ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Farentel magic Library ฟาเรนเทล ห้องสมุดมหัศจรรย์

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 คู่หมั้นคู่หมาย [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 57


    บทที่ 3

    คู่หมั้นคูหมาย

        ถึงแม้ในยามนี้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วแต่ลีเวลก็ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในหอสมุดกลางและยังไม่มีความรู้สึกง่วงลยสักนิดเดียวแม้จะดึกมากแล้ว หรืออาจะเป็นเพราะตอนเรียนนอนดึกมามากพอจึงชินสียงแล้ว ข้างๆก็มีหมาป่าสองตัวนอนอยู่เป็นเพื่อนและคอยดูแลเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น ลีเววละสายตาจะหนังสือแลวนึกถึงหน้าของร่างสูงกับหญิงสาวร่างเล็ก”ใช่สิ ฉันมันไม่ได้น่าปกป้องเหมือนยัยนั่นนี่นา...”ลีเวลเอ่ยออกมาอย่างนอยอกน้อยใจ เธอไม่มีอะไรดีเท่าหญิงคนนั้นเลย มีอย่างเดียวก็คือความสามารถเรื่องพลังเวทย์อย่างเดียวล่ะมั้งที่อาจจะเก่งกว่าคนธรรมดาหน่อย”อย่าไปคิดให้เหนื่อยใจเลย ยังไงเราก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว”เธอวางที่คั่นหนังสือลงบนหน้าสุดท้ายที่อ่านไว้ก่อนจะผิดหนังสอลงแล้วเดินไปนั่งริมขอบหน้าต่างบานใหญ่แล้วมองดาวที่วันนี้สวยงามกว่าปกติ เธอนั่งมองมันอยู่นานก่อนจะหันกลับมาและพบร่างสูงทียืนอยู่ไม่ไกลจากเธอเท่าไหร่”เข้ามาได้ยังไง นี่มันดึกมากแล้วนะ!เธอเอ่ยบอกแต่เมวิลก็ไม่ฟังแถมเดินเข้ามาหาเธออีกต่างหาก”ฉันยังไม่ได้กลับต่างหาก...ฉันอยู่คุยกับวิลเล่จนดึกไปหน่อยเลยขอนอนค้าง นอนไม่ค่อยหลับเลยออกมาหาอะไรอ่านแต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะมา...อยู่แถวนี้...”เมวิลมองร่างของลีเวลหัวจรดเท้าที่สวมชุดนอนแขนขายาวสีฟ้าอ่อนๆ”ชุดนอนฉันมันแปลกหือไง มองอยู่ได้!?”ลีเวลมองหน้าเมวิลที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเธอ”ฉันก็แค่คิดว่าเธอจะใส่ชุดลูกไม้สีอ่อนมองทะลุ...โอ้ย!

             หมอนถูกปาใส่หัวของร่างสูงรัชทายาทอย่างจัง สีหน้าของลีเวลที่แสดงให้เห็นถึงความโกรธ”ลามก!”ลีเวลเดินกระแทกเท้าเข้าไปชนไหล่ของเมวิลแล้วรบวิ่งกลับห้องทั้งให้เมวิลยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น การกระทำที่เขามองว่าน่ารักตามแบบฉบับของเด็กแก่นแก้ว แสงสว่างทำให้เห็นแก้มสีแดงระเรื่อของเจ้าตัวที่ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่ อันที่จริงตั้งใจจะมาอ่านหนังสือหรือหาอะไรทำจะได้ง่วงแต่พอมาเห็นอะไรแบบนี้ไม่ต้องไปหาอะไรทำก็หลับฝันดีแล้วล่ะ ใบหน้าสวยๆของร่างบางที่เขาคอยนึกถึงทุกทีที่ไม่ได้เจอกัน แต่เมื่อรู้มากจกท่านพ่อว่าตนเองต้องแต่งงานแล้ว เขาก็อยากออกจาวังตั้งแต่เช้ายันเย็น ตลอดชีวิตได้เลยยิ่งดี เจ้าหล่อนก็ไม่ได้ไม่สวยหรือมีอะไรที่เขาไม่ชอบแต่เพราะหล่อนไม่ใช่คนที่เขาคิดว่าใช่ และผู้หญิงอย่างหล่อนก็หาได้ทั่วไปตามเหล่าสตรีชั้นสูงเขาไม่ได้อยากได้ผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นแม่ของลูกเขาหรอก “ได้มาง่ายเกินไปเขาไม่ชอบ ใช้เดี๋ยวเดียวก็เบื่อ ต้องได้มายากๆสิถึงจะน่าสนใจ”เมวิลเอ่ยกับตัวเองเบาๆก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปแล้วก็เจอกับเพื่อนสนิทที่นั่งยิ้มอยู่”อะไร?”เมิลเอ่ยถาม”ไปเจออะไรดีๆมาล่ะสิ ฉันก็ลืมบอกว่าลีเวลยังไม่นอน”วิลเล่ยิ้มให้ก่อนจะนอนลง”ก็ดีแล้วล่ะ”คนที่ถูกแซวว่าก่อนจะล้มตัวลงนอนตามเพื่อนไปอีกคน

           ยามเช้าที่แสนสดใส ลานพิธีกลางแจ้งเต็มไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลมาทำพิธี ลีเวลและไลลาที่กำลังพยายามแทรกตัวเข้าไปวางดอกไม้ แต่จำนวนคนที่เยอะเกินไปทำให้พวกเธอนั้นเดินชนไหล่กับใครบ้างก็ไม่รู้ซึ่งแน่นอนว่าลีเวลนั้นก็หงุดหงิดมากเพราะเธอเกลียดที่คนเยอะมากๆ ทำให้ลีเวลนั้นพยายามที่จะเข้าไปวางดอกไม้ให้เร็วที่สุด

        หลังจากที่ฝ่าวงเข้าไปสำเร็จพวกเขาก็ออกมาหาอะไรทานที่ร้านอาหารใกล้หอสมุด แต่สายตาที่แสนจะดีของลีเวลก็ดันไปเจอกับสาว่างเล็กคนเมื่อวาน ลีเวลหันกลับมาสนใจกับอาหาก่อนจะสูบ(?)มันเข้าไปอย่างรวดเร็ว”พี่เห็นนะว่าเรามองใครอยู่ ลีเวล...”ไลลาว่ายิ้มๆก่อนจะจิ้มผักเข้าปาก”รู้แล้วก็กินต่อไปเถอะ...”ลีเวลมองพี่สาวตาขวาง ก่อนจะหยิบขวดน้ำเปล่ามาดื่ม”อะไรเรา หึงเขาหรือไง”ไลลาว่าก่อนจะยิ้มให้น้องสาว

    ”ก็อย่างว่าละนะ คนอย่างเธอมีอะไรสู้ฉันได้บ้าง”เสียงแหลมๆของร่างบางที่ลีเวลเห็นเมื่อตอนนั้นอยู่ด้านหลังของพี่สาวเธอ”มีปัญหาอะไรไม่ทราบ มาหาเรื่องกันแบบนี้อยู่โดนดีหรือไง!?”ลีเวลลุกขึ้น พลางตบโต๊ะเสียงดันลั่น”ใจเย็นๆ ที่นี่มันร้านอาหานะ”ไลลาเอ่ยกับน้องสาวที่ตอนนี้โกรธเป็นฝืนเป็นไฟแล้ว ถึงจะรู้ว่าไม่มีอะไรสู้เขาได้แต่การที่มาพูดใส่แบบนี้มันก็น่าโกรธล่ะนะ... “เข้ามาทำอะไรฉันสิ ถ้าแน่จริงน่ะ หึ ไม่กล้าล่ะสิเข้ามาตบฉันสิ...ฉันจะได้...อุ๊ป!”ขนมปังก้อนพอดีมือถูกปาอุดปากเจ้าหล่อน”น้องสาวพี่ แม่นเกินไปแล้วนะ”ไลลายิ้มพลางดันเก้าอีไปชนแล้วลุกขึนเดินออกจากร้านไปตามด้วยลีเวลที่แกล้งเหยียบเท้าแม่แครี่ร้องกรี๊ดเล่นๆ

    “สะใจชะมัด...”พี่สาวว่าพลางหนไปยิ้มให้น้องสาวที่เดินหัวเราะออกมา”เชื่อสิว่าเรต้องโดนท่านผอ.ดุแน่...”ลีเวลว่ายิ้มๆเพราะยังไงเจ้าหล่อนก็คงต้องรับนั่งรถแจ้นไปฟ้องผอ.วิล่าแน่นอน แต่ยังไงซะเธอก็ยังมีคน..ไม่สิหมาป่าช่วยอยู่ ลองทำอะไรเธอดูสิเจ้าสองตัวได้ขย้ำไม่เหลอซากแน่ อีกอย่างเธอคิดว่าบารอนกน่าจะรู้นิสัยเธอดี เธอคงไม่ไปทำอะไรใครก่อนแน่นอน ส่วนวิล่า รายนี้ไม่แน่ใจว่าจะเข้าข้างเธอหรือยัยนั่น แต่เธอก็มั่นใจวายังไงทุกคนก็ต้องรู้ว่าเธอคงไม่ได้ไปหาเรื่องใครก่อน

     

            อย่างที่คาดแครี่มาฟ้องผอ.ที่หอสมุดจริงๆ เมื่อสองสาวกลับมาก็พบคนเกือบทั้งหอสมุดมานั่นรอเธออยู่”นี่ไงคะ มาแล้ว”คนติดตามของแครี่ว่าพลางชี้หน้าลีเวล ไม่รู้หรือไงกันว่าช้ออกมาอย่างนี้เสียงแขนขากมากๆ”เอามือเข้ามา เดี๋ยวก็โดนหมาคาบไปหรอก!”ซีเวลวาพลางดึงมือของคนติดตามเข้ามา”เสี่ยงขนาดนี้ น่าจะปล่อยให้ขาดไปเลยนะคะ”ลีเวลว่าพลางเดินเข้ามาลูบหัวเจ้าสองแฝด”คูรแครี่บอกว่าเธอเข้ามาหาเรื่องเขาก่อน เธอมองตาขวางใส่แล้วก็ทำท่าจะเข้ามาตบเขา...”ผอ.วิล่าเปิดประเด็นขึ้น”ถ้าฉันทำจริงยัยนี่ไม่เหลือซากกลับมาหรอก...”ลีเวลว่าก่อนจะส่งสายตากวนประสาทไปให้หล่อนที่นั่งทำท่าอ่อนแอ...เห็นแล้วมันน่าจะเดินเข้าไป...กระชากหน้ากากออกจริงๆ

               ลีเวลคิดในใจ เธออยู่ในโรงเรียน พบผู้คนมากมายเพราะเป็นโรงเรียนเสรี เจอคนแบบนี้มาก็มากแต่ไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่เหมือนคนอื่นที่เธอเจอมา...เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในตัวเธอ...”หึ...ปากดี”หญิงสาววาพลางเลื่อนมือไปกดนาฬิกาแล้วหลังจากนั้นทุกคนก็หยุดเคลื่อนไหวมีเพียงแค่ลีเวลกับเธอเท่านั้นที่ยังขยับได้อยู่

    “หึ....เธอนี่น่าสนใจดีนะ...งั้นก็มาเล่นกับฉันหน่อยสิ...”ร่างเล็กมองเธอด้วยสายตายียวนเหมือนกับใครสักคนที่เธอเพิ่งจะเจอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว...”บีเซล!”ร่างเล็กปรบมือให้ความความฉลาดของเธอนี่เป็นจิตของบีเซล เขามีพลังเคลื่อนย้ายจิตของตนเองไปอยู่ในร่างกายของใครก็ได้ โดยที่เจ้าของร่างกายนั้นจะต้องยินยอมให้ใช้ ซึ่งจะต้องทำพันธสัญญาเอาไว้ถึงจะใช้ร่างกายนี้ได้และผู้หญิงคนนี้ถ้าเธอเข้าใจไม่ผิดคงจะไปเจอกับบีเซลเข้า ลันก็คงเกลี้ยกล่อมเธอโดยเอาเจ้าชายมาอ้างแน่นอน เพราะดูท่าทางแล้วเธอคงจะรักเขามาก...”แรงรักของสตรี ทำให้ยอมได้แม้กระทั่งให้ร่างกายของตัวเองกับคนอื่น...ช่างน่าทึ่ง...”บีเซลว่าพลางมองร่างกายของหญิงสาวที่มีจิตของตนเองอาศัยอยู่”แกต้องการอะไร?”ลีเวลถามร่างเล็กที่ภายในมีจิตชายวัยกลางคนอยู่ ถ้าจะให้ทำลายคงยากเพราะนี่ไม่ใช่ร่างกายของเขา นับว่าฉลาดมากที่มาใช้แผนนี้ เพราะรู้ว่าเธอจะทำอะไรร่างกายนี้ไม่ได้เลยมาใช้ร่างกายนี้แทน แผนนี้นับว่าฉลาด...แต่ยังไงก็ฉลาดไม่เท่าเธอ”ฉันไม่ทำอะไรยัยนั่นหรอก แต่จะทำแกแทน”ลีเวลหลับตา จากนั้นก็มีร่างโปร่งแสงแยกออกมาจากตัวเธอนี้เป็นเวทย์อีกอย่างที่บรรณารักษ์ทุกคนจะต้องเรียนไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออะไร ทำไม่ได้หรือได้ก็ต้องเรียนนั่นก็คือใช้จิตสู้กับจิต จะใช้ในเวลาที่คนร้ายใช้ร่างกายของคนอื่นมาต่อสู้การใช้จิตสูกับจิตนั้นจะไม่ทำให้สิ่งของรอบตัวหือสถานที่พังลงมาเพราะไม่สามารถจับต้องสิ่งของอื่นๆได้นอกจากคู่ต่อสู้เท่านั้น”ฉันก็พอจะรู้มาบ้างนะว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่อาจจะเป็นลูกครึ่ง...”ลีเวลยิ้มอย่างเหนือชั้นใส่จิตของอีกฝ่าย ลีเวลเอ่ยพลางเสกลูกไฟออกมา”มุกนี้ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก นี่ไม่มีดวงจันทร์ แสงอาทิตย์ก็เข้าไม่ถึง...”บีเซลยิ้มร้ายก่อนจะเสกลูกไฟสีดำแล้วสาดเข้าไปใส่ลีเวล จิตของลีเวลกระเด็นทะลุกำแพงออกไปด้านนอกของหอสมุด”อัก!”ร่างบางกระอักเลือดเพราะพลังที่ถูกสาดเข้ามารุนแรง”ครั้งที่แล้วฉันประมาท แต่ครั้งนี้ แกรอดก็นับว่ดีแล้วล่ะนะ แต่ว่า...ฉันจะไม่ให้แกรอดน่ะสิ”ร่างสูงเอ่ยพลางยิ้มร้ายหลังจากนั้นก็เดินเข้าไปกระชากตัวของลีเวลให้ลุกขึ้น”กะ...แก”ลีเวลพยายามดิ้นออกมาแต่แรงของเขาที่มีมากกว่าทำให้เธอไม่สามารถหลุดออกมาได้”ตายไปซะเถอะ...อยู่ไปแกก็รกโลก!”บีเซลเงื้อมือขึ้นเหนือหัวเพื่อสร้างลูกไฟสีดำทะมึนขนาดใหญ่แต่ยังไม่ทันจะสาดมันใส่ลีเวลก็มีจิตสีขาวที่ไม่ปรากฏรูปร่างหรือเคนเทรียซึ่งเป็นชื่อที่เรียกจิตไม่มีรูปร่าง จิตของบรรพบุรุษหรือจิตของผู้รักษาคุ้มครองก็พุ่งเข้าชนจนบีเซลกระเด็นไปอีกทาง ลูกไฟที่ยังไม่สำเร็จนั้น จะย้อนกลับเข้าตัวตามปกติอยู่แล้ว ภาสุดท้ายที่เห็นคือชายหนุ่มที่แต่งตัวเหมือนกับบารอนแต่ไม่ใช่เขา สายตาที่ดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอแล้วอุ้มขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปส่งในหอสมุด...”ไม่เป็นไรแล้วนะลีเวลพ่ออยู่ตรงนี้แล้วนะ”ชายคนปริศนาว่าก่อนจะวางเธอในท่านั่งบนโซฟาก่อนจะหายไป

              “พ่อ!...อ๊ะ...”ลีเวลเอามือกุมท้องเพราะบาดแผลที่ได้รับจากกาต่อสูทางจิตมีผลต่อชีวิตจริงด้วย”อย่าเพิ่งลุกนะเธอเจ็บตัวอยู่”ซีเวลเอ่ยพลางพยายามดันตัวเธอให้นอนลง เธอเห็นว่าอยู่ดีๆลีเวลก็นิ่งไปหลังจากที่เธอหลุดออกมาจากมิติเวลาแล้วลีเวลคงจะใช้จิตสู้กับหมอนั่นแน่ๆ เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แครี่หลังจากที่พวกเธอหลุดเข้าไปในมิติเวลา เธอเห็นแครี่ เธอจึงเข้าไปถามและได้รู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกคอใคร ตอนแรกเธอกะจะปลุกลีเวลแต่มันเสี่ยงมากเพราะเธอเองก็ไม่ได้รับรู้ว่าจิตของลีเวลอยู่ที่ไหน และถ้าเกิดจิตอยู่ไกลเกินหนึ่งกิโลเมตร ถ้าเกิดไปปลุก ลีเวลอาจจะกลับร่างไม่ได้ เธอจึงให้พวกเอลฟ์ร่ายมนต์คลุมร่างเธอแล้วนำมาไว้บนห้องนอน”ลีเวล ฉันไมคิดว่าเธอจะรอดมาได้ การต่อสู้ทางจิตมันเสี่ยงมากนะลีเวล เธอรอดมาได้นี่ถือว่าโชคดีของเธอแล้วนะ การต่อสู้ทางจิตเป็นสิ่งที่หมอนั่นถนัดมากที่สุดเลยนะ เธอไปต่อสู้กับมันทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองมพลังไม่มากพอ...เธอคิดอะไรอยู่”ลีเวลไม่กล้าสบตา แต่ในใจคิดถึงเพียงแต่ชายที่พาเธอมาส่ง ชายที่เธอเรียกเขาว่า พ่อ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เธอแน่ใจว่าพ่อต้องคอยอยู่ดูแลเธอ

     

    “ผนึกพลังกำลังจะแตกออกแล้ว เราจะปล่อยให้เด็กนั่นมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว!”ทางด้านของบีเซล ร่างบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีเลือดหมูเอ่ยพลางกำมือแน่น อีกด้านหนึ่งของห้องประชุมก็มีนักเวทย์หนุ่มหัวแดงนั่งอยู่”เมลท์ เจ้าไม่คิดจะออกความคิดเห็นอะไรเลยหรือไง?”ร่างบางเอ่ยถามนักเวทย์หนุ่มที่นั่งอยู่”ผมกำลังคิดแผนการที่จำทำลายหอสมุดนั่นอยู่ เรื่องเด็กนั่น เอาไว้ก่อนเถอะ ผมไม่คิดว่ามันจะสำคัญเท่าการครอบครองที่นั่นหรอก ถ้าเราได้ที่นั่น กากำจัดเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก”นักเวทย์หนุ่มยิ้มร้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุม”ถ้ามารยาทของหมอนั่นดีได้ครึ่งหนึ่งของสมอง ฉันว่าหมอนั่นคงเป็นผู้ชายที่น่าคบพอดู....”หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เอ่ยบอก”ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะยังอยู่ที่นั่น คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย!”บีเซลเอ่ยพลางกำมือแน่น”อะไรกัน อย่าแพ้แล้วพาลสิ สู้เด็กมันไม่ได้กบอกมาเถอะ”หญิงสาวร่างเล้กดันแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับสิ่งที่น่าสนใจบนกระดาษ”เรื่องราวของสุริยุปราคา...”

             ที่นี่การเกิดสุริยุปราคาเป็นไปได้ยาก อย่าว่าแต่เต็มดวงเลย ให้เกิดได้แบบเห็นกันจะๆสักครั้งยังจะดีกว่าเพราะส่วนใหญ่เวลาที่เกิดมักจะคลาดเคลื่อนเสมอ แม้ว่าจะใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์หรือใช้การคำนวณที่ใช้นักเวทย์ที่เกี่ยวกับท้องฟ้าทำนาย ก็มักจะคลาดเคลื่อนทุกที สุริยุปราคาเต็มดวงนั้นเคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ราชวงศ์เกิดขึ้น และเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายตอนที่มีกาก่อตั้งผู้นำของหอสมุด แม้ดินแดนในฟาเรนเทลจะเป็นเมืองศูนย์กลางที่น่าจะรวบรวมเหล่าผู้คนมีความสามารถไว้มากที่สุด แต่ก็ยังทำนายคลาดเคลื่อน และคำทำนายที่เขียนไว้หน้าหอสมุดที่คาด่าน่าจะอีกสักร้อยปีถึงจะเจอ 

              แม้ในวันหยุดคนในฟาเรนเทลจะพลุกพล่านแต่ก็ยังหาความสงบได้ที่สวนสาธารณะ หลังจากที่พักฟื้นจากพลังเวทย์ของบีเซลจนพอที่จะเดินเหินไดแล้วลีเลวก็ขอออกมาเดินล่นข้างนอกบ้างเพราะนานๆทีจะได้หยุดกัน เธอจึงอยากมาเดินเล่นให้สบายใจ และคิดว่าบีเซลคงจะไม่ออกมาหาเธอในที่สาธารณะแบบนี้เพราะมันทั้งเสียงต่อการถูกตำรวจเวทย์ ทหารเวทย์จำตัวได้ โดยเฉพาะทหารหลวงที่มักจะมาเดินเล่นเพราะในวังไม่มีอะไรจะต้องป้องกันอะไรมากนอกจากตำหนักในที่ราชินีและพระญาติที่เป็นสตรีอาศัยอยู่  ลีเวลนั่งลงบนม้านั่งริมทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีคนเชื่อกันว่าวันที่เกิดสุริยุปราคาจะมีเงือกและสัตว์น้ำในตำนานต่างๆขึ้นมาแหวกว่ายให้เต็มทะเลสาบ และสัตว์ที่หายากมากๆนั่นก็คือ มัจฉาดารา เป็นนกที่ดาราศาสตร์ของฟาเรนเทลต้องการ ที่หายากพอๆกันก็คือ วิหคอัคนี หรือ นกฟีนิกซ์ นั้นด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาวและมีพลังในการช่วยรักษา ทำให้พวกมันเคยถูกล่าจะเกือบจะสูญพันธ์ทำให้หลวงจะต้องมาประกาศว่าการล่านกฟีนิกซ์นั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมถึงอาหารที่พวกมันกินนั้นหายาก ทำให้พวกมันมีชีวิตรอดน้อยมากๆ สัตว์ทั้งสามนี้ ก็คือ ยูนิคอร์น มัจฉาดาราและวิหคอัคนี เป็นสัตว์ประจำราชวงศ์และประจำหอสมุดทั่วรัฐ พวกมันจะเป็นผู้ที่ทำให้ธรรมชาติสมดุลเพาะวิถีชีวิตขอผู้คนในรัฐฟาเรนเทลนั้นส่วนมากจะใช้ธรรมชาติในกาเลี้ยงชีพ ถ้าไม่มีพวกมันคอยช่วยทำให้ธรรมชาติสมดุล มันก็จะไม่บางอย่างมากไป บางอย่างน้อยไป และจะเกิดผลเสียตามมา

    ........................................................................................................................................................................ความรู้เล็กๆน้อย ของ นกฟีนิกซ์ จาก วิกิพีเดีย

    ฟีนิกซ์ของกรีกโบราณ

    กล่าวกันว่าเรื่องราวเริ่มแรกของฟีนิกซ์มาจากวรรณกรรมกรีกโบราณที่ชื่อว่า Account of Egypt ของเฮโรโดตัส นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกโบราณ (ประมาณ 430 ปี ก่อนคริสตกาล) ตามปกรณัมกล่าวว่า ฟีนิกซ์มีอายุ 500 ปี เมื่อถึงเวลาที่ใกล้จะหมดอายุขัย ฟีนิกซ์จะล่วงรู้ถึงชะตากรรม จะสร้างรังจากไม้เครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม แล้วนั่งคอยที่กองฟืนไม้หอมและร้องเพลงอย่างสำราญใจ เมื่อแสงอาทิตย์แรกสาดส่อง ฟีนิกซ์จะแผดเผาตนเองกลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นเถ้าถ่านกองนั้นฟีนิกซ์จะถือกำเนิดขึ้นใหม่ เป็นนกหนุ่ม

    ภารกิจแรกที่ฟีนิกซ์หนุ่มต้องกระทำก็คือ การรวบรวมเถ้าถ่านของผู้ให้กำเนิดตัวเองแล้วนำไปฝังที่วิหารเฮลิโอโปลิส หรือนครแห่งตะวันในอียิปต์ จากนั้นก็จะบินกลับมาที่อาระเบียและใช้ชีวิตอยู่จนกว่าจะเปลี่ยนร่างอีกครั้ง

    จุดกำเนิดของฟีนิกซ์ อาจมาจากคัมภีร์แห่งเวทมนตร์เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า Book of Dead ของอียิปต์โบราณ ซึ่งกล่าวถึงนกยักษ์ลักษณะคล้ายฟีนิกซ์ นกยักษ์ตัวนี้เป็นต้นแบบของวิญญาณอิสระที่ลุกขึ้นมาจากกองเพลิง และบินไปยังเฮลิโอโปลิสเพื่อประกาศยุคใหม่ เนื่องจากดวงอาทิตย์ได้สาดแสงไล่หลังนกที่บินจากตะวันออกไปยังตะวันตก นกจึงปรากฏตัวพร้อมกับเช้าวันใหม่จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งไฟและดวงอาทิตย์ ไปในที่สุด

    จากการที่ฟีนิกซ์สามารถเกิดใหม่ได้จากเถ้าถ่านของตัวเอง จึงกลายเป็นตัวแทนของการฟื้นคืนจากความตาย ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กวีและนักประพันธ์ในชั้นหลังหลายต่อหลายคน จนเรื่องราวแห่งฟีนิกซ์แทรกซึมเข้าไปอยู่ในวรรณกรรมของทวีปยุโรปหลายต่อหลายเรื่อง

    นอกจากนี้แล้ว ในปกรณัมกรีกอีกแห่งเล่าอีกว่า ฟีนิกซ์จะอาศัยอยู่ในแถบอาระเบีย โดยจะอาศัยอยู่ในบริเวณแหล่งน้ำที่มีอากาศเย็น ทุก ๆ เช้าที่ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสง อพอลโลจะต้องหยุดเพื่อฟังเสียงร้องอันแสนไพเราะของฟีนิกซ์ อาหารโปรดของฟีนิกซ์ ได้แก่ สายลมอ่อน ๆ, น้ำอมฤต, น้ำค้าง หรือหมอกบริสุทธิ์ที่ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำและทะเล

    ฟีนิกซ์เป็นสัตว์ที่มีนิสัยอ่อนโยน สามารถหายตัวและปรากฏตัวใหม่ตามใจนึกเช่นเดียวกับดิริคอว์ล เสียงร้องของฟีนิกซ์มีเวทมนตร์ สามารถกระตุ้นความกล้าหาญแห่งจิตใจที่บริสุทธิ์ และทำให้เกิดความกลัวในจิตใจที่คิดร้าย และน้ำตาของฟีนิกซ์ก็เป็นดังโอสถทิพย์แห่งสวรรค์ที่มีพลังในการรักษาบาดแผลและชุบชีวิตได้ แต่ถึงกระนั้นนกฟีนิกซ์ก็ยากจะหลั่งน้ำตาให้แก่ผู้ใด ยกเว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นจะมีคุณงามความดีมากพอที่จะกลับมามีชีวิตใหม่อีก ครั้ง

    จากความเชื่อทั้งหมดของฟีนิกซ์นี้เอง ที่ทำให้ในปกรณัมของกรีกและโรมันเชื่อว่า ฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิตเป็นอมตะ การฟื้นคืนชีพ และเกี่ยวข้องกับเทพแห่งดวงอาทิตย์ หรือแม้กระทั่งในช่วงต้นของคริสต์ศาสนาก็ได้มีการนำเอารูปฟีนิกซ์มาสลัก เป็นลวดลายบนหินปิดหลุมฝังศพ ซึ่งหมายถึงผู้ที่จากไปจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งนั่นเอง

    ........................................................................................................................................................................

            เวลาผ่านไปยันบ่อยคล้อย ลีเวลนั่งอยู่ตรงนั้นทั้งวันไม่ไปไหน เธอรู้ว่าตอนเด็กๆแม่ของเธอเป็นได้ดีทั้งแม้และพ่อ เธอก็รู้ว่าแม่พยายามที่สุดแล้วเพื่อไม่ให้เธอน้อยหน้าคนอื่นและไม่ให้เธอมีปมด้อย แต่ถึงแม่จะรักเธอและพยายามทำหน้าที่แทนพ่อได้ดีขนาดไหน แต่เธอก็ยังอยากจะเจอหน้าพ่อสักครั้งในชีวิต....สักครั้งก็ยังดี

          ลีเวลเองก็อดจะคิดไม่ได้ว่าที่พ่อของเธอจากไปจะเป็นเพราะเธอ ตั้งแต่เด็กเพื่อนที่เข้าใจเอนั้น แต่ละคนก็ต้องจบชีวิตลง จนบางทีลีเวลก็อยากจะตายๆไปซะ อย่างน้อยคนอื่นๆก็ไม่ต้องมาตาย วมถึงครั้งนี้ เอพยายามจะไม่สนิทกับใคร เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บตัว แต่ก็ทำไม่ได้ โจเซฟก็โดนไปแล้วหนึ่ง จะใครจะโดนอีกก็ไม่รู้ เธอหวังว่าจะไม่ต้องมีใครมาตายเพราะเธออีก แค่นี้ที่เธอต้องการ...

    “เราควรจะกลับไปเลยไหมนะ? แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ของว่าง!”ลีเวลรีบวิ่งไปยังร้านขนมหวานที่อยู่ใกล้ที่สุดหวังว่าจะกลับไปทันเวลานี่เป็นสิ่งเดียวที่ลีเวลคิดตอนนี้ เธอหยิบพวกขนมที่คิดว่าพวกเพื่อนบรรณารักษ์คงจะชอบแล้วรีบจ่ายเงิน จากนั้นก็วิ่งออกมาโบกรถรับจ้างแล้วรีบกลับหอสมุด....

    “นี่บ่ายแล้ว ลีเวลยังไม่กลับมาอีกหรอ?”ซีเวลเอ่ยถามโจเซฟที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาตัวนิ่ม”ได้ออกไปเที่ยว ก็คงจะอยากอยู่ให้นานกว่านั้นล่ะมั้ง นานๆทีจะมีวันหยุดนี่”โจเซฟยิ้มให้ร่างบางก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือต่อ

    แกร๊ก! เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของลีเวลที่เดินถือถุงกระดาษขนาดใหญ่เข้ามา”ของว่างมั้ยคะ?”ลีเวลว่ายิ้มๆก่อนจะชูถุงใหญ่ที่ภายในมีทั้ง พุดดิ้ง ช็อกโกแล็ตเค้ก และยังมีอย่างอื่นอีกมากมาย”โห ขนมหวานหรอเนี่ย”เมซันว่าพลางเดินยิ้มร่าเข้ามา“เดี๋ยวไปจัดจานแล้วเอามาให้นะ...อะ”ในขณะที่ลีเวลกำลังจะเดินเข้าไป เมซันก็ดึงมือไว้แล้วพูดว่า”เดี๋ยวฉันเอาไปจัดให้เอง เธอเจ็บอยู่ไม่ใช่หรอ?”เมซันว่ายิ้มๆก่อนจะเดินหายไปในครัวนานสองนานแล้วก็ออกมาพร้อมถาดขนมขนาดใหญ่”น่ากินจังเลย”ซีเวลที่ดูจะดีใจเกินหน้าเกินตาคนอื่นไปหน่อย ก็แน่ล่ะ...เรื่องการกินนี่ของถนัดเจ้าหล่อนเขา”ซื้อมาเยอะจังเลยนะ จะทานกันหมดหรือ?”บารอนที่ชอบโผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย”แค่ซีลคนเดียวก็กินไปหลายอันแล้วนะ หมดแน่นอน”วิลเล่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ข้างๆก็มีไลลายืนยิ้มอยู่ ไม่รู้ทั้งสองไปตกลงปลงใจคบหากันตอนไหน ที่รู้ๆคือ ทั้งสองตัวติดกันตั้งแต่เช้าแล้ว”พูดมาก ปากเสีย...”ซีเวลว่าก่อนจะหยิบเค้กมาตักเข้าปาก”อยากกินอะไรไหม? เดี๋ยวผมหยิบให้”วิลเล่หันไปหาไลลาที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างๆ”เดี๋ยวฉันหยิบเองดีกว่าขืนบอกคุณไปเดียวก็ซื้อมาให้ฉันกินจนอ้วนพอดี”ไลลาว่าก่อนจะนั่งลงข้างๆ”ผมเห็นคุณกินก็จำได้แล้วน่า”วิลเล่ว่าก่อนจะยิ้มให้ไลลา”จะหวานกันไปถึงไหน เห็นใจคนไร้คู่แถวนี้บ้างก็ได้นะ”โจเซฟเอ่ยพลางหันไปมองซีเวลแล้วหันกลับมาแบบที่คนอื่นไม่ทันเห็น ความจริงเขาก็รู้ว่าซีเวลคงไม่สนใจเขา แต่ไปๆมา คนอื่นก็มีคู่กันหมดแล้วไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายปากแข็งเจ้าระเบียบอย่างคุณวิลเล่ส่วนลีเวลเขาก็คิดๆอยู่ว่าเจ้าชายคงจะมาถูกใจอะไรในตัวเธอแน่ๆ ส่วนผอ.วิล่าก็กำลังจะแต่งงานตอนช่วงปีใหม่ ถึงเวลานั้น คงมีเค้าคนเดียวที่ไม่มีคู่ไปผูกผ้าเคซอแน่ๆเลย

        ผ้าเคซอเป็นตัวแทนของการเริ่มต้นใหม่และเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันธุ์ทุกรูปแบบ ทั้งคนรักไปถึงครอบครัว แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในกาแสดงความรักกับคนรักมากกว่า ผ้าเคซอเป็นผ้าที่ทอจากใบเคซอ เส้นใยของมันเหนียวมาก เป็นผ้าที่จะนำไปทำฉลองพระองค์ให้กับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสียส่วนใหญ่เพาะทอยากและราคาแพง แต่ผ้าเคซอที่นำมาใช้จะเป็นเศษผ้าที่เหลือจากการใช้ทำฉลองพระองค์แล้วทั้งนั้น”อะไรกัน ก็หาคู่ซะสิ ระวังไม่มีคนไปผูกผ้าเคซอนะ”มอนเต้ยิ้มให้กับเพื่อนบรรณารักษ์ที่สีหน้าอมทุกอย่างเห็นได้ชัด”อะไรของแกเนี่ย? ทำหน้าเป็นหมาหงอยเชียว เอาน่า อย่างน้อยก็มีฉันอีกคนหนึ่งน้าที่ไม่มีคนไปด้วยนะ”ซีเวลเอ่ยยิ้มๆก่อนจะตักเค้กคำสุดท้ายเข้าปาก”พี่ก็พูดได้นี่ สังคมพี่ออกจะกว้าง...”โจเซฟทำหน้าเป็นหมาหงอย

                 การกระทำทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของโยมิภูติที่มีขนาดเล็กที่สุด สวนใหญ่จะเลี้ยงมันไว้เป็นเพื่อน และคาดวาจะต้องมีใครนำมันเข้ามาแล้วลืมไว้แน่ๆมันยิ่งตัวเล็กๆอยู่ ไม่แปลกที่จะถูกลืมทิ้งไว้หรืออาจจะไมได้ลืมแต่จงใจทิ้งไว้ ลีเวลรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาได้คนแรก ลีเวลพยายามเพ่งมองจนเห็นมือขนาดจิ๋วที่เกาะอยู่ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าช่วงนี้เธอสายตาดีขึ้นหรือว่าอะไรกันแน่ ช่วงนี้เห็นอะไรชัดไปหมดแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตเล็กๆ....”ตัวอะไรน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”ลีเวลตะโกนขึ้น บรรณารักษ์คนอื่นๆก็พลางใช้พลังตรวจหาความผิดปกติ ถ้าลีเวลรู้สึกพวกเขาก็ควรจะรู้สึก นอกเสียจากว่ามันจะเป็นสิ่งที่มีแคลีเวลเท่านั้นที่เห็น”ฉันรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติที่เคาน์เตอร์”มอนเต้ที่มีพลังค้นหาสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระยะใกล้ได้ภายในเวลาสั้นๆและพลังของเขาสามาถจัดการคู่ต่อสูดหรือศัตรูที่มีขนาดเล็กโดยใช้พลังบีบอัดเข้าไป...”อย่าเพิ่งทำอะไรนะฉันจะเข้าไปดูก่อน”เมซันที่ยืนมองอยู่ค่อยๆเดินเข้าไปจนพบกับเจ้าตัวเล็กที่นั่งร้องให้เพราะความหวาดกลัว...”อย่าทำอะไรนะ มันเป็นภูติ...”เมซันค่อยๆอุ้มมันขึ้นมาแล้ววางมันบนโต๊ะ”ฮึก....”เจ้าตัวเล็กร้องเสียงสั่นเพราะความหวาดกลัว”เธออยู่ที่นี่มากี่วันแล้ว?”ลีเวลมองสภาพของเจ้าภูติตัวน้อยที่มอมแมมอาจจะเป็นเพราะฝุ่นที่เคาน์เตอร์”สะ...สามวัน...ฮึก.....”ลีเวลยิ้มให้เจ้าภูติตัวน้อยก่อนที่จะอาสาพามันไปอาบน้ำแต่งตัว

            ในระหว่างที่กำลังเช็ดผมให้เจ้าตัวเล็ก ลีเวลก็ถือโอกาสนี้ถามไถว่ามันเป็นไงมาไงถึงมาอยูที่หลังเคาน์เตอร์ คำตอบที่ได้นั้นทำให้ลีเวลกลั้นขำแทบไม่อยู่”งอนเจ้านายที่เขาไม่สนใจเธอ เอาแต่สนใจหนังสืองั้นหรอ...?”ลีเวลเอ่ยพลางอมยิ้มไปด้วย”ไม่ใช่แค่หนังสือหรอก...แต่เขายังสนใจคนอื่นมากกว่าฉัน...ทั้งๆวันนั้นเป็นวันเกิดของฉันแท้ๆที่เขากลับไปกินข้าวกับเพื่อน...” ลีเวลมองเจ้าตัวเล็กก่อนจะอุ้มมันลงไปทานอาหาร ภูติน้อยกินอย่างมูมมามเพราะไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน สักพักก็อิ่มแปล้”อิ่มหรือยังนั่น กินไปเยอะแล้วนะเรา”ซีเวลมองแล้วอมยิ้ม ตัวเท่าฝ่ามือ แต่ซัดเค้กทั้งก้อนลงไปในกระเพาะได้ ถือว่ากินเก่งพอตัว ขืนเลี้ยงไว้มีหวังกินอาหารหมดหอสมุดแน่   ”จะส่งกลับหรือเลี้ยงไว้คะ...?”ไลลามองหนาซีเวลที่ยืนยิ้มอยู่”ส่งกลับดีกว่า ป่านนี้เจ้านายมันตามหาแย่แล้ว...”ร่างบางมองเจ้าตัวเล็กก่อนจะถามชื่อ”เธอชื่ออะไร แล้วบ้านอยู่ที่ไหน?”ภูติน้อยยิ้มแล้วตอบ”ชื่อโยมิ....บ้านอยู่แถวๆนี้แหละเจ้าค่ะ...”โยมิเอ่ยบอกพลางก้มหน้าลง”เดียวแนจะพาไปส่งที่บ้านนะ แล้วก็จะพูดให้เจ้านายของเธอให้เขาดูแลเธอมากกว่านี้นะ...”

     

               ทางที่ใช้มาบ้านของโยมิไม่ค่อยจะไกลอยู่แถวๆสวนสาธารณะที่ลีเวลไปเมื่อเช้า ทำให้ลีเวลขอไปคนเดียวจะได้คุยกับเจ้าหนูนี่ด้วย เมื่อเดินทางถึง เจ้าหนูก็ซุกลงในกระเป๋าเสื้อของลีเวล ลีเวลมองแล้วยิ้มๆก่อนจะเคาะประตูเพื่อเรียกเจ้าของหอพัก”หอพักเมนเดลยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการห้องพักแบบไหนดีคะ?”ลีเวลส่ายหน้าก่อนจะบอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่”ฉันมาขอพบเจ้าของห้องพักที่ชื่อเมเคียค่ะ”เจ้าของมองลีเวลก่อนจะอนุญาตให้เข้าไปด้านในเพื่อพบกับเมเคียตราหอสมุด....มีอะไรหรือเปล่านะ?เจ้าของหอพักคิดในใจ...

    ก๊อกๆ เจ้าของหอพักเคาะประตูเรียกเมเคีย สักพักก็มีหญิงสาวมาเปิดประตูห้อง ภายในห้องพบร่างสูงที่นั่งกุมขมับอยู่”มาหาใครคะ?”ร่างเล็กๆเอ่ยถามลีเวลที่ยืนอยู่หน้าห้อง”มาหาคุณเมเคียค่ะ...”ลีเวลยิ้มให้หญิงสาวก่อนจะขอเข้ามาข้างใน เมเคียมองหน้าเป็นเชิงว่าต้องการความส่วนตัวหญิงสาวก็เดินมาคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป”คุณมีอะไรจะคุยกับผมครับ? หรือว่าหนังสือเสียหาย?”ลีเวลส่ายหน้าก่อนจะพยายามดึงโยมิออกจากกระเป๋า”โยมิ!! แกหายไปไหนมา รู้ไหมว่าฉันตามหาซะทั่วเลย!?”ร่างสูงมองภูติน้อยที่อยู่ในมือของลีเวล เมเคียเอิ้มมือไปจับเจ้าภูติตัวน้อยแต่ลีเวลก็ชักมือกลับ”เข้าน้อยใจคุณ...ที่คุณสนใจคนอื่นมากกว่า ทั้งๆที่เป็นวันเกิดของเขา”ชายหนุ่มทั้งตัวนั่งบนโซฟามองเจ้าตัวเล็กที่ซุกลีเวลอยู่”ผมอยากคุยกับมัน ขอโยมิคืนเถอะนะ...”ชายหนุ่มองหน้าลีเวลแล้วยื่นมืออกมา ลีเวลมองหน้าโยมิก่อนที่จะปล่อยมันคืนให้กับเจ้านาย”โยมิ...ฉันขอโทษนะ...”ชายหนุ่มมองหน้าภูติจิ๋วก่อนจะเอาหน้าผากของตนไปชนกับหน้าผากของมัน โยมิมองหน้าเจ้านายก่อนจะปีนไปซุกอยู่ที่คอเสื้อ”ต่อไปนี้คุต้องดูแลมันดีๆนะ...อย่าปล่อยให้มันน้อยใจอีกเป็นอันขาด เข้าใจมั้ย?”ชายหนุ่มพยักหน้า หลังจากที่เสร็จภารกิจลีเวลก็นั่งรถโดยสารกลับบ้าน

         หลังจากที่มาถึงหน้าหอสมุด ตาที่แสนจะดีก็ไปเจอะกับหญิงสาว่างเล็กที่เธอเห็นในห้องของเมเคีย”มาทำอะไร?”ลีเวลมองสายตาของหญิงสาวที่คาดว่าไม่น่าจะมาดีอย่างแน่นอน”เธอเอามันกลับทำไม ถ้าไม่มีมันเมเคียก็คงจะรักฉันแล้ว!”ลีเวลมองสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของร่างเล็กก่อนจะเดินเข้าไปในหอสมุดแต่เธอก็คงจะไม่ได้เข้าไปง่ายๆเพราะร่างของหญิงสาวนั้นมีไอสังหารสีเขียวออกมาจากตัวเอง....”อะไรกัน! ลูกไฟริษยา หลุดออกมาได้ยังไงกัน!”ท่อนไม้ใกล้ๆมือของหญิงสาวลอยขึ้นก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาหาลีเวลที่สร้างกำแพงเวทย์ขึ้นมากันก่อนจะส่งจิตเข้าไปขอความช่วยเหลือจากด้านใน”ไร้ประโยชน์ ยังไงแกก็ต้องตายอยู่แล้ว! พวกแกน่ะมันไร้ฝีมือ สู้พวกหัวหน้าทรอยด์ไม่ได้หรอก!”ลีเวลขมวดคิ้วก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชอบใจ”ถ้าจะส่งคนมาเร็วขนาดนี้นะ...งั้นแกก็เอาข่าวไปบอกเจ้านายแกใหม่ด้วยนะว่า พวกบรรณารักษ์ที่หอสมุดน่ะไม่ได้ไร้ฝีมือ!”ลีเวลเอ่ยก่อนจะสาดพลังเวทย์ใส่หญิงสาวที่เธอไม่เคยรู้จัก ร่างเล็กสร้งกำแพงเวทย์ป้องกันแต่ก็ป้องกันได้ไม่หมดเพราะลีเวลมีพลังเยอะกว่าเธอมากน่ขนาดผนึกพลังยังไม่แตกออก ฉันยังต้านไม่ไหว ถ้ายัยนี่มันใช้พลังได้เต็มที่เมื่อไห่ พวกทรอยด์จบสิ้นแน่!’หญิงสาวคิดในใจก่อนจะสร้างลูกไฟแล้วปล่อยใส่ลีเวล กำแพงเวทย์ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับคาถาที่หญิงสาวไม่เคยได้ยินมาก่อน”เวมิสทีร่า มีทีร่า โอเซียรีส! ด้วยพลังแห่งดวงดาว ข้าขอผนึกพลังของภูติผู้นี้เอาไว้”พลังเวทย์ดารา เป็นพลังที่จะสามารถปิดผนึกพลังของอีกฝ่ายได้เพื่อให้ตนเองสามารถต่อสู้ได้โดยที่คู่ต่อสู้นั้นได้เพียงแค่วิ่งหลบหนี คาถานี้มีผลไม่นานนัก แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นภูติที่เกี่ยวกับกาลเวลาและท้องฟ้าเท่านั้นที่จะใช้ได้

          โดมเวทย์ป้องกันถูกกางเพื่อป้องกันคาถา แต่ก็ไม่สามารถกันไว้ได้ทั้งหมดเพราะพลังนี้มีความรุนแรงมาก พลังที่แทรกผ่านโดมเข้ามาได้ส่งผลให้พลังของร่างบางใช้ได้อย่างจำกัดมากขึ้น ลีเวลยิ้มให้กับรางบางก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหาหญิงสาว ด้านภายในหอสมุดที่ได้ยินเสียงของทั้งคู่ที่ต่อสู้กันอยู่ด้านนอกก็ต่างพากันวิ่งออกมาดูแต่ไม่สามารถเข้าไปได้เพราะร่างเล็กได้สร้างกำแพงกั้นเอาไว้ บารอนที่มองเหตุการณ์ต่างๆผ่านกระจกภายในห้องแล้วก็ยิ้ม พลางเอ่ยชมในใจว่าเจ้าพัฒนาไวมากนะลีเวล อีกไม่นานผนึกพลังก็คงจะแตกออกบารอนละสายตาออกจากกระจกก่อนจะมองไปที่รูปภาพของเขากับวิซิจที่อยู่บนโต๊ะทำงานพลางเอ่ยกับเพื่อนว่า”เจ้านี่โชคดีจริงๆนะวิซิจ มีเมียก็ทั้งสวยทั้งเก่ง มีลูกก็ทั้งสวยทั้งเก่งทั้งฉลาด พัฒนาไวเหลือเชื่อ ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ”บารอนเอ่ยพลางหัวเราะ อันที่จริงเขาไม่เคยคิดอิจฉาเพื่อนที่ได้ดีกว่าเพราะเขาคิดว่ามันสมควรแล้วที่วิซิจจะได้ตำแหน่งผู้นำ มีก็แต่ไอ้คนทรยศไม่รู้จักพอคนนั้นแหละที่เอาแต่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นใหญ่ แล้วดูสิ่งที่มันทำสิ ตอนนี้ตัวมันเองก็ถูกตามล่าอยู่ จะซ่อนไปได้ถึงเมื่อไหร่กันก็ยังไม่รู้เลย

        ในตอนนี้การต่อสู้ของทั้งสองเป็นไปอย่างดุเดือด ร่างเล็กนั้นมีบาดแผลที่แขนซ้ายและหัวส่วนลีเวลนั้นมีแผลแค่เพียงที่หัวเพราะกำแพงเวทย์ที่มีความคงทนกว่า ตอนนี้การต่อสู้ก็ได้ดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ลีเวลร่ายคาถาบทสุดท้ายก่อนที่จะสาดพลังเข้าไปที่ตัวของร่างบาง”อามีทีส โคเซียร่า โอคาเรียสโมลัส!”พลังเวทย์ถูกซัดเขาไปหาร่างบางที่พยายามจะสร้างกำแพงป้องกันแต่เมื่อปะทะกับพลังที่มีความรุนแรงมากทำให้กำแพงเวทย์แตกออก พลังเวทย์นั้นได้กระทบกับตัวของร่างเล็กโดยตรง ร่างเล็กนั้นค่อยๆจางหายไปเหลือไว้เพียงแค่ซากปรักหัหพังที่เกิดจากการต่อสู้ของพวกเธอ”ไม่ตาย...แล้วหายไปไหน!?”ลีเวลสัมผักได้ถึงกลิ่นจิตอ่อนๆที่คาดว่าไม่น่าจะได้อยู่ในร่างของมนุษย์ กลิ่นจิตๆค่อยจางหายไป ลีเวลมองสภาพแวดล้อมที่เละเทะไม่เป็นท่าก่อนจะร่ายเวทย์เพื่อคืนสภาพ”คืนสภาพ! รีเทริน!”สิ่งของต่างๆค่อยๆกลับมาเป็นดังเดิมลีเวลสลายกำแพงเวทย์ก่อนที่จะเดินเข้าไปในหอสมุดที่มีแต่คนมองเธอที่มอมแมมไปหมด....”มองอะไรกันคะ หน้าฉันมีเลือดติดหรือไง?”ลีเวลยิ้มให้กับเหล่าบรรณารักษ์ที่นั่งมองเธอก่อนที่จะพากันแยกย้ายไปทำงานทิ้งให้ลีเวลและซีเวลยืนมองหน้ากันอยู่?”ซีเวลส่ายหน้าก่อนยิ้มแล้วก็เดินออกไปทั้งให้ลีเวลยืนงงอยู่เพียงลำพังก่อนที่จะไปอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน

          บารอนที่ตอนนี้นั่งยิ้มอย่างสบายใจเพราะตอนนี้ถึงแม้เขาจะตายไปอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าจะมีคนคอยสืบทอดตำแหน่งนี้ต่อ ความจริงสิ่งที่เขาเป็นอยู่ เขาก็แค่อยากรักษาการแทนเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นจริงๆ แต่พอไม่มีใครสามารถแทนวิซิจได้ เหล่าบรรณารักษ์ก็เลือกที่จะให้เขาเป็นผู้นำคนต่อไป เพราะถ้ามัวแต่หาตัวเรวิลคงจะใช้เวลานานพอสมควรซึ่งมันก็จริง ผ่านมาสิบกวาปีแล้วยังไม่มีทีท่าที่จะเจอเรวิลเลยเขาก็เข้าใจที่เวิลไม่ยอมออกมาพบใครเพราะกลัววาทุกคนจะจำได้ แต่มันก็นานมาแล้วเขาเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเรวิลถึงไม่ยอมออกมา”มันจะมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่านะ”บารอนเอ่ยกับตัวเองพร้อมกับสีหน้าที่หมองลง...

        เช้าวันต่อมาหอสมุดกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง เหล่าผู้คนที่ทำงานก็ต้องาเผชิญกับความแออัดของรถโดยสารเวลาเช้า บ้างก็ต้องทนกับสภาพการจราจรที่กลับมาติดขัดอย่างน่าเบื่อ แต่สำหรับคนในหอสมุดแล้วไม่มีปัญหาอะไรมาก พวกเขาก็แค่ต้องทำงานหนักเพิ่มนิดหน่อยหลังช่วงเทศการเพราะอีกหนึ่งเดือนก็คริสต์มาสแล้ว ทำให้เหล่าหนังสือจากทั่วรัฐนั้นรีบเข้ามาส่งเพื่อให้ทันวันคริสต์มาส เพราะหลังจากนั้นจะหยุดยาวเต็มๆหนึ่งอาทิตย์ ทำให้พนักงานต้องรีบเร่งกันทำงานเพื่อให้ทันวันหยุด...

    “ลีเวล ไม่เหนื่อยเลยหรอ?”มอนต้เอ่ยถามลีเวลที่กำลังนั่งตรวจดูหนังสือในกล่อง”มีอะไรที่ต้องเหนื่อย ฉันนั่งอยู่กับที่นะไม่ได้ยกของแบบนาย...”มอนเต้มองหน้าก่อนจะพูดให้ลีเวลเข้าใจมากขึ้น”หมายถึงเองเมื่อวาน เธอใช้พลังไปเยอะมาก ไม่เหนื่อยหรือไง?”ลีเวลส่ายหน้าก่อนจะหันกลับไปสนใจกล่องหนังสือต่อ

          เหล่าหมู่มวลหนังสือที่กองเท่าภูเขาถูกจัดการให้เสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมงด้วยฝีมือของเหล่าบรรณารักษ์ทั้งใหม่และเก่า หลังจากที่รู้วันรับลำดับชั้นและเลื่อนขึ้น ไลลาและลีเวลก็ได้เวลาที่จะไปตัวชุดบรรณารักษ์สีใหม่กันเสียที่ เพราะว่าชุดเก่าของไลลาและลีเวลไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป เพราะลีเวลมีพลังเวทย์ทำให้ไลลาถูกพ่วงไปใส่ชุดภูติด้วย แต่ดูดีๆแล้ว ไลลาก็มีพลังเช่นกัน เพราะจากกลิ่นจิตแล้ว ไลลาก็เป็นภูติเช่นกัน ซีเวลที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าเด็กในกครองของตนมีพลังมากขนาดนี้ก็รู้สึกหายห่วงขึ้นมากเพราะเมื่อก่อนเธอคิดว่าลีเวลไม่มีอะไรป้องกันตัวแต่หลังจากวันนั้นเธอก็หายห่วง จะเหลือก็เพียงแค่ว่าลีเวลจะเอาพลังไปใช้เล่นหรือเปล่าก็เท่านั้น ส่วนวิลเล่ที่หลังจากไลลาตอบตกลงยอมคบหาดูใจก็ทำเป็นแมวหวงปลาย่าง จนซีเวลจะต้องทำให้เขาเข้าใจว่าไลลาเป็นบรรณารักษ์ ต้องทำงานเหมือนคนอื่นๆวิลเล่ถึงจะยอมให้ไลลาทำงานเหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา ก็ถืงว่าต้องขอบคุณซีเวลล่ะนะที่ยอมไปคุยให้ ไม่อย่างนั้นคงไม่การดักรุมทำร้ายไลลาข้อหาหมั่นไส้แน่ๆ

    “แล้วหนังสือที่เหลือล่ะ จะส่งจดหมายไปตามหรือจะไปตามกันเอง?”ลีเวลเอ่ยถามหลังจากที่เมซันไปตามล่าหนังสือกลับหอสมุดพร้อมกับเงินค่าปรับอีกนิดหน่อย”พวกนี้เป็นพวกคนที่อยู่ไกลจากหอสมุด เรให้เวลาเขาหน่อยดีกว่า...ฉันคิดว่าเขาคงจะมีเวลา”เมซันหันมามองหน้าลีเวลก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

        ลีไม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เมซันหันมาคุยกับเธอดีๆตอนไหน หรือว่าเห็นเธอเป็นภูติเลยหันกลับมาพูดคุยกับเธอ หรือว่ามีคนบอกเธอให้เข้าในเรื่องราวต่างๆกันแน่ แต่ถึงอย่างไรมาคุยกันดีๆอย่างนี้ก็ดีกว่ามองกันด้วยหางตาละกัน”เอ้อ..เมซัน พักนี้เธอเห็นหัวหน้าบ้างหือเปล่า หลังจากงานเลี้ยงก็หายหน้าไปเลย”ลีเวลหันมามองร่างบางที่นั่งทำบัญชีอยูใกล้ๆ”เอ...เห็นบอกว่าจะไปธุระนะ ไม่ได้กลับมาหลายวันเลย”เมซันเอ่ยบอกก่อนจะกลับไปสนใจบัญชีต่อไปไหนกันนะ เพิ่งกลับมาแท้ๆลีเวลคิดในใจก่อนจะปัดความคิดนั้นทั้งไปแล้วเริ่มต้นจัดการกับหนังสือที่เพิ่งกลับมาถึงหอสมุดเมื่อครู่โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องที่หัวหน้าลัซเมียหายไปไหนต่อ

     

         ด้านของลัซเมียที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดให้ที่ตรงหน้ามีพวกหัวหน้าใหญ่ของพวกทรอยด์นั้นนั่งอยู่เต็มไปหมด”นายสนใจข้อเสนอของเราแล้วหรอ ถึงกลับมาหา?”ร่างเล็กถาม”ผมตกลง แต่ว่า...”ชายหนุ่มลากเสียงค้างจนคนทั้งห้องประชุมขมวดคิ้ว”อะไร...?”บีเซลเอ่ยถาม”คุณต้องยกเว้นวิล่าไว้คนหนึ่ง ส่วนคนอื่นจะทำอะไรมันก็ทำไป ผมไม่สนใจพวกนั้นอยู่แล้ว...แล้วก็อย่าลืมเรื่องที่ผมบอกไว้ด้วยล่ะ”ลัซเมียมองหน้าคนทั้งห้องประชุมก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป หลังจากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายออกไป
    ..........................................................................................................................................................................เห้อ ปาดเหงือเลยค่ะ อีกสิบเปอร์เซ็นเนี่ย เหนื่อยจริงๆค่ะ ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับลัซเมีย ตามที่บอกค่ะเรื่องนี้หักมุม ถูกต้องไหมคะ เดี๋ยวจะมีตอนพิเศษของโยมิกับเมเคียสั้นๆ สองหน้าเองค่ะ เอาไว้ให้จิ้นกันเล่นๆ>< ไปแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×