ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sf | os } NCT - #taeten #jaedo #johnil

    ลำดับตอนที่ #46 : { JaeDo } โรงเรียนวังโฮฮวา - 04 | หม่อมราชวงศ์ดงยอง

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 59


    เสียงล้อยางบดไปกับถนน รถสีดำแล่นเข้าไปภายในคฤหาสน์หลังงามขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่ผิดกับฐานะเจ้าของที่ร่ำรวยมั่งคั่ง เป็นเพราะอยากได้ที่พักที่อบอุ่นอยู่สบายเป็นบ้านจริงๆ ไม่ต้องการความใหญ่โตแต่ไร้คนอยู่ คฤหาสน์ตระกูลคิม

     

    เมื่อพาหนะสีดำเงาเคลื่อนมาจอดยังลานหน้าบ้านเพื่อเดินเข้าไปยังส่วนของคฤหาสน์ ประตูรถถูกเปิดออกโดยฝีมือคนรับใช้ เผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มสองคนภายในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนชื่อดัง โดยเจ้าบ้านเป็นผู้เดินนำลงมาก่อน ตามด้วยว่าที่คู่หมั้นที่เดินยิ้มๆตามออกมา

     

    วันนี้มีงานเลี้ยง 2 ตระกูลที่คฤหาสน์ของหม่อมราชวงศ์คิม ดงยอง ทั้งตัวเจ้าบ้านเองและว่าที่คู่หมั้นอย่างหม่อมราชวงศ์จอง ยุนโอ จึงต้องทำเรื่องลาโรงเรียนแล้วออกจากภูเขาที่เป็นอาณาเขตของโรงเรียนวัง เข้าเมืองมาด้วยประการฉะนี้

     

    ไม่ต้องเสียเวลาไปเปลี่ยนชุดอาบน้ำหรือแต่งกายใหม่ให้สะอาดกว่า เพราะใส่ชุดนักเรียนเช่นนี้มาทั้งวัน เป็นเพราะจากโรงเรียนมาถึงที่นี้ต้องใช้เวลามากโข ทั้งคู่จึงตรงไปยังห้องอาหารที่มีญาติผู้ใหญ่มารออยู่ก่อนแล้ว

     

    "ขอโทษที่ต้องให้รอครับ"คุณชายยุนโอเป็นคนที่เดินเข้ามาถึงก่อนแล้วโค้งขออภัยที่ต้องให้ผู้ใหญ่รอ แต่ก็ไม่ได้มีใครถือสาอะไรเพราะเข้าใจกันอยู่แล้ว จากนั้นยุนโอก็เดินเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเอง

     

    เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่จะมีงานเลี้ยงเล็กๆระหว่าง 2 ตระกูลเช่นนี้

     

    แน่นอนว่ามันต้องเคยเกิดขึ้นมาเมื่อนานมาแล้ว นานพอๆกับตำแหน่งว่าที่คู่หมั้นที่ทางผู้ใหญ่หมั้นหมายเอาไว้ให้ แต่เหมือนอีกคนจะไม่ต้องการ

     

    "ดูทำสีหน้าเข้า สงสัยจะเดินทางมาเหนื่อย"ผู้เป็นมารดาเอ่ยทักลูกชายคนเล็กของตัวเองที่เดินเตาะแตะตามคุณชายยุนโอไปนั่งประจำที่ข้างกายมารดา ดงยองค่อมหัวโค้งเกือบ 45 องศาให้แก่คนอื่นๆแล้วนั่งลง

     

    "ได้ยินว่าคุณชายดงยองเป็นถึงรองประธานนักเรียนเลยหรือจ้ะ" ฝ่ายแม่ของคุณชายยุนโอเป็นคนเปิดบทสนทนาเมื่อทุกคนนั่งกันเรียบร้อยทั้งหมด

     

    "ครับ"

     

    "ไม่ใช่แค่รองประธานนักเรียนนะครับ ยังเป็นประธานหอพักคคนางค์ด้วย"ยุนโอเป็นเอ่ยเสริมต่อ ด้วยตำแหน่งที่ว่าทำให้คนทั้งโต๊ะอาหารประหลาดใจไม่น้อย เพราะตัวคุณชายดงยองเองไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่ผู้เป็นพ่อกับแม่ และอีกอย่าง สำหรับตระกูลของหม่อมราชวงศ์หากเป็นได้แค่คณะกรรมการนักเรียนที่ประธานนักเรียนเลือกเองแล้วก็ว่าดีถมไปเท่าไร นี่ได้เป็นถึงประธานหอพัก และรองประธานนักเรียนอีก

     

    "เช่นนั้นคุณชายดงยองก็คงมีเรื่องวุ่นไม่เว้นแต่ละวันเลยสิ"

     

    "ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ"

     

    "อา เรื่องวุ่นๆก็คงจะเป็นเรื่องของลูกชายแม่มากกว่า วันๆเอาแต่งสร้างเรื่องปวดหัว"

     

    "เห็นจะเป็นเช่นนั้นครับ" คุณชายดงยองก็ไม่คิดจะปฏิเสธ แม้จะรู้ใจว่าอีกฝ่ายพูดเพื่อเอ่ยแซวพวกเขาตามประสาคนที่อยากให้คู่กัน แต่เมื่อความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่การรักษาน้ำใจ แต่มันคือการพูดเรื่องจริงตามแบบฉบับของคุณชายดงยอง

     

    เป็นคนที่ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ก็บอกว่าไม่ ซื่อสัตย์ มีเหตุผล และไว้ใจได้ นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหม่อมเจ้าชิตพลถึงวางใจเลือกให้มาเป็นรองประธานเพื่อช่วยแบ่งเบางาน แม้งานภายในโรงเรียนจะไม่มีอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่นักเรียนทุกคนก็ทำตามกฎระเบียบเรียบร้อย อย่างมากก็แค่เดินตรวจโรงเรียน แล้วก็เตรียมงานเอกสารเมื่อถึงเวลาที่จะมีกิจกรรม แต่ก็ไม่ได้จัดกันบ่อยๆถึงขนาดนั้น

     

    "เมื่อสมัยที่แม่เรียนที่โรงเรียนวังโฮฮวาก็อยู่หอพักคคนางค์ ไม่รู้ตอนนี้จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน"

     

    "นั้นสิครับ สมัยนั้นองค์ชายลี.. ไม่สิ ตอนนี้เขาเป็นกษัตริย์แล้วนี่ เป็นประธานนักเรียนที่ทั้งขรึม ทั้งกระล่อนไปพร้อมๆกัน องค์รัชทายาทก็ดูจะถอดแบบออกมาเต็มๆ"

     

    "อ้ะ จะว่าไป คุณชายยุนโอก็สนิทกับองค์รัชทายาทด้วยนี่จ้ะ"

     

    "ครับ เราเคยเป็นรูมเมทกันก่อนที่องค์ชายจะเป็นประธานหอธราดล เลยต้องย้ายไปอยู่ห้องรับรองของประธานหอ"

     

    ห้องรับรองหอพักของประธานหอจะมีอยู่ทุกหอ เพื่อใช้เป็นทั้งห้องทำงาน และห้องพักสำหรับประธานหอแต่ละคน โดยห้องรับรองจะอยู่ชั้นสามของหอพักทั้งหมด 6 ชั้น เพื่อให้สะดวกเวลามีคนมาร้องทุกข์ทั้งจากชั้นบนชั้นล่าง หรือบางทีเวลาเดินตรวจหอ

     

    แน่นอนว่าต่อให้องค์ชายจะมีห้องของตัวเองแต่ก็ชอบไปใช้ชีวิตอยู่กับหอรัตนากรมากกว่า หอพักที่มีหม่อมเจ้าชิตพลเป็นประธาน ดังนั้นหน้าที่รับรอบทุกข์ส่วนมากจึงเป็นหม่อมราชวงศ์ยุนโอที่จะตัดสินแก้ไขเฉพาะหน้าไปให้ก่อน หากเรื่องใดใหญ่จริง ก็จึงจะใช้โทรศัพท์บ้านที่มีอยู่ในห้องขององค์ชายโทรไปหา

     

    บทสนทนาย้อนวันวานของคนรุ่นเก่าคุยกันอย่างออกรสเพราะแต่ละคนก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นร่วมสมัยจบมาไล่เลี่ยกัน คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ตกลงปลงใจแต่งงานกัน เป็นเพื่อนรักกัน ก็เลยเกิดข้อตกลงบ้าๆของคนแก่ๆว่าอยากให้ครอบครัวพวกเขาเป็นดองกัน

     

    แต่เพราะตระกูลคิมมีลูกชายสองคน แต่ครอบครัวจองมีคนเดียว พอจะให้คนพี่หมั้น เจ้าตัวก็หนีไปต่างประเทศกลับมาพร้อมทะเบียนสมรสให้อีกหลายปีต่อมา ผลจึงตกมาอยู่ที่ลูกชายคนเล็กอย่างคุณชายดงยองที่หนีไม่ทัน

     

    ส่วนคนจากบ้างจองนั้น ดูเจ้าตัวจะมีความสุขมากนักละ

     

    ก็เพราะเขารักคุณชายดงยองจริงๆนี่

     

    เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ความประทับใจแรก หรือไปตกหลุมรักตอนไหนคุณชายยุนโอก็จำไม่ได้หรอก แค่รู้ว่าตอนนี้รักและอยากดูแล ถึงแม้ว่าอีกคนจะแสดงท่าที่ปฏิเสธอยู่เป็นประจำก็เถอะ

     

    ไม่พอนะ เวลาอยู่ที่โรงเรียนก็ชอบแสดงท่าทางกริยาเจ้าชู้ต่อคนอื่นๆไปทั่ว บางทีหนีออกไปเที่ยวด้วยกันยังควงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเขาเลย

     

    "ก่อนที่พวกลูกจะมา พวกแม่ได้เริ่มคุยกันเรื่องฤกษ์หมั้นแล้วนะ แต่ต้องรออีกสักระยะเลย"

     

    "นั้นนะสิ แม่ละอยากให้พวกลูกหมั้นกันเร็วๆ"

     

    จบเรื่องโรงเรียน ก็เข้าเรื่องครอบครัว เพราะเคยตกลงกันไว้แล้วว่าเวลาอาหารกับครอบครัวจะไม่มีการพูดเรื่องงาน แต่ถึงอย่างนั้น พอจบเรื่องครอบครัว.. ไม่สิ อาจจะไม่จบ เพราะเรื่องเรียนก็อาจจะกลับเข้ามาแทรกใหม่ก็ได้ เป็นแบบนี้อยู่ประจำนั้นแหล่ะ

     

    "ผมอิ่มแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ"คุณชายดงยองวางช้อนส้อมลงอย่างมีมารยาทแล้วลุกขึ้นค่อมหัวบอกลา จากไปเพียงเท่านั้น พอทุกสายตามองตามจนลับตาก็หันไปมองเด็กหนุ่มอีกคนที่ดูท่าจะยังกินต่อเรื่อยๆ

     

    "ตามไปสิลูก" จนผู้เป็นแม่ต้องรีบหยิกแขนให้รู้สึกตัว


    "อ..อะไรอ่ะ ผมยังไม่อิ่มเลย"

     

    "ตามไปก่อน เดี๋ยวแม่บอกให้แม่ครัวเก็บไว้ให้"

     

    "ซะงั้นอ่ะ"

     

    แต่หม่อมราชวงศ์ยุนโอก็ลุกเดินตามไปอยู่ดี

     





     

     

     

     

     

     

     

     

    "จริงๆแล้วคุณชายไม่จำเป็นต้องตามออกมาเลยนะ" คำกล่าวน้ำเสียงเรียบเฉยราวกลับเป็นการไล่กลายๆ จากหม่อมราชวงศ์ดงยอง สองขาที่เดินตามเส้นทางไม่ยาวมากเพื่อตรงเข้าไปในห้องของตัวเอง ตามด้วยร่างสูงใหญ่กว่าของอีกคนที่เดินหน้ามุ่ยตามมาแทบจะเรียกว่าติดๆ

     

    "ผมอยากมานี่"

     

    "แต่ผมไม่อยากให้มานี่" คุณชายดงยองเปิดประตูเข้าไปในห้องพักส่วนตัวของตน ก้าวขาเข้าไปแล้วหันกลับมามอง แววตา สีหน้า ท่าทางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจสักเท่าไร แต่สำหรับคนมองก็แทบจะเคยชินกับมันแล้วละ

     

    "กลับไปเถอะ ผมจะพักผ่อน"คำพูดที่ยังดูมีการรักษาน้ำใจจากคุณชายดงยอง ทั้งๆที่จริงอยากจะออกปากไล่ไปเสียให้พ้นๆสักที ไม่เคยชอบใจเลยสักครั้งที่คุณชายยุนโอเอาแต่ป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่รอบๆแบบนี้

     

    "ผมอยากพักด้วย" ความดื้อคงไม่มีใครเกิน แม้บานประตูที่เปิดจะแง้มเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงร่างของเจ้าของห้อง ที่พร้อมจะปิดประตูใส่หน้าได้ทุกเมื่อ แต่หม่อมราชวงศ์ยุนโอก็ยังยืนชิดประตูอย่างไม่กลัวว่าถ้าเกิดอีกฝ่ายปิดประตูมา จนฟาดหน้า ฟาดตัวจนต้องเจ็บแน่ๆ

     

    "งั้นคุณก็ไปพักที่ห้องของคุณ"

     

    "ผมอยากพักห้องนี้" พูดไปแล้วก็พยายามแทรกตัวเข้าไปอีก แต่เพราะคุณชายดงยองออกแรงเกรงเอาไว้จนแทรกเข้าไปมากกว่านี้ไม่ได้

     

    พลั่ก

     

    ยื้อแย่งกันอยู่แบบนั้นจนเส้นความอดทนบางๆขาดผึง หม่อมราชวงศ์ดงยองปล่อยมือจากบานประตูแล้วยกขึ้นมาจะผลักอีกฝ่ายออกไปให้พ้นๆเสียที แต่กลับโดนรู้ทันเมื่อคุณชายยุนโอจับเข้าที่ข้อแขนแล้วดันตัวเองแทรกเข้าไปในห้องได้สำเร็จ

     

    บานประตูปิดลงหลังจากที่ทั้งคู่เข้ามาในห้อง สีหน้าที่พยายามรักษาเอาไว้ตอนนี้แทบจะกลายเป็นหน้ายักษ์หน้ามาร แววตาเกรี้ยวโกรธจนแทบจะเห็นเป็นเปลวไฟอยู่ด้านใน

     

    "ออกไป"

     

    "ไม่"

     

    "ผมบอกให้ออกไปไง"

     

    "ผมบอกว่าไม่ไง"

     

    "อย่ามากวนอารมณ์ผมนะ คุณมันแย่"ถึงอย่างไร ก็ไม่เอ่ยคำพูดที่ไม่สุภาพ เพราะถูกเลี้ยงสั่งสอนมาดี จนคำบางคำหากได้เผลอหลุดปากพูดไปครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปก็คงตามมาอีกเรื่อยๆ

     

    "ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงไม่ชอบผม"

     

    "คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจ แค่รู้ว่าผมไม่ชอบคุณ และไม่มีวันจะชอบคุณเท่านั้นก็พอ" คำพูดที่นิ่ง สงบ แต่เยือกเย็นจนเป็นเหมือนลิ่มน้ำแข็งที่ตอกเข้าไปในใจคนฟัง ไม่รื่นหูเลยสักนิด ทั้งๆที่พยายามแสดงออก ทุกอย่าง สิ่งที่ได้รับไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย นึกเหตุผลไม่ออกจริงๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

     

    "ผมชอบคุณ"ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นหลายๆครั้งที่หม่อมราชวงศ์ยุนโอพยายามบอก บอกเท่าไร แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าไปในหู เข้าไปในใจคุณชายดงยองเลยสักนิด

     

    "เรื่องของคุณสิ ผมไม่ได้ชอบคุณ"

     

    "อืม.. งั้นก็เรื่องของคุณสิ ผมก็ยังชอบคุณอยู่ดี" หม่อมราชวงศ์ยุนโอหลับตาลงแล้วย้อนคำพูด แล้วมันจะทำไมหากจะชอบใครสักคน ถึงจะบอกว่าไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลว่าเขาจะชอบน้อยลงหรือเลิกชอบนี้

     

    คำพูดที่บอกว่าชอบ เอ่ยออกมาง่ายๆ หลายๆครั้ง จากคนที่ไม่น่าไว้ใจ สำหรับคนที่เชื่อใจใครได้ยากแล้วอย่างหม่อมราชวงศ์ดงยองนั้น ไม่มีเลยสักครั้งที่จะเชื่อคำบอกจากหม่อมราชวงศ์ยุนโอ เพียงแค่ผู้ใหญ่เอ่ยปากบอกอยากให้พวกเขาหมั้นกัน อีกฝ่ายก็ดูระริกระรี่แล้วแสดงท่าทีราวกับกำลังแข่งขันอยากเอาชนะ บอกว่าชอบ ก็ยังใช้คำว่าชอบกับคนอื่นทั่วไป เช่นนั้นจะให้เชื่อลมปากจากคนไม่มีสัจจะได้อีกหรือ

     

    หากเปรียบกับองค์ชายรัชทายาทที่ไม่จำเป็นต้องบอกว่ารักหม่อมหลวงชิตพลเลยแต่การกระทำ สายตา และท่าทางการแสดงออกหลายๆอย่างมันทำให้เชื่อ แม้แต่ที่อยู่นอกเกมมองเข้าไปยังความรักของทั้งคู่ยังรับรู้และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และความรักของทั้งคู่

     

    มันเทียบไม่ได้เลยกับคนที่เมื่อวานยังบอกรักคนนี้ แล้ววันนี้จะมาบอกว่าชอบกัน เป็นคนปลิ้นปล้อนประเภทที่หม่อมราชวงศ์ดงยองเกลียดที่สุด

     

    "ถึงอย่างไรผมก็ไม่เคยคิดพิศวาสคุณชายเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นออกไปจากห้องของผมได้แล้ว"

     

    "ทำไม.."

     

    "อะไร"

     

    "ทำไมคุณชายถึงผลักไสผมตลอดเวลา" ในที่สุดก็เอ่ยถาม คำถามที่วนเวียนอยู่ภายในใจตลอดเวลา ไม่เข้าใจ และไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้ง ความเงียบและอากาศที่เริ่มเย็นตัวลง เข้าสัมผัสผิวกายจนแทบจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่แม้จะอยู่ด้วยกันกับคนที่เรารัก แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจมันรู้สึกเหงาและเหน็บหนาวเพียงใด

     

    "ทำไมคุณชายไม่ลองให้โอกาสผมบ้าง" น้ำเสียงเกือบจะตัดพ้อ แม้แต่แววตาก็ยังเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าที่หม่อมราชวงศ์ดงยองจะแสดงอาการอะไรไปมากกว่ายืนมองเฉยๆ

     

    "..."

     

    "คำบอกรักที่ผมบอกคุณชายเสมอ มันไม่เคยเข้าไปอยู่ในใจคุณชายเลยใช่ไหม"

     

    "คุณชายถึงไม่เชื่อมัน"

     

     

     

    "ไม่เชื่อใจผม"

     

     

     

    ความเงียบและเย็นชา จนจิตใจห่อเหี่ยว รู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจแต่ความรู้สึกก็มาไกลเกินกว่าจะให้เดินถอยหลังกลับ

     

    แต่แล้วเจ้าของห้องก็เพียงสะบัดหน้าเล็กน้อยและแสดงท่าทีไม่แยแสเลยสักนิด

     

    หม่อมราชวงศ์ยุนโอยิ้มบางๆ ก้มหน้ามองพื้นแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    "อย่างไรก็คงไม่เชื่อกันสินะ"

     

    "..."

     

    "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ"

     

     

     

     

     

     

     

    "ยังไงคุณชายก็จะเป็นภรรยาในอนาคตของผม" ร่างสูงก้าวขายาวเข้าประชิดตัวแล้วโน้มลงประทับริมฝีปากลงบนส่วนเดียวกัน เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็ผละออกแล้วเดินออกจากห้องพักส่วนตัวของเจ้าบ้าน

     

     

     

     

     

    "วันนี้เหนื่อยแล้วคุณชายพักผ่อนเถอะ"

     

     

     

     

    แต่บางทีก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าใครกันแน่ที่เหนื่อยกว่า

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    -------------------------

     

     

     

    หอพักจากหินอิฐขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่บริเวณหลังเขาเป็นส่วนของที่พักนักเรียนของโรงเรียนวังโฮฮวา ต้นสนและต้นไม้ขนาดใหญ่แผ่อาณาเขตปกคลุมเป็นร่มเงาให้ แต่ในยามวิกาลเช่นนี้ก็ดูน่ากลัวเช่นกัน

     

    ภายในห้องพักรับรองของประธานหอพักคคนางค์ ร่างสูงเพรียวของเจ้าของห้องกำลังนั่งเขียนรายงานการบ้านทีต้องทำส่งอาจารย์ในอีกไม่กี่วัน ความเงียบถูกทำลายด้วยเสียงเครื่องเล่นเพลงสบายๆ ที่เปิดคลอเบาๆ ไม่ให้ในห้องมันเงียบจนเกินไป

     

    แม้ภายนอกจะดูเป็นคนแข็งๆ และเย็นชา แต่ความจริงแล้วกลับเป็นคนที่ไม่ชอบความเงียบ แม้จะอยู่คนเดียว แต่ก็ยังต้องมีอะไรให้รู้สึกถึงตลอดเวลา

     

    พรึ่บ

     

    " !!!! "

     

    ฉับพลันที่ความสว่างทั่วทั้งโรงเรียนถูกดับลงราวกับว่ามีคนสับคัตเอาต์ลงในคราเดียว ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกจนใจแทบร่วง สั่นสะท้าน ดวงตากลมเบิกกว้างพยายามมองให้เห็นแม้ในที่มืดแต่ก็ไม่เป็นผล

     

    คนที่ไม่ชอบความเงียบ ก็ไม่ชอบความมืดเช่นกัน

     

    ความมืดมักมาพร้อมความเงียบเช่นนี้ เงียบจนแทบได้ยินเสียงของลมลู่ใบไม้จากภายนอก มือเท้าเย็นเฉียบ นั่งนิ่งอยู่กับที่เพราะขยับไม่ออก ความกลัวแล่นเข้าจับขั้วหัวใจจนน้ำตาแทบไหลออกมาแต่ไม่มีเสียงสะอื้น

     

    เพราะประธานหอจะได้ห้องพักรับรองส่วนตัวของตัวเองคนเดียว ยิ่งรับรู้ถึงข้อนี้ก็ยิ่งตอกย้ำเข้าภายในใจว่าภายในห้องแสนกว้างและมืดจนเงียบสงัดเช่นนี้ มีเพียงเขาที่อยู่คนเดียว

     

    ครืดดดดด

     

    ร่างทั้งร่างสะดุ้งแล้วหันไปมอง แม้แต่แสงจันทร์ยังไม่เป็นใจ เมื่อถูกเมฆบดบังรัศมีไปกว่าครึ่ง กิ่งไม้ที่ครูดกับหน้าต่าง และลมที่พัดปลิว ยิ่งอยู่ในป่าเขาเช่นนี้แล้ว เงาต้นไม้สีดำและบรรดากิ่งก้านสาขาก็กลายเป็นปิศาจร้ายที่กำลังอาละวาดอยู่ภายนอก

     

    กลัว

     

    กลัวจนร้องไม่ออก

     

    ใครก็ได้

     

     

     

     

    ช่วยที

     

     

     

     

     

     






    ------------------------------

    100%

    หายไปแต่งเรื่องอื่นมา ขอโทษค่ะ U_U ไม่รับปากว่าจะกลับมาปั่นเรื่องนี้จริงจัง เพราะก็แต่งวนๆไปนี่แหล่ะค่ะ ไม่มาเรื่องนี้ก็ไปโผล่เรื่องโน่นเนอะ ติดตามกันได้นะ 555555555555 


    เพราะคุณชายยุนโอเครดิตไม่ดีไงเลยไม่เชื่อ พอไม่เชื่อก็เลยเป็นเหมือนกำแพงปิดกั้นใจไม่ให้รัก 


    #โรงเรียนวังโฮฮวา

    @MelloPizery

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×