คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 ความโชคร้ายของมัทนียา
“โอ๊ยยยย!!!!”
เสียงร้องอย่างทรมานดังออกมาจากห้องวีไอพี ทำเอาคนที่อยู่บริเวณหน้าห้องสะดุ้งไปตามๆกัน พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับวิ่งกรูกันเข้ามาด้วยความตกใจและเป็นห่วงความปลอดภัยของแขกวีไอพีภายในห้องที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ปึงๆๆๆๆ
“ท่านครับ! เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” ชายคนหนึ่งเคาะประตูถามด้วยความเป็นห่วง
“...ไม่มีอะไร!”
“แต่ว่า...”
“จะไปไหนก็ไป”
“...ครับ”
เขารับคำเบาๆก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณการสลายตัว ถึงแม้จะรู้สึกสงสัยแหละเป็นห่วงก็ตาม หากแต่เสียงเข้มที่ตอบออกมาเป็นประกาสิทธิ์ เขาเองก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งนั่น
ภายในห้องปกรณ์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้กับสาวจอมโหด เธออาศัยทีเผลอที่เขากำลังหน้ามืดหื่นกามพลิกตัวขึ้นเหนือปกรณ์ก่อนจะใช้แรงมหาศาลพลิกตัวเขาจับล็อคแขนไพ่หลังกดลงกับเตียงอย่างอารมณ์เสียสุดขีด
“จำใส่สมองอันโสโครกของนายไว้นะ ว่าคนอย่างฉัน ไม่เสียท่าให้ผู้ชายเฮงซวยอย่างนายง่ายๆหรอก” พูดจบเธอก็ออกแรงกดแขนคนใต้ร่างอีกครั้ง
เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับมัทนียาที่ไม่ค่อยชอบผู้ชายประเภทหน้าหม้อไปทั่วอย่างปกรณ์เสียด้วย ยิ่งเกลียดก็เหมือนจะยิ่งเจอ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เลิกเกลียดผู้ชายคนนี้ได้เหมือนกัน
“โอ๊ย! เบาๆสิจ๊ะที่รัก เค้าเจ็บนะ” ปกรณ์ทำหน้าอยากจะร้องไห้เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากมัทนียา
แต่มีหรือที่คนที่เกลียดเขามากอย่างเธอ จะรู้สึกเห็นใจ
“โอ๊ยยย!!”
“หุบปากแล้วฟังฉันอย่างเดียวก็พอ” ยัยตัวเล็กก้มหน้าไปพูดข้างๆหูของปกรณ์ด้วยน้ำเสียงดุดัน
“จ้าๆ”
“ไหนๆเวรกรรมก็พานายให้มาเจอฉันอีกรอบ เพราะฉะนั้นฉันจะรีบสะสางคดีนี้ให้เร็วที่สุด”
“ตัวเองไม่อยากเจอเค้านานๆหรอ”
“...”
“ตัวเอง...”
“ไม่!”
“โอ๊ยยย!! เค้ายอมแว้ววววว”
ปกรณ์เองก็ได้แต่ภาวนาว่าก่อนที่ภารกิจจะจบ แขนเขาคงไม่หักเพราะพลังช้างสารของสาวน้อยร่างบอบบางขาโหดคนนี้เสียก่อนนะ
มัทนียา พิทักษ์สิงห์ ระดับสอง หน่วยจู่โจมพิเศษแห่งองค์กรตะวันฉาย หนึ่งในสามองค์ปราบปรามผู้ก่อการร้าย เสี้ยวพระจันทร์ ตะวันฉาย และดาราพราย ใครๆต่างก็ขนานนามให้มัทนียาว่าเป็นสาวจอมโหดประจำองค์กร ตัวเล็กแต่พละกำลังไม่เล็กตามตัว ดั่งสุภาษิตที่ว่า เล็กพริกขี้หนู เห็นจะเหมาะกับเธอมากที่สุด
ปึง!
มัทนียาเดินเข้ามาในห้องทำงานภายในองค์ตะวันฉัน อโรรส ระดับสามและอโรโรส ระดับสี่ สองสาวพี่น้องฝาแฝดที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานถึงกับเงยหน้ามามองคนที่ทำหน้าตาอารมณ์เสียด้วยความสงสัย
“เอ่อ...วันนี้น้องโมมามากหรอคะ” อโรรสถามติดตลก แต่คนถูกถามหันมามองด้วยสายตาเฉือดเฉียน
“น้องโมเปล่ามามากค่ะ น้องโมเข้าสู่วัยทองต่างหาก อ๊ะ!” ไม่ทันขาดคำ อโรโรสก็โดนมัทนียาปาหมอนใส่ด้วยความหมั่นไส้ โชคดีที่เธอรับมันไว้ได้ทัน ไม่อยากนั้นคงกระแทกเข้าเต็มใบหน้าสวยแน่ๆ
“เงียบไปเลยนะพวกแก” มัทนียาชี้หน้าคาดโทษก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
สองสาวฝาแฝดถึงกับสงบปากสงบคำและหันมาสบตาอย่างรู้กันว่าวันนี้เพื่อนสาวเธอคงจะอารมณ์ไม่มีมาจากเรื่องอะไรสักอย่าง ทางที่เดีควรจะอยู่เงียบๆไว้ดีที่สุดก่อนจะโดนแม่สาวจอมโหดเล่นงาน
“อ้าวพี่โม...” นัทมนที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยทักสดใสโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว “ทำงานกับคุณปกรณ์สนุกไหมคะ”
“นีล!!” สองสาวฝาแฝดตะโกนขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน
สาวน้อยผู้แสนจะเรียบร้อยบอบบางหันมามองฝาแฝดรุ่นพี่อย่างสงสัย เธอไม่รู้จริงๆว่าตัวเองทำผิดด้วยเรื่องอะไร เพราะโดยปกติเมื่อพวกพี่ๆกลับจากทำภารกิจเธอก็มักจะถามไถ่เช่นนี้ทุกครั้ง
“นีลก็ถามอะไรไม่รู้เรื่องเลย โมมันไม่ชอบคุณกรณ์” อโรโรสแก้ข้อสงสัยของนัทมน เธอพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆให้กันมัทนียา “แล้วตกลงเป็นไงบ้าง”
ทุกคนหันมองอโรโรสที่ตอนแรกห้ามปรามนัทมนแต่กลับเป็นคนจุดประเด็นซะเอง
“ถ้าฉันได้ทำงานร่วมกับหมอนี่อีกครั้ง ฉันรับรองได้เลยว่ามีการตายเกิดขึ้นแน่” เธอเข่นเขี้ยวเข่นฟันตอบอย่างอารมณ์เสีย ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ราวกับการได้ร่วมงานกับปกรณ์คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอก็ว่าได้
“พี่โมเอาจริง...”
“เอาจริงน่ะสิ ผู้ชายอะไรแย่ที่สุดเลย โว้ยยยยย อารมณ์เสียร์เวอร์อะ” มัทนียาตะโกนดังลั่นห้องจนทุกคนเกิดอาการหวาดผวาไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมา
ก๊อกๆๆๆๆ
“ใคร!”
“ผมเองครับ”
มัทนียาถึงกับหน้าเหวอเมื่อคนที่เปิดประตูมาคือ ‘บิลเลี่ยน’ ฝ่ายข้อมูลขององค์กรตะวันฉาย และเป็นคนที่กำลังศึกษาดูใจกันมาได้ซักระยะ หลังจากที่เขาพยายามจีบเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“บิล...”
“ผมมาผิดจังหวะหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ บิลมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“นิดหน่อยครับ”
มัทนียาถึงกับฉีกยิ้มกว้างเมื่อบิลเลี่ยนก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกุหลาบแดงช่อโต ถึงจะรู้สึกติดใจเล็กน้อยว่าเธอเคยบอกเขาว่าชอบกุหลาบขาว แต่ทุกครั้งบิลเลี่ยนมักจะซื้อกุหลาบแดงมาให้เสมอ แต่ก็ยังคงรู้สึกดีใจอยู่ดีกับสิ่งที่เขาพยายามมอบให้เพื่อให้เธอมีรอยยิ้ม
“อะไรคะ” มัทนียายิ้มเขินเมื่อชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้า
“อื้อหือ...เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยอะ เมื่อกี้นะยังโวยวายคุณป อุ๊บ!” ไม่ทันที่อโรรสจะได้พูดอะไรจบ ทุกคำพูดก็ถูกเก็บด้วยมือน้อยๆของมัทนียาซะแล้ว
“โมโววายอะไรหรอครับ” บิลเลี่ยนมองหน้ามัทนียายิ้มๆ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ช่วงนี้ไอ้รสมันเบลอชอบพูดอะไรไร้สาระ ใช่ไหมโรส...” สาวน้อยหันไปขอความเห็นแฝดน้องของอโรรสด้วยสายตาเฉือดเฉือน
“อือฮึ!” อโรโรสพยักหน้าสีหน้าหวาด
“ครับ...”
แน่นอนว่าบิลเลี่ยนรู้จักปกรณ์เมื่อครั้งที่เข้ามาทำงานด้วยกันตอนคดีของ ชาร์ล ครีเนโอ้ เขาเคยบอกกับเธอหลายครั้งว่ารู้สึกไม่ค่อยไว้ใจปกรณ์ แต่ยังไงก็ไว้ใจเธอ ถึงอย่างนั้นมัทนียาเองก็ไม่อยากจะบอกเรื่องที่ได้ร่วมงานกับปกรณ์อีกครั้งให้บิลเลี่ยนรับรู้ เพราะไม่อยากให้เขากังวลใจ
“แล้วนี่เนื่องในโอกาสอะไรคะ” เธอเปลี่ยนประเด็นไปที่เจ้ากุหลาบช่อโตนั่นแทน
“อ๋อ...ก็แสดงความยินดีที่โมปิดภารกิจนี้สำเร็จยังไงล่ะครับ”
“แหม...บิลไม่ต้องให้โมทุกครั้งก็ได้นะคะ โมเกรงใจ” มัทนียาว่าแต่มือก็รับช่อกุหลาบจากมือบิลเลี่ยนมาเรียบร้อยแล้ว
“วันนี้ให้ผมเลี้ยงนะครับ”
“คะ?”
“เลิกงานแล้วเดี๋ยวผมมารับนะ”
“เดี๋ยวสิคะบิล!”
ไม่ทันที่มัทนียาจะได้คัดค้าน บิลเลี่ยนรวบรัดตัดบทแล้วเดินออกไปนอกห้องสีหน้ายิ้มแย้ม มัทนียาเองก็มองช่อดอกกุหลาบเขินไม่แพ้กัน เธอค่อยๆดมกลิ่นหอมของเจ้าดอกกุหลาบแดงใบหน้ายิ้มสุขใจจนเพื่อนๆที่มองอยู่ถึงกับเบ้ปากหมั่นไส้
“นี่นางนึกว่านางอยู่กลางทุ่งดอกไม้ที่มีผีเสื้อโง่ๆบินประกอบฉากหรือไงกัน แหม...ทำท่าเป็นนางเอกค่อยๆสูดดมดอกไม้ หมั่นไส้” อโรรสว่า พร้อมทำท่าประกอบในการสูดดมดอกไม้ของมัทนียา ใช่สิ...เธอมันคนไม่มีคู่นี่ถึงต้องมานั่งกระแนะกระแหนคนมีคู่อย่างยัยจอมโหด
“นั่นสิ คิดว่าทั้งโลกมีกันอยู่สองคนหรือไงนะ ทำอะไรไม่เห็นหัวพวกเราเลยอะ เซ็ง” อโรโรสสะบัดหน้าใส่เพื่อนสาวก่อนจะหันไปซุบซิบกับแฝดพี่ด้วยความอิจฉา
ปึก!
“อ๊าย!” สองสาวฝาแฝดร้องเสียงหลงขึ้นมาพร้อมกันเมื่อมัทนียาเอาหมอนมาฝาดทั้งคู่ที่กำลังซุบซิบเรื่องอะไรก็ไม่รู้อย่างออกรสออกชาติ แต่เธอเดาว่าคงไม่พ้นเรื่องของเธอเป็นแน่
“นินทาฉันหรอ”
“ใคร! ใครกล้านินทาแม่นางมัทนียากัน” อโรโรสว่าตาโตก่อนกันไปหานัทมนที่นั่งฟังพี่ๆทั้งสามหยอกล้อกัน “นีล!”
“คะ?” สาวน้อยเรียบร้อยขานรับงงๆ ที่อยู่ๆรุ่นพี่สาวของเธอตะโกนเรียกเธอเสียงดัง
“นีลนินทาไอ้โมมันหรอ นิสัยไม่ดีนะเราอะ อย่างนี้ต้องโดน”
ปึก!”
“อ๊ะ!” กลายเป็นอโรโรสเสียเองที่โดนทำโทษด้วยหมอนอิงจากฝีมือของมัทนียาที่ทนอาการแถของเพื่อนสาวไม่ไหว แถมยังใส่ร้ายน้องรักหน้าตาเฉย
“แกสิต้องโดน”
“ใจร้าย”
“พูดมาก ทำงานไป” มัทนียาตัดบทก่อนจะเดินไปนั่งที่ทำงานของตัวเอง
“คิดถึงพี่ขนมนะคะ ถ้าพี่ขนมอยู่พี่โมคงโดนแซวหนักกว่านี้แน่” นัทมนพูดขึ้นทำเอามัทนียาถึงกับชะงักไป
บุคคลที่นัทมนพูดถึงคือรรินดา ระดับหนึ่งขององค์กรตะวันฉาย เพื่อนรักของพวกเธอและเป็นพี่สาวที่แสนดีของนัทมนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่องค์กรแห่งนี้แล้ว ด้วยหน้าที่ของรรินดาที่ยังต้องสะสางงานให้สำเร็จ เรื่องราวการหายตัวไปของเธอทั้งห้าสาวจึงต้องเก็บเป็นความลับและสร้างเรื่องให้คนอื่นๆคิดว่าเธอตายไปแล้ว ไม่เว้นแม้แต่โอเนลคนรักของเธอ ที่ทนทุกข์เสียใจกับเรื่องนี้ตั้งแต่วันนี้รรินดาจากไป
“นั่นสิ...อีกอาทิตย์ก็จะครบสามเดือนแล้ว สงสารก็แต่คุณแอล ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่ง จะเลิกเศร้าหรือยัง” มัทนียาว่า
“ฉันว่ายาก” อโรรสมองสบตาเพื่อนๆ
“เฮ้อ...” ทั้งสี่สาวถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยความเศร้า
ทุกคนในที่นี้รู้ว่าทั้งโอเนลและรรินดารู้สึกยังไงต่อกัน สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยรักใครอย่างโอเนล กลับหลงรักรรินดา แต่เธอที่เขารักเพียงคนเดียวก็ดันมาจากเขาไปอีก ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร มากกว่าเพื่อนรักทั้งสี่ของรรินดาเสียอีก
ตกเย็นบิลเลี่ยนมารับมัทนียาไปเลี้ยงฉลองที่เธอปิดภารกิจได้อย่างสวยงามตามสัญญา ก่อนจะพามาส่งที่คอนโดที่พักของเธอ
มือหนากอบกุมมือน้อยของหญิงอันเป็นที่รักไว้ นัยน์ตาเว้าวอนจนมัทนียาอดที่จะเขินอายไม่ได้ เขาพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ บางอย่างที่เขาคิดมานานแล้วว่าจะต้องพูดให้ได้
“โมครับ”
“...คะ?”
“ผมเป็นคนตรงๆ โมก็รู้ใช่ไหม”
“แหม...เรารู้จักกันมาตั้งหลายปีทำไมโมจะไม่รู้ว่าบิลเป็นคนยังไง ว่าแต่...ทำไมหรอคะ”
“คือผม...”
“...”
“แต่งงานกับผมนะครับโม”
บิลเลี่ยนหยิบกล่องแหวนสีแดงกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเปิดมันออกเผยให้เห็นแหวนทองคำขาว ประดับเพชรตรงกลางกำลังสะท้อนเล่นแสงอย่างสวยงาม
มัทนียาไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นแต่อย่างใด เพราะเธอเองพอจะอ่านท่าทีเขาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้น แต่ที่เธอตกใจกลับเป็นเพราะตัวเธอเองนั้นไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่คนที่คุกเข่าขอเธอแต่งานคือคนที่เธอตกลงปลงใจที่จะศึกษาดูใจกับเขา
“คือโม...”
“ผมรักโมนะครับ และผมก็เชื่อมั่นมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันว่าถ้าเป็นโม เราจะร่วมสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปด้วยกันได้”
“...”
“แต่งงานกับผมนะครับ”
มัทนียามองแหวนในมือบิลเลี่ยนสลับกับสายตาที่อ้อนวอนและจริงใจของเขา มือน้อยค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสกล่องแหวนเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำตาเข้มสั่นไหวด้วยความสับสน
“ค่ะ...”
“โม...” บิลเลี่ยนหัวใจพองโตเมื่อเสียงหวานเปล่งออกมารับคำ แต่ดีใจได้ไม่นานคิ้วหนาก็ต้องขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
มือน้อยที่จับกล่องแหวนเมื่อครู่กลับปิดมันลงและมองเขาด้วยแววตาเศร้า
“โมขอโทษ โมยังไม่พร้อม”
เธอทำไม่ได้...เธอทำไม่ได้จริงๆ
มัทนียาเองก็ไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้มากไปกว่า...ยังไม่พร้อม ถึงแม้บิลเลี่ยนจะทำให้เธอยิ้มได้ ทำให้เธอสบายใจเสมอเมื่ออยู่ใกล้ หัวใจของมัทนียาเองก็ไม่ได้เต้นระรัวเมื่อเขาขอเธอแต่งงาน นั่นคงจะเป็นจุดที่ทำให้สาวจอมโหดสับสนในความรู้สึกจนต้องปฏิเสธออกไป
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มยืนขึ้นมองเธอแววตาเศร้าไม่ต่างกัน “ผมเองก็ใจร้อนไปโดยไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของโม”
“บิลคะ คือโม”
“ผมรอโมได้เสมอนะ”
“ขอบคุณค่ะบิล”
ทั้งสองคนจับมือมองสบตากันด้วยความเข้าใจ มัทนียายิ้มให้กับบิลเลี่ยนด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริงที่เธอไม่สามารถตอบตกลงเขาได้
“เอ้อ...ผมเกือบลืมเลย”
เขาว่าก่อนจะผละจากเธอไปค้นหาบางอย่างในรถก่อนจะหยิบแฟ้มสีดำเล่มหนายื่นให้กับมัทนียา เธอมองมันด้วยแววตาสงสัย
“อะไรหรอคะ”
“โมอยู่คอนโดเดียวกับพี่เกดใช่ไหม ผมรบกวนโมเอาแฟ้มนี่คืนพี่เกดทีนะครับ เห็นพี่เกดว่าจะรีบใช้” บิลเลี่ยนกำลังพูด เกดกนก เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ของเขาที่อยู่ห้องใกล้ๆกับเธอ
“อ๋อ...ได้ค่ะ” เธอรับมายิ้มๆ
“กู๊ดไนท์ครับ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
“กู๊ดไนท์คิสได้ไหมครับ”
“หยุดเลยบิล โมชกหน้าหงายเอาง่ายๆเลยนะ”
“ฮ่าๆๆๆ” บิลเลี่ยนถึงกับหัวเราะขำในความหวงตัวของมัทนียาที่ยังเสมอต้อนเสมอปราย ถึงแม้จะยอมคบเป็นแฟนกับเขาแล้วก็ตาม “ผมรักโมก็ตรงนี้แหละครับ”
“หา?”
“บายๆ”
มัทนียามองตามรถบิลเลี่ยนที่ค่อยๆขับออกไป ตั้งแต่ที่เขาเอ่ยขอเธอแต่งงานจนกระทั่งตอนนี้ หัวใจเธอกลับไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
“ทำไมกัน...”
ก๊อกๆๆๆ
“พี่เกดคะ โมเองนะคะ” คนตัวเล็กมาเคาะห้องรุ่นพี่สาวเพื่อจะนำสิ่งของที่บิลเลี่ยนฝากมาให้เธอ แต่การตอบรับกลับเงียบเชียบ
ไม่ใช่ว่าไม่มีคนอยู่ห้องหรอกนะ...
“...”
ก๊อกๆๆๆๆ
“พี่เกดคะ อยู่ไหมคะ”
“...”
“สงสัยจะไม่อยู่ โทรหาดีกว่า...”
กริ๊ก
ไม่ทันที่มัทนียาจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ประตูห้องของเกดกนกก็เปิดขึ้นพร้อมกับวงแขนหนาที่รั้งตัวเธอเขาไปหาโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว
ร่างบางปะทะเข้ากับอกแกร่งปริศนาจนทำให้เธอต้องเงยหน้ามองพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ริมฝีปากน้อยค่อยๆขยับก่อนจะเปล่งเสียงออกมาด้วยความโมโหสุดขีด
“ไอ้โรคจิต!!!”
...........................................................................................................................................................
ความคิดเห็น