คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : prologue
อย่าถามเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไง
กำลังคบกันในรูปแบบไหน
ในเมื่อแม้แต่พวกเขาเอง
ก็ยังให้คำตอบไม่ได้
.........
อยู่ๆชีวิตที่เคยสงบสุขก็กลับต้องมาเจอเรื่องวุ่นๆชวนปวดหัว เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอาการปวดหัว ปวดข้อ รู้สึกถึงกลิ่นของแอลกอฮลอ์ในโพรงจมูก และนอกจากนั้นยังมีกลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นคาวอะไรบางอย่างใต้จมูกจนต้องหันไปมองทั่วห้องเพื่อเช็คให้แน่ใจ
คอนโดห้องชุดขนาดกลางถูกแบ่งออกเป็น 4ห้องนอน แล้วเมื่อคืนก็มีการจัดงานเลี้ยงสำหรับจบการโปรโมทของ NCT127
ความเจ็บและปวดไปทั่วสะโพกพร้อมๆกับร่างขาวๆของคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆเหมือนเป็นสิ่งยืนยัน ไหนจะเสื้อผ้าที่จำได้ว่าสวมใส่เมื่อคืนถูกวางกระจัดกระจายไปทั่วห้องนั้นอีก
จำได้ลางๆว่าเมื่อคืนมีเพื่อนๆสมัยรุกกี้มาที่หอพักทุกคน แล้วงานเลี้ยงจะดำเนินไปได้ยังไงหากไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำหรับคนที่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นแต่กลับต้องการเหล้าจำนวนมาก ดื่มเข้าไปเพื่อเพิ่มความกล้าให้ตัวเอง
กล้าที่จะไปสารภาพรัก
กับ..
จอห์นนี่
เตนล์ชอบจอห์นนี่
นั้นเป็นสิ่งที่เขาเอ่ยบอกกับพี่ชายที่สนิทไปเมื่อคืน
แต่สิ่งที่จอห์นนี่ตอบกลับมามันทำให้จากแค่ที่อยากดื่มเหล้าเพื่อให้ตัวเองกล้า กลายเป็นอยากจะดื่มเพื่อให้ตัวเองลืม เพื่อบอกตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงแค่ฝันไป
เพื่อหลอกตัวเองว่าจากนี้ไปก็ยังจะมองหน้าจอห์นนี่ได้เหมือนเดิม
"เฮ้อ"
เตนล์ถอนหายใจออกมาช้าๆ อยากจะลุกไปอาบน้ำ หวังว่ามันจะลบสัมผัสอะไรออกไปได้บ้าง อย่างน้อยกลิ่นคาวๆกับคราวเหนียวๆที่เลอะมาโดนแก้มและเหนือปากตอนนี้จะได้ถูกชำระออกไปบ้าง
มันไม่ใช่ครั้งแรก
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้มันมีครั้งต่อไป
คิดแบบนั้นมาตลอด แต่ก็ยังห้ามเอาไว้ไม่ได้
หมายถึงห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอไปกับสัมผัสนั้นไม่ได้
"ฮึ่ม" เสียงครางต่ำจากคนที่หลับอยู่ คิ้วเข้มขมวดกับกรามที่ข่บแน่นบ่งบอกถึงความไม่พอใจเพราะถูกก่อกวนเล็กๆจากคนที่นั่งอยู่บนเตียงเดียวกัน
เตนล์หันไปมองก่อนจะกรอกตาเป็นวงกลมแล้วถอนหายใจออกมาดังๆ ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือเกรงใจอะไรเลยสักนิด นอกจากจะลุกขึ้นใช้เข่ายืนบนเตียงแล้วขย่มพื้นฟูกนุ่มเพื่อหวังจะก่อกวนให้อีกคนนึกขัดใจกว่าเดิม
ไม่อาบแม้ว่าพอลุกขึ้นมาแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างเอาไว้เมื่อครู่จะร่นลงไปกองข้างล่างจนเผยให้เห็นสัดส่วนต่างๆ ว่าไม่ได้มีการสวมใส่หรือปกปิดอะไรเลย แม้จะไม่มีร่องรอยแดงให้ผิดสังเกตแต่เตนล์ก็รู้ดีว่าแทบทุกส่วนในร่างกายอีกคนคงได้ชิมมันไปหมดแล้ว
"หยุดดิ้นสักที !!"
จนแล้วจนรอดก็ต้องลุกขึ้นมาจับไหล่บางเอาไว้แน่น มือผอมแห้งมีแต่กระดูกกดฝั่งเข้าไปในเนื้อนุ่มจนนึกเจ็บ แต่คนที่หมายจะก่อกวนในคราแรกก็ไม่ได้ลดความผยองในตัวลงเลยสักนิด
"ตื่นแล้วก็ออกไปจากห้องผม"
"อะไรวะ ตัวเองเป็นขอให้เขาเข้ามาเองแท้ๆ"
"เออ แต่ตอนนี้ออกไปได้แล้ว"
แทยงจิ๊ปากรำคาญแต่ก็ยอมลุกขึ้นไปหยิบเอาบ๊อกเซอร์มาสวมใส่ลวกๆแล้วลุกเดินออกจากห้องนอนของเตนล์เพื่อกลับเข้าห้องตัวเองไป ยังดีที่เตนล์ไม่ต้องแชร์ห้องกับใครแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาเช้าตรู่เกินกว่าที่เมมเบอร์คนอื่นๆจะตื่นขึ้นมา จากสภาพความเมาที่เตนล์เห็นก่อนจะถูกน้ำเมาเล่นงานบ้าง แต่ละคนก็ไม่ใช่น้อยเลย จะตื่นเช้าไหวหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ บางทีอาจจะเลยเข้าไปถึงบ่ายแก่ๆนู่น
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกระหว่างเตนล์กับแทยงมันเริ่มและต่อเนื่องมายาวนานมาก ครั้งแรกเกิดจากอะไรก็ไม่อยากจะพูดถึงเท่าไรนักหรอก แม้จะบอกตัวเอง บอกอีกคนอยู่ตลอดว่ามันจะไม่มีครั้งต่อไป
แต่ก็ได้แค่พูดแบบนั้นมาหลายต่อหลายครั้งจนหน่ายที่จะพูด
รู้แค่ว่าพอถึงเวลามันก็คงจะจบลงสักที
เมื่อลุกไปชำระร่างกายให้เรียบร้อยกลับมาเก็บข้าวของและฉีดสเปรย์ดับกลิ่นคาวที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง พร้อมกับเช็ดเศษคราบที่เลอะพื้นไปทั่ว จนไม่นึกแปลกใจเลยสักนิดว่าเมื่อคืนคงจะเล่นไปทั่วห้องเลยละมั้งถึงได้ปวดเนื้อปวดตัวมากขนาดนี้
อย่างน้อยแทยงก็ยังดีที่ไม่เคยทำรอยเอาอะไรเลยสักครั้ง
"อ้าว เตนล์ตื่นแล้วเหรอ" เมื่อเดินออกมาจากห้องหลังจากใช้เวลาไปนานโขกับการจัดห้องให้เข้าที่ เมื่อเดินออกมาก็พบว่ามีเมมเบอร์ชาวญี่ปุ่นกำลังนอนเอามือก่ายหน้าผากเอนตัวลงพิงโซฟานุ่มกลางห้องนั่งเล่น แต่ก็ยังอุตส่าห์ยกหัวขึ้นมามองแล้วส่งยิ้มให้
"แล้วทำไมเดินแบบนั้นอ่ะ" แม้แทยงจะไม่เคยทำรอยไว้สักครั้ง แต่ทุกครั้งที่มีอะไรกันแทยงไม่เคยรั้งแรงเอาไว้เลย นอกจากจะใส่ไม่ยั้งแล้วบางทีพี่แกเครียดๆก็ชอบเล่นท่ายากๆ แต่คนที่จะมาลำบากทีหลังก็ไม่ใช่เจ้าตัวหรอก เป็นเขาเองแหล่ะ
"ลื่นห้องน้ำอ่ะพี่" เตนล์บอกไปแบบนั้นแล้วเดินไปนั่งลงบนอาร์มแชร์ตัวที่วางไว้ข้างๆ ยูตะ แต่ยังไม่ทันจะได้นั่งก้นติดพื้นดี พี่ยูตะคนดีก็มองเลยไปยังด้านหลังเขาเพื่อทักคนที่เข้ามาใหม่อีกคน
"โห ลอยเล็บชัดเลยนะครับผม ไม่ทราบว่าไปโดนมาตอนไหนหนอ"
เป็นแทยงที่เดินเข้ามากับเสื้อกล้ามสีดำแบบที่ตัวเองชอบใส่ แต่บริเวณไหปลาร้าและด้านหลังไหล่กลับมีรอยเล็บครูดจนแดงชัดขัดกับผิวขาวๆ เตนล์หันไปมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้างมองค้อนใส่ ทำไมเมื่อเช้าถึงไม่สังเกต แต่ยิ่งกว่านั้นคือทำไมอีกคนถึงไม่ยอมแต่งตัวให้มิดชิดกว่านี้ กะอีแค่ใส่เสื้อมีแขนสักหน่อยมันจะยากอะไร
"..." ไม่ตอบ มีเพียงแค่รอยยิ้มบางๆส่งให้ยูตะเท่านั้น แทยงเดินเลยทั้งคู่ไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้กับตัวเอง แม้ว่าตอนนี้มันใกล้จะบ่ายโมงแล้วก็เถอะ
"เมื่อคืนก็อยู่ด้วยกันนี้หว่า หรือไปตอนกูเมาหลับไปละ" ยูตะยังไม่หายสงสัย หมุนตัวไปเกาะพนักพิงของโซฟาเพื่อคุยกับแทยงต่อ
"ไม่ต้องรู้หรอก"แก้วน้ำเย็นถูกวางแนบลงบนหน้าผากที่มีหน้าม้าแยกเพราะไม่ได้จัดทรง ยูตะรีบสะบัดหัวออกแล้วหันไปดึงหน้าใส่แทยง
เตนล์มองเหตุการณ์นั้นแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆแล้วมองบน คนที่เห็นเตนล์ทำหน้าแบบนั้นก็คงจะมีแค่แทยงคนเดียวเพราะยูตะหันหลังให้เขาอยู่
นอกจากเตนล์จะชอบจอห์นนี่แล้ว แทยงก็ยังแอบชอบยูตะรูมเมทเก่าของเขาด้วย
แน่นอนว่าพวกเขารู้ความลับเรื่องนี้ของกันและกัน.. ไม่สิ ตอนนี้เรื่องที่เตนล์ชอบจอห์นนี่มันไม่ใช่ความลับของพวกเขาอีกต่อไปแล้วในเมื่อเตนล์บอกจอห์นนี่ไปแล้ว
แต่ก็นั้นแหล่ะ ยังไงแทยงก็ยังไม่เคยบอกยูตะเลย แม้จะเคยอยู่เป็นรูมเมทกันมาตั้งนาน แม้แต่จับมือมาดมยังไม่เคยทำ หึ คิดแล้วก็เบะปากใส่แรงๆ
"กินข้าวหรือยัง" แทยงเห็นทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้จะมองหรือสนใจอะไร เขากลับเลือกที่จะสนใจเพื่อนชาวญี่ปุ่นคนนี้มากกว่า ยูตะเมื่อได้ยินก็พยักหน้ารัวๆ ตื่นมาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ที่กินๆไปเมื่อคืนก็ขย้อนออกทางเก่าหมดแล้ว
"อื้อ แต่พี่ฮันซลกำลังออกไปซื้อให้แล้วอ่ะ" แทยงยังคงยิ้มอยู่ แม้รอยยิ้มที่ดูปกติในสายตาของยูตะ แต่สำหรับเตนล์แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น
"งั้นแทยงก็ทำเผื่อเตนล์ด้วยสิ น้องพึ่งตื่นน่าจะหิวเหมือนกัน ใช่ไหม" ประโยคท้ายยูตะหันไปมองเตนล์จนเกือบจะตั้งตัวไม่ทัน ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเหมือนเด็กน้อยวัยใสคนซื่อแบบที่ทั้งวงคิดแบบนั้น เตนล์เหมือนเป็นน้องชายเกรียนๆธรรมดาๆคนนึง ที่ทำอะไรก็น่ารักไปเสียหมด แต่ไม่ใช่สำหรับแทยงเลยสักนิด เพราะท่าทางแบบนั้นเห็นแล้วมันน่าโมโห
ยิ่งเตนล์พยักหน้ารัวๆ จนผมสวยสะบัดปลิวพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักนั้นอีก
"ได้สิ" แทยงหมุนตัวกลับเข้าหาเคาท์เตอร์ห้องครัวเพื่อทำอาหารต่อ จนได้กับข้าวง่ายๆถูกลำเลียงลงสองจานแล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว เตนล์รู้ว่าแทยงตั้งใจจะแกล้งเมื่อเห็นว่าเขาเดินเหินไม่สะดวกก็ยังจะให้ลุกเดินไปกินเองที่โต๊ะนั้น ทั้งๆที่มันก็ค่อนข้างจะไกลอยู่พอสมควร
ใจก็อยากจะใช้สายตาไปอ้อนวอนให้ยูตะช่วยใช้แทยงยกจานข้าวมาที่นี้ แต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่รู้เรื่อง จึงต้องยอมกัดฟันแล้วเดินไปยังโต๊ะอาหาร จะว่าเจ็บที่ช่องหรืออะไรมันก็ไม่ลำบากเท่าการปวดสะโพกเหมือนจะเคล็ดเพราะ... เออ นั้นแหล่ะ
"..." เตนล์นั่งลงประจำที่ที่แทยงจัดเอาไว้ให้ อาหารหน้าตาหน้าทาน แม้แต่กลิ่นก็หอมจนน้ำย่อยทำงานทั้งๆที่ยังไม่ได้ลิ้มรส แต่ก็พอจะเชื่อใจได้ว่าแทยงคงไม่เล่นพิเลนให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาลหรอก
คำแรกที่เขาปากเตนล์ก็แถบอยากจะถุ้ยคำพูดเมื่อกี้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด รสชาติอาหารจัดจ้านค่อนไปทางเผ็ด เผ็ดมาก ดวงตากลมเบิกกว้างดึงหน้าใส่แทยง มือกำช้อนแน่น อยากจะพ้นคายออกมาแต่เพราะยูตะยังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรือพร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความเผ็ดร้อน
แทยงยกยิ้มข้างปากเลิกคิ้วให้แล้วตักของตัวเองกินบ้าง รสชาติไม่ต่างกันมาก เพียงแค่ของแทยงไม่เผ็ดเท่านั้นเอง
"ก็เห็นบอกว่าเป็นคนไทยกินเผ็ดได้"
นึกย้อนกลับไปเมื่อตอนถ่าย NCT life in Thai ตอนที่เตนล์กินพริกโชว์ ตอนนั้นเขาไม่ได้เคี้ยวโดนพริกด้วยซ้ำ แค่แกล้งเคี้ยวแล้วกลืนมันลงไปทั้งเม็ดนั้นแหล่ะ เลยทำให้ไม่รู้สึกเผ็ดอะไร ผิดกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง
"หึ พริกเกาหลีไม่เผ็ดหรอก"แม้จะรู้ว่าถ้าตัวเองกินของเผ็ดมากๆแล้วจะปวดท้องก็เถอะ แต่ก็ทนกินไปจนหมด
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีแม้แต่คำจำกัดความ พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้เป็นคน 2 บุคลิก ไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพียงแค่การกระทำที่ปฏิบัติต่อกัน เมื่ออยู่ลับหลังคนอื่น มันเป็นอีกแบบนึงเท่านั้น ก็เหมือนๆกับจะบอกว่าพวกเขาเลือกปฏิบัติมากกว่า
คนที่ดีก็ดีด้วยแบบจริงใจ แต่คนที่... ไม่รู้สิ ดีหรือไม่ดี มันไม่มีคำจำกัดความแบบนั้นจริงๆ
หากจะบอกว่าเหมือนเป็น one night stand ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก
เพราะมันมากกว่า 1 วัน
แล้วจะบอกว่าเป็นที่ระบายอารมณ์ความใคร่ของกันและกัน ก็ไม่ใช่อีก
เพราะพวกเขาไม่ได้มีความอยากหรือความใคร่ต่อกันมากจนถึงขั้นต้องพุ่งเข้าหากันเวลาที่มีอารมณ์
ความสัมพันธ์แปลกๆที่เริ่มจากความหงุดหงิดและจบลงพร้อมความหงุดหงิดเสมอ
แต่มันก็ยังเริ่มต้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนเดิม
"พี่เตนล์ไหวปะเนี่ย" แจฮยอนยกแก้วน้ำเกลือแร่ส่งให้พี่ชายที่สนิทกันระคนเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ที่ตื่นขึ้นมาเมื่อตอนบ่ายแก่ๆก็เห็นเตนล์เดินเข้าออกห้องน้ำบ่อยกว่าทุกครั้งแล้วดวงหน้าหวานแทนที่จะมีเลือดฝาดกลับซีดจนผิวที่ขาวอยู่แล้วซีดลงไปอีก
"..."ไม่ตอบ แต่พยักหน้าส่งให้พร้อมกับหยาดเหงื่อที่ปรากฏบนไรผม เตนล์หยิบแก้วเกลือแร่จากแจฮยอนมาจิบกินเพื่อเพิ่มกำลังให้ตัวเอง คิดแล้วก็เจ็บใจที่ตอนนั้นยอมกินข้าวของแทยง ไม่น่าต้องไปทรมานตัวเองแบบนี้เลยสักนิด ยังไงมันก็ไม่ใช่อาหารรสชาติเลิศเลออะไรนักหนาจนถึงขั้นต้องทนกินให้ตัวเองมาปวดท้องแบบนี้
"ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า"เพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างโดยองก็เดินเข้ามาถามเพราะความเป็นห่วง เตนล์เป็นเด็กที่มาจากต่างประเทศด้วยตัวคนเดียว หากจะเป็นอะไรก็น่าเป็นห่วง ไม่ใช่แค่กับพวกเขา ทุกคนในหอหรือแทบจะเรียกว่าทุกคนในค่ายก็เอ็นดูเตนล์กันทั้งนั้น เพราะหน้าตาที่น่ารัก และนิสัยที่ผ่านการอบรมมาดีจากประเทศไทยด้วยนั้นที่ทำให้เตนล์ที่รักของคนอื่นๆ
"ข้าวผัดจากพี่แทยงน่ะ"เตนล์ตอบกลับเสียงอ่อนเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง แน่นอนว่าเตนล์ไม่มีทางที่จะเลี่ยงบอกความจริงไปหรอกว่าที่ปวดท้องทรมานอยู่นี้เป็นเพราะแทยงแน่ๆ เรื่องอะไรที่จะต้องไปหาข้อแก้ตัวให้แทยงกันละ ไม่เห็นจะได้อะไรเลย
"หืม แต่พี่แทยงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยหนิ นายอาหารเป็นพิษหรือเปล่า" แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเตนล์จะสามารถดิสเครดิตให้แทยงได้เลยซะทีเดียว จึงทำได้แค่กระพริบตาปริบๆ ขมวดหัวคิ้วหากันแล้วปล่อยหางคิ้วตกลง กัดปากล่างเหมือนคนไม่มั่นใจแล้วส่ายหน้าช้าๆ
คนที่รู้ว่าเตนล์กินเผ็ดไม่ไดก็เห็นจะมีแค่แทยงเท่านั้นแหล่ะ คนอื่นๆปักใจเชื่อเขาแทบร้อยเปอร์เซ็นเลยว่าเตนล์กินเผ็ดได้ตั้งแต่วันที่ถ่ายทำครั้งนั้น
"เมื่อเช้าก็ลื่นล้มในห้องน้ำ ตกเย็นมาก็อาหารเป็นพิษอีก ปีชงเหรอเตนล์"โดยองบีบไหล่เพื่อนวัยเดียวกัน ตบเบาๆสองสามครั้งแล้วก็ต้องลุกเพื่อปล่อยให้เตนล์ได้พักผ่อน
"ดงยองอา เรียกพี่แทยงให้หน่อยได้ไหม" ก่อนที่โดยองกับแจฮยอนจะเดินออกจากห้องพักเดี่ยวของเตนล์ เสียงหวานก็เอ่ยเรียกทั้งคู่เอาไว้ก่อน โดยองหันมามองเตนล์ก่อนจะพยักหน้าให้แล้วเดินออกไป
เตนล์ก็คงจะเรียกมาคุยเรื่องข้าวผัดที่ทำให้กินวันนี้หรือไม่ก็คงจะเป็นมื้อเย็นอยากจะกินอะไร
รอไม่นานคนที่กะจะเล่นตัวสักหน่อยเมื่ออยู่ๆก็ถูกเรียกให้ไปหา แต่เพราะสายตาของคนทั้งบ้านตอนนี้มองมาเหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้แทยงรีบๆลุกไปหาเตนล์สักทีเขาก็เลยต้องเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้โต๊ะทำงานมองหน้าคนป่วยที่นั่งหน้าบึ้งใส่อยู่บนเตียง
"จะว่าไปกับเก้าอี้ตัวนี้ก็ยังไม่เคยนะ" แทนทีจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แทยงกับเลือกที่จะทิ้งตัวนั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์มือก็ลูบไปบนไม้เนื้อดีที่ถูกนำมาประกอบกันเป็นโต๊ะเก้าอี้ที่เข้าชุดกัน ถ้าจำไม่ผิดเป็นเซตโต๊ะที่จอห์นนี่กับเตนล์ไปช่วยกันเลือกตอนย้ายหอเข้ามาใหม่ๆ เชื่อเถอะว่าเตนล์ต้องด่าเขาแน่ๆ
นิ้วกลางถูกยกขึ้นมาแทนคำพูด แต่ก็ไม่ผิดไปจากที่แทยงคิดเท่าไร เตนล์ใช้นิ้วที่ยกขึ้นมาชี้ไปยังกองผ้าที่อยู่มุมห้องหน้าห้องน้ำ หันไปมองก็พอจะเดาออกว่าจะให้ทำอะไร
แน่นอนก็ต้องซักผ้าสิ กองผ้าขนาดใหญ่นี้คงเป็นผ้าปูที่นอน หรือบางทีอาจจะมีปลอกหมอน และผ้าห่มด้วยซ้ำ แล้วกองผ้าพวกนี้ก็คงไม่พ้นผ้าปูที่นอนที่เตนล์ใช้ปูเมื่อคืน มันก็คงจะมีคราบเลอะอะไรบ้างแหล่ะ ปกติแล้วเตนล์จะเป็นคนซักเอง เพราะส่วนมากที่มีอะไรกันก็จะเกิดในห้องนี้ซะส่วนใหญ่ พอเสร็จอะไรๆแล้วก็แทยงก็จะกลับห้องไปนอนแบบปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่ต้องรับภาระซักทำความสะอาดก็ต้องเป็นเขา หรือจะให้อยู่ดีๆแทยงมาซักผ้าปูที่นอนให้ แล้วเมมเบอร์คนอื่นๆมาถามเหรอว่าซักให้ทำไม เขาไม่ได้อยากมีภาระหรือบ่วงอะไรติดไว้กับอีกคนหรอกนะ
แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้
"ชอบซักผ้าไม่ใช่เหรอ?" น้ำเสียงใสๆขัดกับหน้าตาที่กำลังเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ หากเตนล์เคยบอกว่ากินพริกได้เพราะเป็นคนไทย แทยงก็ได้ชื่อว่าชอบซักผ้าเหมือนกันนั้นแหล่ะ
"หึ" แล้วคนที่ชอบซักผ้าก็ลุกเดินไปหยิบเอาสเปรย์ดับอากาศขึ้นมาถึงไว้แล้วกดฉีดออกมาแรงๆใส่เตนล์ แม้จะไม่ใกล้มาจนอยู่ในระยะอันตรายเท่าไรนัก แต่เพราะแรงกดฉีดแรงเลยทำให้กลิ่นหอมจนฉุนคลุ้งไปทั่วห้องจนจะอ้วก
รอยยิ้มปรากฏพร้อมใบหน้าหล่อที่พยักให้ครั้งเดียวเป็นการบอกนัยๆว่า นอกจากซักผ้าเขายังชอบฉีดสเปรย์ดับอากาศซะด้วยสิ
"แค่กๆ"
เพราะว่าพึ่งสิ้นสุดการโปรโมทไปแล้วก็จะเตรียมการเดบิวต์ NCT B ในช่วงเดือนตุลาคม ทำให้เหล่าสมาชิกที่ทั้งเดบิวต์แล้วและเตรียมการเดบิวต์อยู่เมื่อมีวันหยุดใครสามารถกลับบ้านได้ก็กลับ แต่คนที่บ้านอยู่ไกลถึงประเทศไทยแบบเตนล์แล้วจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในหอพักตามประสา แต่ถึงยังไงเขาก็ยังต้องไปอัดรายการ Hit the stage ทุกๆวันอาทิตย์อยู่ดี แล้วก็ยังต้องไปซ้อมเต้นสำหรับธีมต่อๆไปด้วย
แม้แต่โดยองที่ยังมีงานเป็น MC บ้าง DJ บ้าง ก็ยังกลับบ้านเลย แม้จะกลับไปเพียงวันสองวันก็เถอะ
ส่วนเมมเบอร์ต่างชาติคนอื่นๆอย่างพี่ยูตะ หรือวินวิน สองคนนั้นอยู่อีกห้องหนึ่ง แล้วคุนก็ยังไม่เดบิวต์จึงต้องไปอยู่อีกหอพักหนึ่งที่อยู่สำหรับรุกกี้ ทำให้ตอนนี้ทั้งห้องแทบจะเหลือเตนล์ครอบครองคนเดียว เว้นก็แต่..
"อะ อืมมมมม" ริมฝีปากที่ประกบเข้าหากันแนบแน่น พร้อมกับเสียงดูดริมฝีปากล่างแล้วปล่อยสลับไปมาแบบนี้ น้ำใสๆที่กลืนลงไม่ทันไหล่ตามขอบปากจนอีกคนต้องละริมฝีปากออกมาแล้วใช้ลิ้นเลียกลับเข้าไปแล้วกดจูบลงใหม่อีกรอบ
ความสัมพันธ์ประหลาดก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ดวงตากลมเปียกชื้นรื้นไปด้วยน้ำตาและจมูกโด่งรั้นสีขึ้นสีแดงเพราะทั้งเหนื่อย หายใจไม่ทันแล้วยังร้องไห้อีก ในใจนี้ก็นึกโกรธ โมโห หงุดหงิดทุกอย่าง
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อกี้มันดีมากจริงๆ
ดีจนใจกระตุกคิดอยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออก
แทยงไม่ได้ผละตัวออกไป แต่กลับอุ้มเตนล์ขึ้นมากอดเอาไว้เหมือนอุ้มลูกหมี แล้วหมุนตัวให้ตัวเองนั่งพิงบนของโต๊ะแทน ส่วนที่ยังเชื่อมกันอยู่ก็ยังไม่เอาออก แต่ดวงตาคู่คมกลับจ้องมองลึกเข้าไปจนละสายตาออกไปไหนไม่ได้
"นายเป็นของฉัน"
"..."
"คนที่จะทำแบบนี้ให้นายได้มีแค่ฉัน"
"..หึ" เตนล์ละสายตาแล้วเชิดหน้าหันไปทางอื่น ริมฝีปากเหยียดยิ้มขึ้นมาคล้ายจะเบะปากหมั่นไส้เสียมากกว่า แต่ก็ต้องถูกมือกว้างช้อนเข้าใต้คางบีบแก้มให้หันกลับมามอง จากนั้นริมฝีปากของแทยงก็กดจูบลงไปแรงๆ
"อืมมม" เพราะส่วนที่ยังไม่แยกออกมา เตนล์จึงออกแรงขมิบช่องทางแรงๆจนแทยงหลุดครางออกมาทางลำคอ เมื่อละสายตาออกมามองดีๆแล้วเตนล์กลับเม้มปากแล้วเสมองไปทางอื่น ดวงหน้าสวยกำลังขึ้นสีระเรือเมื่อรับรู้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นอีกครั้ง
การที่แอบชอบจอห์นนี่มานานก็เหมือนค่อยๆให้ใจเขาไป บอกรักเขาแล้วเหมือนให้ทั้งใจ แล้วการที่เขาพาคนอื่นมาเปิดตัวเหมือนเป็นการเหยียบหน้าแล้วโยนหัวใจเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี ไม่ปฏิเสธหรอกว่าแทยงเข้ามาในช่วงที่เขากำลังอ่อนแอเสมอ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไง แต่เขาก็ยอมที่จะเผลอไผลไปกับมันตลอด
แม้ว่าเวลาอยู่ด้วยกันสองคนจะมีแต่เรื่องปวดหัว กวนประสาท หาเรื่องกันไม่ก็มีเซ็กกัน แต่มันทำให้เขาสบายใจขึ้น แต่แค่คิดว่าแทยงชอบพี่ยูตะแล้วมันก็เหมือนทำให้เตนล์ขีดเส้นเอาไว้สำหรับความสัมพันธ์นี้จนมันไม่มีชื่อเรียก
ความสัมพันธ์ที่ไม่บอกใครและไม่อยากบอก
ความสัมพันธ์ที่ปล่อยให้มันเป็นปัญหาคาราคาซังแบบนี้ก็ไม่ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกลับทำให้รู้สึกสบายใจกว่าด้วยซ้ำ
"ในทวิตเตอร์มีแต่คนสงสัยว่าเตนล์กับแทยงไม่ถูกกันหรือเปล่า" โดยองที่กลับบ้านไปนานถึงสามวันเมื่อกลับมาถึงห้องพักแล้วกำลังนั่งออกันอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยมีเตนล์นั่งพื้นจิ้มแอปเปิ้ลกินส่วนแทยงก็นอนอ่านหนังสือการ์ตูน
"ทำไมคิดงั้นอ่ะ"แจฮยอนก็เป็นอีกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหันไปถามบ้าง โดยองจึงเริ่มอ่านรายละเอียดเนื้อหาทวิตที่ตนเองแอบมีแอคเคาท์ลับเก็บเอาไว้ ก็หมายถึงมีกันทุกคนแหล่ะ ไม่ได้ฟอลกันไว้แต่ก็รู้ว่ามี
"ก็แฟนคลับเขามองเหมือนว่าแทยงกับเตนล์จะไม่สนิทกันหรือเปล่า เวลาอยู่ด้วยกันก็เหมือนจะไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยจับเนื้อต้องตัวกัน ขนาดตอนนั่งให้ลายเซ็นข้างๆกันก็เหมือนไม่ค่อยกล้าเล่นด้วยกันมาก ขึ้นเวทีด้วยกันก็ไม่มีโมเมนท์ พวกแม่ยกแทเตนล์เขาใจจะขาดกันหมดแล้ว" คำพูดที่ร่ายยาวออกมาแม้จะดูเหมือนไม่สนใจเพราะสายตายังกวาดไปตามตัวหนังสือแต่หูกลับฟังทุกคำพูด
เหรอ ไม่ค่อยสนิทกันงั้นสิ
อยู่ด้วยกันก็ไม่ค่อยพูด ... อืม ส่วนมากไม่ด่าก็คราง
ไม่ค่อยจับเนื้อต้องตัวกัน ... น้อยไปนะสิ แค่ไม่ทำให้คนอื่นเห็น
ไม่ค่อยกล้าเล่นด้วยกันมาก ... แบบนี้จะให้ไปนั่งเล่นตบแปะหรือเป่ายิงฉุบละ แต่ถ้าเป็นผีผ้าห่มช่วงนี้ก็บ่อยอยู่
ขึ้นเวทีด้วยกันก็ไม่มีโมเมนท์ ... ไม่รู้จะมีทำไม ปล่อยให้คุณเธอเป็นม้าน้อยโพนี่ของคนอื่นๆไปแบบนั้นแหล่ะ ยังไงคนที่ได้เห็นมากกว่ายูนิคอห์นก็มีแค่เขาคนเดียวนี้
ความคิดที่ทำให้แทยงแอบกดยิ้มเอาไว้คนเดียวแล้วแอบลอบมองคนที่นั่งกินแอปเปิ้ลมองโดยองกระพริบตาปริบๆ เพราะแบบนี้ไงใครๆถึงได้มองว่าเตนล์ยังเด็กใสๆ และอินโนเซ้นอยู่
คนที่อยู่บนเวทีเหมือนนางพญาแล้วลงจากเวทีมาเป็นชิตโพนี่นั้นนะเหรอ... ลองให้มาอยู่กับแทยงสองต่อสองสิ จะเรียกว่าอะไรดีละ..
?????????
----------------------------------------
100%
#lovingwrongTT
ทวิตเตอร์ @MelloPizery
ความคิดเห็น