ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sf | os } NCT - #taeten #jaedo #johnil

    ลำดับตอนที่ #5 : { JohnIl } Little voice - 05 end

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 59


    ".. เสียงเล็กๆของฉัน ที่ดังในใจในใจ

    ไม่เคยมีใครมีใคร ต้องการจะฟังจะฟัง

    อยู่ตรงนี้ ด้วยใจไหวหวั่น .."

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "แทอิลลลล ลงมาช่วยแม่หน่อยยยย"

     

    เสียงเรียกจากคุณแม่ประจำบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่เธอกำลังจะไปทำมื้อเช้าให้เด็กๆและสามีก็เจอลูกชายตัวดีเดินโซซัดโซเซเข้ามาในบ้าน สติสตังไม่ค่อยมีไม่รู้ขับรถกลับบ้านมาได้ยังไง

     

    แทอิลเดินลงมาจากชั้น 2 ช้าๆ อย่างคนง่วงนอน จริงๆเขาก็กำลังจะตื่นพอดี เพราะปกติก็ตื่นเวลาประมาณนี้อยู่แล้ว พอเห็นแม่กำลังทุลักทุเลแบกน้องชายอยู่ก็รีบเดินเข้าไปช่วยทันที

     

    "เฮ้อ ทำไมไปเมามาขนาดนี้ก็ไม่รู้นะ แล้วกลับบ้านยังไงใครขับรถมาส่งก็ไม่มี เกิดอุบัติเหตุอันตรายไปจะทำยังไง" อดเป็นห่วงไม่ได้ ในเมื่ออีกคนก็เป็นลูกชายคนนึงของเธอ

     

    "แม่ไปทำอาหารต่อเถอะครับเดี๋ยวผมพาไปเอง" แทอิลมองดูผ้ากันเปื้อนที่ถูกสวมไว้ แม่คงยังทำอาหารเช้าอยู่ เมื่อเธอเดินจากไปแล้วแทอิลก็ค่อยๆพยุงให้ยองโฮขึ้นชั้นสองไป ผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันแต่ขนาดตัวต่างกันค่อนข้างมาก ยองโฮก็ตัวหนัก จะให้เดินตัวปลิวไปชั้นสองเลยมันก็ทำไม่ได้หรอก

     

    กว่าจะแบกอีกคนจนมาถึงห้องนอนของยองโฮได้ก็เรียกเหงื่อไปไม่น้อย จะกลับไปนอนต่อก็คงไม่ได้หรอก เห็นคนเมานอนบนเตียงแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้

     

    จะทิ้งไว้แบบนั้นก็คงจะนอนไม่สบาย

     

    คิดแล้วก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอีกฝ่ายใส่ แล้วค่อยๆร่นเสื้อ จัดการอุ้มยองโฮขึ้นมาซบไหล่แล้วดึงเสื้อออกแล้วค่อยปล่อยให้อีกฝ่ายนอนลงเหมือนเดิม

     

    เพียงแค่เสื้อตัวเดียวก็เหนื่อยแล้ว คิดแล้วก็ไม่อยากถอดกางเกง แต่ก็ต้องถอด ไม่งั้นจะเช็ดตัวยังไง 

     

    การถอดกางเกงไม่ได้ยากเหมือนถอดเสื้อ แค่ปลดเข็มขัด ปลดซิบก็ดึงรูดออกมาได้เหลือ เหลือเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ที่ไม่ต้องถอดก็ได้

     

    แทอิลเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมผ้าเช็ดผมชุบน้ำออกมาเช็ดหน้าเช็ดตา เช็ดตัวให้อีกฝ่ายได้รู้สึกสบายมากขึ้น

     

    "ฮือออ" เสียงครางจากลำคอเมื่อถูกความเย็นจากผ้าเลื่อนผ่าน แทอิลละมือออกแล้วดึงผ้าห่มออกมาคลุมร่างไว้ให้ สองขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อซักผ้าในมือก่อนจะเดินออกมา พบว่ายองโฮลุกขึ้นมานั่งมองหน้าเขาอยู่

     

    "..."

     

    "..."

     

    ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างทั้งคู่ ยองโฮกำลังตั้งสติ เขาตื่นขึ้นเพราะรู้สึกถึงความเย็นที่ถูกเคลื่อนผ่านร่างกาย มันรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ปฎิเสธไมได้ว่ามันทำให้รู้สึกสบายตัวไม่น้อย แต่พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองสวมเพียงกางเกงบ็อกเซอโง่ๆตัวเดียว มีผ้าห่มมาคลุมลวกๆ แล้วพอเงยหน้ามองไปทั่วๆห้องก็พบว่าเป็นห้องตัวเอง นึกว่าไปหลุดกับผู้หญิงหรือใครที่ไหนแล้วซะอีก แต่คนที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็ทำให้เขารู้สึกเกรงจนพูดไม่ออก

     

    เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าที่เขาต้องเมามากขนาดนี้เพราะใคร แม่งแล้วยังจะมาเดือดร้อนให้เขาเช็ดตัวให้อีก !!

     

    ยองโฮขยี้ผมแรงๆจนแทอิลนึกว่าอีกคนกำลังแฮงค์

     

    "ปวดหัวเหรอ"

     

    ก่อนที่ยองโฮจะตื่น แม่เขาขึ้นมาบอกแล้วว่าจะต้องรีบไปทำงานพร้อมพ่อ ฝากดูแลยองโฮด้วย

     

    "เดี๋ยวไปต้มซุปให้" แทอิลเดินผ่านเตียงของคนเมา แต่กลับถูกคว้าแขนเอาไว้ก่อน ยองโฮมองหน้าพี่ชายตัวเองระคนอยากจะพูดอะไรมากมาย แต่ยังไม่มีโอกาส

     

    "อย่าพึ่งไป"

     

    "..."

     

    "ขอถามอะไรก่อน"

     

     

     

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ยองโฮเงียบไป แล้วปล่อยมือ

     

    "ไม่มีอะไร.. ไปเถอะ"

     

     

     

    แทอิลนิ่งไป แต่ก็เดินออกจากห้องของยองโฮไปเงียบๆ ทิ้งความเงียบค้างไว้ในห้องที่มีแต่ความอึดอัด

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อผ่านละครเวทีไปแล้วก็ถึงฤดูการสอบไฟนอล สำหรับแทอิลที่ใกล้จะจบเหลือเพียงสอบ 5 วิชา เท่านั้น ส่วนยองโฮสบายกว่ามาก วิชาสอบมีไม่มาก เพราะวิชาส่วนใหญ่จะเน้นไปทำโปรเจคมากกว่า ซึ่งก็ส่งหลังจากสอบไฟนอลเสร็จทั้งนั้น ยังพอเหลือเวลาให้ทำอยู่

     

    บนโต๊ะอาหารมื้อเย็นที่เป็นมื้อพร้อมหน้าพร้อมตาของครอบครัวในรอบหลายเดือน แม่กับแทอิลช่วยกันทำอาหารที่ดูน่าทานหลายอย่างเป็นการฉลองสอบเสร็จของลูกๆ

     

    "แทอิลจบแล้วจะทำงานเลยไหม" พ่อเอ่ยถาม แทอิลสอบใบประกอบวิชาชีพผ่านแล้ว เหลือก็แค่จะไปสอบบรรจุเป็นครูที่ไหนเท่านั้น หรือไม่บางทีเจ้าตัวอาจจะอยากเรียนต่อ

     

    "คงรอสอบบรรจุที่บ้านครับ"

     

    "แล้วยองโฮละ ปิดเทอมจะทำอะไร" โดยปกติเมื่อถึงเวลาปิดเทอม ยองโฮมักจะหางานพิเศษเป็นพาร์ททามทำ ครั้งนี้ก็อาจจะทำเหมือนเดิม

     

    "ผมต้องไปฝึกงาน" คณะของยองโฮต้องไปฝึกงานช่วงปิดเทอมปีสามขึ้นปีสี่ เขาหาบริษัทฝึกงานไว้แล้ว เป็นค่ายหนังชื่อดัง แต่ที่ตั้งของบริษัทก็ค่อนข้างไกลจากบ้านอยู่พอตัว หากยึดความไกลจากมหาลัยเป็นหลัก บริษัทที่ว่าก็อยู่คนละทางกลับบ้านของยองโฮเลย

     

    "จะไปอยู่หอพักหรือเปล่า" แม่พอจะรู้ว่าบริษัทที่ว่าค่อนข้างไกล หากยังอยู่ที่บ้านก็ต้องเผื่อเวลาออกจากบ้านให้เร็วกว่าเดิมอีก

     

    ".. ผมก็ดูคอนโดเผื่อๆไว้บ้างแล้วครับ" ยองโฮปรายตาไปมองพี่ชายที่ยังนั่งกินข้าวเงียบๆ แต่ก็ดูว่าจะไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไรกับเขาเลยสักนิด

     

    หึ

     

     

     

     

     

    มันดีแล้วละ ที่ผ่านมา

     

     

    ก็คงจะเป็นภาระให้เขาจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "แล้วแทอิลไม่คิดจะออกไปอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ จะทำงานแล้วยังอยู่ติดแม่อยู่นั้น" แม่แกล้งเอ่ยแซว เธอรู้อยู่แล้วละว่าแทอิลไม่ได้ติดแม่ แต่ติดบ้าน ไม่ชอบการไปอยู่คอนโด หอพัก ต่างหาก

     

    "งั้นพรุ่งนี้แทอิลว่างๆก็ไปช่วยยองโฮเลือกคอนโดซะสิ จะได้มีอะไรทำด้วย"พ่อเสนอความคิด พวกเขาค่อนข้างกังวลถึงความสัมพันธ์ของลูกชายทั้งคู่ กลัวว่าพวกเขาจะมีปัญหากัน ไม่สนิทกัน

     

    "อย่ารบกวนเลยครับ ผมไปคนเดียวได้"

     

    "ก็ดีนะคะ ให้แทอิลไปช่วยเลือก เจ้าตัวเป็นคนติดบ้าน อย่างน้อยหาที่พักที่อยู่ที่ลักษณะใกล้เคียงกับบ้านเวลากลับมาพักผ่อนจะได้สบายใจไง" แม่สนับสนุนความคิดของพ่อ พอได้ยินแบบนั้นแล้ว แทอิลก็ตกปากรับคำจะไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

    "ถ้าเขาไม่อยากไปก็อย่าบังคับเขาเลยครับ"

     

    "ไม่เป็นไร"

     

     

     

     


     

    "ฉันก็อยากไปเหมือนกัน"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    รถคันเดิม บรรยากาศแบบเดิมๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาหลายวัน ตั้งแต่วันนั้น รถที่วิ่งไปบนท้องถนนในเวลากลางวัน เป็นเวลาร่วมชั่วโมงกว่าๆ จะถึงคอนโดที่ยองโฮมาร์คไว้ใน GPS ของรถ

     

    "จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ" ยองโฮพูดเป็นครั้งแรกตั้งแต่นั่งรถด้วยกันมา ครั้งนี้อึดอัดมากที่สุด ยิ่งรู้ตัวแล้วว่าชอบเขาเข้าแล้ว มันยิ่งอึดอัดกว่าเดิม

     

    "..." แทอิลเงียบ เขาไม่รู้จะพูดอะไร ในหัวสมองว่างเปล่า ทำเพียงมองรถหน้าตรงเหมือนกับที่ทำเป็นประจำ

     

    "ถ้าไม่อยากมา จะมาทำไม"

     

    "...ก็บอกแล้วว่าอยากมาเหมือนกัน" แทอิลตอบเป็นครั้งแรก เขาก็พูดไปก่อนแล้วหรืออีกฝ่ายจะลืม

     

    "อยากมาแล้วมาทำเงียบแบบนี้ มันอึดอัดป่ะ"

     

    "..ขอโทษ"

     

    "ฮึ่มมมม" ยองโฮพ่นลมหายใจทางจมูก ขบกรามแน่น

     

    "ที่นี้.."

     

    "ว่ายังไง"

     

    "ใกล้กับที่ทำงานเหรอ" ยองโฮเลี้ยงรถเข้าไปจอดในลานจอดรถของคอนโดขนาดกลาง

     

    "อืม"

     

    แล้วก็บอกให้พูดอะไรบ้าง ตัวเองตอบกลับมาแค่อืมจะให้พูดอะไรต่อละ

     

     

    ทั้งคู่เดินเข้าไปติดต่อขอดูห้องพัก ตามที่ยองโฮได้ติดต่อมาก่อนแล้ว ภายในห้องชั้น 6 มี 1 ห้องนอนที่เป็นชั้นลอยของห้อง มีห้องทำงานที่อยู่ใต้ชั้นลอย ห้องน้ำและห้องครัวอย่างละห้อง ตรงกลางเป็นชุดโซฟา เฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่

     

     

     

     

     

    "ขอพวกผมคุยกันสักหน่อยนะครับ" ยองโฮหันไปกระซิบกับผู้ดูแล เธอก็ยิ้มรับแล้วบอกจะออกไปรอนอกห้อง ทิ้งไว้ให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง

     

     

     

     

     

     

     

    "ถ้าฉันย้ายออก.. นายจะสบายใจขึ้นไหม"

     

    ยองโฮเอ่ยถาม แทอิลที่กำลังสำรวจห้องตามประสาคนไม่เคยเข้ามาแบบนี้ ในหัวเขาคอนโด หรือหอพักก็จะเป็นห้องสี่เหลี่ยมธรรมดาๆ ดูน่าอึดอัดไปหมด ไม่ได้มีดีไซน์เปิดโล่งและจัดสัดส่วนเสียสวยงามเช่นนี้

     

    ".. ทำไมต้องสบายใจ" แทอิลไม่เข้าใจ ถ้ายองโฮย้ายออก ก็คือย้ายออกสิ มันเกี่ยวอะไรตรงไหนที่เขาจะสบายใจขึ้นหรือเปล่า

     

    "เพราะฉันอาจจะสร้างความลำบากใจให้นาย"

     

    แทอิลงงหนักกว่าเดิม ที่ผ่านมา มีเพียงเขาไม่ใช่เหรอที่ทำตัวเป็นภาระให้ยองโฮตลอด

     

    "ฉันไม่เข้าใจ"

     

    ยองโฮเงียบ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แล้วก้มตัวโน้มลงมาจนใบหน้าทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน ริมฝีปากประทับลงที่จุดเดียวกันของอีกคน แนบเข้าไปนานเท่าที่อยากทำแล้วก็ผละออกมา

     

    แทอิลนิ่งไป กำลังสับสนกับการกระทำของยองโฮเมื่อครู่

     

    "ฉันอาจจะเผลอทำให้นายเกลียด"

     

    "..."

     

     

     

     

     

     

     

    "กลับบ้านเถอะ"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ระหว่างทางกลับบ้านทุกอย่างยิ่งเงียบและอึดอัดมากกว่าเดิม ยองโฮอยากจะถึงบ้านเร็วๆเผื่อจะคลายความอึดอัดลงบ้าง เขาเหลือบคนที่นั่งข้างๆก็ยังนิ่งอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือนั่งตัวเกรงเหมือนกำลังกลัวเขาอยู่

     

    แทอิลก็เป็นแบบนี้ตลอด ทำอะไรนิดหน่อยก็สะดุ้ง และตัวเกรง จนเขาคิดว่าพี่ชายคนนี้เคยเกรงจนเป็นตะคริวบ้างไหม

     

    ไม่รู้เขาจะไปเผลอชอบคนแบบนี้ได้ไง ไม่ใช่สไตล์เขาสักนิด ติดออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อยด้วยซ้ำ

     

    แต่ก็เป็นคนที่อยู่ในความสนใจของเขามาตั้งแต่ครั้งแรกทีรู้จัก

     

     

     

     

     

     

    รักแรกพบ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ไร้สาระ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มื้อเย็นที่ถูกจัดขึ้นควรจะพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง แต่คราวนี้ทุกอย่างกลับเงียบจนน่าอึดอัด ทั้งๆที่ถามอะไรไปก็ตอบกลับมาปกติทุกอย่าง แต่บรรยากาศมันไม่เหมือนเดิม

     

    "ผมอิ่มแล้ว" ทานข้าวไปหมดจานพอดี ก็ลุกขึ้นไปล้างจานขอตัวขึ้นห้อง สองสามีภรรยารู้สึกถึงความไม่ปกติ ไม่นานนักยองโฮก็ตามไป

     

    "พวกเขาทะเลาะกัน หรือจริงๆแล้วพวกเขาไม่เคยสนิทกันเลยคะ"ผู้เป็นภรรยานึกคิดกังวล จริงๆตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีปรึกษากันเรื่องลูกอยู่บ้างแล้ว ที่แนะนำให้แทอิลไปร้องเพลงกับยองโฮก็เพื่อหวังจะให้ทั้งคู่สนิทกัน ยอมออไปทำงานข้างนอกนานๆ ให้ทั้งคู่ดูแลกันเอง แต่ก็ดูจะไม่ได้สนิทกันมากขึ้น ซ้ำกับดูแย่ลงด้วยซ้ำ

     

    "เดี๋ยวผมไปคุยกับยองโฮเอง ส่วนคุณก็ไปคุยกับแทอิล" เขาคิดว่าถ้าให้พ่อแม่จริงๆของเด็กๆไปคุย พวกเขาน่าจะยอมพูดความในใจออกมามากกว่า ผู้เป็นภรรยาเองก็เห็นด้วย พวกเขาแยกกันไปหาลูกที่ห้องของพวกเขา

     

     

     

     

     

    "แทอิล แม่ขอเข้าไปได้ไหม" แม้จะเคาะแล้วเปิดประตูแง้มเข้ามาแล้ว เธอก็ยังเอ่ยขออนุญาตกับลูกชายอยู่ดี เพราะเธอเคารพพื้นที่ส่วนตัวของลูก เพื่อไม่ให้ก้าวก่ายจนเกินไป แทอิลที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนบนเตียงก็ลุกขึ้นมานั่งดีๆแล้วเรียกแม่ให้มานั่งบนเตียงด้วยกัน

     

    "แม่มีอะไรเหรอครับ"

     

    "แทอิลทะเลาะอะไรกับยองโฮหรือเปล่า" เธอเข้าเรื่องเลยโดยไม่เกริ่นนำใดๆ แทอิลก็ส่ายหน้าเบาๆ แต่ก็ต้องชะงักเพียงนิด เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในคอนโดตอนนั้น

     

    มันก็ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มัน.. ไม่รู้สิ

     

    "มีเรื่องอึดอัดอะไรในใจบอกแม่ได้นะ แม่ไม่สบายใจเลยที่พวกลูกอึดอัดกันแบบนี้"

     

    "ไม่มีอะไรหรอกครับ"

     

    "เพราะพวกแม่หรือเปล่า?" อดคิดไม่ได้จริงๆว่าเป็นเพราะพวกเธอที่ตกลงแต่งงานกันโดยไม่ทันได้ปรึกษาหรือดูท่าทีของพวกลูกๆ มองแต่ความสุขตัวเองจนลืมมองว่าลูกเราจะโอเคหรือเปล่า

     

    "แม่อย่าคิดแบบนั้นสิครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆนะ" แทอิลกอดเอวให้กำลังแม่ ใบหน้าก็ซบไปกับไหล่บาง

     

    "แต่ผมไม่เข้าใจ"

     

    "..."

     

    "ไม่เข้าใจยองโฮ"

     

    "ทำไมคะ"

     

    "เขาชอบทำทุกอย่างให้เหมือนมีอะไร.. ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรเลย"

     

    "..."

     

     

     

    "เป็นแบบนี้ตลอดเลย" เปลี่ยนจากแนบแก้มไปกับไหล่บางของแม่กลายเป็นใช้หน้าผากซบแทน เสียงถอนหายใจของแทอิลทำให้หัวใจของผู้เป็นแม่กระตุกแปลกๆ

     

    เธออยู่กับแทอิลมานาน ตั้งแต่พ่อของแทอิลจากไปเธอก็พยายามทำตัวเป็นทั้งพ่อ ทั้งแม่ และเพื่อนที่เข้าใจแทอิลเสมอ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกชายพูดหมายถึงอะไร คิดไปแล้วก็ไม่รู้ฝั่งสามีจะเป็นอย่างไรบ้าง หากทั้งคู่คิดตรงกันสักนิด เรื่องก็คงจะง่ายกว่านี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในขณะเดียวกัน ที่ห้องข้างๆ บรรยากาศก็ไม่ได้ด่างอะไรมากนัก เมื่อยองโฮสารภาพกับพ่อตรงๆว่าตัวเองคิดไม่ซื่อกับพี่ชายตัวเอง ผิดก็ตรงที่คนเป็นพ่อพูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่าจะรู้สึกยังไง นึกสงสัยอยู่อย่างเดียวว่าไปรักไปชอบกันตอนไหน ทั้งๆที่ปกติก็ทำท่าทางราวกับว่าไม่สนิทกัน อยู่ด้วยกันก็แค่เท่านั้น

     

     

     


    "ผมรู้ว่ามันไม่ควร แต่ผมชอบเขาว่ะ"

     

    "ถ้าชอบแล้วจะทำยังไงต่อ" เขาไม่ใช่คนที่จะปิดกั้นความรักของใคร เข้าใจว่าถ้ามันชอบไปแล้วก็คือชอบไปแล้ว จะห้ามอะไรไปก็คงช่วยไม่ได้ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ายองโฮจะทำยังไง

     

    "ผมจะย้ายออก.."

     

    ".."

     

    "ผมจะตัดใจ"

     

    "จะตัดใจได้ลองทำอะไรบ้างหรือยัง"

     

    "..."

     

    "เขารู้หรือเปล่าว่าเราชอบเขา"

     

    "ไม่ต้องบอกเขาก็แสดงออกมากพอแล้ว" คิดไปถึงตอนที่เขาจูบแทอิลตอนที่อยู่คอนโด อีกฝ่ายไม่ได้ผลักออก แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ กลับทำท่าทางนิ่งเฉย ไปจนถึงออกห่าง เพียงเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ เขาโดนแทอิลปฏิเสธไปสองรอบแล้วนะ

     

    "อย่างน้อยจะตัดใจแล้วทำไมไม่ไปบอกเขาตรงๆสักหน่อยละ"

     

    "..."

     

    "ยองโฮลองคิดดูดีๆนะว่าได้ลองพยายามดูแล้วหรือยัง ถึงบอกจะตัดใจ"

     

    "..."

     

    "พ่อไม่เคยสอนให้ลูกชายพ่อยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้นะ"

     

    ฝ่ามือตบไปที่บ่าของลูกชายแล้วบีบให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มื้อเช้าไม่มียองโฮ เจ้าตัวบอกเมื่อคืนเตรียมเอกสารฝึกงานดึกจนไม่ได้นอน พ่อกับแม่ก็รีบไปทำงาน เหลือเพียงแทอิลที่เก็บบ้านรอจนสาย ยองโฮก็ยังไม่ยอมลงมาทานข้าวอยู่ดี

     

     

     

     

     

    "คุณว่าเป็นแบบนี้มันจะดีจริงๆเหรอ" ผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามสามีระหว่างทางที่ออกมาทำงาน พวกเขาได้ปรึกษากันเรื่องลูกแล้ว รับรู้แล้วว่ายองโฮชอบแทอิล ไม่ได้นึกรังเกียจอะไร คิดกังวลเพียงแค่ว่าแทอิลละ จะรู้สึกยังไงกับยองโฮ ในคราแรกเธอก็รู้สึกว่าแทอิลก็คงจะรู้สึกอะไรบ้างแหล่ะ เพราะปกติแล้วแทอิลเป็นคนนิ่งๆ แต่พอเจอสิ่งที่สนใจก็จะให้ความรู้สึกที่พิเศษขึ้นมา คนเป็นแม่สัมผัสได้ ความรู้สึกแบบนั้นเธอรู้ว่าแทอิลก็มอบให้ยองโฮ แต่อาจจะเป็นความรู้สึกของพี่น้องก็ได้ เธอไม่มั่นใจ

     

    "ถ้ามันไม่ลองพยายามดูบ้างสักหน่อย มันก็ไม่ใช่ลูกชายผมสิ"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แทอิลยื่นอยู่หน้าเตาทำอาหาร เขากำลังจัดชุดอาหารง่ายๆสำหรับคนเดียว จัดวางจานใส่ถาดอาหารพร้อมกับขวดน้ำพลาสติกขวดเล็กที่วางไปด้วย

     

    ยกขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้าน เดินเลยห้องของตัวเองไปเป็นห้องของน้องชายที่ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า แล้วนี้ก็จะสิบโมงแล้วด้วย ยองโฮไม่เคยกินข้าวสายขนาดนี้ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา

     

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    ใช้มือข้างเดียวอุ้มถาดอาหารเอาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างเคาะประตู เจ้าของห้องเงียบไม่ยอมลุกมาเปิด คงรู้ว่าเป็นเขาเลยไม่ยอมมาเปิดประตูให้

     

    "ยองโฮ" เอ่ยเรียกแล้วเคาะอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "เข้ามาสิ" จนแล้วจนรอดก็ต้องเปิดประตูรับพี่ชายเข้ามาอยู่ดี

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "มีอะไร"

     

    "ยังไม่กินข้าวใช่ไหม" จริงๆก็ไม่น่าถาม เขานั่งอยู่ชั้นล่างตั้งแต่มื้ออาหารจบไป ก็ยังไม่เห็นยองโฮลงมาหาอะไรกินเลย ทั้งยังเจ้าตัวไม่ได้มีสภาพเหมือนคนพึ่งตื่นเลยสักนิด ทำแบบนี้อย่างกับว่ากำลังหลบหน้ากัน

     

    "อืม"

     

    "ฉันทำมาให้"

     

    "ขอบคุณ แต่อย่าทำแบบนี้อีก"

     

    "..." แทอิลไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า หรือยองโฮไม่ชอบกินจับแช แต่ครั้งที่แล้วก็ทำให้กินเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือจริงๆแล้วยองโฮไม่ชอบกินแครอท?

     

    "ฉันกำลังจะทำสัญญากับคอนโดนั้น"

     

    "..."

     

    "แล้วจะย้ายออกไปให้เร็วที่สุด"

     

    ".. ถ้านายจะย้ายออกไปเพราะฉัน.."

     

    "ไม่ ฉันย้ายออกไปเพื่อตัวเอง"

     

     

     

     

     

    "ขอโทษนะ"

     

    "ขอโทษทำไม"

     

    "ฉันไม่รู้ว่าฉันผิดไหม แต่ขอโทษนะ"

     

    "ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองผิดไหมก็อย่าขอโทษ"

     

    "..."

     

    "นายไม่ผิดหรอก"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อึดอัด

     

     

     

     

     

     

     

    แทอิลรู้สึกอึดอัด เหมือนหัวใจจะเต้นเร็ว แต่ก็เหมือนมันจะหยุดเต้น เขาเหมือนหายใจติดขัด ทุกอย่างมันน่าอึดอัดไปหมด

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ฉันไม่รู้ว่าควรพูดไหม แต่ไม่อยากให้นายย้ายออกไปหรอกนะ"

     

    "ทำไม"

     

     

     

     

     

     

     

    ".. มันไกล"

     

     

     

     

     

     

    มุน แทอิล ก็ยังคงเป็น มุน แทอิลอยู่วันยังค่ำ เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าเพียงแค่บอก ".. มันไกล" มันทำให้ยองโฮแทบกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ หัวใจเต้นตึกตัก ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองกำลังเขินกับเรื่องโง่ๆแบบนี้

     

    "กินข้าวเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน"

     

    ยองโฮนั่งกินข้าวที่แทอิลสู้อุตส่าห์ทำมาให้

     

    "เดี๋ยวฉันเอาลงไปเก็บเอง" เมื่อยองโฮกินข้าวเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ดูก็รู้ว่าหิวมาก แต่ทำฟอร์มไม่อยากลงไปเท่านั้นเอง แทอิลเดินไปเก็บจานและขวดน้ำพลาสติกเข้าใส่ถาด

     

    หมับ

     

    ยองโฮจับมือที่จับขอบถาดเอาไว้

     

    "เฮ้อ" ยองโฮถอนหายใจขึ้นมาเฮือกใหญ่ จนแทอิลต้องหันไปมอง

     

    "..."

     

     

     

     

    "นายไม่ควรใจดีกับฉันเลย" ความละมุนอบอุ่นที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้ ถูกยองโฮคนดีคนเดิมตัดสินใจเอาเองคนเดียวอีกแล้วที่จะตัดใจ และไม่พยายามต่อ

     

    "..." แทอิลไม่เข้าใจ บรรยากาศที่กำลังดีขึ้นเมื่อกี้ เหมือนถูกหยุดลงทันทีที่ยองโฮพูดต่อ

     

    "แบบนี้มันใจร้ายมากเลยนะ"

     

    "..ขอโทษ" แต่ฉันทำอะไรผิดเหรอ แทอิลไม่เข้าใจ คิ้วสวยขมวดเข้าหัวกัน จริงๆแทอิลแทบไม่เคยขมวดคิ้วเลย แต่ครั้งนี้งงมากจริงๆ

     

    "อย่าขอโทษ !" สะดุ้งทันที ไม่ได้ถูกยองโฮดุมานานมาก เลยเกือบลืมไปแล้วว่ายองโฮก็ยังเป็นยองโฮคนเดิม เพิ่มเติมคืออารมณ์ที่เหวี่ยงขึ้นลงอย่างกับตอนที่แม่รอบเดือนมาไม่ปกติ

     

    "ขอถามอะไรหน่อยสิ"

     

    "..."

     

    "ที่ผ่านมา ได้คิดอะไรบ้างหรือเปล่า" ยองโฮแอบหวังว่าแทอิลจะคิดอะไรกับเขาบ้าง ไม่งั้นคงจะไม่มาใจดีกับเขาแบบนี้ แต่จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้แทอิลก็ดูแลเขาปกติดี เวลาที่เขาทำงานดึก หรือตื่นไม่ทันมื้อเช้าก็จะยกมาให้เขาแบบนี้ประจำ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว

     

     

     

     

    หรือมีแค่เขาที่คิดไปเองคนเดียวจริง

     

     

     

     

     

    "ฉันยอมรับว่าฉันรู้สักตัวช้าไปว่าชอบนาน"

     

    พ่อบอกให้ลองบอกเขาไปตรงๆดูก่อนที่จะตัดใจจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

    "แต่ทุกอย่างที่ทำไปเพราะอยากดูแลจริงๆ"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ที่ดุไปก็ดูนายทำตัวดิ"

     

     

     

     

     

    "ชอบทำท่ากวนประสาท หน้านิ่งๆแบบนั้นแหล่ะที่น่าโมโห"

     

    แทอิลสะดุ้งอีกครั้ง ไม่ได้ตั้งใจทำหน้านิ่งสักหน่อย แต่เขาแค่แสดงอารมณ์ไม่เก่งนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

    "แต่เห็นแล้วมันอดห่วงไม่ได้"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ยิ่งไม่เห็นยิ่งห่วง"

     

     

     

     

     

     

    "ฉันชอบนายจริงๆนะ"

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตึกตัก ตึกตัก

     

     

     

     

    แทอิลวางถาดอาหารไว้ แล้วใช้มือกุมหน้าอกตัวเอง แล้วก็ใช้มืออีกข้างนาบไปที่อกด้านซ้ายของยองโฮ

     

     

     

     

     

     

     

    "ฉันว่าฉันก็รู้สึกช้ากว่า"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ยองโฮงง ที่บอกว่าช้ากว่าหมายถึงหัวใจที่เต้นช้ากว่าเหรอ คือไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเหรอ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ริมฝีปากจรดริมฝีปาก

     

     

     

     

    กับเสียงของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ".. เสียงเล็กๆของฉัน นั้นรอมานานมานาน

    ขอเพียงมีใครมองกัน แม้มันจะดูเลือนราง..เหลือเกิน

    ก็ได้แต่หวัง หวังมีสักวัน .."

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    รถมินิคาร์ตีไฟเลี้ยวเข้าไปยังอาคารจอดรถของคอนโดกลางเมือง ร่างของคนขับรถเดินเม้มปากบน เปิดประตูหลังหยิบเอากระเป๋าใบใหญ่มาสะพายสองใบจนพะรุงพะรังไปหมด

     

    สองขาที่เดินไปยังจุดมุ่งหมายที่ชั้น 8 นิ้วเรียวกดกริ่งเรียกเจ้าของห้องให้ออกมาเปิด รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครออกมา

     

     

     

    RRRRRRrrrrrr

     

     

    เสียงกดออดดังขึ้นอีกย้ำๆ จนประตูต้องเปิดขึ้นมาพร้อมกับร่างของเจ้าของห้องที่อยู่ในสภาพผมเพ้ารุงรัง ดวงตาบวมปูดเหมือนคนยังไม่ตื่นดี

     

    "ทำไมช้าจัง" แทอิลถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยใจ เขามักจะทำแบบนี้ประจำเวลายองโฮทำเรื่องให้ไม่พอใจ แต่แทอิลก็ไม่ใช่ประเภทตีโพยตีพาย โวยวายเป็นว่าเล่น

     

    "โทษที พึ่งตื่น" เปิดประตูให้กว้างขึ้นแล้วก็ช่วยหิ้วกระเป๋าอย่างงงๆ ว่าทำไมแทอิลถึงต้องหอบกระเป๋ามาห้องเขาเยอะขนาดนี้

     

    "แม่ไล่ออกจากบ้าน"

     

    ห้ะ

     

    ยองโฮงง

     

     

    ตั้งแต่เมื่อคราวนั้นยองโฮกับทำสัญญากับคอนโด แต่ไม่ใช่คอนโดที่พาแทอิลไปดู ครั้งนั้นแค่เลือกที่ๆมันไกลๆ ไปงั้นๆ แต่ที่เขากำลังมองดูจริงๆ เป็นคอนโดที่อยู่ในเมืองและทำเลดีกว่า

     

    ส่วนแทอิลที่สอบบรรจุได้เป็นอาจารย์ภาษาเกาหลีที่โรงเรียนมัธยมในเมือง จริงๆมักจะขับรถไปกลับที่บ้านและโรงเรียน บางวันก็ไปหายองโฮที่คอนโดบ้างเวลาที่กลับดึก แต่สุดท้ายก็โดนแม่เก็บของใส่กระเป๋าบอกให้ย้ายไปอยู่กับยองโฮเลย ของอย่างอื่นจะส่งตามมาให้ทีหลังเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ดีแล้วละ"

     

     

    ชักจะอยากโทรไปขอบคุณแม่สักหน่อย เขาเคยพยายามชวนให้แทอิลย้ายมาอยู่ที่คอนโดแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังดึงดันจะอยู่ที่บ้าน จนต้องโดนไม้แข็งไล่มาแบบนี้

     

    "นายไม่ได้ไปแอบตกลงอะไรกันลับหลังใช่ไหม" นิสัยคนติดบ้านต้องถูกให้มาอยู่ข้างนอก แทอิลทิ้งตัวลงนั่งโซฟานุ่มที่ตัวเองเป็นคนไปเลือกมาตอนไปหาของมาตกแต่งคอนโด

     

    "ก็ไม่นะ" แล้วก็ทิ้งตัวลงนอนตักออดอ้อนคนรัก ที่นั่งเป่าปากดูทีวีที่พึ่งกดเปิด

     

    "..."

     

    "อยากอยู่บ้านมากกว่าเหรอ"ยองโฮพอจะรู้ว่าแทอิลกำลังรู้สึกไม่ดี อย่างน้อยก็นิดนึงแหล่ะ

     

    "ไม่หรอก ออกมาอยู่ข้างนอกก็ได้" คิดแบบนั้นจริงๆ แค่รู้สึกยังไม่ชินเท่านั้นเอง

     

    "อยู่ข้างนอกไม่ได้นะ"

     

    ".. ทำไม" ก้มหน้าลงมอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ต้องอยู่กับฉัน"

     

     

     





















    ----------------------------------------------------

    ฮิ้วว ว วววววว จบแล้ว ว่ะฮ่าฮ่า

    ดีใจ ปิดตอนจบทันก่อนจะไม่อยู่ ในที่สุดก็แต่งจบ อิอิ 

    ป.ล. เราจะไปเที่ยวกลับมาวันที่ 25 ใครกลัวเหงาๆ จะคิดถึงเรา(จะมีใครคิดถึงไหมนะ 555555) สามารถไปอ่านเรื่อง เฮีย กับ หมวย คู่แทเตนล์ กับ คนคุย คู่แทเตนล์ รอได้นะคะนะเออ 

    แล้วกลับมาเจอกันใน SF เรื่องต่อไปเน้ออออออ

    #ฟิคลตว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×