ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาทรักจอมเจ้าเล่ห์

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 ความโชคร้ายของมัทนียา

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 57


     

    “โอ๊ยยยย!!!!

    เสียงร้องอย่างทรมานดังออกมาจากห้องวีไอพี ทำเอาคนที่อยู่บริเวณหน้าห้องสะดุ้งไปตามๆกัน พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับวิ่งกรูกันเข้ามาด้วยความตกใจและเป็นห่วงความปลอดภัยของแขกวีไอพีภายในห้องที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    ปึงๆๆๆๆ

    “ท่านครับ! เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” ชายคนหนึ่งเคาะประตูถามด้วยความเป็นห่วง

    “...ไม่มีอะไร!

    “แต่ว่า...”

    “จะไปไหนก็ไป”

    “...ครับ”

    เขารับคำเบาๆก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณการสลายตัว ถึงแม้จะรู้สึกสงสัยแหละเป็นห่วงก็ตาม หากแต่เสียงเข้มที่ตอบออกมาเป็นประกาสิทธิ์ เขาเองก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งนั่น

     

    ภายในห้องปกรณ์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้กับสาวจอมโหด เธออาศัยทีเผลอที่เขากำลังหน้ามืดหื่นกามพลิกตัวขึ้นเหนือปกรณ์ก่อนจะใช้แรงมหาศาลพลิกตัวเขาจับล็อคแขนไพ่หลังกดลงกับเตียงอย่างอารมณ์เสียสุดขีด

    “จำใส่สมองอันโสโครกของนายไว้นะ ว่าคนอย่างฉัน ไม่เสียท่าให้ผู้ชายเฮงซวยอย่างนายง่ายๆหรอก” พูดจบเธอก็ออกแรงกดแขนคนใต้ร่างอีกครั้ง

    เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับมัทนียาที่ไม่ค่อยชอบผู้ชายประเภทหน้าหม้อไปทั่วอย่างปกรณ์เสียด้วย ยิ่งเกลียดก็เหมือนจะยิ่งเจอ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เลิกเกลียดผู้ชายคนนี้ได้เหมือนกัน

    “โอ๊ย! เบาๆสิจ๊ะที่รัก เค้าเจ็บนะ” ปกรณ์ทำหน้าอยากจะร้องไห้เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากมัทนียา

    แต่มีหรือที่คนที่เกลียดเขามากอย่างเธอ จะรู้สึกเห็นใจ

    “โอ๊ยยย!!

    “หุบปากแล้วฟังฉันอย่างเดียวก็พอ” ยัยตัวเล็กก้มหน้าไปพูดข้างๆหูของปกรณ์ด้วยน้ำเสียงดุดัน

    “จ้าๆ”

    “ไหนๆเวรกรรมก็พานายให้มาเจอฉันอีกรอบ เพราะฉะนั้นฉันจะรีบสะสางคดีนี้ให้เร็วที่สุด”

    “ตัวเองไม่อยากเจอเค้านานๆหรอ”

    “...”

    “ตัวเอง...”

    “ไม่!

    “โอ๊ยยย!! เค้ายอมแว้ววววว”

    ปกรณ์เองก็ได้แต่ภาวนาว่าก่อนที่ภารกิจจะจบ แขนเขาคงไม่หักเพราะพลังช้างสารของสาวน้อยร่างบอบบางขาโหดคนนี้เสียก่อนนะ

     

    มัทนียา พิทักษ์สิงห์ ระดับสอง หน่วยจู่โจมพิเศษแห่งองค์กรตะวันฉาย หนึ่งในสามองค์ปราบปรามผู้ก่อการร้าย เสี้ยวพระจันทร์ ตะวันฉาย และดาราพราย ใครๆต่างก็ขนานนามให้มัทนียาว่าเป็นสาวจอมโหดประจำองค์กร ตัวเล็กแต่พละกำลังไม่เล็กตามตัว ดั่งสุภาษิตที่ว่า เล็กพริกขี้หนู เห็นจะเหมาะกับเธอมากที่สุด

    ปึง!

    มัทนียาเดินเข้ามาในห้องทำงานภายในองค์ตะวันฉัน อโรรส ระดับสามและอโรโรส ระดับสี่ สองสาวพี่น้องฝาแฝดที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานถึงกับเงยหน้ามามองคนที่ทำหน้าตาอารมณ์เสียด้วยความสงสัย

    “เอ่อ...วันนี้น้องโมมามากหรอคะ” อโรรสถามติดตลก แต่คนถูกถามหันมามองด้วยสายตาเฉือดเฉียน

    “น้องโมเปล่ามามากค่ะ น้องโมเข้าสู่วัยทองต่างหาก อ๊ะ!” ไม่ทันขาดคำ อโรโรสก็โดนมัทนียาปาหมอนใส่ด้วยความหมั่นไส้ โชคดีที่เธอรับมันไว้ได้ทัน ไม่อยากนั้นคงกระแทกเข้าเต็มใบหน้าสวยแน่ๆ

    “เงียบไปเลยนะพวกแก” มัทนียาชี้หน้าคาดโทษก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา

    สองสาวฝาแฝดถึงกับสงบปากสงบคำและหันมาสบตาอย่างรู้กันว่าวันนี้เพื่อนสาวเธอคงจะอารมณ์ไม่มีมาจากเรื่องอะไรสักอย่าง ทางที่เดีควรจะอยู่เงียบๆไว้ดีที่สุดก่อนจะโดนแม่สาวจอมโหดเล่นงาน

    “อ้าวพี่โม...” นัทมนที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยทักสดใสโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว “ทำงานกับคุณปกรณ์สนุกไหมคะ”

    “นีล!!” สองสาวฝาแฝดตะโกนขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน

    สาวน้อยผู้แสนจะเรียบร้อยบอบบางหันมามองฝาแฝดรุ่นพี่อย่างสงสัย เธอไม่รู้จริงๆว่าตัวเองทำผิดด้วยเรื่องอะไร เพราะโดยปกติเมื่อพวกพี่ๆกลับจากทำภารกิจเธอก็มักจะถามไถ่เช่นนี้ทุกครั้ง

    “นีลก็ถามอะไรไม่รู้เรื่องเลย โมมันไม่ชอบคุณกรณ์” อโรโรสแก้ข้อสงสัยของนัทมน เธอพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆให้กันมัทนียา “แล้วตกลงเป็นไงบ้าง”

    ทุกคนหันมองอโรโรสที่ตอนแรกห้ามปรามนัทมนแต่กลับเป็นคนจุดประเด็นซะเอง

    “ถ้าฉันได้ทำงานร่วมกับหมอนี่อีกครั้ง ฉันรับรองได้เลยว่ามีการตายเกิดขึ้นแน่” เธอเข่นเขี้ยวเข่นฟันตอบอย่างอารมณ์เสีย ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ราวกับการได้ร่วมงานกับปกรณ์คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอก็ว่าได้

    “พี่โมเอาจริง...”

    “เอาจริงน่ะสิ ผู้ชายอะไรแย่ที่สุดเลย โว้ยยยยย อารมณ์เสียร์เวอร์อะ” มัทนียาตะโกนดังลั่นห้องจนทุกคนเกิดอาการหวาดผวาไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมา

    ก๊อกๆๆๆๆ

    “ใคร!

    “ผมเองครับ”

    มัทนียาถึงกับหน้าเหวอเมื่อคนที่เปิดประตูมาคือ บิลเลี่ยนฝ่ายข้อมูลขององค์กรตะวันฉาย และเป็นคนที่กำลังศึกษาดูใจกันมาได้ซักระยะ หลังจากที่เขาพยายามจีบเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

    “บิล...”

    “ผมมาผิดจังหวะหรือเปล่าครับ”

    “เอ่อ...เปล่าค่ะ บิลมีอะไรหรือเปล่าคะ”

    “นิดหน่อยครับ”

    มัทนียาถึงกับฉีกยิ้มกว้างเมื่อบิลเลี่ยนก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกุหลาบแดงช่อโต ถึงจะรู้สึกติดใจเล็กน้อยว่าเธอเคยบอกเขาว่าชอบกุหลาบขาว แต่ทุกครั้งบิลเลี่ยนมักจะซื้อกุหลาบแดงมาให้เสมอ แต่ก็ยังคงรู้สึกดีใจอยู่ดีกับสิ่งที่เขาพยายามมอบให้เพื่อให้เธอมีรอยยิ้ม

    “อะไรคะ” มัทนียายิ้มเขินเมื่อชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้า

    “อื้อหือ...เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยอะ เมื่อกี้นะยังโวยวายคุณป อุ๊บ!” ไม่ทันที่อโรรสจะได้พูดอะไรจบ ทุกคำพูดก็ถูกเก็บด้วยมือน้อยๆของมัทนียาซะแล้ว

    “โมโววายอะไรหรอครับ” บิลเลี่ยนมองหน้ามัทนียายิ้มๆ

    “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ช่วงนี้ไอ้รสมันเบลอชอบพูดอะไรไร้สาระ ใช่ไหมโรส...” สาวน้อยหันไปขอความเห็นแฝดน้องของอโรรสด้วยสายตาเฉือดเฉือน

     “อือฮึ!” อโรโรสพยักหน้าสีหน้าหวาด

    “ครับ...”

    แน่นอนว่าบิลเลี่ยนรู้จักปกรณ์เมื่อครั้งที่เข้ามาทำงานด้วยกันตอนคดีของ ชาร์ล ครีเนโอ้ เขาเคยบอกกับเธอหลายครั้งว่ารู้สึกไม่ค่อยไว้ใจปกรณ์ แต่ยังไงก็ไว้ใจเธอ ถึงอย่างนั้นมัทนียาเองก็ไม่อยากจะบอกเรื่องที่ได้ร่วมงานกับปกรณ์อีกครั้งให้บิลเลี่ยนรับรู้ เพราะไม่อยากให้เขากังวลใจ

    “แล้วนี่เนื่องในโอกาสอะไรคะ” เธอเปลี่ยนประเด็นไปที่เจ้ากุหลาบช่อโตนั่นแทน

    “อ๋อ...ก็แสดงความยินดีที่โมปิดภารกิจนี้สำเร็จยังไงล่ะครับ”

    “แหม...บิลไม่ต้องให้โมทุกครั้งก็ได้นะคะ โมเกรงใจ” มัทนียาว่าแต่มือก็รับช่อกุหลาบจากมือบิลเลี่ยนมาเรียบร้อยแล้ว

    “วันนี้ให้ผมเลี้ยงนะครับ”

    “คะ?”

    “เลิกงานแล้วเดี๋ยวผมมารับนะ”

    “เดี๋ยวสิคะบิล!

    ไม่ทันที่มัทนียาจะได้คัดค้าน บิลเลี่ยนรวบรัดตัดบทแล้วเดินออกไปนอกห้องสีหน้ายิ้มแย้ม มัทนียาเองก็มองช่อดอกกุหลาบเขินไม่แพ้กัน เธอค่อยๆดมกลิ่นหอมของเจ้าดอกกุหลาบแดงใบหน้ายิ้มสุขใจจนเพื่อนๆที่มองอยู่ถึงกับเบ้ปากหมั่นไส้

    “นี่นางนึกว่านางอยู่กลางทุ่งดอกไม้ที่มีผีเสื้อโง่ๆบินประกอบฉากหรือไงกัน แหม...ทำท่าเป็นนางเอกค่อยๆสูดดมดอกไม้ หมั่นไส้” อโรรสว่า พร้อมทำท่าประกอบในการสูดดมดอกไม้ของมัทนียา ใช่สิ...เธอมันคนไม่มีคู่นี่ถึงต้องมานั่งกระแนะกระแหนคนมีคู่อย่างยัยจอมโหด

    “นั่นสิ คิดว่าทั้งโลกมีกันอยู่สองคนหรือไงนะ ทำอะไรไม่เห็นหัวพวกเราเลยอะ เซ็ง” อโรโรสสะบัดหน้าใส่เพื่อนสาวก่อนจะหันไปซุบซิบกับแฝดพี่ด้วยความอิจฉา

    ปึก!

    “อ๊าย!” สองสาวฝาแฝดร้องเสียงหลงขึ้นมาพร้อมกันเมื่อมัทนียาเอาหมอนมาฝาดทั้งคู่ที่กำลังซุบซิบเรื่องอะไรก็ไม่รู้อย่างออกรสออกชาติ แต่เธอเดาว่าคงไม่พ้นเรื่องของเธอเป็นแน่

    “นินทาฉันหรอ”

    “ใคร! ใครกล้านินทาแม่นางมัทนียากัน” อโรโรสว่าตาโตก่อนกันไปหานัทมนที่นั่งฟังพี่ๆทั้งสามหยอกล้อกัน “นีล!

    “คะ?” สาวน้อยเรียบร้อยขานรับงงๆ ที่อยู่ๆรุ่นพี่สาวของเธอตะโกนเรียกเธอเสียงดัง

    “นีลนินทาไอ้โมมันหรอ นิสัยไม่ดีนะเราอะ อย่างนี้ต้องโดน”

    ปึก!

    “อ๊ะ!” กลายเป็นอโรโรสเสียเองที่โดนทำโทษด้วยหมอนอิงจากฝีมือของมัทนียาที่ทนอาการแถของเพื่อนสาวไม่ไหว แถมยังใส่ร้ายน้องรักหน้าตาเฉย

    “แกสิต้องโดน”

    “ใจร้าย”

    “พูดมาก ทำงานไป” มัทนียาตัดบทก่อนจะเดินไปนั่งที่ทำงานของตัวเอง

    “คิดถึงพี่ขนมนะคะ ถ้าพี่ขนมอยู่พี่โมคงโดนแซวหนักกว่านี้แน่” นัทมนพูดขึ้นทำเอามัทนียาถึงกับชะงักไป

    บุคคลที่นัทมนพูดถึงคือรรินดา ระดับหนึ่งขององค์กรตะวันฉาย เพื่อนรักของพวกเธอและเป็นพี่สาวที่แสนดีของนัทมนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่องค์กรแห่งนี้แล้ว ด้วยหน้าที่ของรรินดาที่ยังต้องสะสางงานให้สำเร็จ เรื่องราวการหายตัวไปของเธอทั้งห้าสาวจึงต้องเก็บเป็นความลับและสร้างเรื่องให้คนอื่นๆคิดว่าเธอตายไปแล้ว ไม่เว้นแม้แต่โอเนลคนรักของเธอ ที่ทนทุกข์เสียใจกับเรื่องนี้ตั้งแต่วันนี้รรินดาจากไป

    “นั่นสิ...อีกอาทิตย์ก็จะครบสามเดือนแล้ว สงสารก็แต่คุณแอล ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่ง จะเลิกเศร้าหรือยัง” มัทนียาว่า

    “ฉันว่ายาก” อโรรสมองสบตาเพื่อนๆ

    “เฮ้อ...” ทั้งสี่สาวถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยความเศร้า

    ทุกคนในที่นี้รู้ว่าทั้งโอเนลและรรินดารู้สึกยังไงต่อกัน สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยรักใครอย่างโอเนล กลับหลงรักรรินดา แต่เธอที่เขารักเพียงคนเดียวก็ดันมาจากเขาไปอีก ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร มากกว่าเพื่อนรักทั้งสี่ของรรินดาเสียอีก

     

    ตกเย็นบิลเลี่ยนมารับมัทนียาไปเลี้ยงฉลองที่เธอปิดภารกิจได้อย่างสวยงามตามสัญญา ก่อนจะพามาส่งที่คอนโดที่พักของเธอ

    มือหนากอบกุมมือน้อยของหญิงอันเป็นที่รักไว้ นัยน์ตาเว้าวอนจนมัทนียาอดที่จะเขินอายไม่ได้ เขาพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ บางอย่างที่เขาคิดมานานแล้วว่าจะต้องพูดให้ได้

    “โมครับ”

    “...คะ?”

    “ผมเป็นคนตรงๆ โมก็รู้ใช่ไหม”

    “แหม...เรารู้จักกันมาตั้งหลายปีทำไมโมจะไม่รู้ว่าบิลเป็นคนยังไง ว่าแต่...ทำไมหรอคะ”

    “คือผม...”

    “...”

    “แต่งงานกับผมนะครับโม”

    บิลเลี่ยนหยิบกล่องแหวนสีแดงกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเปิดมันออกเผยให้เห็นแหวนทองคำขาว ประดับเพชรตรงกลางกำลังสะท้อนเล่นแสงอย่างสวยงาม

    มัทนียาไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นแต่อย่างใด เพราะเธอเองพอจะอ่านท่าทีเขาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้น แต่ที่เธอตกใจกลับเป็นเพราะตัวเธอเองนั้นไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่คนที่คุกเข่าขอเธอแต่งานคือคนที่เธอตกลงปลงใจที่จะศึกษาดูใจกับเขา

    “คือโม...”

    “ผมรักโมนะครับ และผมก็เชื่อมั่นมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันว่าถ้าเป็นโม เราจะร่วมสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปด้วยกันได้”

    “...”

    “แต่งงานกับผมนะครับ”

    มัทนียามองแหวนในมือบิลเลี่ยนสลับกับสายตาที่อ้อนวอนและจริงใจของเขา มือน้อยค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสกล่องแหวนเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำตาเข้มสั่นไหวด้วยความสับสน

    “ค่ะ...”

    “โม...” บิลเลี่ยนหัวใจพองโตเมื่อเสียงหวานเปล่งออกมารับคำ แต่ดีใจได้ไม่นานคิ้วหนาก็ต้องขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

    มือน้อยที่จับกล่องแหวนเมื่อครู่กลับปิดมันลงและมองเขาด้วยแววตาเศร้า

    “โมขอโทษ โมยังไม่พร้อม”

    เธอทำไม่ได้...เธอทำไม่ได้จริงๆ

    มัทนียาเองก็ไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้มากไปกว่า...ยังไม่พร้อม ถึงแม้บิลเลี่ยนจะทำให้เธอยิ้มได้ ทำให้เธอสบายใจเสมอเมื่ออยู่ใกล้ หัวใจของมัทนียาเองก็ไม่ได้เต้นระรัวเมื่อเขาขอเธอแต่งงาน นั่นคงจะเป็นจุดที่ทำให้สาวจอมโหดสับสนในความรู้สึกจนต้องปฏิเสธออกไป

    “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มยืนขึ้นมองเธอแววตาเศร้าไม่ต่างกัน “ผมเองก็ใจร้อนไปโดยไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของโม”

    “บิลคะ คือโม”

    “ผมรอโมได้เสมอนะ”

    “ขอบคุณค่ะบิล”

    ทั้งสองคนจับมือมองสบตากันด้วยความเข้าใจ มัทนียายิ้มให้กับบิลเลี่ยนด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริงที่เธอไม่สามารถตอบตกลงเขาได้

    “เอ้อ...ผมเกือบลืมเลย”

    เขาว่าก่อนจะผละจากเธอไปค้นหาบางอย่างในรถก่อนจะหยิบแฟ้มสีดำเล่มหนายื่นให้กับมัทนียา เธอมองมันด้วยแววตาสงสัย

    “อะไรหรอคะ”

    “โมอยู่คอนโดเดียวกับพี่เกดใช่ไหม ผมรบกวนโมเอาแฟ้มนี่คืนพี่เกดทีนะครับ เห็นพี่เกดว่าจะรีบใช้” บิลเลี่ยนกำลังพูด เกดกนก เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ของเขาที่อยู่ห้องใกล้ๆกับเธอ

    “อ๋อ...ได้ค่ะ” เธอรับมายิ้มๆ

    “กู๊ดไนท์ครับ”

    “กู๊ดไนท์ค่ะ”

    “กู๊ดไนท์คิสได้ไหมครับ”

    “หยุดเลยบิล โมชกหน้าหงายเอาง่ายๆเลยนะ”

    “ฮ่าๆๆๆ” บิลเลี่ยนถึงกับหัวเราะขำในความหวงตัวของมัทนียาที่ยังเสมอต้อนเสมอปราย ถึงแม้จะยอมคบเป็นแฟนกับเขาแล้วก็ตาม “ผมรักโมก็ตรงนี้แหละครับ”

    “หา?”

    “บายๆ”

    มัทนียามองตามรถบิลเลี่ยนที่ค่อยๆขับออกไป ตั้งแต่ที่เขาเอ่ยขอเธอแต่งงานจนกระทั่งตอนนี้ หัวใจเธอกลับไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย

    “ทำไมกัน...”

     

    ก๊อกๆๆๆ

    “พี่เกดคะ โมเองนะคะ” คนตัวเล็กมาเคาะห้องรุ่นพี่สาวเพื่อจะนำสิ่งของที่บิลเลี่ยนฝากมาให้เธอ แต่การตอบรับกลับเงียบเชียบ

    ไม่ใช่ว่าไม่มีคนอยู่ห้องหรอกนะ...

    “...”

    ก๊อกๆๆๆๆ

    “พี่เกดคะ อยู่ไหมคะ”

    “...”

    “สงสัยจะไม่อยู่ โทรหาดีกว่า...”

    กริ๊ก

    ไม่ทันที่มัทนียาจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ประตูห้องของเกดกนกก็เปิดขึ้นพร้อมกับวงแขนหนาที่รั้งตัวเธอเขาไปหาโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว

    ร่างบางปะทะเข้ากับอกแกร่งปริศนาจนทำให้เธอต้องเงยหน้ามองพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ริมฝีปากน้อยค่อยๆขยับก่อนจะเปล่งเสียงออกมาด้วยความโมโหสุดขีด

    “ไอ้โรคจิต!!!

    ...........................................................................................................................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×