ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณลุงคนโปรด

    ลำดับตอนที่ #9 : 08 เรื่องราวชีวิต

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 67


    8

    เรื่องราวชีวิต

    ชิลีและแฟนหนุ่มของเธอเดินออกมาจากหลังร้าน ตะวันกำลังจะเอ่ยทักถามเพื่อนสนิทของตนว่าจะไปโรงภาพยนตร์แล้วหรือ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากใด ๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอางุนงงกันทุกฝ่าย เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนสนิทที่สุดอย่างต้นไม้กำลังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ต่อหน้าพี่นลและหนุ่มใหญ่ที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง

    “ยังไงก็ไม่ได้ครับ ผมห้ามเด็ดขาด”

    “แกมีสิทธิ์อะไรมาห้ามพ่อ”

    “ผมเป็นน้องคนสนิทของพี่นล ดังนั้นไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ยอมให้พ่อได้กับพี่นลเด็ดขาด พี่ชายที่แสนใจดีคนนี้ไม่เหมาะกับพ่อหรอก”

    ต้นไม้กอดเอวของนลเอาไว้แน่นเพื่อบ่งบอกว่ายังไงก็ไม่ยอมเสียพี่ชายที่รู้จักกันให้พ่อตนเองเด็ดขาด ทางด้านของนลก็ได้แต่ขำแห้งกับนิสัยเล่นใหญ่ของต้นไม้ ตอนนี้เขายังอึ้งอยู่เลยที่ว่าต้นไม้เป็นลูกชายคนโตของอาหลง นลรู้จักกับต้นไม้เพราะตะวันแฟนหนุ่มของชิลี เวลาไปไหนมาไหนสองคนนี้มักติดสอยห้อยตามกันอยู่เป็นประจำ เลยทำให้ได้มีโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกันอยู่บ้าง

    อาหลงมองการกระทำของลูกชายด้วยความขุนเคืองเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องที่ว่าถูกห้ามไม่ให้คบหาดูใจกับนล เพราะเรื่องนั้นต้นไม้ไม่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่ว่าต้นไม้ทำตัวสนิทชิดเชื้อกันมากเกินไปมากกว่าที่ทำเขาไม่พอใจ คนที่มีสิทธิ์แตะต้องตัวแบบแนบเนื้อนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

    “พี่นลจะไม่เป็นแฟนพ่อผมใช่ไหม เขาเป็นคนไม่ดี แล้วก็เป็นเสือผู้หญิงมาก ๆ ด้วย ไม่เหมาะกันพี่นลที่แสนใจดีของผมคนนี้หรอกครับ ปฏิเสธไปเลยดีกว่า”

    “เฮ้ย ไอ้ต้นไม้ อย่ามาใส่ร้ายกันนะเว้ย”

    เพราะต้นไม้ดันให้ความกึ่งเท็จแก่คนในดวงใจของเขา อาหลงเลยเผลอใช้คำไม่สุภาพไป เดิมทีอาหลงไม่ใช่คนสุภาพอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเข้าสังคมและเป็นผู้นำครอบครัวอีกด้วย เลยจำต้องเป็นแบบอย่าง แล้วอีกอย่างหนึ่ง ที่บอกว่ากึ่งเท็จนั้นเพราะว่า เมื่อสมัยหนุ่ม ๆ อาหลงเคยเป็นเสือผู้หญิงจริง ๆ แต่หลังจากแต่งงานครั้งแรกตอนอายุยี่สิบ เขาก็ไม่เคยนอกกายนอกใจภรรยาตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะไม่ได้รักกันก็ตามที ถึงช่วงหลังที่หย่ากับภรรยาคนที่สองจะมีบ้าง แต่ไม่ได้บ่อยจนเรียกว่าเสือผู้หญิงได้ เพียงแค่เติมสีสรรค์ในชีวิตบ้างเพราะความโสดเท่านั้น

    “เห็นไหม พ่อเป็นคนไม่ดี พูดจาไม่เพราะ ไม่เหมาะกับพี่นลหรอก เลิก ๆ กันไปเถอะครับ ถ้าพี่นลอยากมีแฟน เอาผมเป็นแฟนก็ได้นะ”

    “เดี๋ยวพี่ก็ฟ้องกุ๊กกิ๊กหรอก”

    นลเอ่ยถึงแฟนสาวของต้นไม้ที่กำลังคบหาดูใจกันได้ระยะหนึ่ง พอได้ยินชื่อที่ทำเอาขนลุกแล้ว ต้นไม้ก็ยอมถอยแต่โดยดี ไม่กล้าเย้าแหย่ที่เกินเลย ต่อให้นลไม่เอ่ยขู่เล่น ๆ แบบนั้น อาลงก็คิดจะสั่งสอนลูกชายตัวดีของตนเองอยู่แล้ว ข้อหาล่วงเกินคนรักของตน แม้ทั้งคู่จะยังไม่ได้เป็นอะไรกันก็ตาม

    “เกิดอะไรขึ้น ไอ้ไม้”

    ตะวันเดินเข้ามาสบทบเพื่อถามไถ่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตะวันพอรู้มาบ้างว่าพี่นลที่ตนรู้จักกำลังคบหาดูใจกับหนุ่มใหญ่คนหนึ่งอยู่ เพราะแฟนสาวของตนมาเล่าให้ฟังอยู่บ่อย ๆ เพียงแต่ไม่คิดว่าหนุ่มใหญ่คนนั้นจะเป็นพ่อของเพื่อนสนิทตน พอมาเห็นอาหลงตัวเป็น ๆ แล้ว เขาดูดีกว่าที่จินตนาการหรือคำบอกเล่าของเพื่อนสนิทที่มักชมพ่อตนเองอยู่บ่อย ๆ

    “ก็พ่อกูนะสิ จะเอาพี่นลเป็นเมีย ใครจะไปยอม พี่นลคนดีของกูคงโดนของจากพ่อสุดร้ายกาจของกูแน่ ๆ มึงเชื่อสิ”

    “มึงก็เวอร์เกิน ไปได้แล้วไป เดี๋ยวไอ้พวกนั้นรอนาน”

    เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรร้ายแรง ตะวันจึงกอดคอเพื่อนสนิทตนเองแล้วลากคอออกจากร้าน แม้ต้นไม้จะยื้อเอาไว้เพราะอยากปกป้องพี่ชายที่แสนดีของตนเอง แต่ก็ถูกแรงเพื่อนรักลากออกไปอยู่ดี

    “นลรู้จักกับต้นไม้ด้วยเหรอครับ”

    “ครับ รู้จักเพราะเขามากับตะวันแฟนของชิลีบ่อย ๆ เลยสนิทกัน แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลูกของพี่หลงนะครับ”

    “อา พอนลมีเพื่อนเป็นลูกชายตัวเองแล้ว พี่รู้สึกแก่ไปเยอะเลย”

    “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ จำได้ว่าพี่เคยบอกว่าอายุสี่สิบสอง ส่วนต้นไม้อายุยี่สิบ พี่มีลูกตอนยี่สิบสองเหรอครับ”

    “ใช่ ที่จริงพี่แต่งงานครั้งแรกตอนอายุยี่สิบ เพราะคนที่บ้านบังคับแต่งกันทั้งสองฝ่าย สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด อยู่กินกันได้แค่ห้าปีก็หย่ากันแล้ว แต่ได้ลูกมาหนึ่ง ก็ต้นไม้นั่นแหละ”

    “งั้นเหรอครับ แล้วต้นกล้าไม่ได้มีแม่คนเดียวกันเหรอครับ”

    “คนละแม่ พี่แต่งรอบสองเมื่อสิบสองปีที่แล้ว หลังจากนั้นอีกสามปีก็หย่าอีก ที่จริงได้ต้นกล้ามาก่อนแต่งล่ะนะ”

    “ว้าว ประสบการณ์ชีวิตโชติช่วงจังเลยนะครับ”

    “เอ่อ พี่จะถือว่ามันเป็นคำชมแล้วกันนะ”

    นลรู้สึกทึ่งกับอาหลงเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายขนาดนี้ แต่เขาก็ยังผ่านมันมาได้อย่างมีความสุข ต่างกับนลในหลาย ๆ อย่าง เขาไม่เคยมีความรักที่จริงใจ ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร แค่ผ่านมาได้ถึงจุด ๆ นี้เขาก็ลำบากมามากแล้ว และมีสิ่งเดียวที่คอยเยียยาจิตใจของเขาได้นั่นก็คือ เด็กน้อยตัวเล็กอย่างคอปเตอร์ที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาอยากมีชีวิตต่อไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

    “ดีจังเลยนะครับ ผมเองก็อยากที่จะเล่าเรื่องราวชีวิตตัวเองอย่างมีความสุขเหมือนพี่จังเลย”

    “ถ้าอย่างนั้นให้พี่เป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ นลสิ แล้วจะทำให้เรื่องราวชีวิตของนลมีความสุขแบบที่พี่เป็น”

    ถึงอาหลงจะไม่รู้ว่านลผ่านอะไรมาบ้าง แม้ว่าคนตรงหน้าจะยิ้มออกมา แต่แววตากลับเศร้าหมอง เขาไม่ชอบแววตาแบบนั้นเลย เขาชอบที่นลยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่า จนอดไม่ได้ที่จะพูดคำปลอบโยนออกไป แม้ว่ามันจะดูน้ำเน่าก็ตามที แต่สำหรับนลแล้ว มันคือทางของแสงสว่างที่ทำให้เขามองไปข้างหน้าได้อีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนที่คอยยืนรอรับเขาเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว

    “สวัสดีครับนล มีอะไรหรือเปล่าครับ”

    “เอ่อ สวัสดีค่ะ ชิลีเองนะคะ คือว่าพี่อาหลงคะ เย็นนี้ว่างหรือเปล่าคะ”

    อาหลงรับโทรศัพท์มือถือในทันทีที่เห็นชื่อของปลายสาย ก่อนจะขมวดคิ้วงงเมื่อเสียงปลายสายไม่ใช่คนในดวงใจที่เขาคาดหวังเอาไว้ แต่เพราะเขาจำเสียงเพื่อนสาวคนสนิทของนลได้ เลยคลายหัวคิ้วที่ขมวดลง ก่อนจะแปลกใจที่ชิลีโทรมา

    “ว่างครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

    “ช่วยไปรับคอปเตอร์ที่โรงเรียนให้หน่อยได้ไหมคะ พอดีว่าวันนี้ร้านไม่เปิดเพราะของหมด แล้วชิลียังไม่มีเวลาว่างไปซื้อของเมื่อวานนี้ วันนี้เลยพานลออกมาด้านนอกเพื่อซื้อของที่ว่า แต่มันก็นานกว่าที่คาดเอาไว้ เลยว่าขอวานพี่อาหลงไปรับคอปเตอร์ให้หน่อยน่ะค่ะ”

    “ได้ครับไม่มีปัญหา แล้วมีรถกันหรือเปล่า ให้พี่ไปรับไหม”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ชิลีมีรถยนต์อยู่แล้ว ไม่รบกวนพี่อาหลงมากกว่านี้แล้วค่ะ อ้อ แล้วก็ ถ้าเกิดว่าพี่อาหลงยังไม่เลิกงาน ฝากให้คอปเตอร์อยู่รอที่บริษัทพี่ก่อนได้ไหมคะ พอดีล็อกประตูบ้านเอาไว้แล้วดันลืมเอากุญแจมาด้วย คงจะเข้าบ้านไม่ได้”

    “ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวพี่พาคอปเตอร์มาอยู่เล่นที่ออฟฟิศพี่เอง ไม่ต้องห่วง”

    “ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะคะ ไม่รบกวนแล้วแค่นี้ก่อนนะคะ”

    ชิลีเป็นฝ่ายรอให้คนอายุมากกว่าเป็นฝ่ายวางสาย แม้ว่าตนเองจะเป็นคนโทรไปก็ตาม หลังจากวางสายไปแล้ว อาหลงก้มมองนาฬิกาข้อมือราคาหลักล้าน ยังมีเวลาเหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะถึงเวลาเลิกเรียนของคอปเตอร์ เขาจึงรีบเร่งทำงานตรงหน้าให้เสร็จ จะได้มีเวลานั่งเล่นกับคอปเตอร์ เขาไม่อยากให้เด็กน้อยต้องนั่งเล่นคนเดียวขณะที่เขาทำงานอยู่ ทันใดนั้นก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ เลยส่งข้อความไปหาเพื่อให้มานั่งเล่นที่ออฟิศเป็นเพื่อนคอปเตอร์

    “แก ฉันโทรไปบอกพี่อาหลงเขาแล้วว่าแกจะไปทำธุระกับฉัน”

    นลเดินกลับมาจุดที่ชิลีนั่งรออยู่หลังจากทำธุระที่ห้องน้ำเสร็จ แต่พอมาถึงสิ่งที่เพื่อนสาวของตนเองพูดออกมาก็ทำเอาเขางงจนตามไม่ทัน ไม่นึกว่าเพื่อนของตนจะมีเบอร์โทรของอาหลงด้วย แต่พอก้มมองดูในมือของเพื่อนสาวก็เห็นโทรศัพท์มือถือของตนเองที่ฝากเอาไว้ ดังนั้นเลยรู้ว่าชิลีแอบใช้มือถือของตน แม้จะไม่ได้โกรธแต่ก็อยากรู้เหตุผลของการกระทำนั้น

    “หนุ่ม ๆ เดี๋ยวพวกพี่จะไปทำธุระกัน ฝากของพวกนี้สักเดี๋ยวได้ไหมเอ่ย”

    ชิลีหันไปหาเหล่ากลุ่มชายหนุ่มคณะวิศวะของตะวันและต้นไม้ พวกเขามาเดินเล่นแล้วบังเอิญเจอแฟนเพื่อนที่สนิทกันทั้งกลุ่มเข้า เลยร่วมแวะมาด้วยกัน เหล่าชายหนุ่มตัวใหญ่สี่คนเดินตามหลังสองคนที่ตัวเล็กที่สุด ซึ่งนั่นก็คือนลและชิลี แม้ว่าตะวันจะมาเจอแฟนสาวโดยบังเอิญ แต่เขาก็ไม่คิดจะเดินตัวติดกับแฟน เพราะเดิมทีเขาก็มากับเพื่อนอยู่แล้ว จึงไม่คิดจะทิ้งเพื่อนเพื่อไปหาแฟน และอีกอย่างแฟนของตนก็มากับเพื่อนสนิทด้วย เลยไม่จำเป็นว่าต้องไปเดินตัวติดกันเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของขนาดนั้น

    “มีอะไรเหรอครับพี่ชิลี”

    ต้นไม้ที่นั่งกินไอศกรีมกับกลุ่มเพื่อนอยู่เอ่ยถามขึ้น แต่ไม่ละเว้นการตักไอศกรีมแม้แต่น้อย เพราะหากละสายตาไปครู่เดียวในถ้วยไอศกรีมจะไม่เหลือให้เขาได้ตักกินอีกเป็นครั้งที่สอง

    “ความลับจ้า ปะ ไปกันได้แล้วนล”

    “ดะ เดี๋ยวสิ”

    “ขอผมไปด้วยได้ไหม”

    หนึ่งในเพื่อนในกลุ่มของตะวันและต้นไม้เอ่ยออกมา ทุกสายตาจับจ้องไปที่ เต ชายหนุ่มผิวแทนเข้ม เขาจับจ้องไปที่นลเพราะอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากยิ่งขึ้น วันนี้ได้เดินเล่นด้วยกันแค่ไม่กี่นาที จึงเอ่ยปากขออาสาตามไปด้วย อย่างน้อยเป็นคนช่วยถือก็ยังดี

    “ไม่ได้จ่ะ เรื่องของผู้หญิง พวกหนุ่ม ๆ ห้ามยุ่ง”

    “แต่พี่นลก็เป็นผู้ชายนะครับ”

    “เดี๋ยวเขาก็จะเป็นแม่คนแล้ว เพราะอย่างนั้นเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับเขาโดยตรง ไปนะจ๊ะหนุ่ม ๆ”

    แล้วชิลีก็ลากเพื่อนตนเองตามไปด้วย นลได้แต่เขินหน้าแดงกับคำพูดของเพื่อนสาวตนเอง อยากจะแก้ต่างว่าเขาเป็นพ่อคนต่างหาก แต่ไม่ทันได้พูดอะไรมากก็ต้องตามแรงฉุดไปเสียแล้ว

    เตได้แต่มองตามร่างเล็กของสองคนที่เดินจากไป ในหัวตั้งคำถามและไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น พอเขานั่งลงก็ยังต้องมาเศร้าอีกเรื่อง เพราะเหล่าเพื่อนตัวดีไม่เหลือไอสกรีมให้เขาเลยแม้แต่น้อย

    “เมื่อกี้พี่ชิลีหมายความว่ายังไงวะ”

    “ก็หมายความแบบนั้นแหละ”

    “ยังไงวะ”

    “ก็เดี๋ยวพี่นลก็ไม่โสดแล้ว แบบนี้เข้าใจหรือยัง”

    “ได้ไงวะ กูหมายตามาตั้งนาน”

    “ก็ใครใช้ให้มึงขี้ป๊อดไม่กล้าเข้าไปคุยก่อนละวะ พี่เขาก็เปิดใจให้เข้าหา แต่มึงดันเสือกป๊อดเอง โดนพ่อไอ้ไม้มันคาบไปแดกก่อนแล้ว”

    “เฮ้ย จริงเหรอวะไอ้ไม้”

    เสียงบอกเล่าของตะวันทำเอาเตไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เพราะเขาไม่ค่อยมีเวลาไปหาพี่นลบ่อย ๆ เลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปทักไปคุยเท่าไหร่ บวกกับฝ่ายนั้นไม่ค่อยไปไหน เลยมีโอกาสนาน ๆ ทีที่จะเจอกัน และบวกกับที่เขาเป็นคนขี้ขราดไม่กล้าจีบอย่างที่เพื่อน ๆ บอก เลยทำให้เขาอกหักโดยที่ยังไม่ทันได้เริ่มเสียแล้ว

    อาหลงมายืนรอที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาลของคอปเตอร์ เขาลงมาจากอาคารก่อนถึงเวลาเลิกเรียนประมาณสิบนาที พื้นที่บริเวณนั้นมีผู้ปกครองหลายคนมารอรับลูก ๆ ของตนเองกันเต็ม ไม่นานเสียงกริ่งก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเหล่าเด็ก ๆ วิ่งออกมาหาพ่อแม่ของตนเอง อาหลงคอยชะเง้อคอมองหาเด็กน้อยที่ตนตั้งใจจะมารับ พอสบตากับร่างเล็ก ๆ เด็กน้อยคอปเตอร์ก็วิ่งมาหาเขาในทันที แต่ทว่า

    “คอปเตอร์”

    เสียงเรียกของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นตรงหน้าของอาหลง พอคอปเตอร์เห็นคนที่มายืนรออีกคน เขาถึงได้เปลี่ยนเส้นทางเดินเข้าไปหา แต่สีหน้าและแววตาดูกังวลอยู่หน่อย ๆ นั่นทำให้อาหลงไม่ค่อยไว้ใจผู้หญิงคนนี้ เขาจึงเร่งฝีเท้าเดินไปตัดหน้าหญิงสาวคนนั้นแล้วอุ้มคอปเตอร์มาไว้ในอ้อมกอด

    “ขอโทษนะคะ เอ่อ คุณเป็นใครคะ ทำไมมาอุ้มคอปเตอร์แบบนั้น”

    “ผมพ่อของเขาเองครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ”

    “ห๊ะ? พ่อเหรอคะ เอ่อ ขอโทษนะคะ หมายความว่ายังไง”

    “ก็อย่างที่ผมพูดไปครับ ผมเป็นพ่อของเด็กคนนี้เอง แล้วคุณเป็นใครครับ คอปเตอร์ดูไม่อยากเข้าหาคุณเท่าไหร่นะครับ”

    “ก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอกค่ะ ฉันเป็นแม่ของเด็กคนนี้เอง”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×