปล่อยให้นอนค้างที่นี่ซะเลย
“เอาน่าๆ อย่าไปใส่ใจกับคนเมาเลย มันคงมีอะไรให้คิดจริงๆแหละ ปล่อยมันไปเถอะ” ภัทรพลเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้าห้ามทัพ ก่อนจะเกิดศึกนองเลือดขึ้น
“ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ แธมป์นายเครียดอะไรนักหนาวะ ไหนลองเล่าให้พวกฉันฟังซิ” ชยางกูรอาศัยตอนที่รณพีร์กำลังเมาได้ที่หลอกถามสาเหตุที่ทำให้ต้องมาดื่มเหล้าย้อมใจขนาดนี้
“ฉันไม่ได้เครียดอะไร ก็ยังปรับเวลาไม่ได้ อย่าคิดมากเลย” แม้ว่าแอลกอฮอล์ในเลือดจะพุ่งสูง แต่ชายหนุ่มก็ยังมีสติปดคำโตออกไป เพราะไม่ต้องการให้เพื่อนสนิทล่วงรู้ความคิดของตน แต่มือที่กำลังถือแก้วเครื่องดื่มอยู่นั้นกลับบีบมันจนแน่น แววตาคมลุกวาวส่องประกายความแค้นเต็มพิกัด ทำให้ชยางกูรและอธิวัฒน์พากันขาลุก กลับมาคราวนี้ไอ้เพื่อนยากดูน่ากลัว ไม่หลงเหลือเค้าโครงเจ้าชายยิ้มเสน่ห์ที่สาวๆปลื้มนักปลื้มหนา อยากจะรู้เหมือนกัน สาวๆไปหลงเสน่ห์มันได้ยังไงนะ
“ขอโทษนะคะ” หญิงสาวในชุดรัดรูปเปลือยแผ่นหลังสีดำ เดินเข้ามาทักทายด้วยท่าทีเชิญชวนอย่างเปิดเผย ในมือเรียวยกแก้วเหล้าขึ้นชูเป็นการบอกกล่าวว่าหล่อนอยากจะร่วมดื่มด้วย “ตรงนี้…ไม่มีคนนั่งใช่ไหมคะ” หล่อนถามก่อนจะหย่อนสะโพกงามนั่งลงข้างๆเจ้าของใบหน้าคมสัน ก่อนจะแสร้งปัดผมไปด้านหลังเพื่อโชว์เนินอกให้เห็นกันจะๆ รณพีร์แสยะยิ้มกับการกระทำที่เปิดเผยของหญิงสาว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหล่อนต้องการอะไร ในเมื่อผู้หญิงอยากจะเสนอ เขาก็จะสนองให้ ก็ดีจะได้มีของเล่นไว้ฆ่าเวลา
“ไม่มีครับ” รณพีร์กระซิบที่ข้างใบหูของหญิงสาว มือแกร่งลูบที่สะโพกงอนๆ ก่อนจะบีบคลึงเบาๆจนร่างกายของหญิงสาวตื่นตัว ชยางกูร อธิวัฒน์ และภัทรพลต่างมองกันตาค้าง เมื่อกี้ไอ้แธมป์ยังทำหน้าซังกะตายอยู่เลย พอมีผู้หญิงเข้ามาหาก็ออกลายซะแล้ว หื่นไม่แคร์สายตาพวกเขาเลย ร้ายจริงๆไอ้เพื่อนคนนี้
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ คืนนี้…” หญิงสาวหยุดคำพูดไว้แค่นั้นแล้วบดเบียดอกอวบๆเข้าหาแผงอกกว้างสื่อความหมายแทน มือบางลูบไล้ไปตามร่างกายของรณพีร์ พร้อมส่งสายตาเชิญชวนเย้ายวนใจ
“ผมไม่กล้ารังเกียจผู้หญิงสวยๆแบบคุณหรอกครับ” รณพีร์พูดชิดริมฝีปากสวย มือแกร่งลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าขึ้นลง สายตาคมส่องประกายความต้องการชัดเจน หญิงสาวชักชวนรณพีร์ให้ไปค้างที่คอนโดของหล่อน ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปที่รถของรณพีร์ เพื่อไปคอนโดของหญิงสาวซึ่งเป็นรังรักของทั้งสองในคืนนี้
วันนี้เป็นวันเปิดตัวรองประธานบริษัท อมรคุ้มศิริ จิวเวอรี่ ในวันนี้ภีมพลและลูกชายทั้งสองพากันใส่สูทสีดำ แม้ว่าอายุจะปาเข้าไปเลขหกแล้ว แต่นักธุรกิจวัยกลางคนอย่างภีมพลกลับดูน่าเกรงขามและมีเสน่ห์ไม่น้อย โดยเฉพาะสองพี่น้องอย่างรณภพและรณพีร์ ต่างก็เป็นที่จับตามองของใครหลายๆคน เพราะพวกเขาดูหล่อและมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน คนหนึ่งหล่อ มีเสน่ห์ มีรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ อีกคนก็สุขุม ดูลึกลับน่าค้นหา
“แธมป์ชอบงานนี้ไหม พี่จัดการเรื่องสถานที่เองเลยนะ แฟนของพี่ก็มาช่วยเรื่องตกแต่งด้วย” รณภพถามรณพีร์ ขณะที่พวกเขากำลังเดินชมรอบๆงานอยู่ สถานที่จัดงานเลี้ยงเป็นห้องบอลลูนสุดหรูของโรงแรมชั้นหนึ่งในเมืองไทย ทุกๆอย่างตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เนื้อดีและมีราคาสูงสมฐานะของครอบครัวอมรคุ้มศิริ แชนเดอเลียร์สุดหรูทำจากคริสตัลคุณภาพดีที่สั่งตรงจากต่างประเทศ ถูกนำมาใช้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ดอกไม้หลากหลายชนิดถูกจัดเป็นช่อๆประดับประดาตามโต๊ะอาหารและผนังห้อง อาหารนานาชนิดปรุงโดยเชฟมือหนึ่งของโรงแรม รณพีร์ไม่คาดคิดว่าในชีวิตจะได้มีโอกาสมาอยู่ในงานเลี้ยงหรูๆแบบนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้อคติหายไปจากใจเขาหรอกนะ
“ครับ ผมชอบงานนี้มาก ขอบคุณพี่คิวมากๆเลยครับ สำหรับงานเลี้ยงที่เพอร์เฟคขนาดนี้ เอ...ว่าแต่พี่คิวมีแฟนแล้วเหรอครับเนี่ย ใครกันนะ บอกผมได้ไหม” รณพีร์ถามพี่ชายด้วยความสงสัย อยากจะรู้เหมือนกันว่าแฟนของมัน จะสวยได้สักหนึ่งของผู้หญิงที่เขาเคยควงหรือเปล่า
“เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทพี่ เราเจอกันตอนที่เพื่อนพี่พามางานเลี้ยงรุ่นเมื่อสี่ปีก่อน ก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อที่แคนาดาน่ะ ตอนนั้นพี่ก็เลยตามไปเรียนโทด้วยเลย” รณภพอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสาวน้อยหน้าตาน่ารักที่กุมหัวใจดวงนี้ไว้
“ดีใจด้วยนะครับพี่คิว ขอให้รักกันนานๆ” ถึงแม้จะรู้สึกหมั่นไส้กับอาการดีใจจนออกนอกหน้า แต่ชายหนุ่มก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร นอกจากยิ้มแสดงความยินดีต่อพี่ชาย
“ขอบใจมากนะแธมป์ อ้อ…นั่นไง พูดถึงก็มาพอดี น้องพรีมจ๊ะ ทางนี้จ้ะ” รณภพโบกมือเรียกคนรัก ชื่อคนรักของรณภพคล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำ ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวทันที ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายชัดเจน
“น้องพรีม/พี่แธมป์”
ความคิดเห็น