ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil Hi School โรงเรียนป่วนก๊วน ปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #3 : Devil Hi School โรงเรียนป่วนก๊วน ปีศาจ - คาบที่ 2 ทดสอบ

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 55


    ของแถมก่อนเริ่ม
    ภาพ ผอ เซอร์เรเน่
     (วาดเองน้อ)


           รัตติกาลห่อหุ้มผืนฟ้าเหลือเพียงแสงจันทร์และหมู่ดาว บนยอดสุดของปราสาทชาโดว ร่างเล็กยืนหลับตาพริ้ม มือเรียวสองข้างเกาะที่ระเบียง สายผมสีแดงเรื่อปลิวสไวตามกระแสลม นัยน์ตาสีแดงเพลิงค่อยๆลืมขึ้น

          "เริ่มแล้วสินะ" ร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ นัยน์ตาสีแดงเพลิงจ้องไปที่ดวงดาวดวงนึง

         เปรี๊ยง!!!

        เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทั่ว ก่อนริมฝีปากอวบอิ่มจะเอ่ยบางอย่าง

        "เพลส..." เสียงกระซิบแฝงถึงอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครคาดเดาได้ คำทำนายโบราณที่ทำนายว่าจะเกิดเหตุการณ์ 3 อย่าง

        เฮือก!!!

        ผมเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงราวกับถูกของร้อน รู้สึกได้ถึงแผ่นหลังที่เปียกชื้นไปหมด หายใจถี่รัว ใบหน้าเปียกชุ่มใบดวยเหงื่อ

         ตะกี้มันอะไรกัน!!!

         เครื่องหมายคำถามตัวโตๆปรากฎขึ้นในหัวของผม เมื่อกี้ผมรู้สึกเหมือนมีใครเรียกชื่อผม แล้วความทรงจำอะไรบางอย่างก็ปรากฎชัดเจนขึ้น มันเป็นภาพของ

         "อะไรหว่า?" ผมถามตัวเอง ใช่ ผมลืมไปแล้วล่ะ ผมสายหน้าก่อนจะนอนลงต่อ แค่นี้ก็มีเรื่องที่จะต้องคิดมากพออยู่แล้ว คิดเกียจเพิ่มเรื่องให้หนักสมองเฟ้ย

          นึกถึงนัยน์ตาสีแดงคู่นั้นแล้วมันจี๊ดไม่หาย ให้ตายสิ ทำไมต้องคิดถึงยัยนั่นด้วยฟะ


         ตะวันทอแสงเป็นลำผ่านหน้าต่างที่ไร้กระจก แสงที่แยงตาก็ไม่ได้ช่วยให้หายง่วงมากนัก แต่ผมก็ตื่นขึ้นมาเองเนื่องจากความเคยชิน นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วรู้สึกช๊อคไม่หาย ความรู้สึกคงประมาญตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นแขนตัวเองล่ะมั้ง...ว่าไปนั่น

         ผมลุกลงมาจากเตียงขนาดคิงไซด์ รู้สึกว่าหัวปวดหนึบๆพิลึก ภายในห้องดูราวกับผมหลุดเข้ามาในยุคกลาง กำแพงหินให้ความรู้สึกเย็นโดยไม่ต้องเพิ่งแอร์ ตอนแรกผมก็แปลกใจเหมือนกันที่ได้ห้องนอนดีขนาดนี้ อย่างว่าล่ะครับ ปราสาทนี่ใหญ่จนสามารถจุคนได้ทั้งเมือง

         "มนุษย์หมาป่าเหรอ?" ผมมองไปยังแผ่นสีส้มที่วางอยู่บนโต๊ะมุมห้อง ด้านบนมันเขียนชื่อของผมและชื่อหอพักไว้ ส่วนด้านล่างมันเขียนว่าเผ่ามนุษย์หมาป่า ครอสบอกผมว่ามนุษย์หมาป่าเป็นเผ่าที่คล้ายมนุษย์มากที่สุดถ้าไม่นับเรื่องเรี่ยวแรงที่ผิดมนุยษ์มนาและคืนพระจันทร์เต็มดวง จึงสรุปได้ว่าผมสวมรอยเป็นเผ่านี้น่าจะเหมาะที่สุด

          "เห้อ" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเบื่อๆ ตอนนี้ยังเป็นเวลาตอนเช้าอยู่เลย กว่าและกว่าจะเข้าเรียนก็อีกตั้งสองชั่วโมง(คาบแรกเริ่ม8โมง) จะออกไปไหนก็กลัวคนรู้ความจริงด้วยสิ นั่นทำให้ผมต้องมานั่งถอนหายใจอยู่คนเดียวเนี่ยแหละ เหงาชะมัด

          ก๊อกๆๆๆ

          เสียงเคาะประตูดังท่ามกลางความเงียบทำให้ผมสะดุ้งตัวเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาหา ท่าทางคงเป็นครอสมั้ง

          "เรย์?" ทันทีที่ผมเปิดประตู นัยน์ตาของผมก็ประทะกับนัยน์ตาสีแดงภายใต้กรอบแว่น ผมแปลกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆเรย์ก็มาหาผมแต่เช้า "มีอะไรงั้นเหรอ?"

           "คือ..." เรย์พูด น้ำเสียงเธอยังคงหวานใสเหมือนเดิม "เรื่องเมื่อวาน..."

          เรื่องเมื่อวาน ? ผมนิ่งปล่อยให้สมองประมวลผลชั่วขณะ ก่อนนึกอะไรบางอย่างได้

          "ขอโทษนะ" เรย์พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนสำนึกผิด ผมจ้องเข้าไปที่นัยน์ตาคู่นั้น มันแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ "แล้วก็...ขอบคุณ"

         "มะ ไม่เป็นไร" ผมพูดตะกุกตะกัก ก็เวลาแบบนี้มันทำตัวไม่ถูกจริงๆนี่น่า ผมเลยยิ้มแห้งๆไปให้เรย์ เรย์ยิ้มตอบกลับ ซึ่งนั่นเป็นรอยยิ้มที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็น มันเป็นยิ้มที่ดูเดียวดาย อ้างว้าง

         "เธออยู่ปราสาทโรสเทนบลูงั้นเหรอ" ผมถามเด็กสาวด้านหน้า เนื่องจากผมย้ายมาปราสาทโรสเทนบลู(สีฟ้า) และที่นี่มีกฎห้ามเข้าปราสาทอื่นที่ไม่ใช่ที่พักของตัวเอง

         "อืม..." เรย์ตอบ

         "แล้วเธออยู่ห้องไหนเหรอ" ผมถาม

          เด็กสาวเอามือชี้ไปทางขวาซึ่งผมหันไปมองตามมือ ห้องนั้นอยู่ไกลจากห้องผมเพียงไม่กี่เมตร

         "ฉันไปก่อนนะ" เด็กสาวบอกก่อนจะก้าวขาออกไป

        "เดี๋ยวก่อนเรย์" ผมเรียก ร่างบางหยุดนิ่งก่อนหันมาทางผม "เราเป็นเพื่อนกันนะ"

         "..." เงียบ

        "เรย์!!!" ผมอุทาน เพราะจู่ๆ ตาวตาสีแดงเหมือนกระต่ายก็มีน้ำใสๆไหลของมา นี่ผมพูดอะไรผิดไปเนี่ย ตายล่ะหว่า ขืนมีใครมาเห็นภาพพจน์พระเอก(ที่ไม่มีอยู่เลย) ของผมต้องหายเกลี้ยงแหง

        "เพื่อนงั้นเหรอ..." เด็กสาวก้มหน้าลง พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมตั้งท่าจะเอามือเข้าไปแตะ แต่เรย์เงยหน้าขึ้นมาก่อนพร้อมรอยยิ้ม "อืม..."

        พูดเสร็จเรย์ก็วิ่งไปเหลือเพียงผมที่ยิ่นโด่เด่อยู่หน้าประตูคนเดียว

         ...อะไรกันฟะ ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลยให้ตาย

         "หาว..." ผมอ้าปากหาวขณะที่ผมกำลังเดินอยู่ภายในจตุรัสมารอสซ่า ศูนณ์กลางของปราสาททั้งห้า น่าแปลกที่ผู้คนเริ่มจะมากันเยอะแล้วทั้งที่ยังเช้าอยู่

         "นี่นาย นาย" ผมหันไปตามเสียงเรียก ร่างของเด็กผู้ชายอายุไล่เลี่ยกับผมกำลังโบกมือมาทางผมอยู่ นัยน์ตาสีนิลจ้องผมแป๋ว เส้นผมสีดำละเอียดดูเข้ากับใบหน้ารูปไข่ที่ดูเหมือนจะยิ้มแย้มตลอดเวลา ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ร่างนั้นพยักหน้าก่อนผมจะเดินไปหา

         "มีอะไรงั้นเหรอ?" ผมขมวดคิ้ว

         "นาย... เพลสใช่มั้ย?" ร่างนั้นถาม "ฉันฟรอส"

         "ใช่" ผมตอบพร้อมชักสีหน้าสงสัย "นายรู้ได้ไง?"

         "แหม ก็นายดังจะตาย" ร่างนั้นบอก หา ผมเนี่ยนะดัง เท่าที่จำได้ตั้งแต่ผมมายังไม่ได้คุยกับใครเลยนะ หรือว่าความหล่อของผมจะไปตะดุดตาใครบางคนหว่า

         "เมื่อวานมีคนเห็นนายถูก ผอ เรียกไปพบด้วยล่ะ" ฟรอสทำสีหน้าตื่นเต้น แววตาเขาดูชื่นชมผมอย่างเห็นได้ชัด "รู้มั้ยว่านอกจากครูใหญ่ของที่นี่ไม่มีใครเคยเห็นหน้า ผอ เลยนะ"

         ผมยิ้มแห้งๆ พลางคิดว่า ไม่เห็นดีแล้วล่ะ ขืนให้เห็นหน้าจะเสียความนับถือหมด

         "แล้วนายเป็นคนเดียวที่กล้ามีเรื่องกับแก๊งเดวิลซันเดย์" ฟรอสพูดต่อ
    เดวิลซันเดย์? ชื่อยังกะ ไอศครีม ได้ยินแล้วรู้สึกหิวพิลึก จริงสิยังไม่ได้กินข้าวเช้านี่ีน่า ผมคิดพร้อมกับท้องที่ส่งเสียงร้อง ฟรอสเอียงคนมองผม "ลูกพี่ยังไม่กินอะไรมางั้นเหรอครับ"

         ลูกพี่!!! ตะกี้เจ้านั่นว่าอะไรนะ

        "ทำไมนายเรียกฉันอย่างงั้นล่ะ" ผมถามฟรอส หมอนั่นยิ้มเจ้าเลห์กลับมา

        "ก็ ผมอยากเก่งเหมือนลูกพี่ไงฮะ" ฟรอสตอบ "ถึงขนาดโดน ผอ เรียกพบตั้งแต่วันแรกเลยนี่น่า"

         "..." ไม่ได้เก่งอะไรซะหน่อย แต่จะให้บอกว่าที่โดนยัย ผอ โหดนั่นเรียกพบเพราะว่าผมเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้ ก้มเลยต้องก้มหน้ารับไป

         "งั้นผมจะพาลูกพี่ไปเลี้ยงข้าวนะ" ฟรอสบอกเสียงใส

         เลี้ยงข้าว!!! ได้ยินคำนี้แล้วค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ก็เงินที่แม่ให้พกติดตัวมามันมีนิดเดียวเองอ่ะ

         "อืม" ผมตอบ ยอมเป็นลูกพี่ก็ได้ฟะ ผมยอมรับฐานะลูกพี่

          "งั้นไปกันเถอะครับ" ฟรอสคลี่ยิ้มบางแล้วเดินไปก่อน ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกรอยยิ้มนั้นมันจะฉายแววชั่วร้ายพิกล

         "คิดไปเองมั้ง" ผมส่ายหน้าก่อนเดินตามฟรอสไป

       
         "ตัวอะไรเนี่ย!!!" ผมลากเสียงยาวทันทีที่เห็นอาหารตรงหน้า มันเหมือนก้อนเยลลี่สีเขียวใสดูหยุ่นๆเหนียวๆ แต่ที่ผมกังวลมากกว่าคือตาที่หลุดออกจากเบ้าของมันมองตรงมายังผมอย่างแค้นๆเนี่ยสิ ผมเลยค่อยๆเอาช้อนเขี่ยพลางกลัวมันจะลุกมางับมือผม "ตายหรือยังvอ่ะ"

          จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย ผมท่องแผ่เมตตาให้เจ้าของกินที่อยู่ด้านหน้าผม ฟรอสมองผมแปลกๆก็จะถาม "ลูกพี่ไม่กินเหรอฮะ"

          แกก็กินเองสิฟะ!!!

          "ไม่อ่ะ..." ผมตอบพลางหันหน้าไปเรียกเจ้าของร้าน ใบหน้าเหมือนผ่านอะไรมามากประดับด้วยหนวดยาวเฟื้อมและแผลเป็นนับไม่ถ้วนค่อยๆเอียงมาทางผม นั่นทำให้ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะสั่ง "ขอข้าวผัดฮะ"

          เจ้าของร้านพยักหน้าเข้าใจหลังจากนั้นก็...เออ...ทำอาหารมั้ง แต่ทำไมต้องใส่หน้ากากกันสะเก็ดไฟด้วยฟะ!!! แล้วไอแสงสีเขียวๆเหลืองๆที่กระทะนั่นมันอารายยยย

          ฉ่า!!!

          เสียงข้าวผัดกลายพันธ์ของผมถูกกวาดใส่จาน ก่อนพ่อครัวร่างใหญ่จะเอามันมาวางบนโต๊ะของผม ผมเอาช้อนเขี่ยไอข้าวผัดเรืองแสงเขียวๆเหลืองๆอย่างเหนื่อยใจ กินได้มั้ยเนี่ย

         จ๊อกกก

         เสียงดังประหนึ่งคำรามของปีศาจท้อง นั่นทำให้หน้าผมบูดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด นัยน์ตาสีน้ำตาลใสผมจ้องไปที่ข้าวผัดเรืองแสงอย่างทรมานก่อนตัดสินใจ ยังไงก็ต้องกินล่ะฟะ

         "อ้ำๆๆๆๆ" เมื่อตัดสินใจได้ ผมใช้เวลาจัดการกับข้าวผัดนั่นไม่ถึงสิบวิ เนื้องจากความหิวที่สะสมมานาน รสชาติมันค่อนข้างแปลกๆแต่ก็พอกินได้

         แต่ผมก็ต้องตาค้าง ฟรอสจัดการไอตัวเขียวๆนั่นหมดก่อนผมจะกินข้าวผัดผมจะหมดซะอีก

        "กินช้าจังเลยนะฮะ" ฟรอสจ้องผมตาแป๋ว ผมเอามือกุมขมับ นี่เร็วสุดๆแล้วนะเฟ้ย

        "นายกฤษณะ วรวงค์
    " เสียงประกาศชื่อผมดังก้องโรงเรียน ทำให้ผมต้องเงี่ยหูฟัง "ไปพบ ผอ ที่ปราสาทชาโดว"

        "ลูกพี่เพลส เจ๋งไปเลย" ฟรอสทำสีหน้าตื่นเต้นขณะที่ผมทำหน้าเหมือนโลกจะถล่มทะลาย ต้องไปเจอยัยเด็กแก่แดดนั่นอีกแล้วเหรอเนี่ย

         ผมเดินอย่างซังกะตายโดยมีเจ้าฟรอสที่ดูเหมือนจะยิ้มไม่หุบอยู่ข้างหน้า ข้างหน้าผมเป็นประสาทสีดำสนิทสมชื่อชาโดว ประตูสีนิลที่ตั้งตระหง่าค่อยๆแง้มออกเป็นเชิงว่าเข้าไปได้

        ด้านหลังผม ฟรอสโบกมือให้ผมด้วยสีหน้า เออ... ไอนี่มันยิ้มทั้งวันจริงๆแฮะ

         ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในปราสาท อากาศเย็นวาบก็เข้ามาประทะทั่วร่าง ทำให้ผมสั่นไปหมด ภายในเป็นห้องโถงกว้าง เพดานสูงจนเห็นเพียงความมืดมิด เสียงลมพัดดังหวินหวิวเหมือนดังเสียงกรีดร้องของปีศาจ ผมค่อยๆเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดงเหมือนเลือด

         "เพลส" เสียงเรียกชื่อดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งตัวลอย นัยน์ตาสีน้ำตาลใสจ้องมองไปยังร่างสูงที่ใส่ชุดสีขาว

         "ครอส" ผมเปล่งเสียงขึ้นเมื่อเห็นเส้นผมสีขาวพร้อมชุดตัวเก่า ไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยหรือไงนะ

         "ผอ รอเธออยู่ด้านบนน่ะ" ครอสกล่าว ผมพยักหน้ารับรู้ "ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ บรรยากาศของที่นี่เปลี่ยนตามอารมณ์ ผอ แล้วดูท่าวันนี้แกจะอารมณ์ไม่ดีด้วยสิ"

         อึก!!!

          ไม่บอกก็ไม่มีใครว่าหรอกนะครับอาจารย์ ผมยิ้มแห้งๆให้ครอส ที่ผมเรียกเขาว่าอาจารย์เพราะเขาเป็นครูที่ปรึกษาของผม ตอนแรกผมก็งงๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็เข้าใจว่ายัย ผอ โหดนั่นคงส่งให้มาดูพฤติกรรมผมมั้ง



          ผมแยกทางจากครอสขึ้นบันได้วนกว่าสองร้อยสี่สิบเอ็ดขั้น โอเค ผมอาจจะนับผิดก็ได้ แต่ใครจะสนเรื่องนั้นกันล่ะ "แฮ็กๆ"

         สอง...ร้อย...ห้า....สิบ....ตุ่บ

         ผมนอนกองเป็นหมาหอบอยู่ที่พื้น ที่จริงแค่บันไดสองร้อยกว่าขั้นไม่ได้ทำให้ผมเหนื่อยขนาดนี้หรอก แต่ไอแรงกดดันที่แผ่ออกมาเนี่ยสิ ขืนอยู่ที่นี่ต่ออีกไม่นานผมคงอึดอัดตายแหง

         ประตูสีนิลที่อยู่ด้านหน้าเปิดออก ผมเงยหน้าขึ้นดูอย่างอ่อนแรงแต่แล้วก็ต้องรีบก้มหน้าลงทันที ตะกี้มันอะไรน่ะ

         ฟิ้ว ตูม

          เสียงระเบิดดังด้านหลังผม

          ผมเงยหน้าขึ้นมาดู อ่า ชัดเจน แม่สาวผมแดงเงื้อมเคียวอันใหญ่ยักษ์ขนาดสองเมตรหมายจะซัดมาทางผม เฮ้ย!!!

          "อยากตายมากนักใช่มั้ยฮ้าาา" เคียวสีดำถูกวาดแหวกอากาศเกิดเป็นแรงอัดสีแดงพุ่งมาทางผม

         ...ตายแหง ผมพุ่งตัวกระโดดหลบไปลงบันไดก่อนแรงอัดสีแดงจะผ่านตัวผมไป

          วูบ โครม

          แรงอัดสีแดงเฉียดเส้นผมสีดำของผมหลุดเป็นปอย ผมได้แต่กลืนน้ำลายเอือก ร่างเล็กค่อยๆเดินมาทางผมด้วยรอยยิ้มสุดสยอง

         "ถ้าอยากตายมากนัก" เสียงใสเอ่ย ผมได้แต่จ้องดูเซอร์เรเน่เงื้อมเคียวอันใหญ่ยักษ์ "ฉันจะไปส่งให้ถึงนรกเอง"

         พ่อครับ ผมจะตามไปอยู่ด้วยแล้วนะ ไม่สิ "แม่จ้าช่วยหนูด้วยยย!!!"

         จ๊อกกก เคร้ง!!!

         เคียวอันใหญ่ยักษ์หลุดมือเซอร์เรเน่ลงไปกับพื้น ร่างเล็กทรุดลงไปกับพื้นท่ามกลางสายตาตึ่นตะลึงของผม กะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

         "อ่อย หิวอ่ะ" ร่างเล็กส่งเสียงร้องครางเหมือนเด็กของขนมไม่มีผิด "นี่นาย ไปหาอะไรมาให้กินหน่อย"

         "อะ...ฮะ" ผมชี้มาทางตัวเองอย่างงงๆ ส่วนร่างเล็กพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

          ให้ตายเถอะ ไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆเลย...

          ผมเดินหัวเสียออกไปจากปราสาท อะไรของยัยนั่นเนี่ย อยู่ๆก็จะฆ่ากัน อยู่ๆก็เห็นเป็นคนใช้ ผมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา 


          ด้านบนปราสาท ร่างเล็กจิบน้ำชาอย่างสบายใจ

          "เธอแน่ใจนะ" เสียงปริศนาดังมาจากมุมมืดของห้อง

          ร่างเล็กเหยียดยิ้มกว้าง แม้แต่คนที่อยู่ในมุมมืดก็ไม่อาจรู้ความคิดของเธอได้ ริมฝีปากบางเริ่มขยับเอ่ย "ไม่ผิดแน่ เจ้านั่นหลบเฟรีเคียของฉันได้ถึงสองครั้ง"

          คำพูดนี้ทำให้คนในมุมมืดมั่นใจ เฟรีเคียไม่เคยพลาดมาก่อนสักครั้ง เพราะมันคือเคียวของเจ้าแห่งยมทูต เซอร์เรเน่

          "งั้นแสดงว่า..." เสียงไม่สูงไม่ต่ำดังจากมุมมืด "การทดสอบถูกต้อง...เจ้านั่นจริงๆน่ะเหรอ"

           เซอร์เร่เน่หลับตาพริ้ม เหตุการณ์ 3 อย่าง ในทำนายเกิดขึ้นไปหนึ่งอย่างแล้ว เป็นสื่อบ่งบอกอย่างดีว่าคำทำนายนั่น...

          "มันเริ่มขึ้นแล้ว"


        

        

          


          


       
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×