ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sf | os } NCT - #taeten #jaedo #johnil

    ลำดับตอนที่ #2 : { JohnIl } Little voice - 02

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 59


    **เผื่อยังไม่รู้ว่าตอนแรกมีการ edit ช่วงสุดท้ายไปนิดหน่อยนะคะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ".. ใจดวงน้อยๆ นั่งค่อยอย่างเดียวดาย

    แล้วน้ำใสๆ ก็ไหลลงมาเป็นทาง .."

     

     

     

     

     

     

     

    แทอิลรู้แล้วว่าตัวเองต้องมาเป็นเงาเสียงให้ โก จางฮยอกนักแสดงหนุ่มชื่อดัง

     

    จริงๆละครซีรี่ส์พิเศษของจางฮยอกพึ่งออกอากาศไปเมื่อวาน ได้กระแสตอบรับออกมาค่อนข้างดีมาก นั้นส่งผลให้ละครเวทียิ่งมีคนสนใจมากยิ่งขึ้น

     

    บัตรละครกลายเป็นของหายากไปภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

     

     

    "อ่ะ นี้"

     

    ชายหนุ่มผู้รับบทบาทสำคัญเดินถือแก้วน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาวมายื่นให้ผู้ชายอีกคนที่นั่งเป่าปากอ่านหนังสือสำหรับทำวิจัยเพื่อจะจบการศึกษา

     

    แทอิลมองคนที่เจอหน้ามาตลอดเดือนกว่าตั้งแต่ตกลงเรื่องร้องเพลงเป็นเงาเสียงให้จางฮยอก แล้วยิ้มให้ก่อนจะรับเครื่องดื่มที่ไม่รู้มันดีต่อสุขภาพเสียงและคอจริงไหม แต่คิดว่าคงทำให้ชื่นใจชุ่มคอใช้ได้อยู่

     

    "ขอบคุณนะ"แทอิลกล่าวเบาๆ จางฮยอกนั่งลงเก็บหนังสือ ชีทเรียนที่กระจัดกระจายให้เข้าที่ทางแล้วนั่งลงไปแทน

     

    พวกเขาต้องจำเป็นต้องสนิทกัน เพราะต้องซ้อมด้วยกัน จังหวะการขยับปาก ร้องเพลง ที่ต้องทำให้แนบเนียน เรื่องทักษะการแสดงของจางฮยอกไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่คนที่ร้องเพลงเก่ง แต่ไม่ได้ฝึกซ้อมมานานหลายปีก็รู้สึกยากพอดู

     

    จะร้องเพลงเองเฉยๆก็พอได้อยู่ แต่นี้ต้องร้องให้หล่อ ให้พระเอก ให้กินใจคนดู แล้วก็ต้องร้องให้สำเนียงท่าทางเหมาะกับการแสดงท่าทีของจางฮยอกเวลาชายหนุ่มแสดงอีก

     

    เพราะแบบนี้ไงเลยไม่อยากเป็นคนดัง อะไรก็ดูมีข้อแม้ข้อจำกัดไปหมด

     

    "แทอิลกลับบ้าน" คนน้องเดินเข้ามาตามพี่ชายที่อยู่ในห้องซ้อมตั้งแต่เย็นแล้วตอนนี้ก็ 3ทุ่มกว่าแล้ว ถือว่าค่อนข้างดึกพอควร ไหนจะเดินทางกลับบ้านที่ค่อนข้างไกลอีก

     

    "..." ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กระเป๋า ก่อนจะไปก็หันไปบอกลาพระเอกหนุ่มที่นั่งส่งยิ้มให้อยู่

     

    "กลับดีๆนะ" จางฮยอกทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น

     

    ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆจนถึงรถสีดานของจอห์นนี่ แทอิลเข้าไปนั่งประจำที่ แต่กระเป๋าใบหนักกลับไม่เอาไปวางไว้หลังรถอย่างที่ทำประจำ เจ้าตัวกลับกอดมันเอาไว้แทน

     

    "นั่งดีๆ" น้ำเสียงติดดุทำเอาที่นั่งเม้มปากบนหันไปมองนิ่งๆ

     

    แล้วเขานั่งไม่ดีตรงไหน ขาก็ไม่ได้ยกขึ้นมา หรือทำท่านอนแผ่กินที่สักหน่อย หรือต้องนั่งหลังตรงขาชิด?

     

    คิดแล้วก็ทำ แทอิลยืดตัวให้ตรง ขาทั้งสองข้างชิดกัน แต่ไม่ได้วางมือบนหน้าขาให้ดูเรียบร้อย เพราะเขาต้องกอดกระเป๋าใบนี้ไว้อยู่

     

     

     

     

    "... กวนตีนป่ะถามจริง"

     

    เพียงเท่านั้นใบหน้าก็ส่ายไปมารวดเร็ว

     

    ตอนนี้แทอิลเหมือนกำลังโดนดุอยู่จริงๆ เริ่มสงสัยแล้วว่าที่เกิดมาก่อน 1ปี มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ไม่ได้มีความหมายอะไรกับซอ ยองโฮเลยใช่ไหม แม้แต่คำว่าพี่สักครั้งยังไม่เคยเรียกเลย

     

    "กระเป๋าจะกอดไว้ทำไม ไม่หนักหรือไง" ว่าแล้วก็จับกระเป๋าไว้แล้วจะยกออก แค่แทอิลกับดึงเอาไว้แน่น

     

    "ไม่เอา"

     

    ปฏิเสธสั้นๆ ทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม ทำไมพูดอะไรยาวๆกว่านี้ไม่เป็นว่ะ หรือยังไง ออมเสียงไว้เผื่อเวลาร้องเพลงเหรอ กลัวร้องเพลงไม่เพราะเหรอ หรือกลัวอะไร พูดยาวๆบ้างดิ

     

    "..." จอห์นนี่สตาร์ทรถแล้ว แต่ไม่ยอมออกตัว เขากำพวงมาลัยไว้ แต่หันหน้ามามองคนที่นั่งข้างๆอย่างหาเรื่อง

     

    "..ก็หนาว"

     

    เพียงเท่านั้นซอ ยองโฮก็สังเกตว่าทุกครั้งที่เขาขึ้นรถมักจะเปิดแอร์ในอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำ เพราะเขาเป็นคนขี้ร้อน เขาไม่เคยสังเกตเลยว่าแทอิลจะหนาวหรือเปล่า ก็ถึงว่าปกติชอบใส่เสื้อคลุมตลอดเวลา

     

     

     

     

     

    แต่วันนี้เจ้าตัวไม่ได้เอามา จึงกะจะกอดกระเป๋าแทนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น

     

     

     

     

     

     

     

     

    เพียงแค่นั้นเอง ทำไมเขาคิดไม่ออกนะ

     

     

     

     

     

     

     

    "หนาวก็บอกดิ" จอห์นนี่กลับไปนั่งในท่วงท่าที่พร้อมสำหรับออกรถ แล้วเอื้อมมือไปปรับอุณหภูมิแอร์และความเร็วของพัดลม พร้อมกับเปิดฮีตเตอร์อีกเบาๆ

     

    "ไม่กล้าบอกหรอก กลัวถูกด่า" แทอิลพึมพำเบาๆกับตัวเอง แต่เพราะทั้งรถที่มีแต่ความเงียบเลยทำให้จอห์นนี่ได้ยินอย่างชัดเจน

     

    "เห็นฉันเป็นคนยังไงกันว่ะ" ก็แบบนี้แหล่ะ ใครจะกล้าเถียง

     

    รู้จักกันมาเป็นปี ใช้ชีวิตแบบพี่น้องร่วมชายคาเดียวกัน ไม่มีปัญหาเรื่องพ่อแม่แต่งงานกันใหม่ แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน อีกคนจะเป็นยังไง ทำอะไรก็ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยสังเกตเลย

     

    รู้เพียงแค่คนๆนี้ต้องมาเป็นพี่น้องกัน อยู่ห้องข้างๆกัน เรียนมหาลัยที่เดียวกัน แทอิลอายุมากกว่า 1 ปี และชอบการใช้ชีวิตอยู่บ้านมากกว่า จึงชอบขับรถไปเรียนเอง

     

    พอรู้แบบนั้น จอห์นนี่ก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่บ้านบ้าง แม้ก่อนหน้านี้จะอยู่ที่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย ให้เหตุผลกับพ่อแม่ว่ารำคาญรูมเมทชอบพาแฟนมานอนค้างบ่อยๆ ทั้งๆที่จริงแล้วเขาก็ออกจะยินดีกับความรักของเพื่อน

     

    แล้วเหตุผลที่ต้องมาเป็นสารถีให้แทอิล

     

     

     

    ก็ไม่รู้เหมือนกัน

     

     

     

     

    แค่คิดว่ามันต้องทำ

     

     

     

     

     

    ไหนๆก็เรียนที่เดียวกัน อยู่บ้านเดียวกัน ก็มาด้วยกันเลยจะเป็นไร

     

     

     

    ช่วยชาติประหยัดน้ำมันไง

     

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อกลับถึงบ้านแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้าห้องตัวเองไปอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    และวันนี้ก็ไม่ต่างจากทุกวัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ".. ได้ยินเสียงของฉันไหม

    เสียงที่ดังข้างใน

    มันร่ำรอง.... หาใคร .."

     

     

     

     

     

     

     

    แทอิลนั่งประจำที่บนพื้นข้างเตียง แผ่นหลังพิงกับฟูกที่นอนบนเตียง ใบหน้าสวมแว่นอย่างที่ใส่ประจำเวลาทำงาน สองมือจำเอกสารขึ้นมาอ่านทำความเข้าใจ

     

    วันๆของเขาที่ควรจะเอามาทำวิจัยธีสิท แต่ก็กลายเป็นต้องไปซ้อมละครเวที จะกลับมาก่อนก็ไม่ได้ เดี๋ยวโดนจอห์นนี่ดุ ก็ต้องรอไปเรื่อยๆ จนสามทุ่มกว่านั้นแหล่ะถึงจะพาเขากลับมาทำงานต่อ

     

    จนเวลาล่วงไปเลยเกือบตีสาม แทอิลก็ตัดสินใจนอน ถ้าอยู่นานไปกว่านี้จะไม่ได้พักผ่อนเอา

     

    ดีที่พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้า และจอห์นนี่ก็ไม่มีเรียนเช้าเหมือนกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    ดังนั้นเขาสามารถใช้ช่วงเวลาสายๆของวันมาทำงานใหม่เพิ่มอีกก็ได้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ทำอะไร"

     

    สวนหลังบ้านที่มีโต๊ะเหล็กดัดสีขาววางใต้ร่มไม้ใหญ่ กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้มาพร้อมกับลมโชยเบาๆ ลูกชายคนเล็กของบ้านพึ่งตื่นแล้วเดินมายังระเบียงห้องเพื่อเปิดผ้าม่าน เห็นพี่ชายกำลังนั่งทำสีหน้าเคร่งเครียดด้วยท่าทีเหนื่อยๆแล้วอดถามไม่ได้

     

    "หืม?"

     

    แทอิลละตายตาออกจากสมุดที่จดงานเอาไว้เงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง

     

    ดวงหน้าที่ปกติมักจะเห็นดวงตานิ่งๆ เหมือนคนง่วงซึมขอบตาช้ำ ตอนนี้ถูกกรอบแว่นปิดบังทำให้มองตาเห็นไม่ถนัดนัก ไหนจะเลนส์แว่นที่ถูกแสงสะท้อนนั้นอีก ยิ่งทำให้มองไม่ชัด

     

    "ใส่แว่นด้วยเหรอ" จอห์นนี่พึมพำกับตัวเองก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องไป แทอิลก็ได้แต่มองงงๆ เหมือนเมื่อกี้จะคุยกับเขา แต่ก็คุยคนเดียว ถามเองตอบเอง

     

     

     

     

     

     

    เป็นแบบนี้ตลอดเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

    กล่องน้ำส้มกับกล่องซีเรียลอาหารเช้า รวมกับถ้วยและช้อน ถูกวางลงบนโต๊ะเหล็กดัดสีขาวแย่งพื้นที่วางของของคนที่มานั่งก่อน

     

     

    ซ่า

     

     

    แก้วน้ำของแทอิลที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วถูกน้องชายสาดน้ำออก แล้วเทน้ำส้มในกล่องเข้าไปให้แทน

     

    จากนั้นเจ้าตัวก็จัดแจงเทซีเรียลอาหารเช้าใส่ถ้วยแล้วราดน้ำส้มจากแก้วของแทอิลใส่ถ้วยอีก

     

     

     

    บอกเลยว่างงมาก

     

     

     

     

     

     

    "มองอะไร"

     

    "เป..ล่า"

     

    "ทำงานไปดิ" ตักกินอาหารเช้าหน้าตาเฉย ราวกับว่าการเทเข้าเทออกเมื่อกี้เป็นกิจวัตรประจำวัน ทำแบบนี้มาตลอด อย่างกับว่าไม่เคยเจอ

     

    "ทำงานอะไร" จอห์นนี่ถามต่อ เมื่อพี่ชายตัวเองกำลังก้มหน้าก้มตาจดอะไรสักอย่างที่ลอกมาจากหนังสือเล่มหนา

     

    "ธีสิท"

     

    ตอบกลับมาทันทีไม่ต้องเว้นจังหวะช่องไฟมาก เพราะจอห์นนี่ไม่ชอบคนงึมงำ พึมพำ แม้ว่าตัวเองจะชอบพูดคนเดียวก็เถอะ

     

    "ตรวจธีสิทเมื่อไร" ในปกติแล้วพอทำธีสิทก็จะมีการตรวจธีสิทรวมเป็นการเช็คว่าทำไปได้เท่าไร คืบหน้าแค่ไหนในทุกๆสิ้นเดือน แต่นี้มันเป็นของคณะเขานะ ไม่รู้พวกศึกษาศาสตร์จะเป็นยังไง

     

    "อาทิตย์หน้า"

     

    อาทิตย์หน้าแล้วทำไมพึ่งมาทำว่ะ..

     

    แต่จอห์นนี่ไม่ได้ถามเขานั่งกินซีเรียลกับน้ำส้มอยู่ รสชาติไม่ได้แย่ แต่มันอร่อยตรงไหนว่ะ

     

     

     

     

     

     

    ก็เห็นอีกคนแม่งชอบกินแบบนี้เลยลองดูบ้าง

     

     

     

    ปกติเขาก็กินกับนมหรอก

     

     

     

     

     

     

    "กับจางฮยอกเป็นยังไงมั้ง"

     

    "..ก็ดี"

     

    "..."

     

    "..."

     

     

     

     

    ในใจคิดไว้ว่าจะถามเป็นไงมั้ง เห็นช่วงนี้สนิทกันดี บลาๆว่าไป แต่พี่แกเล่นตอบมา ..ก็ดี คือจบแล้วใช่ไหม


    "คือมากวนใช่มะ" อยากรู้จริงๆ วางถ้วยซีเรียลที่กินหมดแล้ว ค้ำศอกไว้กับหน้าขาแล้วเงยหน้าขึ้นมอง แทอิลหันมามองนิ่งๆก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

     

    "ก็ไม่นะ"

     

    เออ ก็ดี แล้วแต่เลย

     

     

     

    รู้สึกทำตัวไม่ถูก เหมือนมีแค่เขาที่กำลังเดินอยู่

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ".. อยากให้เสียงเหงาๆ ของฉัน

    นั้นมีใครรับฟัง

    มีหรือเปล่า.. สักคน

    ที่จะมาช่วยปลอบเมื่อเหงาใจ .."

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันนี้การซ้อมเลิกเร็วกว่าทุกครั้ง เพราะจางฮยอกและนางเอกที่แสดงคู่ต้องไปให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่มาทำข่าวของจางฮยอก แน่นอนว่าจอห์นนี่ในฐานะผู้กำกับก็ต้องไปด้วย

     

     

     

    ถ้ามีจอห์นนี่ไป แทอิลก็ต้องไปด้วย..

     

     

    ขนาดเลิกเร็วก็ยังต้องรอให้อีกคนทำงานเสร็จเพื่อที่จะกลับบ้านพร้อมกัน

     

     

     

     

    "วันนี้กลับเองได้ไหม"

     

    อยู่ๆก็ถูกบอกแบบนั้น ทั้งๆที่ตลอดปีที่ผ่านมาบอกจะกลับเองทีไรก็โดนดุทุกครั้ง ต่อให้แทอิลมีงานดึก หรือต้องอยู่มหาลัยตั้งแต่เช้ายันค่ำและจอห์นนี่ไม่มีเรียนเลย เจ้าตัวก็ยังขับรถมารับเขาอยู่ดี

     

     

     

     

    แต่ครั้งนี้กลับบอกให้กลับเอง

     

     

     

     

     

     

     

    "จะได้รีบกลับไปทำงาน"

     

     

    แล้วก็ยื่นกุญแจรถส่งให้

     

     

     

    "เดี๋ยวให้เพื่อนไปส่ง"

     

    แทอิลยังไม่ทันได้ถาม จอห์นนี่ก็ตอบไปก่อนแล้ว

     

    นี้ไง ก็ชอบคุยอยู่คนเดียวตลอด ไม่เคยเปิดโอกาสให้ได้ถามเลย

     

     

     

    หรือบางทีเปิดโอกาสแล้วเขาก็ยังเลือกที่จะไม่ถาม

     

     

    แทอิลรับกุญแจรถมาถือไว้ เดินไปเก็บของใส่กระเป๋าอย่างเรียบร้อยแล้วเดินไปหาน้องชายที่ยืนมองเขาอยู่

     

    "ถ้ากลับดึกยังไม่ได้กินอะไรก็บอกนะ" จอห์นนี่พยักหน้าไปส่งๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง เขาต้องรีบไปกับพวกจางฮยอกแล้ว จริงๆบอกพวกนั้นว่าจะมาเข้าห้องน้ำ สงสัยป่านนี้รอแซวเขาว่ามาขี้อยู่แน่เลย รู้หรอกนิสัยมัน

     

     

    แทอิลเดินไปยังลานจอดรถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับรถ

     

     

    อืม.. เบาะเลื่อนถอยหลังเกินไป ทำให้ขับรถไม่ถนัด ก็จัดการเลื่อนเบาะเข้ามา สตาร์ทรถแล้วออกตัวตรงกลับบ้านทันที อย่างน้อยๆวันนี้เขาก็มีเวลาในการทำงานมากขึ้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีเพียงแค่แทอิลที่ต้องทำธีสิทส่ง

     

     

     

    จอห์นนี่เองก็เช่นกัน

     

     

     

     

     

    ในเมื่อนิเทศเรียน 4 ปี ศึกษาศาสตร์เรียน 5 ปี

    พวกเขาอายุห่างกันเพียง 1ปี

     

    จอห์นนี่ก็ต้องทำธีสิทบ้างสิ

     

     

    แต่วันๆเห็นแต่วุ่นวายกับงานละครเวที ไม่เห็นทำงานเลย

     

     

     

     

     

     

     

    "ยองโฮเรียนปีสามอยู่เลยนะ"

     

    บนโต๊ะอาหารที่เกือบพร้อมหน้าพร้อมตากัน แทอิลถูกถามเรื่องงานละครเวทีพอดี เจ้าตัวถึงสงสัยบ้างว่าทำไมยองโฮเรียนปี 4 แล้วยังต้องทำงานละครเวทีอีก

     

    "ก่อนหน้านี้ยองโฮไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกามาเลยเรียนช้าไปปีนึง" ผู้เป็นพ่ออธิบายเสริม แทอิลพยักหน้าขึ้นลง เข้าใจแล้ว

     

    สองสามีภรรยาหันหน้ามองกันก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามสิ่งที่พวกเขาปรึกษากันมาสักพักแล้ว

     

    "พวกลูกอึดอัดกันอยู่หรือเปล่า"

     

    "... ก็ไม่นะครับ" แทอิลคิดทบทวนคำถามเพียงสักครู่ก็ตอบออกมาตรงๆ เขาไม่รู้หรอกว่ายองโฮจะรู้สึกยังไง แต่เขาเฉยๆ

     

    "แม่แค่เห็นลูกไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร" ไม่ค่อยรู้เรื่องของกันและกันเลย ทั้งๆที่อยู่ห้องข้างๆกัน ไปเรียนพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกัน แต่ไม่เคยรู้เรื่องของกันและกันเท่าไรเลย

     

    "เพราะ... ไม่ค่อยสนิทกันมั้งครับ" ไม่ใช่คำตอบที่ดี แต่แทอิลก็คิดคำตอบที่ดี และเป็นจริงไปมากกว่านี้ไม่ได้

     

    เขาไม่รู้สึกว่าการรู้จักกับยองโฮเป็นเรื่องแย่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดี รู้จักกันเพียงผิวเผินจริงๆ ไม่เคยต้องมานั่งแล้วคุยกันดีๆเลยสักครั้ง ครั้งแรกที่จอห์นนี่มาทำท่าเหมือนจะสนใจเขาก็ตอนที่มานั่งกินซีเรียลกับน้ำส้ม ทั้งๆที่ปกติชอบกินกับนม

     

    แต่บางทีเจ้าตัวก็คงแค่อยากลอง

     

    "แล้ววันนี้ทำไมไม่ได้กลับพร้อมกัน ทะเลาะกันหรือ?" พ่อถามบ้าง แม้ว่าช่วงนี้ลูกๆทั้ง 2 จะมีซ้อมละครเวทีจนดึก ทำให้ไม่ได้ร่วมทานข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากันมาสักพัก แต่แทอิลก็ไม่เคยได้กลับมหาลัยเองเลยสักครั้ง แม้จะมีบ้างที่จอห์นนี่กลับมาก่อน แต่ก็ออกไปรับพี่อีกทีอยู่ดีนะ

     

    "ยองโฮมีงานต่อเลยให้ผมกลับมาก่อนครับ"

     

    ก็ยังดีที่ไม่ได้ทะเลาะกัน

     

    แต่พ่อแม่ก็ยังไม่วางใจเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ดี ปกติก็เหมือนไปด้วยกัน แต่จริงๆแล้วไม่ได้สนิทกัน หรือทั้งคู่แค่แกล้งสนิทกันเพื่อให้พวกเขาสบายใจ

     

    "แทอิล.." แม่เอ่ยเรียกลูกชายที่เธอฟูมฟักมาหลายปี ฝ่ามือนุ่มกุมเข้ากับมือลูกชายจนแทอิลนึกสงสัย

     

    "ถ้ามีปัญหาอะไรบอกแม่ตรงๆได้นะลูก"

     

    "ไม่มีอะไรหรอกครับ" แทอิลยิ้มให้บางๆอย่างที่ตัวเองชอบทำประจำ มือที่คว่ำอยู่หง่ายขึ้นเพื่อจับมือแม่ให้สะดวกขึ้น

     

     

     

    ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี้นา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ระยะเวลาไม่ดึกมาก จอห์นนี่เดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ให้เพื่อนคนอื่นๆมาส่ง จริงๆเพื่อนเขาก็นึกแปลกใจเหมือนกัน ปกติก็กลับมาเอง ทำไมครั้งนี้ถึงให้มาส่ง พอเจ้าตัวบอกให้พี่ชายขับรถกลับมาก่อนแล้วยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่

     

     

    จอห์นนี่หวงรถจะตาย แค่ให้ขึ้นไปนั่งด้วยก็ยังยาก

     

     

     

    ตั้งแต่ที่รู้จักกันมามีแค่แทอิลคนเดียวนั้นแหล่ะที่ได้นั่ง

     

     

     

    "กลับมาแล้วเหรอ"

     

     

    ไฟชั้นล่างที่ถูกปิดไปแล้วกลับมีไฟสลัวๆจากห้องครัว เมื่อเดินเข้าไปก็มีแทอิลที่กำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะอาหาร

     

    "ทำไมมาทำงานตรงนี้"

     

    "มันใกล้ตู้เย็น" เพราะทำงานดึกๆ ก็จะหิว พอหิวก็ขี้เกียจลงมา สู้มาทำตรงนี้เลย ใกล้ ง่าย หยิบจับอะไรก็สะดวก พอง่วงก็จะได้นอนไม่ได้เพราะไม่มีที่ให้นอน

     

    "แล้วทานอะไรมาหรือยัง"

     

    จอห์นนี่ส่ายหน้าแทนคำตอบ จริงๆเขาซื้อกลับเข้ามาแล้ว อยู่ในมือนี้แหล่ะ

     

     

     

     

     

     

    แปะ

     

     

     

    เสียงถุงกับข้าวที่ร่วงลงพื้นจนแตก เกิดจากที่ชายหนุ่มตัวโตกะจะยกถุงขึ้นให้ดูเพื่อบอกว่า ไม่เป็นไร ซื้อมาแล้ว ก็กลายยกขึ้นมาเร็วเกินจนเกิดแรงเหวี่ยงให้ถุงกับข้าวร่วงลงพื้น

     

    "เดี๋ยวฉันทำเอง" จอห์นนี่ก้มลงเก็บซากอาหารที่ตัวเองซื้อมายังไม่ได้กิน มองแล้วก็กลืนน้ำลายกลิ่นอาหารชวนให้น้ำย่อยทำงานเสียจริง

     

    แทอิลมองกระพริบตาปริบๆ เม้มปากสลับคลาย ก่อนจะเดินไปเปิดฝาชีที่ครอบไว้อยู่แล้วยกจานอาหารที่เหลือไว้มาจัดวางไว้บนโต๊ะ

     

    "จริงๆกะทำไว้กินเอง แต่นายจะกินก็ได้นะ" จอห์นนี่เงยหน้ามองก่อนจะรู้สึกแปลกๆ

     

     

     

     

     

     

     

    ไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกแบบไหน แต่สำหรับเขา

     

     

     

     

     

     

     

     

    การมีคนทำกับข้าวรอที่บ้าน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ไม่เห็นรู้สึกเหมือนตอนที่แม่ทำให้กินเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หึ เป็นแบบนี้เองสินะ

     

     

     

     

     

     







    ------------------------

    รู้สึกว่าตอนนี้มันสั้นๆ 

    จบฮุคแรกแล้ววววววววววว ฮี่ฮี่ 

    เรามีแท็คในทวิตนะคะ จริงๆค่อนข้างแป๊ก แต่ก็ยังอยากทำ เผื่อจะมีคนอยากเล่น #ฟิคลตว นาจาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×