คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : กลับมาเป็นเหมือนเดิม..?
"พี่น้อง.. เขาไม่เอากันหรอก"
…..
…
..
.
.
.
"แล้วเราเป็นอะไรกัน" คำถามแรกที่เอ่ยหลังจากเสร็จกิจกรรมรักภายในห้องน้ำของบริษัทในยามวิกาล ห้องพักสำหรับคนที่ต้องซ้อม ต้องทำเพลงดึกจนไม่มีปัญญากลับบ้าน เตียงสองชั้นที่ถูกวางเรียงไปสิบกว่าเตียงในห้องที่ไม่ได้กว้างมาก เพราะเตียงถูกวางชิดกันจนแทบจะเรียกว่าเป็นเตียงเดียวกันอยู่แล้ว
เตนล์ลูบกลุ่มผมของคนที่นอนตะแคงข้างซุกอกกอดเอวเขาไว้
เคยพูดไปแล้วว่าแทยงชอบนอนกอด
วันนี้ไม่มีหมอนข้าง แต่มีคนนอนข้างๆ คนที่นอกจากจะชอบนอนกอดแล้วก็ชอบนอนซุกด้วย อกอุ่นๆของเตนล์จึงเป็นที่ๆเหมาะที่สุด
แล้วเจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธแถมยังลูบผมให้เป็นบริการเสริมอีก
"เป็นอะไร"
น้ำเสียงติดจะงัวเงียเอ่ยถามกลับแทนคำตอบ เตนล์เงียบไปสักพักก็เอ่ยถามอีกรอบเพื่อความมั่นใจ
"พี่น้องเขาไม่เอากันหรอก"
"อือ"
"แล้วเราเป็นอะไรกัน"
"เป็นคนที่เอากัน"
"...กวนตีน"
"นอน"
"ไม่ง่วง"
"ตามใจ" แทยงกระชับกอดตัวเองแน่นๆแล้วคลายออกมา ผ่านไปสักพักความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกครั้ง เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าอีกฝ่ายได้หลับไปแล้ว นั้นเพราะต้องมีตารางงาน แถวยังมาทำเพลงต่อที่บริษัทอีก
แล้วก็เรื่องเมื่อกี้อีก
จะเหนื่อย ง่วง จนหลับทิ้งกันไปแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เตนล์เอื้อมมือไปหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารของอีกคนมาเปิดดู หน้าแชทไลน์ที่เตนล์รัวรูปรัวสติ้กเกอร์ยังเปิดค้างไว้อยู่เหมือนเจ้าตัวไม่ได้กดออก หรืออาจจะบอกว่าไม่ได้แตะโทรศัพท์เลยก็เตนล์ก็เชื่อ
เมื่อกดออกไปดูหน้าแชทอื่นๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนหน้าแมวๆ แบบนี้จะมีคนคุยเยอะแยะมากมาย
แต่ก็ไม่ได้เปิดเข้าไปอ่านหรอก
ข้อความที่ค้างเอาไว้บางอันก็ชวนคุยด้วยประโยคเชิงเกี้ยวสาว ไม่สิ ต้องบอกว่าสาวมาเกี้ยว เห่อๆ
"โอ้ย !!"
อยู่ดีๆคนที่กำลังแอบดูโทรศัพท์คนอื่นก็โดนนิ้วแข็งๆที่มีแต่กระดูกบีบเนื้อบริเวณกรามแล้วดึงออกมา
"ผอมลงเหรอ"
"เจ็บนะ"
"กอดไม่เต็มมือเลย"
"แล้วต้องหยิกไหมละ"เตนลขยุ้มผมแทยงคืน แต่เพราะความง่วงที่เข้าครอบงำเลยไม่ปฏิเสธ จริงๆเมื่อกี้ก็จะหลับไปแล้วแต่แค่รู้สึกว่ากอดมันหลวมๆเลยตื่นมาดู คนที่ปกตินั่งอยู่เฉยๆก็มีเหนียงแล้วตอนนี้แก้มกลับตอบจนลองหยิบเนื้อดูแล้วแทบไม่มี
ผอมเกินไปแล้วเตนล์
แผนการเดบิวต์ถูกปรับเปลี่ยน เพลงที่อัดกับเอ็มวีที่ถ่ายถูกเลื่อนกำหนดการออกไป แล้วให้ทีม 127 เข้ามาเตรียมคัมแบ็คแทนที่
จากการที่คนอื่นๆที่เตรียมเดบิวต์เข้าๆ ออกๆ บริษัทเพื่อซ้อมและอัดเพลงก็ต้องเข้าประชุมเพื่อแจ้งกำหนดการใหม่และเหตุผลของงานที่ทำให้ถูกยกเลิก
จริงๆแล้วทีม 127 ไม่ได้เตรียมคัมแบ็คแทนที่หรอก แต่กำหนดงานวางเอาไว้เช่นนั้น แต่ทีมที่จะเดบิวต์ต้องเลื่อนออกไปเลยเหมือนให้ 127 เข้ามาทดแทน เพราะเหตุผลหลายๆอย่าง จึงทำให้ไม่สามารถวางแผนตามเดิมได้
"วันนี้เราจะมาจัดห้องรูมเมทใหม่นะ" ผู้จัดการของเด็กๆรุกกี้ทุกคนยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น โดยมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 10 ชีวิตนั่งหน้าสลอนรออยู่
การจับรูมเมทใหม่จะดำเนินเปลี่ยนผลัดไปแบบนี้แทบทุกยูนิตที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สมาชิกมากมายได้เข้ามาอยู่ร่วมกันในห้องชุด จะได้สนิทชิดเชื้อกันมากขึ้น
"127 ให้นอนห้องเดิม ที่เคยนอนเหมือนตอนโปรโมทเมื่อคราวที่แล้ว อืม.. แล้วก็" ปลายนิ้วของผู้จัดการเปิดผังห้องที่เขียนรายชื่อของแต่ละคนเอาไว้ พลิกไปพลิกมา แล้วเอื้อมหยิบดินสอในกระเป๋าขึ้นมาเพื่อขีดลบชื่อเดิมออกแล้วเติมชื่อใหม่เข้าไปแทน
"เตนล์ ฮันซล จอห์นนี่ ห้องเดียวกัน"
นั้นหมายความว่าห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีเตียงสำหรับนอนคนเดียว 3 หลังวางชิดกำแพง ตรงกลาง และชิดกำแพงอีกฝั่ง
เตนล์ไม่ชอบห้องแบบนี้เลยจริงๆ
อย่างน้อยถ้าเป็นเตียงสองชั้นหรือนอนคนเดียวก็ยังดูมีความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ แต่กลับพี่ฮันซลก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเพราะเราก็เคยเป็นรูมเมทกันมาก่อน แต่กับจอห์นนี่..
ถ้าเป็นเมื่อก่อน.. ก่อนที่เตนล์จะพูด เตนล์ก็คงจะยินดีมากกว่านี้
ถ้าเป็นก่อนที่จะรู้ว่าจอห์นนี่กับพี่แทอิลเขาเป็นอะไรกัน เตนล์ก็คงจะดีใจมากกว่านี้
"ยังไงครั้งนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ" ฮันซลวางมือลงบนไหล่เตนล์แล้วส่งรอยยิ้มอบอุ่นตามประสาคนใจดีมาให้ เตนล์หันไปยิ้มแบบที่ชอบยิ้มแล้วชูกำปั้นยกชนกับกำปั้นฮันซลเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป
พอถึงเวลาที่ต้องย้ายข้าวของ จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร เพราะข้าวของส่วนใหญ่ก็เป็นของส่วนรวม แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่ได้มาทั้งจากที่สไตลิสไปขอจากแบรนด์เสื้อผ้า จากบริษัท หรือบางทีก็จากแฟนคลับเองก็จะถูกเก็บรวมไว้ที่ห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ ยกเว้นเฉพาะเสื้อผ้าที่ซื้อเอง หรืออยากเก็บไว้ใส่เพียงคนเดียวก็จะถูกเก็บแยกไว้ในตู้ของใครของมัน ดังนั้นการย้ายห้องในแต่ละครั้งก็แค่เอากระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มาเปิดออกแล้วเก็บเสื้อผ้า ครีม ข้าวของเครื่องใช้เล็กๆน้อยๆใส่เข้าไปแล้วลากกระเป๋าเดินเหมือนต้องออกจากบ้านเอเอฟ ย้ายไปอยู่อีกห้องเท่านั้นเอง
พวกผ้าปูที่นอนต่างๆ ถ้าใครไม่ติดหมอน ติดผ้าห่มที่นำติดตัวมาเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร เพราะอย่างไรแม่บ้านก็นำมาเปลี่ยนให้ทุกๆ เดือนอยู่แล้ว
"ว้า ถึงจะอยู่กันสามคนแบบนี้ แต่ก็คงเหมือนเราอยู่กันแค่สองคนอ่ะเนอะเตนล์ อีกคนเขาก็คงไปหาแฟนเขา" ทันทีที่ย้ายเข้าห้องมา จัดแจงเลือกเตียงไปแล้วโดยที่เตนล์กับจอห์นนี่นอนชิดกำแพงคนละฝั่ง และมีฮันซลอยู่ตรงกลาง คำพูดที่เอ่ยจากคนที่นั่งขอบเตียงตัวเองแล้วขนของขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเล็กๆข้างๆเตียงตั้งใจจะแซวแต่ก็ไม่ได้สังเกตว่าคนฟังจะมีท่าทางอย่างไร
"..นั้นสิ"เช่นเอ่ยยิ้มๆออกมาเพียงเท่านั้น กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงไปในคออย่างยากลำบาก คิดไปถึงวันนั้น วันที่เขาเดินออกจากห้องแทยงแล้วบังเอิญเจอจอห์นนี่
"..."
"พี่จะออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไปด้วยกันไหม?" เมื่อเก็บของเสร็จก็ลุกขึ้นถามน้องชายทั้งสอง แต่ก็ได้คำปฏิเสธกลับมา ฮันซลจึงเก็บเอาโทรศัพท์มือถือบนเตียงแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งทั้งคู่เอาไว้ในห้องเงียบๆ
"..คือ..จอห์นนี่ไม่ออกไปกินอะไรมั้งเหรอ ยังไม่ได้กินข้าวหนิ"
"จริงๆแล้วมีเรื่องจะถามยูน่ะ"
"ยูกับแทยง เป็นมากกว่าพี่น้องกันใช่ไหม"
ประโยคสั้นๆ
แต่มันทำให้อึดอัดได้มากถึงขนาดนี้เลย
เพราะแววตาที่จอห์นนี่มองมา กับน้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมาเมื่อครู่
อย่างกับว่าพี่ชายที่กำลังเป็นห่วงน้อง ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นเลยสักนิด ไม่เลย
ไม่เคยเลยสักครั้งที่จอห์นนี่จะแสดงท่าทีที่จะมากกว่านี้ ทำไมยังตัดใจไม่ได้อีกหรือไง เป็นแบบนี้มันยังไม่ดีพออีกหรือไง
ความคิดมากมายที่ปะทังเข้ามาในหัวจนสับสนไปหมด แทบจะลืมคำถามของจอห์นนี่ไปเลยด้วยซ้ำ
"ไอคิดว่าไอดูไม่ผิด เวลาที่พวกยูอยู่ด้วยกัน มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เป็นมากกว่าพี่น้อง ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ยูพูดกับไอได้นะ ไอเข้าใจ"
เตนล์เผลอกำมือแน่น แล้วเค้นยิ้มเยาะออกมาเบาๆ คิ้วกระตุกกับแววตาที่สั่นระริก
"เข้าใจเหรอ?"
"อือ ไอเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันพูดยาก แทยงก็ดีนะ เป็นคนที่ดีเลยล่ะ.."
"ไม่เลยสักนิด" เตนล์พูดแทรกจอห์นนี่ขึ้นมาเสียงแข็ง ริมฝีปากกระตุกจนเหมือนจะเบะร้องไห้ แต่ก็ยังไม่มีน้ำที่รื่นออกมา เตนล์ลุกขึ้นยืนช้าๆแล้วควบคุมลมหายใจให้ทุกอย่างมันปกติ
"จอห์นนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยต่างหาก"
ในใจมันก็หน่วงพิลึก จนแยกไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร
ระหว่างถูกจับได้เรื่องแทยง กับการที่คนที่จับได้นั้นคือจอห์นนี่ อย่างไหนที่มันหน่วง มันถ่วงหัวใจมากกว่า
การตัดใจจากจอห์นนี่.. เตนล์ไม่เคยคิดถึงมันเลยสักครั้ง ความสัมพันธ์ที่ลดลงมา เป็นเพราะเตนล์เองที่ไม่อยากมีปัญหา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเลิกชอบนี่ ไม่ได้จะแช่ง แต่ก็อยากให้เลิกกันเร็วๆ เจ็บใจที่ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ อย่างน้อยพี่แทอิลก็ไม่ผิด คนที่ผิดก็คงเป็นเตนล์เองแหล่ะที่ดันอยากมีปัญหา
เป็นแบบนี้มันก็ดี แต่ไม่ดีพอ เตนล์อยากได้มากกว่านี้ แต่จอห์นนี่ไม่เคยเข้าใจ แล้วยังมาบอกว่าเข้าใจอีก เหอะ น่าขำ
"ทั้งๆที่จอห์นนี่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยแท้ๆ"
จากที่เคยคิดว่าจะทำตัวเป็นน้องที่น่ารัก แสนดีต่อไปแบบนั้น พอเอาเข้าจริง พอเรื่องมันบานปลายมาจนเป็นแบบนี้ เตนล์ก็ไม่อยากจะควบคุมอะไรให้มันเหมือนเดิม
อยากเอาแต่ใจตัวเองบ้าง
"จอห์นนี่เองก็รู้ อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้สิ"
"..."
"เตนล์ชอบจอห์นนี่ก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ หรือตั้งใจจะลืมมันไปจริงๆ"
จากที่คิดว่าตัวเองคงจะไม่ร้องไห้หรอก แต่คนที่ร้องไห้ง่ายๆมีหรือจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ เนื้อตัวสั่นเทาและน้ำเสียงที่พูดก็ดังพอจะให้คนอีกฝั่งห้องได้ยิน เพราะภายในห้องตอนนี้ถูกบรรยากาศรอบข้างกดดันจนเงียบไปหมด
บรรยากาศรอบข้างที่กดเอาความรู้สึกทุกอย่างลงจนหนักอึ้งไปหมด
"อย่าพยายามผลักไสไอออกไปให้ใคร ในเมื่อคนที่ไอรักก็มีแค่จอห์นนี่"
"..."
"ทำแบบนั้น ใจร้ายมากเลยนะ ฮึก" สุดท้ายแล้วน้ำใสๆก็เอ่อจนล้นจากขอบตา ไหลออกมาในที่สุด เตนล์สะอื้นออกมาเบาๆ แล้วยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกลวกๆ
"เตนล์.." จอห์นนี่เดินเข้าไปใกล้ หวังจะปลอบใจน้องชายไม่ให้ร้องไห้ไปมากกว่านี้ แม้จะรู้สาเหตุมันก็มาจากตัวเขาเอง แต่เตนล์ก็ไม่ควรจะมาเสียน้ำตากับเรื่องแบบนี้
ความรู้สึกมันไม่เคยห้ามกันได้
จอห์นนี่เข้าใจในข้อนี้ดี จึงไม่เคยว่าอะไรหากเตนล์จะคิดเกินเลยไปมากกว่าเพื่อนหรือพี่น้อง
แต่ก็อย่างที่บอก ความรู้สึกมันไม่เคยห้ามกันได้ การที่เขาไม่ได้รักเตนล์ในแบบของคนรักมันคือเรื่องจริงที่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธ อย่างไรความรู้สึกแบบนั้นเขาก็ได้มอบให้กับอีกคนหนึ่งไปแล้ว
ในเมื่อเขามองเตนล์เป็นน้องชายสุดที่รัก ที่รัก และเอ็นดูที่สุดอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น หากจะทำตัวให้เหมือนเดิม พยายามให้เหมือนเดิมมากที่สุด ก็หวังจะให้เตนล์เลิกหวัง
แต่จอห์นนี่คงลืมไป
ระหว่างที่จอห์นนี่มองเตนล์เป็นแค่น้องชาย และคิดอยู่แค่นั้นมาตลอด เตนล์ก็ไม่เคยมองจอห์นนี่ในฐานะพี่ชายเลยสักครั้ง มันเลยเหมือนกับว่าไม่มีความรู้สึกใดที่จะให้กลับไปหาได้อีก ในเมื่อเริ่มต้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว
"จอห์นนี่ไม่เข้าใจ ว่า..ฮึก ว่า ไอต้องพยายามแค่ไหน ที่เห็นยูอยู่กับพี่แทอิล ฮึก ม.. มัน ยูใจร้ายกับไอมากเลยนะ ฮืออ"
จอห์นนี่จับหัวเตนล์เข้ามาซบอกให้น้ำตาไหลซึมเข้าเนื้อเสื้อยืดที่ตัวเองสวม เตนล์ไม่ได้ดิ้นหรือขัดขืนอะไร เอาแต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาแบบนั้น ด้วยใจที่ห่อเหี่ยว
เตนล์ยกมือขึ้นมาดันหน้าอกของจอห์นนี่ออก แล้วเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามอง
แววตาที่สั่นระริกช้ำแดงจนน่าสงสาร ปลายจมูกรั้นก็ขึ้นสีแดงอีก เตนล์พยายามจ้องลึกเข้าไปในตาของจอห์นนี่ อยากจะมีเวทมนต์อะไรมาเปลี่ยนให้แววตาที่มองมาราวกับเอ็นดูและสงสารน้องชายคนนี้ได้เปลี่ยนไปสักที อย่างน้อยๆนะ ถ้าจอห์นนี่จะเกลียดหรือทำไม่ดีให้กันไปเลย อะไรก็คงจะง่ายกว่านี้
บางทีเตนล์ก็อาจจะยอมตัดใจได้
ฝ่ามือนุ่มจับเข้าที่ใต้กรามแล้วยืดตัวเองขึ้นไปกดจูบลงบนริมฝีปากหยักได้รูป แนบสนิทเข้าไปแล้วกดแช่เอาไว้แบบนั้น
แต่สุดท้ายก็โดนดันตัวออก
"อย่าทำแบบนี้เลยเตนล์"
"ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก"
น้ำเสียงที่เคยอบอุ่นกลับพูดออกมาระคนเหนื่อยใจ จอห์นนี่จากไปแล้ว เตนล์ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นข้าวเตียงแล้วปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลโฮออกมาอย่างคนอยากระบาย ให้ความอึดอัดนี้ออกไปเสียใจ ไม่อยากรับรู้อะไรแบบนี้แล้ว
แค่จอห์นนี่ไม่รักตอบ แค่จอห์นนี่ปฏิเสธ ไม่อยากรับรู้แล้ว
เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้อง ไม่มีใครรู้ แม้แต่คนที่มักจะเข้ามาถูกจังหวะเสมอแบบแทยง ครั้งนี้ก็กลับนั่งเล่นพูดคุยกับยูตะและดงฮยอกในห้องอย่างออกรส
แน่สิ ที่ทุกครั้งมักจะไปเจอช่วงที่เตนล์กำลังอ่อนแออยู่เสมอนั้นเป็นเพราะแทยงมักจะเห็น..
ไม่ได้หมายความจะแอบตามแอบมองทุกครั้งหรอก แต่มันเป็นเพราะครั้งแรกที่ความสัมพันธ์แบบนี้เกิดขึ้น เตนล์บอกกับเขาว่าชอบจอห์นนี่ แต่นั้นก็เพราะว่าเตนล์กำลังเมา หลังจากนั้นพอเห็นว่าน่าจะมีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่ คนฉลาดแบบเขาก็มักจะคิดต่อเติมเรื่องราวไปเองว่าเตนล์ก็คงจะกำลังอ่อนแอและไม่สบายใจ
หากจะใช้จังหวะและโอกาสนี้เข้าหาก็ไม่น่าจะแปลก
มันไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคิดจะเข้าหาคนที่ชอบในเวลาที่เขากำลังเศร้า
ค่อยๆแทรกเข้าไปในใจของเขาช่วงที่เขากำลังอ่อนแอ
แทยงไม่เคยบอกเลยสักครั้งว่าคิดอะไรกับยูตะ เป็นเตนล์ที่คิดไปเองทั้งหมด เพราะแทยงเคยเป็นรูมเมทเก่ากับยูตะ เวลามีอะไร หรือทำอะไรก็มักจะทำร่วมกันอยู่เสมอ นั้นแหล่ะ เตนล์ชอบคิดอะไรไปเอง ยิ่งเวลาที่ตัวเองเมาก็ยิ่งชอบสร้างเรื่องสร้างราว ผูกกันจนเป็นปมให้ตัวเองปวดหัวเอง
แต่แทยงก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เพราะตราบใดที่เตนล์ยังไว้ใจให้เขาเข้าใกล้อยู่ตลอด แม้จะมองว่าโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์แทบไม่มีเลยก็ตาม
แม้จะทำได้เพียงแค่คอยแอบมอง คอยอยู่ใกล้ๆ แต่ถ้าเตนล์จะมองว่าเขาบริสุทธิ์ใจที่จะอยู่ด้วย แล้วมันทำให้ได้อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แล้วครั้งนี้ก็เช่นกัน
เพราะไม่เห็น
ไม่เห็นว่าจอห์นนี่เดินเข้ามาในห้องพักของเหล่าทีมที่กำลังจะคัมแบ็ค
ไม่เห็นว่าจอห์นนี่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากเดิมแค่ไหน หรือไม่แม้แต่จะคิดว่าการที่เตนล์ได้แชร์ห้องร่วมกับจอห์นนี่จะเป็นเช่นไรถึงจะมีฮันซลอยู่ด้วยก็เถอะ
ไม่เป็นไรหรอก
ถ้าหมอนั้นไม่ไหวเดี๋ยวก็เข้ามาหาเอง
เพราะคิดอยู่แบบนั้น.. แทยงเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เตนล์กำลังต้องการใครสักคนมากที่สุดเลย
---------------------------
100%
สารภาพว่าที่หายไปนานคือลืม 55555555 เพราะมันเขียนอิงโมเมนท์จริงๆไงคะ เลยไม่มีพล็อตไม่มีแพลน แค่กำกับเอาไว้สั้นๆว่าเอ้อ จะโยงไปแบบนี้ จะให้เป็นแบบนี้นะ แต่เนื้อหาส่วนใหญ่จะอิงจากโมเมนท์ แต่คุณคะ ผ่านมากี่สิบโมเมนท์แล้วดิฉันก็ไม่ได้กลับมาต่อ ฮือ ลืมจริงจัง แง๊ ขอโทษ (กลับมาเพราะมีคนทวงแท้ๆอ่ะเอาจริง สารภาพไปตามตรงเลย แง๊)
แทยงก็ชอบน้องนะยู เห็นมีคนทายถูกหลายคนละ เลิกแต่งละกัน (ห้ะ) 5555555555555555 จบตามชื่อเรื่องเลยแก "รักผู้ชายผิดคน" กำลังคิดว่าจะปั่นให้จบภายในสองสามตอนนี้ดีไหม หรือจะไปเรื่อยๆตามโมเมนท์ดี แต่คือที่ทุกคนเดาๆมาว่าเตนล์ก็คงรู้สึกกับแทยงบ้างอ่ะ ลองสังเกตดูดีๆนะ ว่าที่เตนล์รู้สึกอ่ะ เพราะชอบแบบคนรัก หรือแค่สนิทใจแบบเพื่อน ความสัมพันธ์ทางกายมันมีอิทธิพลกับหัวใจขนาดนั้นเลยเหรอ หรือบางทีเตนล์อาจจะกำลังเหงาๆแล้วพอมีแทยงเข้ามา ก็เลยรู้สึกสนิทใจบ้าง แต่จะถึงขั้นชอบมากกว่าที่รู้สึกกับจอห์นนี่เลยเหรอ แต่มันก็เป็นไปได้นะคุณ แล้วที่แทยงบอกว่าชอบเตนล์อ่ะ ถ้าชอบกันจริงๆ คือนั่งเล่นกับเพื่อนรอน้องเข้าหาอย่างเดียว หรือไม่ก็ไปหาน้องเฉพาะเวลาน้องอ่อนแออ่ะ หื้อ พระเอกมากไหมถามใจดู (งี้)
ป.ล. ที่กล่าวมาข้างต้น สรุปแล้วฟิคเรื่องนี้ควรจัดอยู่ในแคททิกอรี่ไหนนะ
ป.ล. ขอโทษที่ช่วงนี้ติด "พี่ข้าวไม่ใช่แมว" มากเกินไป ทวงกันได้นะคะ ทุกเรื่องเลย สามารถแท็กมาหาในทวิตได้เลย เพราะบางทีแต่งเรื่องไหนอยู่มันจะติดเรื่องนั้นเลยอ่ะค่ะ แบบ ฟีล อารมณ์มันให้กับเรื่องนั้นก็จะแต่งอยู่เรื่องเดียวเลย ฮือ เค้าผิดเอง
#lovingwrongTT
@MelloPizery
ความคิดเห็น