ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    killingsound ภารกิจปกป้องหัวใจ ยัยเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 ทาบารอส จุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวาย

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 55


               ทาบารอส ดินแดนแห่งทุ่งหญ้าและสายลม ตอนนี้ข้าพอจะรู้แล้วว่ามันได้ชื่อนี้มาได้ยังไง นั่นก็เพราะว่าทั้งอาณาจักรนี้มันมีแต่ทุ่งหญ้า ทุ่งหญ้า และทุ่งหญ้าน่ะสิ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเมืองสักเมือง
           ....



           ข้ากำลังนอนขดตัวภายในเสื้อคลุมด้วยอาการที่แม้แต่เด็กเล็กๆยังดูออกว่ากำลังหนาวสุดขั้ว ไม่รู้ว่าทำไม่มันหนาวได้ถึงเพียงนี้ เพียงเวลาสิบกว่าปีที่ข้าจากอณาจักรนี้มา ที่นี่มันเปลี่ยนไปซะจนจำอะไรไม่ได้สักอย่าง ที่ๆควรจะมีหมู่บ้านกลับกลายเป็นทุ่งหญ้าโล่งเตียน อีกทั้งอากาศที่หนาวเข้าขั่วกระดูกที่เมื่อก่อนไม่เคยมี นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นแน่นะ
           พระอาทิตย์ดวงสีแดงกลมโตค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากเนินทุ่งหญ้าทางทิศตะวันออก แสงสว่างเจิดจ้าค่อยๆบรรเทาความหนาวออกไปบ้าง ข้าสลายลูกไฟกลมดิ๊กที่เสกขึ้นมาเพื่อบรรเทาความหนาวถึงแม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม)ออกไป คิดแล้วมันเจ็บใจนัก ทำไมน่ะเหรอ ก็ที่ข้าต้องมาทนหนาวก็เพราะไอมือดีที่ไหนไม่รู้มาขโมยกระเป๋าเงินข้าไปตอนที่ข้ากำลังฟื้นพลังเวทย์น่ะสิ อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร ข้าจะด่ามันยันบรรพบุรุษเลยคอยดู
           ข้าเริ่มออกเดินทางอย่างไม่รู้จุดหมาย นั่นเป็นเพราะแผนที่ที่ข้าเก็บไว้มันอยู่ในกระเป๋าเงิน ดังนั้นข้าจึงเดินหลงทางมาตั้งแต่เมื่อวาน และนั่นจึงทำให้ท้องข้าร้องดังจนแทบเป็นจังหวะสามช่าอยูแล้ว อีกทั้งวิวทิวทัศสองข้างถนนยังคงเป็นเนินทุ่งหญ้าสีเหลืองทองอยู่เหมือนเดิมไม่มีผิด นั่นทำให้ผมข้างงๆอยู่ว่าทำไมไม่เห็นบ้านสักหลัง แต่ระหว่างที่ข้ากำลังงง ข้าได้ยินเสียงร้องดังมาจากทางที่ข้ากำลังตรงไป
           "ช่วยด้วย" เสียงดังมากจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งสวนมาทางข้า ข้าเลิกคิ้วสูงก่อนจะมองไปด้านหลังมัน
            หวาาา  อะไรวะนั่น
            ข้ากำลังมองกลุ่มคนที่วิ่งตามชายคนนั้นมา แต่ละคนนี่เรียกน้องๆนักยกน้ำหนักก็ยังไหว ไอหมอนั่นไปทำอะไรของมันเนี่ย
            ชายหนุ่มคนนั้นวิ่งมาจับชายเสื้อด้านหลังข้าอย่างกับคนรู้จักกันดี จะว่าไปข้าก็คุ้นๆหน้ามันอยู่เหมือนกันอยู่เหมือนกัน ข้่าจึงหันข้ามหัวไหล่ไปมองหน้ามันเต็มๆ
             หน้าหล่อๆภายใต้เรือนผมสีแดงเพลิงนั่น
             "ฟรอส!!!" ให้ตายสิ ทำไมโลกมันกลมจังฟะ ทำไมข้าถึงจำมันได้น่ะเหรอ จะมีคนหัวแดงสักกี่คนที่หาเรื่องเป็นประจำสามเวลาหลังอาหารอีกล่ะ
            "พี่ไรอัล" มันมองข้าอย่างไม่เชื่อสายตาเหมือนกัน และไอเหตุการณ์นี่มันก็ช่างเหมือนเดจาวูชะมัด
            แต่คุณพวกที่ตามมาก็ไม่ให้โอกาสข้าได้ทบทวนความหลังอยู่นาน ดูจากสายตาที่จ้องจะเสียบข้าอยู่ทุกเมื่อถ้ามีโอกาส
          แต่ใครจะไปยอมพรุนง่ายๆกันฟะ
           "แกเป็นอะไรกับไอนี่" หนึ่งในน้องนักยกน้ำหนักชี้ไปทาง "ไอนี่" ที่เกาะหลังผมแน่น
           "คือ..."
          "เขาเป็นพี่ข้า" ไอหัวแดงด้านหลังพูดแทรกข้าเข้ามา นี่ข้าไปนับญาติกับมันตอนไหนกันล่ะเนี่ย ข้าลอบดูสายตาประหัตประหารของพวกนั่นแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก
           "มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ" ข้าพยายามพูดให้ดูเป็นมิตรอย่างสุดความสามารถพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
           "ไอหมอนี่มันกวนเราน่ะ อัดมันเลยมั้ยพี่" เสียงจากทางด้านหลังทำให้ข้าใจหายวาบ คนเค้าจะดับไฟยังเอาน้ำมันมาให้อีกไอนี่
           ดูจากสายตาของน้องๆนักยกน้ำหนักที่จ้องข้าราวกับขนมหวานแล้ว...
            บู๊อีกสินะ
            และเช่นเคย อีกฝ่ายไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรมากวิ่งเข้าซัดข้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งข้าไม่ยืนนิ่งให้มันอัดเล่นเหมือนเช่นเคยอีกแน่ ข้าเบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว การอยู่ในปราการอัศวินกว่าสิบปีนั้นทำให้ข้าแข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไป แต่ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าข้าผิดปกติอะไรหรอกนะ เออ... นี่ข้านอกเรื่องอีกแล้วสิ
           ข้าสวนหมัดงามๆไปที่ช่องท้องมันไปทีนึ่งก่อนตามด้วยลูกถีบที่พอจะทำให้มันกระเด็นไปอย่างสวยงาม ไอหัวแดงจ้องดูผลงานข้าอย่างไม่วางตา มันไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือไงนะ
          และอีกฝ่ายเริ่มล้อมข้ากับไอหัวแดง พวกมันเรียกพลังธาตุของตัวเองไว้ในมือเตรียมจะปล่อยใส่ช้า ขืนอยู่อย่างนี้ไม่ดีแน่ ข้าจึงเพิ่มธาตุลมภายในตัวก่อนร่ายเวทย์
             "วินนิ่งเฟล" สิ้นเสียง ปรากฏสายลมวนใต้ฝ่าเท้าข้า ก่อนจะ
             ตูม!!!
             เสียงระเบิดดังกึกก้องพร้อมกับหมอกหนาทึบที่เกิดจากฝุ่น ข้าฉวยโอกาศใช้ความเร็วที่ได้จากพลังของลมพาตัวเองไปด้านหลังอีกฝ่าย และก่อนมันจะรู้ตัว ข้าได้จัดการให้มันหมอบลงกับพื้นไปซะก่อนที่มันจะหันมา
             ข้าใช้เวลาไม่นานในการกวาดล้างพวกน้องนักยกน้ำหนัก ข้าเรียกแบบนั้นอะนะ ส่วนเจ้าฟรอสยังคงมองข้าตาค้าง แต่สักพักมันรู้ตัวแล้วเดินไปยังซาก เออ...น้องนักยกน้ำหนักทั้งหลายก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างในตัวพวกมันออกมา มันเป็นลักษณะผลึกใสสีแดงสดราวกับเปลวเพลิง นัยน์ตาสีแดงเพลิงของเจ้าฟรอสดูมันอย่างกับว่ามันเป็นของมีค่า
            "นั่นอะไรเหรอ" ข้าถาม แต่มันกลับหันมามองผมด้วยสายตาราวกับว่าข้าเป็นบ้านนอกเข้ากรุงทั้งที่จริงๆข้าเป็นคนกรุงมาบ้านนอกมากกว่า
            "พี่ไปอยู่ไหนมาเนี่ย" มันถามข้าด้วยน้ำเสียงดูถูกเล็กน้อย
            "เซริออส" ข้าตอบมันไป
            คราวนี้มันมองข้าราวกับผมเป็นไอเทมหายากยังไงอย่างงั้น "เมืองแห่งความฝันนั่นน่ะเหรอ" มันพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด
            ฝันร้ายสิไม่ว่า...
            "ว่าแต่ไอนั่นมันอะไรล่ะ" ดูเหมือนมันจะตื่นเต้นกับเรื่องของข้าจนลืมคำถามของข้าไปซะสนิท ข้าจึงต้องทวนมันซ้ำอีกรอบ
            มันหมุนแท่งผลึกสีแดงนั่นไปมา "ไอนี่น่ะเหรอ"
            "เออ" ไม่ใช่แล้วจะเป็นอะไรเล่า
            มันมองขึ้นฟ้าทำท่าเหมือนคนกำลังใช้ความคิด "พี่จำเหตุการณ์ตอนนั้นได้มั้ย"
            "ตอนนั้น?" ข้าเลิกคิ้วสูง แล้วตอนนั้นมันตอนไหนล่ะฟะ
           "เอาเป็นว่าเราไปคุยกันในหมู่บ้านก่อนเถอะ" คราวนี้มันพูดพร้อมส่ายหน้า อะไร จำไม่ได้แค่นี้ผิดด้วยเหรอ และใครจะไปรู้ว่ามันพูดถึงตอนไหนล่ะ ข้าไม่ผิดนะ
           ไอนี่มันพูดเสร็จแล้วก็เดินนำผมไป ซึ่งข้าก็เดินตามมันไปโดยดี เราเดินตัดผ่านทุ่งหญ้าออกนอกเส้นทางไปนานพอสมควรแล้วข้าก็เห็น
            บ้านคน ผมดีใจจนน้ำตาแทบไหล ในที่สุดผมก็เห็นบ้านคนซะที ผมไม่ได้เวอร์นะ ก็ลองเดินผ่านแต่ทุ่งหญ้าทั้งวันทั้งคืนแบบผมดูสิ
            ภายในหมู่บ้านให้บรรยากาศที่แสดงถึงความสงบสุข ด้านซ้ายขวาดของทางเดินมีบ้านเล็กๆตั้งอยู่เรียงรายอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก ผมหลับตายืนบนสะพานฟังเสียงสายน้ำดังมาจากธารน้ำใสที่ไหลตัดผ่านหมู่บ้านก่อนหันไปทางเจ้าคนหัวแดงที่กวักมือเรียกผมเข้าไปในบาร์เหล้าประจำหมู่บ้าน ผมสูดหายใจรับความสดชื่นก็เดินตามมันไป
            กลิ่นเหล้าลอยเตะจมูกมาพร้อมกัยเสียงดังเอะอะโวยวายที่เห็นเป็นประจำทุกร้าน ผมเดินไปประจำที่ๆเจ้าฟรอสนั่งอยู่ก่อนแล้ว
            "เอาล่ะ" ผมพูดน้ำเสียงจริงจัง "คราวนี้เล่ามาได้หรือยังว่าที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งไออากาศที่หนาวผิดปกติและไอแท่งแดงๆนั่นน่ะ"
            ทันทีที่ข้าพูดคำว่าแท่งแดงๆ เจ้าคนหัวแดงก็พรวดพลาดเอามือมาล๊อคคออุดปากข้าราวกับว่าข้าไปทำอะไรผิดร้ายแรงสักอย่าง
            "อย่าพูดดังพี่ไรอัล เรื่องนี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา" ข้ารีบพยักหน้าหงึกๆแสดงความเข้าใจก่อนจะขาดใจตายเพราะโดนเจ้าฟรอสอุดทั้งปากทั้งจมูก และถึงเวลานั้นข้าคงจะกลายเป็นพระเอกที่ตายได้อนาถที่สุดเป็นแน่
            "แค็กๆ เฮ้อ... แล้วตกลงมันมีเรื่องอะไรกันแน่" ข้านวดคอตัวเองที่ปวดไปหมด ตัวแค่นี่ทำไมแรงเยอะจังฟะ
            "ก็เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่หมู่บ้านโดนเผาแล้วพี่หายตัวไป"
            อะไรนะ หมู่บ้านโดนเผา หรือว่าตอนนั้น...
            "จะรับอะไรดีคะ" เสียงใสดังมาขัดจังหวะความคิดของข้า และเมื่อได้ยินดังนั้นความหิวแสบไส้ที่ข้าลืมไปก็กลับมาอีกครั้ง
           "เอาไก่ย่างมาให้สองตัวล่ะกัน" ข้าสั่งกับเด็กสาวที่ดูท่าทางเป็นพนักงานบริการของร้าน นางได้ยินแล้วหันมองไปยังไอฟรอส
           "ข้าขอเหล้าสองถัง" มันสั่งแล้วยิ้มไปให้เด็กสาวคนนั้น ข้าแอบเห็นนางหน้าแดงก่อนเดินไปหลังร้าน จะว่าไปหน้าตาเจ้านี่ยังหล่อลากเหมือนเดิมนี่หว่า นี่ถ้าไว้นวดเคราซะหน่อยสาวกรี๊ดสลบ เออ...นี่ข้าคิดอะไรอยู่เนี่ย
           "แล้วหลังจากนั้นเป็นไงต่อ" ข้าทวงคำถามที่ดูเหมือนมันจะลืมไปซะสนิท มันหันมาแล้วส่งยิ้มกระชากวิญญาณมาให้ข้า
           ไอนี่...จะหล่อเกินไปแล้วเฟ้ย
           "หลังจากนั่นข้าก็หนีไปกับพวกชาวบ้านที่เหลือ"
           หลังจากนั้นยังมีคนรอดตายอีกเหรอเนี่ย งั้นแสดงว่า
           "ท่านแม่ เจ้าเฟส แล้วเอริเซ่เป็นไงบ้างล่ะ" ข้าถามชื่อคนรู้จักที่ข้าคิดว่าตายไปตั้งแต่ตอนนั่นแล้ว ที่ฟรอสบอกว่ายังมีชาวบ้านรอดตายอยู่ก็แสดงว่ายังมีความหวังอยู่ แต่ทว่า...
           หน้าหล่อๆของมันหม่นหมองลงจนข้าใจหาย "พวกเขาไม่ได้มาด้วยกัน"
           "..." ข้าไม่ได้พูดอะไร ยังไงก็ยังข้าก็ไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว ข้าพยักหน้ารับรู้ให้มันพูดต่อ
          "ตอนนั้นพวกผู้รอดชีวิตก็ได้แยกย้ายกันไปบางส่วน ส่วนที่เหลือก็รวมตัวกันก่อตั้งแบครเกอร์"
           ข้าขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม แบรคเกอร์? อะไรอะ แต่ดูเหมือนเจ้าฟรอสมันไม่สนใจท่าทางของข้า มันยังคงพูดต่อ
           "ไม่นานข้าก็รู้ว่าพวกที่บุกหมู่บ้านของเรามันเป็นคนขององกรณ์เสียงสังหาร พวกมันเป็นกลุ่มกบฏที่จ้องจะแย่งชิงหัวใจแห่งปฐพีจากอาณาจักรแห่งนี้"
           องกรณ์เสียงสังหาร? หัวใจแห่งปฐพี? นี่สิบปีนี่มันมีเรื่องมากมายขนาดนี่เชียวเหรอ ข้านั่งตั้งอกตั้วใจฟังอย่างสนใจ ฟรอสเล่าว่าทาบารอสเป็นอาณาจักรที่ถือครองหัวใจแห่งปฐพีซึ่งยังมีหัวใจอีก4อันอยู่ที่อาณาจักรอื่น มันต้องใช้ผู้ถือครองเพื่อทำให้มันแสดงอำนาจที่แท้จริงออกมาและอำนาจของหัวใจแห่งปฐพีอะไรนั่นมันเป็นอำนาจแห่งไฟ 
    โดยคนถือครองคนล่าสุดได้ข่าวว่ามันม่องเท่งไปแล้ว เมื่อมันไร้อำนาจสมดุลธาตุของที่นี่จึงถูกทำลายลงมันเลยมีอากาศที่หนาวมาก ส่วนไอผลึกสีแดงนั่นมันเป็นหินไฟที่ให้คุณสมบัติป้องกันความหนาว ดังนั้นตอนนี้มันจึงเป็นของที่มีค่ามากกว่าทองเสียอีก และมันยังว่าไอน้องนักยกน้ำหนักที่ตามมาเมื่อเช้ามันจะมาแย่งไอผลึกสีแดงนั่นจากมัน แต่ข้าว่ามันไอขโมยของเค้ามามากกว่า เค้าถึงได้ไล่ตามกระทืบมันเนี่ย
           "อาหารได้แล้วค่ะ" เสียงใสๆดังแทรกขึ้นมาระหว่างที่ข้ากำลังลำดับความคิด กลิ่นหอมยั่วน้ำลายของไก่ย่างที่วางบนโต๊ะวิ่งเข้ามาเตะจมูก เรื่องอื่นไว้ทีหลังเหอะ ตอนนี้ขอหม่ำก่อนล่ะ
           จากนั้นข้าก็จัดการไก่พวกนั้นทั้ยหมดโดยไม่เหลือแม้แต่ซาก ไอหัวแดงมันมองข้าราวจะเป็นอะไรที่ไม่ควรเข้าใกล้ อะไร ลองไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแบบข้าดูบ้างสิ
           "เอิ๊ก..." ข้าเรออย่างไม่สนใจภาพภพพระเอก(ที่ไม่มีอยู่แล้ว) หลังจากท้องอิ่มมันก็ชักเริ่มอยากเข้าห้องน้ำแล้วสิ
           "ฟรอส ข้าไปห้องน้ำก่อนนะ" ข้าค่อยๆลุกจากโต๊ะเพราะความจุก นึกไม่ถึงว่าไก่สองตัวจะทำให้ข้าอิ่มได้ถึงขนาดนี่ ข้าเดินงั่วเงียด้วยความง่วงเข้าไปในห้องน้ำ แต่ในระหว่างที่ข้ากำลังปลดทุกอยู่ก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา
            "เจ้าได้ข่าวจากในเมืองหรือเปล่า" เสียงลักษณะน่าจะเป็นผู้ชายพูดขึ้น ส่วนข้าเงี่ยหูฟังจากในห้องน้ำด้วยความสนใจ
            "ข่าวอะไรงั้นเหรอ" เสียงชายอีกคนพูดขึ้น พร้อมเสียงซ่าๆของอ่างล้างมือ
            "ก็ข่าวเจ้าชายฟารอสน่ะสิ"
            "เจ้าชายฟารอส!!!"
            "นี่ ฟังแล้วเหยียบให้มิดเลยนะ เดี๋ยวหัวหลุดจากบ่า"
            "ทำไมล่ะ"
            "ก็เจ้าชายฟารอสก่อกบฏน่ะสิ"
            "อะไรนะ เจ้าชายก่อกบฏ" พูดเหมือนที่ผมคิดเป๊ะ
            "ใช่"
            "เจ้าชายฟารอสออกจะเป็นคนดีไม่ใช่หรือไง"
            "เจ้าไม่รู้อะไร ตั้งแต่เจ้าชายฟารอสไม่ได้รับเลือกจากหัวใจแห่งปฐพีเค้าก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยล่ะ"
            "งั้นเหรอ"
            "ได้ยินว่าเจ้าหญิงเอธิเซียโดนลักพาตัวไปด้วยล่ะ"
            "น่าแปลกนะ ขอให้มีคนได้รับเลือกจากหัวใจแห่งปฐพีซะทีเถอะ ภัยพิบัติต่างๆจะได้คลายไป"
            "นั่นสินะ"
            หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร สองคนนั้นคงจะออกไปจากห้องน้ำแล้ว ส่วนข้า เมื่อทำธุระเสร็จข้าก็ออกไปหาเจ้าฟรอส จากนี้ข้าจะไปในตัวเมืองเพื่อดูบ้านที่สั่งจองเอาไว้
           "พี่ไรอัล" เจ้านั่นมันมองผมตาเป็นประกายวาววับจนน่าขนลุก
           "อะไร" ข้าส่งสายตาเย็นชาไปให้มัน
           "ที่เซทริออสเป็นยังไงบ้างเหรอ สวยอย่างที่เค้าบอกหรือเปล่า" 
           ข้าเลิกคิ้วสูง ก่อนจะตัดสินใจว่าจะทำลายความฝันของเด็กบ้านนอกคนนึงดีหรือเปล่า "ว่างๆข้าจะพาไปละกัน" ข้าควรจะให้มันไปสัมผัสเองจะดีกว่า
           "จริงนะ" มันมองหน้าผมอย่างมีความหวัง
           "อืม"
           "เย่ ดีใจจังเลย รักพี่ไรอัลที่สุด" เจ้าบ้านั่นทำท่าจะโดดกอดข้าอยู่รอมร่อ นั่นทำให้ข้าถอยห่างมันโดยไม่รู้ตัว ทำไมเริ่มมีกลิ่นวายทะแม่งๆแล้วฟะ
            "ฟรอส" ข้าเรียกชื่อมันเบาๆ แต่เจ้าตัวกลับจ้องข้าด้วยแววตาวาววับ
            "อะไรเหรอพี่ไรอัล" น้ำเสียงมันดูหวานใสขึ้นเล็กน้อย ไม่แน่นะ บางทีไอนี่อาจจะไม่ใช่ผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นก็ได้
             ข้าสบัดหัวไล่ความคิดฟุ้นซ้านออกไปก่อนถามมัน
            "ที่นี่เค้าขายบ้านแถวไหนเหรอ" ข้าเอ่ยถามเสียงเรียบ เจ้านั่นมันทำท่าเหม่อลอยคิดสักพักแล้วตอบข้าเสียงใส
             "ในเมืองฮะ"
             ...
            
       
           แสงแดดอ่อนๆยามเย็นดูเข้ากับสายลมที่พัดโชยเอื่อยๆ เรือนผมสีแดงสดของเจ้าฟรอสปลิวไสวจนแถบจะตบหน้าข้าได้อยู่แล้ว ผมกับเจ้าฟรอสยืนอยู่หน้าสถานที่ๆเรียกว่าประตูเมือง ผมหันไปมองหน้าไปหล่อลากแว็บนึงก่อนก้าวขาเข้าไป
            แต่จังหวะที่ผมกำลังจะก้าวขาเข้าไป ทหารที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าก็มาขวางเราไว้
            "เจ้ากำลังจะไปไหน" ผมมองหน้าทหารที่บังทางนิ่ง ก็เห็นอยู่ว่ากำลังเดินเข้าเมือง ถามทำไมฟะเนี่ย สงสัยข้าต้องบอกให้มันไปตัดแว่นแล้วล่ะ
             "พวกเราจะเข้าไปในเมือง" ข้าเอ่ยเสียงเรียบ
              สิ้นเสียง ไอทหารนั่นทำท่าทางดูหมิ่นพวกเราพิลึก จากนั่นมันก็พูดว่า
             "ข้าให้เข้าไปไม่ได้" อ่าว?ทำไมล่ะ ข้ายังคงไม่ละสายตาจากมัน มันก็พูดต่อราวกับรู้ความคิด "ตอนนี้ในมีความลือเกี่ยวกับพวกกบฎ ดังนั้นจึงห้ามมีผู้ใดเข้าเมืองเป็นอันขาดเว้นแต่เป็นอัศวินจากเซทริออส"
             อัศวินจากเซริออส นั่นผมนี่น่า ดีล่ะ ผมยิ้มที่มุมปากแล้วควักบางอย่างออกจากเสื้อมันเป็นเหรียญที่ทองสะท้อนแสงวาววับสลักลวดลายลัญลักษณ์อัศวินแห่งเซทริออส และเมื่อข้าอยู่เหรียญนั่นขึ้นมาให้ทหารคนนั้นดูชัดๆ ทางนั้นทำท่ามึนงงเล็กน้อยก่อนมองข้าสลับกับเหรียญไปมา
             "ท่านคือ..."
             "ข้อคืออัศวินอันดับสามแห่งเซทริออส เซอร์ไรอัล" ข้าบอกชื่อตัวเองเต็มยศ ดูเหมือนว่าทหารคนนั้นอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อทราบว่าข้าเป็นอัศวิืนอันดับสาม เพราะนั่นเป็นตำแหน่งที่รองมาจากหัวหน้าอัศวินเลยทีเดียว บวกกับหน้าตาของข้าที่ค่อนข้างจะเด็กกว่าอายุจริงเล็กน้อย เด็กคนที่ดูเหมือนจะตกใจจนสติหลุดลอยไปแล้วจริงๆก็คือไอคนหัวแดงข้างข้ามากว่า นี่ข้าลืมบอกเรื่องนี้มันไปหรอกเหรอ?
            "ทะ ท่านพี่ไรอัลเป็น อะ อัศวินแห่งเซทริออสงั้นเหรอ" เจ้านั่นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆแม้หลังๆจะเหมือนว่ามันดูถูกข้าพิลึก "อย่างท่านอะนะ เป็นอัศวินแห่งเซทริออส"
            "อืม..." ข้าพยักหน้าเบาๆพลางเก็บอารมณ์อยากกระทืบคนไว้ อย่างข้ามันทำไมเหรอฟะ...
            "เชิญท่านครับ" โชคดีที่เสียงจากทหารคนนั้นดึงสติข้าไว้ ไม่หยั่งงั้นล่ะก็...
             ข้าเดินก้าวเข้าไปในเมืองก่อนที่เจ้าคนหัวแดงจะได้สติและเดินตามเข้ามา มันเริ่มมองข้าสลับไปมากับเหรียญในมืออย่างไม่เชื่อสายตาอีกคน
            "ยะ ยอดไปเลย เจ๋งสุดๆ ท่านพี่ไรอัลของข้าเป็นถึงอัศวินอันดับสามแห่งเซทริออสเลยเหรอ" เจ้านั้นเริ่มพล่ามอะไรไร้สาระของมันไปเรื่อย แต่อย่าใช้คำว่า พี่ไรอัลของข้าได้มั้ยฟะ ฟังแล้วขนลุกชะมัด
             ข้าใช้ให้มันเดินนำไปยังสำนักงานบ้านและที่ดินประจำเมืองทาบารอส ซึ่งมันก็นำทางไปแต่โดยดี โดยข้ากำชับมันไว้นักหนาว่าอย่าไปกวนตีนใครเค้าอีก ขึ้นมีเรื่องอีกสิ ข้าจะเหยียบมันให้จมดินเป็นคนแรกเลยคอยดู
             ในเมืองค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ต่างจากข้างนอกมาก ผู้คนสวมชุดเรียบๆดูเรียบร้อยกว่าด้านนอก ทางเดินและบ้านเรือนถูกทำมาจากอิฐบล๊อกสีส้ม โดยปลูกต้นไม้เป็นแนวยาวตามทาง อีกทั้งมีย่านการค้าที่ผู้คนต่างเอาสิ่งของต่างๆมาขาย จะว่าไปที่นี่ก็ดูรุ่งเรืองใช่เล่น เจ้าคนหัวแดงนำทางข้ามาจนถึงหน้าอาคารใหญ่โตทำจากอิฐสีส้มเหมือนกับบ้านหลังอื่น กระจกถูกตกแต่งเป็นสีต่างๆ ข้าเปิดประตูที่เป็นไม้ขัดมันเงาวับเข้าไปด้านใน ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ทาสีขาวสะอาดตา มีช่องสำหรับเอาไว้บริการประชาชนอีกมากมายเป็นแนวยาว ข้าเดินไปช่องที่ใกล้ที่สุด
             "มาติดต่อเรื่องอะไรเหรอคะ" พนักงานหน้าตาจิ้มลิ้มออกปากถามทันทีที่ข้าเดินมาถึง ที่นี่บริการเร็วใช้ได้แฮะ
             "ข้ามาขอดูที่อยู่บ้านที่สั่งจองไว้" ข้าตอบ
              หลังจากนั้นพนักงานคนนั้นก็ถามชื่อ ประวัติ บัตรต่างๆ แล้วให้ที่อยู่บ้านที่ข้าสั่งไว้ ข้าหยิบแผนที่นั่นขึ้นมาดู แต่แล้วก็ต้องเกาหัวแกรกๆเมื่อกระดาษที่อยู่ตรงหน้าบ่งบอกแค่เพียงเลขที่ของบ้านเท่านั้น บ้านของข้าคือบ้านเลขที่1 เลเวล4 อะไรเนี่ย แล้วข้าจะไปหาที่ไหนอะ ข้าเลยหันไปทางคนหัวแดงก่อนส่งสายตาของความช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าคนหัวแดงก็ให้ความร่วมมือดี...มากกก เพราะเนื่องจากมันไม่สนใจข้าแล้วมันยังลุกไปม้อพนักงานได้อย่างหน้าตาเฉย
              "ฟรอส" ข้าเรียกมันด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมแผ่รังสีให้มันรู้ตัวซึ่งก็ได้ผล มันแทบจะหันมามองข้าโดยทันได
              "มีอะไรเหรอฮะ" มันส่งยิ้มใสซื่อ ซึ่งท่าทางเจ้าตัวไม่รู้สักนิดว่ามันยิ่งทำให้ข้าหงุดหงิด
              "มีสิ" ข้าพูดพลางยิ้มสยองตอบให้มันสุดฤทธิ์ 
             ข้าสงบอารมณ์อยากงัดโต๊ะไม้ด้านข้างมาฟาดคนหัวแดงก่อนจะยื่นแผ่นบอกที่อยู่บ้านของข้าให้เจ้าฟรอส ข้าล่ะเกลียดใบหน้าแกล้งใสซื่อของมันจริงๆ
             "ที่นี้อยู่ที่ไหนล่ะ" ข้าถามมัน มันรับแผนที่มาดูแล้วทำท่านึกอยู่แว๊บนึ่ง
             "ก็... ออกจากนี้แล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปจนสุดจะมีป้ายบอกทาง แต่อย่าไปเชื่อนะ เด็กแถวนี้ชอบไปเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ" มีงี้ด้วยเหรอฟะ "จากนั้นก็ขึ้นบันได เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกที ขึ้นบันดะ...."
              "พอๆๆๆ" ข้าบอกให้มันหยุดพลางส่ายหน้าด้วยความมึนเล็กน้อย ทางวกวนขนาดนั้นใครจะไปจำได้ฟะ "เจ้านำทางไปล่ะกัน"
              มันส่ายหน้าเล็กน้อย "ก็ได้ฮะ"
             มันเดินนำข้าออกไป แต่ขณะที่ข้ากำลังจะก้าวตาม พลังกดดันมหาศาลที่ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรถูกปล่อยมาจากด้านนอก นั่นทำให้ข้าหยุดแล้วเรียกพลังลมเตรียมพร้อมไว้ เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลข้าจะได้... โกยสุดชีวิต อะไรนะ จะให้ข้าลุยงั้นเหรอ เรื่องสิ ถึงข้าจะเป็นพระเอกก็ไม่ได้แปลว่าข้าจะตายไม่เป็นนะเฟ้ย อีกทั้งพลังของตัวต้นเหตุมันต้องมากพอที่จะทำให้ข้าเหลือแต่ชื่อได้แน่ ฉะนั้น ฝันไปเถอะถ้าข้าจะต้องลุยกับเจ้านั่น ข้าหันมองไอยังเจ้าคนหัวแดง มันหยุดนิ่งเช่นกัน มันหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัดแล้วพึมพำอะไรบางอย่าง
             "อะ อาจารย์"
             หลังจากเจ้านั่นพูดจบ ปรากฎร่างชายร่างสูงยืนข้างๆเจ้าฟรอสตั้งแต่เมื่องไหร่ไม่รู้ เส้นผมยาวเป็นรากไทรปกปิดซีกหน้าเรียวสวยไว้ด้านหนึ่ง นัยน์ตาสีเทาดูทรงอำนาจจ้องมองไปที่คนหัวแดงเขม็ง มีเพียงสีเดียวที่ข้ารู้เกี่ยวกับเจ้านั่นคือ
             เจ้านั่นไม่ใช่มนุษย์...
            "ฟรอส กลับไปกับข้า" เสียงทุ้มต่ำกังวานไพเราะ เพียงแต่มันสร้างความกดดันให้กับเจ้าของชื่อได้อย่างมาก ข้าเห็นเจ้าฟรอสหน้าซีดราวซากศพเลยตอนนี้ ว่าแต่เจ้านั่นเป็นศิษย์ของเจ้าคนหัวขาวนี้เหรอ งั้นข้าสบายใจได้เปราะหนึ่งสินะ ค่อยยังชั่วหน่อยที่ข้าไม่ต้องประมือกับเจ้านี้
            แต่ดูเหมือนข้าจะไม่โชคดีขนาดนั้น
           "ข้าอยากให้ข้ากลับไปก็ข้าศพพี่ไรอัลของข้าไปก่อนสิ"
           "..." ข้ายืนนิ่ง พูดอะไรไม่ออก สิ่งที่ข้ารู้ตอนนี้คือถ้าโลกนี้มีรางวัลคนที่ชอบหาเรื่องให้ข้ามากที่สุดเจ้าฟรอสคงกวาดรางวัลไปเรียบแน่
           หลังจากนั้น บรรยากาศก็นิ่งเงียบไปนานกระทั่งคนหัวเงินเดินมาหาข้าพร้อมแรงกดดันซึ่งมาพร้อมกับจิตสังหาร นั่นทำให้ข้ากลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างไม่อายใคร เจ้านั่นมองข้าเขม็งด้วยสายตาที่ข้าอ่านไม่ออก และไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงได่จ้องมันตอบอย่างไมว่าตา
          "ข้าครอส" น้ำเสียงทุ้มกังวานจากคนด้านหน้าเพิ่มความกดดันมากขึ้นไปอีก
          "ข้อไรอัล" ข้าตอบไปเต็มเสียงทั่งๆที่ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ภายในหัวข้ามีแต่ความกลัว เพียงแต่ร่างกายข้ากับตอบสนองเป็นอีกแบบ
          "ท่านช่างน่าสนใจจริงๆ" ไม่ได้ให้ชมโว้ย ออกๆไปซะทีได้มั้ย ข้าหาทางไปบ้านคนเดียวก็ได้เฟ้ย "ท่านคงไม่รังเกียจที่จะประมือกับข้า"
          "ได้" 
          ...
          ตอนนี้ในหัวข้ามีสีขาวโพลนไปหมด ข้ามายืนอยู่ที่ลานโล่งแถวไหนไม่รู้ เมื้อกี้ข้าพูดว่าอะไรนะ ได้? งั้นเหรอ เฮ้ย ทำไมข้าพูดออกไปอย่างงั้นล่ะ ให้โอกาสแก้ตัวพูดใหม่อีกครั้งได้มั้ย พลีสสส!!!
          ดูท่าทางเจ้าคนผมเงินจะไม่เปิดโอกาสให้ข้าได้พูดใหม่ ลูกพลังสีขาวในมือถูกประเคนเข้าใส่กลางลำตัวข้า เพียงแต่ข้ากระโดดม้วนตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียด นั่นทำให้พื้นที่ๆข้าเคยอยู่กลายเป็นหลุมลึกกว้าง ข้าจ้องหลุมนั่นตาโต โดนทีถึงตายเลยนะนั่น นี่มันคิดจะเอาชีวิตข้าจริงๆเหรอฟะ ดูเหมือนเจ้านั้นจะไม่รอให้ข้าตั้งหลัก ลูกพลังสองลูกถูกปล่อยออกมาต้อนรับข้าอย่างน่ายินดี จะบ้าเหรอ ข้าไม่ยินดีด้วยหรอกเฟ้ย ข้ากระโดดหลบเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ลูกแรกทำให้เกิดหลุดกว้างเช่นเคย แต่ลูกที่สองกลับตามข้ามาติดๆ ข้าร่ายเกราะแสงสกัดเอาไว้ ลูกพลังสีขาวกระทบเกราะแสงเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น ข้าจ้องมองระเบิดด้วยความเหวอ นี่มันแรงกว่าครั้งแรกอีกนะ แต่ไม่นานใบหน้าก็ข้าก็เริ่มยิ้มได้อีกครั้ง ใช่แล้ว ข้านึกอะไรดีๆออก ข้ารอจังหวะที่เจ้าคนผมเงินจะปล่อยไอลูพลังสีขาวๆนั่นมากอีกที ไม่นานนัก ดูเหมือนเจ้านั่นจะปล่อยมาอีกรอบ ข้ายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
          "ไลท์นิ่ง เบรก" สิ้นเสียง พลันปรากฎณ์เกราะแสงเข้าล้อมรอบคนหัวเงินไว้ ลูกพลังสีขาวของเจ้านั่นกระทบกับเกราะแสงจากนั้นก็
          ตูม!!!
          เสียงระเบิดดังกึงก้องกัมปนาททั่วอาณาบริเวร อย่างที่ข้าคิด เมื่อเจ้าลูกบอลสีขาวนั่นกระทบกับอะไรก็ตาม มันจะระเบิด ข้าเลยใช้โอกาสนั่นให้มันระเบิดตัวเองซะเลย ฮ่าๆๆ เอือก
          "น่าสนใจมาก" เสียงทุ่มต่ำไพเราะทำให้เสียงหัวเราะของข้าหายไปหมดสิ้น พร้อมกับสีหน้าที่เรียกว่า เหวอมากมาย ก็จะไม่ให้เหวอได้ไงล่ะ เจ้านั่นเล่นเดินออกมาจากกลุ่มควันโดยไร้รอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว
          "อะ เฮ้ย" ข้าเก็บอาการตกใจไว้ไม่อยู่ เมื่อพริบตาเดียวร่างเจ้าคนผมขาวก็มายืนนิ่งต่อหน้าข้าโดยข้าทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่แทนที่ข้าจะหลับตาปี๋รับแรงกระแทก ข้ากับจ้องตามันอย่างไม่ลดละอีกรอบ
          "ท่านน่าสนใจจริงๆ" พูดเป็นคำเดียวหรือไงฟะเจ้านี่ "เอาล่ะ ในเมื่อความรักของท่านไรอัลที่มีต่อเจ้าฟรอสมากมายขนาดนี้ ข้าก็ไม่ขอขวางทางท่าน ขอให้ท่านสองคนมีความสุขร่วมกันตราบนานเท่านาน"
           พูดเสร็จเจ้านั่นก็หันหลังเดินได้โดยมีเจ้าฟรอสที่กำลังหน้าแดงยืนอยู่ด้านข้างข้า
           "..." ตอนนี้ข้ากำลังทำหน้าเหวอกำลังสอง ไม่สิ กำลังสิบเลยต่างหาก เข้าใจผิดกันไปถึงไหนแล้วเนี่ย เฮ้ยเดี๋ยวก่อน เจ้าครอส กลับมาก่อน มาเคลียกันให้รู้เรื่องก่อนนี้ฟะ
           ไม่ทันแล้ว ร่างของคนหัวเงินหายไปแล้ว ข้าได้แต่ก้มหน้าด้วยอารมณ์ประมาณอยากสับใครเป็นชิ้นๆ
           "คือ... ทะ ท่านพี่ไรอัล ข้า... ยัง" เจ้าฟรอสทำหน้าเขินอายซะจนข้าอยากจะฆ่าตัวตายซะเดี๋ยวนี้ ข้าหันไปมองมันตาเขียวปัด
           "ไม่ใช่อย่าที่เจ้าคิดเฟ้ย" ข้าตะโกนสุดเสียงที่มี
           ...


            ให้ตาย วันนี้มันอะไรของมันฟะ ซวยซ้ำซวยซ้อนจริง แ่ต่ช่างเถอะ ในที่สุดข้าก็มาถึงบ้านของข้าเสียที ถึงแม้ไอตัวที่มาส่งจะไม่พูดไม่จาอะไรเลยแล้วของตัวกลับไปก็เถอะ ท่าทางมันจะเข้าใจผิดไปอีกนาน ข้าลุกจากเก้าอี้สุดหรูภายในห้องที่ตกแต่งมาเป็นอย่างที่ด้วยโทนสีส้ม ทั้งข้าวของเครื่องใช้และผนังห้อง หมายจะอาบน้ำแล้วเข้านอนที่เตียงนอนสุดหรู เจ้าถามว่าข้าซื้อมาได้ยังไงน่ะเหรอ อัศวินอันดับสามไม่ได้จนหรอกนะเฟ้ย แต่ทันทีที่ข้าถอดเสื้อผ้าเสร็จเตรียมจะอาบน้ำเกิดเสียงดังเหมือนกระจกแตกภายในห้องนอนของข้า
           เพล้ง
          "อะไรน่ะ?" ข้าชะโงกคอเข้ามาดูที่เกิดเหตุ "เฮ้ย"
           ข้าร้องเสียงหลงทันทีมือเห็นร่างเล็กของเด็กผู้หญิงนอนกองอยู่ที่พื้นในห้องนอนของข้า 
    นางชุดกระโปร่งสีขาวฟูฟ่องนอนกองอยู่ที่พื้น หลับตาพริ้ม เส้นผมสีทองสุกยาวถึงเอวส่องแสงระยิบระยับ ร่างนั้นค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากนั้นก็ค่อยๆพยุงตัวอย่างยากลำบาก นัยน์ตาสีอความารีนกรอกมองรอบๆตัว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
        "
    ที่นี่ที่ไหน?"

     
          

            
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×