คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : { TaeTen } โรงเรียนวังโฮฮวา - 03 | ตอนจบ
ห้องทำงานเก่าที่ถูกจัดแต่งให้เป็นที่ไว้สำหรับเอกสารและหนังสือจดหมายเหตุต่างๆ
เพราะห้องเก่าตอนนี้มีหนังสือเต็มไปหมดจนต้องขยายออก
ไม่เช่นนั้นการจัดวางอะไรก็จะไม่เป็นระเบียบ
เมื่อถึงคราวต้องหาต้องค้นก็จะลำบากยากขึ้นไปอีก
แต่งานเหล่านี้ควรเป็นงานสำหรับคณะกรรมการนักเรียนระดับล่างหรือเด็กฝึกอาสาทั้งหลายมากกว่าการที่หม่อมเจ้าผู้เป็นถึงประธานนักเรียนมานั่งใช้ผ้าแห้งเช็ดปัดฝุ่นปกหนังบนหน้าหนังสือเอาคราบฝุ่นออกแล้วยื่นส่งให้ผู้ติดตามเพื่อนำส่งต่อไปขึ้นชั้นวางที่ถูกเรียงเอาไว้อยู่ก่อน
"--เจ้าเพคะ"
"..."
"หม่อมเจ้าเพคะ"
"หืม?เมื่อกี้คุณหญิงพูดอะไรนะ?"
"หม่อมเจ้าประชวรหรือเปล่าเพคะ
วันนี้ดูเหม่อๆ"
"..
เราสบายดี"
"ถ้าไม่ไหวหม่อมฉันว่าพระองค์ไปพักก่อนดีกว่านะเพคะ"
"เราไม่เป็นไรจริงๆ"
"แต่ว่า.."
"..?"
"ถ้าพระองค์ยังเช็ดปกหนังสืออยู่แบบนี้
มันจะขาดเอานะเพคะ"
หม่อมเจ้าวางมือที่ขยับอยู่เมื่อครู่
ก้มลงมองหนังสือปกแข็งที่ถูกเช็ดถูจนแทบขึ้นเงา หม่อมเจ้าถอนหายใจออกมาเบาๆ
แล้วหันไปยิ้มให้คนสนิทบางๆ
"พระองค์เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะเพคะ
หม่อมฉันว่าพระองค์ทรงงานมากไป แล้วพักผ่อนบ้างเถอะเพคะ"
"..."
"พักเถอะเพคะ
เดี๋ยวหม่อมฉันไปส่ง"
"เราเป็นผู้ชาย
เราควรไปส่งคุณหญิงหรือเปล่า"
"จุ๊ๆ
อย่าเอ็ดไปสิเพคะ เดี๋ยวได้ยินหมด
หม่อมฉันแค่อยากออกไปเดินเล่นบ้างเท่านั้นเอง"
มือนุ่มละจากหนังสือยกขึ้นมาป้องปากไม่ให้คนอื่นรู้แล้วเอียงตัวกระซิบเสียงเบาๆ
"ถ้าเช่นนั้น
รบกวนคุณหญิงไปที่โรงอาหารกับเราหน่อยสิ"
เส้นทางจากห้องเอกสาร(ใหม่)บริเวณชั้นสามของอาคารเล็กที่อยู่ติดกับสนามกีฬา
แสงอาทิตย์ที่สาดจากมุมสูงเพราะเป็นเวลากลางวันพอดีทำให้ไม่มีนักเรียนหรือใครเข้าไปทำกิจกรรมอะไรภายในสนามนอกอาคาร
เว้นก็แต่กลุ่มคนที่กำลังเล่นขว้างลูกบอกกับลูกหมาวัยกำลังซนได้ที่
"พักนี้องค์ชายไม่ค่อยเสด็จไปข้างนอกเลยนะเพคะ"
"เช่นนั้นไม่ดีหรือ
คุณหญิงต้องเป็นเรื่องให้เราตลอด"
เพราะโรงเรียนที่ตั้งอยู่บนเขา
หากจะออกจากบริเวณนี้ก็ต้องมีพาหนะพาออกจากเขา
ซึ่งทุกครั้งก็ได้รถจากคฤหาสน์หม่อมหลวงจองที่อยู่ในหมู่บ้านในเมืองใกล้กับที่นี้
"นั้นไม่ใช่ประเด็นเพคะ
ที่หม่อมฉันหมายถึงคือพักนี้องค์ชายดูติดหม่อมเจ้ามากเป็นพิเศษ"
"..."
"แล้วยังมีข่าวลืออีกนะเพคะว่าองค์ชายปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา
แสดงว่าตอนนี้คนที่องค์ชายเลือกมีแค่หม่อมเจ้าของหม่อมฉัน"
พูดไปก็เขินบิดไป
อิจฉาก็อิจฉา อยากมีความรักดีๆ ราวกับทั้งคู่เกิดมาเพื่อกันและกัน ยามที่องค์ชายเสด็จ
ใจก็ไม่ค่อยอยากจะช่วยเท่าไร
ยิ่งรู้ว่าบางครั้งนอกกายหม่อมเจ้าไปกับคนอื่นยิ่งไม่อยากช่วย แต่เพราะหม่อมเจ้าเป็นคนมาขอให้ช่วย
จะปฏิเสธก็เห็นจะยากกว่า แต่พักหลังๆที่เห็นอยู่ๆองค์ชายก็ทำตัวดีขึ้น
เข้าหาหม่อมบ่อยขึ้น ทั้งๆที่ควรได้เห็นฉากหวานๆจากทั้งคู่
กลับกายเป็นว่าหม่อมเจ้ากลับดูเหม่อๆ บ่อยพิกล จนอดห่วงไม่ได้
"...เช่นนั้นหรือ"คำกล่าวออกมาเบาๆจนคนที่มัวแต่ชื่นชมองค์ชายรัชทายาทที่กำลังทรงขว้างลูกบอลลูกเล็กๆไปไม่ไกลมากเล่นกับลูกหมาตัวกลมในสนามไม่ได้ยิน
"อ้ะ
หม่อมเจ้าเพคะ องค์ชายทอดพระเนตรมาทางนี้"
หม่อมหลวงแชยอนรีบหันไปเอ่ยเรียกหม่อมเจ้าคนสวยดูจะเหม่ออีกแล้ว
"...รีบไปโรงอาหารเถอะ
เราหิวแล้ว"
"พระพักตร์ซีดๆนะเพคะ
พระองค์มั่นพระทัยหรือว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ"
ตลอดเส้นทางตรงไปยังโรงอาหารหม่อมหลวงแชยอนก็เอาแต่เอ่ยถามถึงอาการของคนที่ร้อยวันพันปีเห็นจะแข็งแรงและเข้มแข็งตลอดเวลา
แต่ในช่วงสองสามวันมานี้ ถามอะไรบางทีก็ไม่ตอบ หรือร้ายสุดก็นั่งพึมพำอะไรอยู่คนเดียว
แต่จับใจความอะไรไม่ได้เลย
"เราปกติดี..."
โครม
ยังไม่ทันที่หางเสียงสุดท้ายจะได้พูดออกมา
คนที่บอกว่าปกติดีกลับเดินชนโต๊ะอาหารที่มีคนนั่งอยู่
แต่ยังดีที่ไม่ชนแรงมากถึงขั้นให้มีอะไรหล่นกระจายลงมา
เมื่อเคลียร์ความขอโทษกันเสร็จ
หม่อมหลวงแชยอนยิ่งรู้สึกไม่ปกติ
แต่พอหันกลับไปยังเส้นทางเดิมที่จะมุ่งไปเมื่อครู่ก็พบองค์ชายรัชทายาทที่รีบเดินเข้ามาประชิดตัวหม่อมเจ้าชิตพลทันที
แววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและหยาดเหงื่อที่ไหล่ซึมไปทั่ว คงจะเห็นที่หม่อมเจ้าเดินเหม่อจนชนโต๊ะเมื่อครู่
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"กระหม่อมไม่เป็นอะไร"
"ไม่เลยเพคะ
หม่อมเจ้าเหม่อทั้งวันราวกับคนประชวร"
ได้ทีก็ฟ้องใหญ่เสียคนหม่อมเจ้าหันมาส่งสายตาดุๆ
แต่ใจของคนเป็นห่วงในตอนนี้ก็ไม่นึกกลัวสายตา
กลับฟ้องอาการให้กับองค์ชายฟังราวกับอัดอั้นมาไว้นาน
"กระหม่อมแค่นอนน้อย"
"แล้วเรื่องอะไรที่ทำให้หม่อมนอนไม่หลับ"
"..."
"เรื่องของเราหรือ"
สุดท้ายแล้วหม่อมเจ้าก็ยอมไปห้องพยาบาล
ทั้งๆที่ตนเองก็รู้แก่ใจว่าไม่ได้ป่วยหรือมีอะไรผิดปกติ
แต่ก็ยอมนั่งนิ่งๆบนเตียงพยาบาลโดยมีองค์ชายประทับอยู่ข้างๆ
เพียงลำพัง
เพราะคนอื่นๆมองว่า
นานๆทีหม่อมเจ้าคนเก่งจะป่วย เมื่อยามป่วยก็คงจะอยากจะอ้อน
อยากจะแสดงมุมอ่อนแอให้คนรัก จึงไม่มีใครอยากจะอยู่รบกวน
แม้จะอยากรู้อยากเห็นเท่าไร แต่ก็เห็นเป็นเรื่องของเจ้านาย
ซึ่งมันก็ดีต่อสถานการณ์ตอนนี้
"หม่อมกังวลเรื่องของเราหรือ"
"เปล่า"
"เช่นนั้นทำไมหม่อมถึงหลบหน้าเราละ"
"กระหม่อม.."
คำพูดที่ไม่จบประโยค
เมื่อหม่อมเจ้าเงียบลงเหมือนคิดหาคำมาพูดต่อไม่ได้
ยิ่งเงียบ
เหมือนยิ่งตอกย้ำเข้าไปในใจ
ภาพฉายซ้ำไปมาวนเวียนอยู่ในหัว
เสียงเพลงคลอเบาๆ ที่เหมือนได้ยินจากที่ไกลๆ สัมผัสราวกับยังรู้สึกถึงมันตลอดเวลา
"ถ้าหม่อมไม่ชอบ
เราก็ขอโทษที่วันนั้นเรา.."
คิดไปแล้วว่าหม่อมเจ้าคงไม่ชอบ
หากชอบคงไม่แสดงอาการหรือปฏิกิริยาตอบกลับมาเช่นนี้
ทั้งๆที่หม่อมก็เป็นคนพูดเองแท้ๆว่าจะไม่คิดอะไร
ก็คงไม่ผิดอะไรหาหม่อมจะแสดงท่าทีออกมาเช่นนี้
"ที่พระองค์จูบ.."
"ที่เราจูบ..
ไม่ใช่เพราะชั่ววูบ แต่เพราะเรารักหม่อม"
"จริงๆ"
ความเงียบเข้าทดแทนคำพูดและการกระทำ
แต่ความอึดอัดดันเพิ่มขึ้นมาในอกจนเหมือนเป็นจุกกั้นคำพูดที่คิดเอาไว้มากมายให้มันติดอยู่ที่คอ
ไม่แม้แต่จะอ้าปากส่งเสียงใดๆ
หมับ
มือกว้างที่กำลังร้อนชื้นจับเข้ากับมือของคนที่กำมือตัวเองเอาไว้แน่น
องค์ชายรัชทายาทเงยพระพักตร์มองตรงไปยังหม่อมเจ้าชิตพลที่เหมือนว่าตอนนี้ก็กำลังเหม่อคิดอะไรอยู่คนเดียวอีกแล้ว
แต่เพียงแค่ได้รับสัมผัสที่มือร่างทั้งร่างก็สะดุ้งขึ้นมาเบาๆแล้วมองไปยังองค์ชาย
หม่อมเคยบอกว่าเป็นตัวเองเสมอเมื่ออยู่กับเรา
แล้วดูสิ
หม่อมคิดอะไร
ยังไม่เคยบอกเราเลย...
"เราอยากรู้.."
"ที่ผ่านมาหม่อมเคยคิดจะรักเราจริงๆบ้างหรือเปล่า"
"หรือมีแค่เราคิดคนเดียว"
คนที่เอาแต่งนั่งนิ่งมาตลอด
ฝ่ามืออุ่นร้อนที่สัมผัสกัน ออกแรงบีบเหมือนต้องการที่พึ่ง
และคาดหวังกับคำตอบหรือคำพูดอะไรก็ได้ ที่มันจะทำให้รู้สึกอุ่นใจมากกว่านี้
องค์ชายรัชทายาทเลื่อนพระพักตร์เข้ามาใกล้
หมายจะจรดโอษฐ์ประทับ แต่อีกคนกลับเบี่ยงหน้าหลบแล้วเอ่ยถ้อยคำที่เงียบเอาไว้มานาน
"องค์ชาย"
"กระหม่อมโกหกพระองค์"
เพียงเท่านั้น
ทุกอย่างก็หยุดแล้วนิ่งไปเสียอย่างนั้น
แม้แต่เสียงของลมหายใจที่รู้สึกได้ก็เงียบราวกับกำลังกลั้นหายใจรอฟังสิ่งที่กำลังจะเอ่ยออกมา
หัวใจเต้นโครมครามไปพร้อมกับอาการปวดหนึบอยู่ภายใน
องค์ชายพยายามจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาที่สั่นไหวของหม่อมเจ้า
แม้อีกฝ่ายจะพยายามหลบสายตาแต่ก็ยังไม่ได้เลื่อนกายที่ใกล้กันนั้นออกไป
"ตลอดเวลา..
ที่กระหม่อมอยู่กับพระองค์ กระหม่อม.."
"..."
ความเงียบ
เงียบทั้งการกระทำ
เสียง
หรือแม้แต่แววตาที่ทอดมองมา
ก็ดูเงียบ
แต่ไม่สงบ
"กระหม่อมไม่เคยเป็นตัวเองเลยสักครั้ง
กระหม่อม.."
"หม่อม..ทำไม?"
แม้นจะเอ่ยถามไปแบบนั้น
แต่คำพูดที่ได้ยินมาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ราวกับกำลังเปิดวนอยู่ภายใน เหมือนกำลังตอกย้ำคำพูดที่ว่าโกหกนั้นเป็นจริง
'ตลอดเวลาที่อยู่กับพระองค์
กระหม่อมไม่เคยเป็นคนอื่น'
ถ้าเช่นนั้น
ในเวลานี้
ท่านเป็นใคร
"กระหม่อมสูญเสียความเป็นตัวเองเสมอเวลาที่อยู่กับพระองค์"
"..."
หม่อมเจ้าชิตพลช้อนตามองขึ้นมา
แววตาสั่นระริกราวกับคนไม่มั่นใจ
ไม่เหมือนหม่อมเจ้าคนเดิมที่มักจะจัดการทุกเรื่องได้เป็นอย่างดีเสมอ
"พระองค์ทำให้กระหม่อมไม่เป็นตัวของตัวเอง"
"หม่อมหมายความว่า.."
"หากพระองค์บอกรัก
กระหม่อมก็จะบอกว่ารัก.."
"มากกว่า"
เลือดในกายสูบฉีดแรงให้ดวงหน้าหวานเริ่มขึ้นสี
ส่วนคนที่เองไปแล้วเมื่อครู่ เมื่อได้ยินคำที่อยากได้ยิน
เหมือนคนไม่มีสติ
วินาทีคิดอะไรไม่ออก เมื่อทบทวนกับสิ่งทีอีกคนพูด
คำที่ราวกับเหมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยงให้หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง
องค์ชายหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
"หม่อมแกล้งเราหรือ?"
"องค์ชายเห็นเป็นเรื่องตลกหรือ?"
คำตอบที่ไม่ได้ตอบ
แต่กลับเอยถามด้วยคำถาม หม่อมเจ้าเชิดหน้าขึ้นหรี่ตามององค์ชายระคนไม่พอใจ
แต่พระองค์กลับยิ้มลอยหน้าลอยตาอยู่เช่นนั้น
พระพักตร์ยื่นเข้ามากดจูบลงไปอย่างหนักหน่วงแต่ไม่ได้ลุกล้ำ
องค์ชายเคลื่อนตัวเองให้ขึ้นมานั่งบนเตียงกับหม่อมเจ้าก่อนจะปล่อยจูบออกมา
"หม่อมทำเราตกใจมากเลยนะ"
"เมื่อกี้พระองค์ก็ทำให้กระหม่อมตกใจ"
"ก็เราดีใจนี้"
"อีกสิ่งหนึ่งที่พระองค์ไม่รู้"
"อะไรอีก
หม่อมจะแกล้งเราอีกหรือ?"
"..."
"ห้ามบอกว่าล้อเล่นนะ"
ก่อนที่หม่อมเจ้าจะได้เอ่ยอะไรออกมา
องค์ชายก็รีบพูดแทรกก่อน แม้จะเป็นคำพูดเหมือนขำๆ
แต่ในใจลึกๆของคนที่ไม่กล้าเดาใจอีกคน ไม่อยากคิดแทนกลัวจะกลายเป็นเข้าข้างตัวเอง
องค์ชายกุมมือนิ่มขึ้นมาแนบแก้มแล้วเอียงหัวชนไหล่
"กระหม่อมรักพระองค์
มากกว่าที่พระองค์จะจินตนาการถึงเสียอีก"
"หืม..
งั้นหม่อมจะบอกว่าเรารักหม่อมน้อยกว่าหรือ"
"กระหม่อมไม่สามารถรู้ได้ถึงใจพระองค์หรอก"
"ดูพูดเข้า
พูดจาห่างเหินกับเราอีกแล้ว"
"เราต้องใกล้กันมากกว่านี้สักหน่อยแล้วละ"
พูดไปร่างกายก็เบียดใกล้ชิดเสียจนหม่อมเจ้าแทบล้มลงไปนอนหากไม่มีขอบเตียงที่กั้นไว้อยู่
"ใกล้กว่านี้เห็นจะไม่ได้แล้วละมั้ง"
แต่พระองค์กลับไม่สนใจที่หม่อมเอ่ย
เมื่อจมูกโด่งฝังลงไปยังแก้มนุ่มแล้วสูดกลิ่นกายหอมที่ต้องใจทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้
"ยังใกล้ได้อีก"
เสียงทุ้มเอ่ยเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
เมื่อพระองค์ดูจะไม่หยุดรุ่มร่ามยิ่งกอดรั้งเอวบางภายใต้ชุดเรียนที่ทำจากผ้าเนื้อดี
ริมฝีปากนุ่มกดจูบไล่ไปตามสันกรามและใต้คาง
"พอก่อน"
หม่อมเจ้าชิตพลเบี่ยงตัวหลบองค์ชายที่ดูจะไม่หยุดซนง่ายๆ
"พอได้ยังไง
หม่อมไม่รู้หรอกว่าทุกครั้งที่เราคิดถึงหม่อม เราอยากทำอะไรบ้าง"
องค์ชายย่อตัวลงไปตรงหน้าหม่อมเจ้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองพยายามส่งสายตาออดอ้อนไปให้อีกฝ่ายเห็นใจ
"อยากทำอะไรบ้าง?"
"หม่อมไม่รู้
หรือหม่อมอยากให้เราบอก"
หม่อมเจ้าชิตพลแย้มรอยยิ้มออกมาบางๆแล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้องค์ชายมากขึ้น
มากขึ้น
"พอก่อน
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่มีคนอื่นมองอยู่เช่นนี้"
ฟุบ
องค์ชายทิ้งตัวลงนอนลงบนตักที่มีผ้าห่มนวมคลุมไว้แต่มือที่สอดประสานกันแน่นก็ไม่ยอมปล่อยออกมา
รู้ตัวมาสักพักแล้ว
ไม่สิ
ตั้งแต่แรกเลยที่เหล่าคนสนิทแม้จะออกไปแล้วก็เพียงแค่ออกไปให้พ้นสายตา
อย่างไรก็ยังอยากเห็นอยู่ดีว่ายามที่หม่อมเจ้าป่วยจะอ้อนองค์ชายอย่างไร
แม้จะไม่ได้ยินว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไรกันอยู่
แต่แค่ได้แอบมองก็ยังดี
แต่ดูท่าแล้วคนที่อ้อนเห็นจะเป็นองค์ชายเสียมากกว่า
เตียงห้องพยาบาลที่ค่อนข้างกว้าง
ทำให้องค์ชายพาร่างตัวเองขึ้นมานอนบนตักหม่อมเจ้าได้เต็มตัว
และดูท่าจะสบายมากเสียด้วย
"ถ้าเช่นนั้น
ตอนที่ไม่มีคนอื่น ก็ได้ใช่ไหม"
ก็ยังมีเพียงรอยยิ้มบางๆ
และฝ่ามือนุ่มที่ลูบกลุ่มผมนิ่มขององค์ชายเท่านั้นแทนคำพูดใดๆ
-----------------------------------------------------------
"องค์ชายวันนี้กระหม่อมจะออกไปข้างนอกกับคุณชายยุนโอ องค์ชายจะเสด็จไปพร้อมกระหม่อมหรือเปล่า?" หม่อมราชวงศ์ดงยองเดินสะพายกระเป๋าเป้ใบโตมายังองค์ชายรัชทายาทที่นั่งเล่นหมากรุกกับหม่อมรางวงศ์ยุนโอที่นั่งรออยู่นาน
"ไม่ละ งานเลี้ยงสองครอบครัว เราจะไปทำไม" องค์ชายเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบางๆ
"ไม่จริงหรอก เพราะองค์ชายจะเสด็จไปหาหม่อมเจ้าชิตพลเสียมากกว่า"แต่ก็มิวายโดนคนสนิทอย่างหม่อมราชวงศ์ยุนโอเอ่ยแซว รู้หรอกว่าจะไปหาใคร แล้วก็รู้ด้วยว่าจะไปทำอะไร ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไปไหนด้วยกันตลอด อีกอย่าง เรื่องแบบนี้ ธรรมดา
องค์ชายยักไหล่ส่งๆให้แทนคำตอบ แล้วตวัดตัวหมากรุกให้เดินไปตามช่อง เล่นไปสักพักก็กลายเป็นหม่อมราชวงศ์ยุนโอรุกฆาตไป
"หากใครมาเห็นเข้าว่าองค์ชายแพ้หมากรุกกระหม่อม คงได้รู้ไปทั้งโรงเรียน"
"แล้วเราก็จะโดนเสด็จแม่ทำโทษด้วยนะสิ 5555555"
"แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็คงอยากโดนทำโทษสินะกระหม่อม"
"รู้ดี เราไปละ"
"ฝากสวัสดีหม่อมเจ้าชิตพลด้วยนะกระหม่อม แล้วก็..ของฝาก" นั้นก็เป็นเพราะสนิทกันมานาน ไปไหนไปกันนั้นแหล่ะ ของฝากที่ว่าช่างรู้ใจองค์ชายเสียจนต้องเดินผิวปาก รอฟังเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่นานๆทีจะได้ใช้
RRRRrrr
แน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดไปจากที่คาดเอาไว้สักนิด
(องค์ชาย แม่ได้ยินว่าพระองค์เล่นหมากรุกแพ้หม่อมราชวงศ์ยุนโออีกแล้วหรือ???)
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากทักท้วงอะไร อีกฝ่ายก็รัวคำพูดมาจนแทบหาช่องว่างแทรกไม่เจอ สองขาก้าวยาวไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย อยากจะก้าวไปถึงให้เร็วที่สุดก่อนที่เสด็จแม่จะวางสายไปเสียก่อน
"พะยะค่ะเสด็จแม่ ชายนี่แย่จังเนอะ"
(แม่บอกแล้วว่าให้องค์ชายเรียนรู้กลยุทธ์หม่อมเจ้าเขาบ้าง รายนั้นไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลยสักอย่าง มีแต่องค์ชายที่เอาแต่เที่ยวเล่นให้แม่ปวดหัว)
มือเคาะไปยังประตูไม้สลักบานสวยก่อนจะเปิดเข้าไปแบบถือวิสาสะไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอนุญาต
"กระหม่อมทำให้เสด็จแม่เสียพระทัย กระหม่อมสมควรโดนลงโทษ"
(ไม่ต้องมาพูดดี แม่รู้นะว่าองค์ชายอยากทำอะไร)
"ถ้าเสด็จแม่ลงโทษกระหม่อมแบบนี้จะไม่เป็นการรบกวนหม่อมเจ้าชิตพลหรือ"
คำพูดที่เอ่ยเสียงดังจนคนที่นั่งอยู่ด้านในสุดของห้องรับรองต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
"เช่นนั้นกระหม่อมจะบอกหม่อมเจ้าตามที่เสด็จแม่บอก"
(เฮ้อ ถ้าแม่บอกให้องค์ชายเสด็จกลับห้องไปบรรทมเฉยๆ เห็นจะไม่เป็นผลแล้วละมัง)
"กระหม่อมจะทำตัวให้เป็นภาระหม่อมเจ้าชิตพลให้น้อยที่สุด เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง"
"คราวนี้เป็นอะไรหรือ?" หลังจากวางสายเรียบร้อย องค์ชายเดินไปพิงขอบโต๊ะข้างๆหม่อมเจ้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุผ้านวม เสียงใสๆเอ่ยถามราวกับเป็นเรื่องที่เห็นเป็นประจำ
จริงๆก็แทบจะประจำ เมื่อยามที่องค์ชายแพ้อะไรมา ก็มักจะโดนราชินีคู่บัลลังก์ของผู้มีอำนาจสูงที่สุดในเวลานี้โทรเข้ามาบอกให้เข้มงวดกับองค์ชายมากกว่านี้ อย่าปล่อยให้เอาแต่เที่ยวเล่น เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทจะเล่นเกมแพ้คนสนิทได้อย่างไร
"หมากรุก"
"กระหม่อมชักไม่แน่ใจแล้วว่าพระองค์แพ้จริงๆหรือตั้งใจ"
"เราตั้งใจ"
"ตั้งใจมาหาหม่อม"
โน้มกายลงไปกระซิบข้างหูแล้วก็มิวายฉวยโอกาสหอมแก้มนิ่มๆนั้นอีก
"ถ้าหม่อมยังไม่พร้อม.."
เพราะใบหน้าที่ยังอยู่ใกล้กัน แทนคำพูดใดๆ หม่อมเจ้าชิตพลก็เงยหน้าขึ้นไปเพื่อประทับโอษฐ์ผู้ที่กำลังพูดอยู่ด้วยส่วนเดียวกัน
----------------------------
ทันทีที่ลืมตาตื่น พบกับอ้อมกอดที่ว่างเปล่า องค์ชายรัชทายาทพาร่างตัวเองให้ลุกนั่งมองไปรอบห้องเพื่อคนอีกคนที่ควรจะหลับไปด้วยกัน
"ตื่นแล้วหรือ?"
"ไปไหนมา?" แทนที่จะตอบคำถาม องค์ชายกลับถามในสิ่งที่ตนสงสัยแทน หม่อมเจ้าชิตพลค่อยๆเดินไปนั่งลงขอบเตียงแล้วยื่นแก้วน้ำให้
"กระหม่อมหิวน้ำ"
"ชู่ ไหนเมื่อกี้ยังแทนด้วยชื่ออยู่เลย"
"เมื่อกี้ไม่ใช่ตอนนี้นี่"
"แล้วตอนอยู่ด้วยกันจะแทนด้วยชื่อไม่ได้หรือ"
"..อืมมมมม"
"นะ"
"..."
"นะครับเตนล์"
"..อื้อๆ" แก้วน้ำถูกวางลงบนโต๊ะไม้เล็กๆข้างเตียง แล้วร่างบางก็โดนดึงรวบเข้ามากอดแผ่นหลังชนอก มือบางข้างซ้ายถูกยกขึ้นมาลูบแหวนหมั้นที่เหมือนกันของทั้งคู่
จุ๊บ
องค์รัชทายาทจูบที่แหวนแช่ไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมองพระคู่หมั้นของตน
"รักนะคะ"
------------------------------------
100%
จบแล้วจริงๆค่ะ NC 5 หน้า 1800คำ ขนาดนั้นอะเนอะ นี่แบบว่าเบาๆ เบาเหรอ แปดโมงอัพฟิค ละคือมีเรียนบ่าย ละคือยังไม่นอน ทำงานมันเครียดๆ เห็นมีคนบอกถ้าเครียดให้แต่ง NC เอ้อ ก็เลยแก้เอ็นซี จริงๆเบากว่านี้เยอะ นี้เพิ่มละนะ 55555555555
ป.ล. คู่ต่อไปไม่มี NC นะคะ (อ่าว)
#โรงเรียนวังโฮฮวา
@MelloPizery
ความคิดเห็น