คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Devil Hi School โรงเรียนป่วนก๊วน ปีศาจ - คาบที่ 5 เริ่มเรียน
ภาย ในห้องชั้นบนสุดของปราสาทชาโดว เด็กสาวนั่งจ้องเงาของใบไม้ที่ราวพลิวไหวไปตามสายลมราวกับกำลังโบกมือให้ แสงจันทร์ส่องสุกสว่าแม้จะเป็นเวลากลางดึก เส้นผมสีแดงละเอียดลู่กับแก้มต้องแสงจันทราสีทอง ดูเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงเช่นเดียวกับนัยน์ตา ร่างเล็กเอนหลังลงบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าสีแดงสด แม้ไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่เธอเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องของเพลส เด็กผู้ชายที่ปรากฎตัวช่วงเวลาเดียวกับคำทำนาย ซึ่งแม้เธอเองมั่นใจมากว่าเค้าคือแกรนเซียส ทว่าเพลสไม่เคยแสดงพลังออกมาแม้แต่นิดเดียวแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันเพียงใด และเหตุผลนั่นเองที่ทำให้เซอร์เรเน่ทำสีหน้าเบื่อโลกได้ขนาดนี้
"ยืนมือมาช่วยอีกจนได้สินะ" เสียงใสดังมาขัดจังหวะความคิด ทำให้เซอร์เรเน่เบนหน้าเบื่อๆไปมองต้นเสียงที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
"ก็มันช่วยไม่ได้นี่" เซอเรเน่เอ่ยน้ำเสียงเบื่อๆ แม้จะไม่ได้หวังอะไรมากนัก แต่การที่เพลสไม่ใช้พลังแห่งแกรนเชียสซะทีมันทำให้เซอร์เรเน่อดอารมณ์เสียไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เธออารมณ์เสียจริงจริงในตอนนี้คงจะหนีไม่พ้นคนที่อยู่ในเงามืด
"ว่าแต่เธอเถอะ" เซเรเน่กล่าวต่ออย่างหงุดหงิด นัยน์ตาสีแดงเพลิงที่จับจ้องทำเอาร่างในเงามืดสะดุ้งเล็กน้อย "เมื่อไหร่จะออกมาจากมุมห้องซะทีล่ะน่ะ"
"ง่า ยัยควีน เธอก็รู้ว่าฉันชอบแบบนี้นี่น่า" ร่างเล็กกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กถูกแย่งของเล่น แต่เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาของเซอร์เรเน่ก็เดินออกมาจากมุมมืดแต่โดยดี เพราะเธอรู้ว่าเพื่อนผมแดงคนนี้เริ่มที่จะหงุดหงิดจริงๆแล้ว และเธอคงไม่อยากให้เกิดแสงระเบิดโครมครามกลางดึกแน่ แสงจันทร์ที่ลอดผ่านบานหน้าต่างที่ไร้กระจกสาดส่องลงบนพื้นเส้นผมสีทองสุกเกิดเป็นประกายระยิบระยับ ซึ่งมันดูเข้ากับใบหน้าขาวนวลราวหิมะ เพียงแต่นัยน์ตาสีอความารีนที่ดูเหมือนไม่เต็มใจออกมานักทำให้เซอร์เรเน่ เกือบหลุดขำออกมา เธอคือซาฟาเนีย หรือที่เพลสรู้จักในชื่อซินฟาเนีย หนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์ซินเทีย "เธอชอบบังคับฉันอยู่เรื่อยเลยนะ"
"วันนี้ เธอไปเจอเพลสมาแล้วใช่มั้ย?" เซอร์เรเน่กล่าวถามร่างเล็กที่กำลังงุ่มง่ามกับการจัดกระโปรงสีขาวอมเหลือง ฟูฟ่องของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลฉายแววครุ่นคิด นั่นก็เพราะสิ่งที่เธอเจอมันแปลกมากจริงๆ
"ใช่" เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าใสกล่าวตอบ "หมอนั่นดูน่าสนใจมากที่สามารถเดาออกว่าฉันเป็นแม่มดทั้งที่ฉันคิดว่าเก็บพลังไว้มิดแล้วแท้ๆ เพียงแต่..."
"เพียงแต่อะไร?" เซอร์เรเน่ถามเสียงดุ
"ฉันสัมผัสถึงพลังในตัวเจ้านั่นไม่ได้เลย" ฟาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เธอเป็นแม่มดระดับไทรเมจ หรือระดับสูงสุด จึงมีความสามารถหยั่งรู้ถึงพลังต่างๆได้ทุกรูปแบบ ดั้งนั้นสิ่งที่เป็นไปได้มีอยู่สองแบบคือ เพลสผนึกพลังแห่งแกรนเชียสไว้ หรือไม่เขาก็อาจจะไม่ใช่แกรนเชียส
"แม้แต่เธอก็ยังให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้สินะ" เซอร์เรเน่พูดอย่างผิดหวัง เพราะเธอหวังไว้มากว่าฟาจะสามารถตรวจสอบพลังของเพลสได้ แต่ผลที่ได้กลับสร้างคำถามขึ้นมาอีกข้อ "ถ้าเจ้านั่นเป็นแกรนเชียสจริง...แล้วใครเป็นคนผนึกพลังของเจ้านั่นล่ะ"
คำถามที่พูดออกมาทำให้เด็กสาวทั้งสองต้องใช้ความคิดอย่างหนัก เพราะโอกาสที่เป็นไปได้มีสองแบบคือ หนึ่งเพลสผนึกพลังของตัวเองไว้ แต่เพลสทำอย่างนั้นทำไมล่ะ แล้วดูท่าทางเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกรนเชียสคืออะไร และสอง มีใครบางคนผนึกพลังของเพลสไว้ แต่คนที่ผนึกพลังของเพลสได้จะต้องเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจมหาศาลและมันอาจจะ พอๆกับพลังของจักรพรรค์ปีศาจเลยก็ได้ ซึ่งทั้งเซอร์เรเน่และฟาก็ยังคิดถึงจุดประสงค์ของการผนึกพลังของเพลสไม่ออก
"..." แต่ก็ไม่นานนัก นัยน์ตาสีเพลิงก็กลับมาไหววูบอย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้ง นั่นทำให้คนผมสีทองรู้สึกไม่ค่อยจะดี
"เธอ คิดจะทำอะไรกันแน่" เสียงใสของฟาเริ่มเจือความกังวล เพราะเมื่อเวลาที่เพื่อนสนิทของเธอทำหน้าตาแบบนี้ทีไร เจ้าตัวจะต้องมีแผนอะไรพิเรนๆอยู่เสมอ
"คิดจะทำอะไรหน่ะเหรอ..." ร่างเล็กฉีกยิ้มกว้างก่อนที่จะเดินไปที่หน้าประตูห้อง "แผนB"
ร่างเล็กผมแดงพูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากประตูห้องไป เหลือเพียงเจ้าหญิงแห่งเวนิเซียที่ได้แต่หวังว่าเพื่อนรักของเธอจะไม่ไปทำ อะไรแผลงๆอีก แต่ถึงยังไงก็เถอะ
"ขอให้สำเร็จล่ะกัน ยัยควีน"
...นอนไม่หลับ
ใช่ พนันได้เลยว่าถ้าพวกคุณเจอเรื่องแบบผมต่อให้ง่วงแค่ไหนก็คงหลับไม่ลงหรอก ตอนนี้ผมกำลังนอนไล่ลำดับความคิดเป็นครั้งที่สามตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ อย่างเรื่องเมื่อตอนกลางวัน แม้แต่เด็กก็คงดูออกระเบิดที่เกิดขึ้นนั่นไม่ใช่ฝีมือของผมเองแน่ และไอพลังประเภทนี้คนที่ทำได้คงคงมีแต่เพียงยัย ผอ. โหดนั่นคนเดียวเท่านั้น มันทำให้ผมชักเริ่มสงสัยแล้วว่ายัยนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่
ในเมื่อนอนอยู่บนเตียงต่อก็คงไม่มีประโยชน์ ผมจึงลุกขึ้นมาเพื่อที่จะเดินไปดูดาวหน้าระเบียง นาฬิกาที่แขวนไว้บ่งบองช่วงเวลาตีหนึ่ง นั่นเป็นเวลาที่คนอื่นมักจะเข้านอนแล้ว โรงเรียนจึงมืดเป็นพิเศษ นัยน์ตาสีรัตติกาลของผมจับจ้องไปยังปราสาทชาโดวที่ยังคงตั้งเด่นอยู่ท่าม กลางท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าของยัยผอ.โหดก็ค่อยๆลอยขึ้นมาจากบนระเบียง
"เอ๋? ใบหน้ายัยนั่น นี่ เราตาฝาดได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย" ผมพูดกับตัวเองพลางขยี้ตา นึกไม่ถึงว่าใบหน้าของยัยโหดนั่นจะตามมาหลอกหลอนได้ถึงขนาดนี้เลยจริงๆ
"นายเรียกใครว่ายัยโหดยะ" เสียงใสที่ดังมาจากหน้าระเบียงทำให้ผมแทบสะดุ้ง ผมค่อยๆมองไปที่ร่างเด็กสาวที่กำลังทุลักทุเลปีนขึ้นระเบียงพร้อมนัยน์ตาที่ เบิกค้างราวกับมีอะไรมาง้างเอาไว้
"เซอร์ เรเน่!!!" ยัยนี่มาที่นี่ทำไมเนี่ย! ไม่ใช่สิ ที่ผมสงสัยจริงๆคือทำไม่ยัยนี่ไม่เข้ามาทางประตูดีๆ ทำอย่างกับจะเข้ามาทำอะไรมิดีมิร้ายกับผมอย่างงั้นแหละ
"จะบ้าเหรอ ใครอยากจะทำมิดีมิระ หวา..." อยู่ๆยัยเซอร์เรเน่ก็เสียหลักขาเกี่ยวกับขอบระเบียงและเริ่มตั้งท่าจะถลาล้ม เหมือนนางเอกละครไทย เพียงแต่ว่า...
ตุบ โอ้ย!!!
ร่างเล็กล้มโครมทับใส่ผมด้วยน้ำหนักที่เกินคาดคิดทำเอาผมตั้งหลักไม่ทัน ผลที่ได้ผมหงายหลังส่วนยัยนั่น...
"..." ยัยนั่นนั่งบนตัวผมอย่างปลอดภัยโดยไม่มีแผลสักนิด
...โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรม...
"นี่เธอมาทำอะไรที่นี่!!!" ผมตวาดดังสุดเสียง เพียงแต่ดูเหมือนมันจะไม่เข้าหูยัยนั่นแม้แต่สักนิดเดียว เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ เมื่อไหร่ยัยนั่นถึงจะลุกออกไปจากตัวผมได้ซะทีล่ะเนี่ย หนักชะมัด
"ก็..." ร่างเล็กเอานิ้วโป้งชี้ที่ค้างเหมือนคนใช้ความคิด แต่ทำไมไอคำถามแค่นี้ถึงต้องคิดหนักด้วยล่ะฟะ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าแทบจะพ่นไฟใส่เด็กสาวที่นั่งอยู่บนตัวผมได้อยู่แล้ว นะ
"ฉันว่าเราไปคุยกันที่เก้าอี้เหอะ" ผมพูดขึ้นมาเพราะท่าทางร่างของยัยเซอร์เรเน่ไม่มีท่าทีว่าจะขยับย้ายไปจาก ตัวผมสักที และขืนเป็นแบบนี้อีกไม่นานผมอาจจะต้องใช้บริการของโรงพยาบาลปีศาจเนื่องจาก ขาดอากาศหายใจเป็นแน่ นี่ผมไม่ได้เวอร์นะ
"อืม...เป็นความคิดที่ดี" เซอร์เรเน่กล่าวเห็นด้วยก่อนที่จะลุกออกไปจากร่างของผม ทำให้ผมถอนหายใจเยาวมื่อความอึดอัดหายไป จากนั้นผมก็ค่อยๆลุกขึ้นพลางกุมหัวที่ปูดโนของตัวเอง เจ็บชะมัด
ภายในห้องของผมที่ทำด้วยหินสีน้ำเงินเข้มที่ให้ความรู้สึกเย็น ยัยเซอร์เรเน่จับจองเก้าอี้ที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวในห้อง ทำให้ผมถูกบีบในไปนั่งที่เตียง
เสียงนาฬิกาตีครั้งแรกบ่งบอกเวลาตีหนึ่ง บรรยากาศตอนกลางคืนของที่นี่สร้างความเงียบไปมากพอสมควร ผมกับยัยเซอร์เรเน่ต่างก็ไม่พูดอะไรสักคำสร้างความกดดันให้ผมได้อีก ซึ่งผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย
"เอาล่ะ..." ผมเริ่มพูดก่อน "ที่นี้บอกได้หรือยังว่าเธอมาทำอะไรที่นี่"
"ก็แค่..." เซอร์เรเน่พูดตอบ "มาดูนายเฉยๆ"
...ตอนตีหนึ่งเนี่ยนะ!!!...
"แล้วก็..." ยัยนั่นพูดต่อ "ฉันว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่"
"อะไรนะ!!!" รู้สึกว่าผมจะหูฝาดไปนะ ตะกี้ยัยนั้นบอกว่าจะมาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ ขืนยัยนั่นอยู่ปราสาทเดียวกันผมได้ประสาทกินตายแน่
"ฉัน ไม่ได้จะมาอยู่ปราสาทเดียวกับนายซะหน่อย" ยัยนั้นพูดต่อ ทำให้ผมโล่งอกโดยหารู้ไม่ว่าคำพูดต่อจากนี้จะทำเอาผมแทบช๊อค "ฉันจะย้ายมาอยู่ห้องนี้"
"อ๋อ แค่นั้นเอง เฮ้ย!!!" ตะกี้ยัยนั่นพูว่าอะไรนะ!!!
"ก็ห้องฉันโดนยัยฟายึดไปแล้ว" ยัยเซอร์เรเน่ตอบอย่างใสซื่อ "แล้วฉันก็ไม่มีห้องจะอยู่แล้วด้วย"
...โกหกชัดๆ ปราสาทออกจะใหญ่โตขนาดนี้ไม่มีห้องจะอยู่ได้ไงฟะ พนันได้เลย ผมว่ายัยนี้ต้องมีแผนจะปทุศร้ายผมอีกแน่ ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมหรอก
"หาววว" พูดจบร่างเล็กก็หาวอย่างไม่เกรงกลัวภาพพจน์ก่อนที่จะพุ่งตรงมาที่ผม ทำให้ผมต้องลุกหลบอย่างรวดเร็ว ก็ใครอยากจะโดนยัยทับทับอีกเป็นครั้งที่สองล่ะ ผมได้แต่มองไปที่ร่างเล็กที่ฟุบกับเตียงอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยส่งท้าย "ราตรีสวัสดิ์"
ผมจ้องมองร่างที่ฟุบหลับที่เตียงด้วยความทึ่ง ยัยนี่ไม่เปิดโอกาศให้ผมปฏิเสธสักนิด แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นจริงๆนักหรอก เพราะประเด็นจริงๆก็คือ "แล้วฉันจะไปนอนที่หนายยยยย!!!...ฮ๊าาาา"
....
กริ๊งๆๆๆๆ!!!!
เสียงสุดคลาสสิกบ่งบอกเวลาที่จะต้องตื่นดังขึ้น ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก จากนั้นผมก็ค่อยๆยกมือที่แสนจะอ่อนล้าบังแสงที่ผ่านลอดเข้ามา รู้สึกอยากจะนอนต่อแต่ก็ทนปวดหลังไม่ไหว ผมจึงค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาก่อนจ้องไปที่ปฏิทินที่ผนังหินสีน้ำเงินเข้ม วันนี้เป็นวันศุกร์สินะ สัปดาห์แรกเรียนแค่วันเดียวเองแฮะ แต่ถึงยังไงก็เป็นการณ์ดีสำหรับผม เพราะจะได้ไม่ต้องมาคิดข้ออ้างว่าทำไมผมถึงไม่มีพลังปีศาจ แต่ผมจะไปรอดสักกี่น้ำล่ะเนี่ย เรื่องทั้งหมดนี่เพราะยัยเซอร์เรเน่แท้ๆเชียว
"เฮ้อ..." ผมถอนหายใจเมื่อเห็นเตียงของผมว่างเปล่า การได้เห็นยัยนั่นในแต่เช้าแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก
เมื่อรู้ว่ายัยนั่นไปแล้ว ผมจึงเก็บที่นอนให้เข้าที่ ความที่เป็นคนรักสะอาดทำให้ผมเดินไปที่ห้องน้ำเป็นอันดับแรก แต่ก่อนที่จะเอื่อมมือไปจับประตูผมฉุดคิดอะไรขึ้นได้
"ไอฉากแบบนี้ มัน..." รู้สึกผมจะเห็นบ่อยๆในการ์ตูนอยู่นะ ไอฉากที่พระเอกมันเปิดไปเจอนางเอกที่กำลังอาบน้ำอยู่เนี่ย ดังนั้นผมเลยหยุดรอสักพักเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น "เราคงคิดมากไปเองมั้ง?"
แอ๊ดดด
เสียงประตูแง้มออกช้าๆ ผมค่อยๆโผล่หน้าไปดูด้านใน
"เฮ้อ..." ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก(ปนเสียดาย)เมื่่อเห็นภายในห้องน้ำไม่มีใครอยู่ เอ... นี่ผมคิดอะไรอยู่กันเนี่ย!!!
"ผิดหวังล่ะสิ" เสียงใสเอ่ยขึ้นทำเอาผมแทบช๊อค "ฉันเห็นนายมาด้อมๆมองๆอยู่หน้าห้องน้ำนานล่ะ คิดจะแอบดูฉันหรือไง"
ผมรีบกระโดดไปที่มุมห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจำเสียงนี้ได้ ยัยเซอร์เรเน่ ยัยนี่เกือบทำผมหัวใจวายตายไปกี่รอบแล้วเนี่ย "ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย"
"งั้นเหรอจ๊ะ" คราวนี้ไม่ได้เฉพาะเสียง ร่างเล็กผมแดงปรากฎตัวขึ้นด้านหน้าผมทำเอาผมเกือบหัวใจวายตายอีกรอบ ยังไงวันนีผมต้องไปทำประกันชีวิตให้ได้เลย "รู้นะว่าคิดอะไรอยู่...คนลามก"
...ยัยนี่...
....
"ฮัดเช่ย!!!" เสียงจากดังขึ้นท่ามกลางๆจัตุรัสมารอสซ่า ซึ่งมาจากเด็กชายผมสีดำที่เป็นคนเดียวที่ไม่มีเสื้อกันหนาวในสภาพอากาศที่พอๆกับขั่วโลกเหนื โดยเด็กผู้หญิงผมแดงที่อยู่ด้านข้างไม่แม้จะเตือนกันก่อนออกมาสักคำ
"ไหงมาโทษฉันอย่างนั้นเล่า นายจะแต่งชุดยังไงทำไมฉันจะต้องสนด้วยล่ะ" เซอร์เรเน่พูดสวนความคิดผมอีกรอบ
...ก็ใครจะไปรู้ว่าสภาพอากาศที่นี่จะเปลี่ยนเร็วราวกับเมื่อกี้เป็นแค่ความฝันล่ะฮ๊ะ และไอหน้าตาที่เหมือนแผนแกล้งผมสำเร็จลุล่วงนั่นมันอะไร ผมจะไม่โทษยัยนั่นเลยถ้ายั่ยนั่นไม่ทำหน้าตาแบบนี้
"..." คราวนี้ยัยนั่นไม่ตอบกลับความคิดผม แต่กลับทำหน้าอมยิ้มแล้วหันไปหันมาอย่างไม่สนใจ ทำเอาผมเกิดอารมณ์อยากปทุศร้ายเด็กสาวผมแดงขึ้นมาทันใด อ่า ท่อนไม้ตรงนั้นน่าจะเหมาะ
"เมื่อวาน..." เซอร์เรเน่พูดขึ้น ทำให้ผมต้องข่มอารมณ์อยากปทุศร้่ายยัยนั่นเพื่อหันไปฟัง "ตอนแบ่งกลุ่ม...นายคิดอะไรอยู่กันแน่?"
นั่นมันควรเป็นคำถามของผมไม่ใช่เหรอ
"ระเบิดนั่นไม่ใช่ฝีมือเธอหรอกเหรอ" ผมถามย้อนไป
"เปล่า นั่นฝีมือฉันเองแหละ" เซอร์เรเน่ตอบกลับทำเอาผมถึงกับเหวอ
"เธอทำอย่างนั้นทำไม" ผมถามยัยนั่นเสียงดัง "ถ้าฉันใช้พลังไม่ได้ฉันก็ต้องถูกไล่ออกไปแล้ว แล้วก็จะไม่มีใครรู้ความจริงว่าฉันเป็นมนุษย์นะ"
เมื่อผมพูดจบ ร่างเล็กหยุดนิ่งทำเอาผมต้องหยุดตาม นัยน์ตาสีทับทิมที่จ้องมาทำให้ผมรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
"นี่ใช่มั้ยเป็นเหตุผลที่ตอนนั้นนายไม่กังวลอะไรเลย" ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ผมใจหายวาบ "นายนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ"
"ทะ ทำไมล่ะ" ไม่รู้ทำไม เสียงผมเริ่มติดขัด
"ฉันจะบอกไว้ให้" เซอร์เรเน่กล่าวตอบเสียงเย็น "ไม่เคยมีปีศาจตนไหน...ที่ใช้พลังไม่ได้"
"หาาาา!!!"
คำพูดจากยัยเซอร์เรเน่ทำเอาผมเหวออีกรอบ ก่อนจะเปลี่ยนความคิดเป็นจะปทุศร้ายเจ้าโรเมอร์ยังไงดี โรเมอร์นะ โรเมอร์ เกือบทำผมตายแล้วมั้ยล่ะ
"ถ้างั้นเธอ...ก็ช่วยฉันไว้น่ะสิ" ผมมองไปยังยัยเซอร์เรเน่ด้วยสายตาชื่นชม อย่างน้อยยัยนี้่ก็ยังมีข้อดีอยู่สินะ
"ความจริงจะคิดอย่างนั้นก็ได้ล่ะนะ" เซอร์เรเน่หันตอบกลับมาทางผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าชวนฝันร้ายที่ผมไม่เคยคิดว่าชาตินี่จะได้เห็นจาก เด็กสาวตัวเล็กๆ "ฉันไม่ยอมปล่อยให้ของเล่นของฉันตายไปง่ายๆหรอกน่า"
โอเค ผมขอถอนคำพูด ยัยนี้ปีมันศาจชัดๆ
“ลูกพี่!!!” เสียงดังมาจากทางด้านข้างของทางเดิน ดึงสติผมให้หันหน้าไปมอง
“ฟรอส?” ผมมองไปยังเด็กผู้ชายผมดำที่กำลังวิ่งมาทางผมพร้อมหอบอะไรบางอย่างมาด้วย
“อ่าวควีน” เจ้าฟรอสมองไปทางเซอร์เรเน่ “มากับลูกพี่ด้วยเหรอครับ”
จากนั้นยัยเซอร์เรเน่ก็พยักหน้า
ควีน? ยัยนี่เหรอ?
ท่าทางยัยเซอร์เรเน่จะทนเห็นผมทำหน้าสงสัยไม่ได้ เจ้าตัวเลยกระชิบบอก
“ชื่อเล่นฉันเองแหละ”
อ๋อ... ไม่เห็นจะเข้ากับตัวจริงซักนิด... “โอ้ย!!!”
อยู่ๆ ยัยนั่นก็กระแทกศอกเข้าสีข้างผมเต็มแรง ก่อนจะมองค้อนใส่ผมเป็นเชิงว่าเลิกนินทาฉันได้แล้วอะไรประมาณนั้น โอเค... แต่บอกกันดีๆไม่ได้เหรอไงคร้าบ
“ลูกพี่เป็นอะไรเหรอฮะ” ฟรอสสังเกตุเห็นความผิดปกติของผมจึงถามขึ้น ส่วนผมก็ได้แต่บอกว่าไม่เป็นอะไรไปตามฟรอม แหงล่ะ ก็ดูหน้ายัยนั่นดิ ทำหยั่งกับจะดูดวิญญาณผมอย่างงั้นแหละ
"แล้วนั่นอะไรน่ะ" ผมถามพลางชี้ไปตรงสิ่งของที่อยู่ในมือฟรอส
ผ้าพันคอที่มีลายเป็นแถบขาวดำเหมือนกับของเจ้านั่นแป๊ะ ทำเอาผมไ
"อ๋อ" เจ้านั่นพูดก่อนจะคลี่ของที่อยู่ในมือออกมา มันเป็นด้แต่มองด้วยสายตาอยากได้ ทำไงได้ล่ะ ก็อากาศหนาวซะขนาดนี้ "เมื่อคืนผมเพิ่งลองถักไอนี่ดูน่ะฮะ ว่าจะเอามาให้ลูกพี่ดู เป็นไงบ้างเหรอฮะ"
เยี่ยมมากฟรอส ตอนนี้ผมโครตรักเจ้านั่นเลย อย่างน้อยก็ดีกว่าใครบางคนแถวนี้เยอะ
"ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" ยัยควีนพูดขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปอีกทาง แล้วพึมพำบางอย่าง "เลี่ยนชะมัด"
"คิดอะไรของเธอเนี่ย!!!" ผมตะโกนไล่หลังยัยควีนไป ก่อนถอนหายใจยาว "อะไรของยัยนั่นฟะ"
...
ตอนต่อไป
สายลมแห่งเดือนสี่เริ่มพัดผ่าน มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเหน็บหนาวที่กำลังจะเข้ามาเยือนซินเทีย ทุ่งหญ้าที่โอบล้อมโรงเรียนแปลสภาพเป็นพื้นที่โล่งเตียน หิมะได้ปกคลุมย้อมยอดภูเขาให้เป็นสีขาวโพลน เทศกาลโรงเรียนหน้าหนาวกำลังจะเริ่มขึ้น เหล่าภูติหิมะเริ่มปรากฎตัว ทว่า กลับไม่มีใครรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งหายนะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นเนื้อเรื่อง school day ปีการศึกษาที่1ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
แถม รูปซินฟาเนีย (ตอนเด็ก)
ความคิดเห็น