ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณลุงคนโปรด

    ลำดับตอนที่ #25 : 24 วิวาท

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 67


    24

    วิวาท

    อีกเพียงไม่กี่วันก็ถึงวันที่คอปเตอร์รอคอย วันหยุดยาวที่เด็ก ๆ ต่างก็รอคอยกันทั่วหน้า ช่วงปิดเทอมของเหล่านักเรียน และที่สำคัญยังเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับคอปเตอร์ เพราะคุณพ่ออย่างอาหลงจะพาไปเที่ยวทะเล แม้จะต้องเลื่อนไปอีกสักหน่อยคอปเตอร์ก็ไม่งอแง ขอแค่ได้ไปเที่ยวกับคนที่ตนรักก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กน้อยคนหนึ่ง

    “มะยิ ถ้าเยาไปทะเยแย้ว เดี๋ยวเยาเอาเปือกหอยมาฝากนะ”

    คอปเตอร์เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปนเขินเล็กน้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กสาวที่ชื่อ มะลิ แม้จะอยู่แค่อนุบาล แต่คอปเตอร์สนใจในตัวของเด็กสาว ตามจีบด้วยดอกไม้มาหลายหน จนขอเธอเป็นแฟน แล้วก็ได้เป็นแฟนดั่งหวัง

    “จิงเหลอ ขอบใจนะ เลาเองก็อยากไปเที่ยวทะเลบ้างเหมือนกัน ถ้าพ่อกับแม่พาไปเลาก็จะเก็บมาฝากเหมือนกัน”

    เด็กน้อยทั้งสองยิ้มเขินอายให้กันและกัน ทั้งคู่นั่งฝึกเขียนภาษาอังกฤษด้วยกัน ภาพนั้นช่างบาดตาบาดใจเด็กน้อยอีกคนหนึ่งที่นั่งดูอยู่ไม่ห่าง นาร์วาล เด็กผู้ชายแก่นแก้วที่มีนิสัยล้อเลียนคนอื่น เขาเองก็แอบชอบเด็กหญิงมะลิเช่นกัน แต่เพราะถูกคอปเตอร์ตัดหน้าไปก่อน เลยพาลเกลียดเด็กชายคนนั้นไปโดยปริยาย

    นาร์วาลโตมากับพ่อคนเดียว เนื่องด้วยพ่อเป็นคนหัวรุนแรง และไม่ค่อยเอาใจใส่หรือให้ความรักเด็กน้อยเสียเท่าไหร่ จึงทำให้เด็กน้อยมีนิสัยก้าวร้าวตามไปด้วย มักถูกครูประจำชั้นตำหนิติเตียนอยู่บ่อยครั้ง แต่คำตำหนิและคำเตือนมักไม่เข้าหัวของนาร์วาลเสียเท่าไหร่ เลยกลายเป็นว่าเอาแต่สร้างเรื่องราววุ่นวายจนกลายเป็นเด็กมีปัญหา

    เมื่อวันก่อนนาร์วาลไปเห็นพ่อของคอปเตอร์และคุณลุงหน้าหล่อคนหนึ่งยืนกอดกันโดยมีคอปเตอร์อยู่ตรงกลาง เลยกลับไปถามพ่อของตนว่าทำไมคอปเตอร์ถึงได้มีพ่อสองคนแบบนั้น พ่อของนาร์วาลได้ตอบกลับว่า พ่อคอปเตอร์เป็นตุ๊ดเป็นแตวชอบผู้ชาย เป็นที่น่ารังเกียจ อย่าไปเข้าใกล้เด็ดขาด นาร์วาลเชื่ออย่างนั้นและทำตาม ทุกครั้งที่เดินผ่านมักทำหน้าขยะแขยงในตัวคอปเตอร์ แต่เพราะฝ่ายนั้นไม่สนใจมันเลยพาลน่าโมโหเข้าไปอีก ครั้งนี้เองเขาก็ทนไม่ได้ที่เห็นคอปเตอร์นั่งจู๋จี๋กับคนที่ตนแอบชอบ จึงเดินเข้าไปหาเรื่อง

    “เก็บเปลือกหอยเหลอ เป็นตุ๊ดอะปาว ลูกผู้ชายที่ไหนเก็บเปลือกหอยกัน”

    คอปเตอร์เหลือบตามมองด้วยความไม่พอใจ แต่หัวใจตดวงน้อยก็แข็งแกร่งมากพอที่จะไม่สนใจ เพราะจดจำคำสอนองนลได้เสมอว่า ลูกผู้ชายต้องใจเย็นและมีความอดทน คิดให้ดีก่อนทำทุก ๆ อย่าง อย่าใช้อารมณ์ แม้จะไม่ได้เข้าใจอย่างท่องแท้ถึงคำสอนพวกนั้น แต่คอปเตอร์ก็สามารถทำมันออกมาได้ดีตลอดมา เพราะมีนลเป็นตัวอย่างให้ดูอยู่ตลอด เลยติดนิสัยตามมาด้วย

    “มะลิ ออกมาอย่าไปอยู่ใกล้ไอ้ตุ๊ด เดี๋ยวก็ติดเชื้อหลอก”

    “คอปเตอร์ไม่ใช่ตุ๊ดนะ อย่ามาว่าคอปเตอร์แบบนั้น”

    เด็กหญิงออกตัวปกป้อง เมื่อเห็นว่านาร์วาลเริ่มลามปามหาเรื่องไม่เข้าท่า และที่สำคัญยังมาหาเรื่องแฟนของตนเองอีก เรื่องนี้มะลิจะไม่ทน ถึงจะกลัวอยู่นิดหน่อยตรงที่นาร์วาลเป็นเด็กที่ตัวโตกว่าคนอื่น ๆ ในห้อง แถมยังเกเรมาก ๆ ด้วย เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนไม่ค่อยชอบนาร์วาลกัน รวมถึงตัวมะลิเองก็เช่นกัน คราวก่อนเธอถูกนาร์วาลแกล้งเอาจิ้งจกใส่หัวจนเธอร้องไห้จ้าละหวั่น โชคดีที่คอปเตอร์มาเอาออกให้ เลยยิ่งทำให้เธอไม่ชอบนาร์วาลเข้าไปอีก

    “ทำไมจะไม่ใช่ ก็พ่อมันเป็นตุ๊ด มันก็เป็นตุ๊ดเหมือนพ่อมันนั่นแหละ”

    “อย่ามาว่าพ่อเยานะ”

    “ทำไมจะว่าไม่ได้ ก็พ่อมึงเป็นตุ๊ดจิง ๆ”

    “พ่อเยาไม่ได้เป็นตู้ด อย่ามาว่าพ่อเยานะ”

    “แล้วจะทำไม พูดก็ยังไม่ชัดเลย แล้วยังเป็นตุ๊ดอีก พ่อไอ้คอปเตอร์เป็นตุ๊ด พ่อไอ้คอปเตอร์เป็นตุ๊ด พ่อไอ้คอปเตอร์เป็นตุ๊ด”

    นอกจากจะล้อเลียนเรื่องพูดไม่ชัดของคอปเตอร์แล้ว เด็กชายนาร์วาลก็ยังทำหน้าแลบลิ้นใส่แล้ววิ่งตะโกนล้อเลียนพ่อของคอปเตอร์เสียงดังทั่วห้อง ครูประจำชั้นก็ไม่อยู่เพราะออกไปเตรียมของสำหรับกิจกรรมคาบต่อไป นาร์วาลจึงได้โอกาสป่วนห้องเรียนอนุบาลเสียยกใหญ่

    คอปเตอร์พยายามข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้สุดความสามารถ แต่เหมือนความอดทนจะมีไม่มากพอสำหรับเด็กอายุหกขวบ ยิ่งนาร์วาลไล่บอกเพื่อนในห้องทีละคนว่าพ่อของตนเป็นตุ๊ดด้วยแล้ว ความอดทนที่มีขาดผึ่ง คอปเตอร์ออกแรงวิ่งสุดกำลังและกระโดดถีบเข้าเต็ม ๆ หน้าของนาร์วาล เท้าเล็กที่สวมถุงเท้าสีขาวกระแทกหน้าอย่างแรงจนหน้ายู่ ก่อนที่นาร์วาลจะล้มพับกับพ้น

    “ไอ้คอป อุก”

    นาร์วาลตั้งใจจะหันกลับไปด่าทอ แต่ถูกคอปเตอร์ตามกลับมากระทืบที่หน้าซ้ำอีกรอบ ก่อนจะตามด้วยนั่งคร่อมที่หน้าอกแล้วประเคนหมัดใส่รัว ๆ ไม่ยั้งแรงไม่ยั้งจำนวน นาร์วาลได้แต่เอามือขึ้นปัดป้อง แต่มันไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ เพราะคนที่โกรธจัดจนขาดสติไร้ซึ่งความรู้สึกยับยั้งชั่งใจ

    เสียงโหวกเหวกโวยวายดังไปทั่วทั้งห้อง มีทั้งคนที่เชียร์คอปเตอร์ และคนที่ห้าม ก่อนจะมีเพื่อนคนหนึ่งวิ่งออกไปเรียกคุณครูเข้ามา ครูประจำชั้นวิ่งหน้าตื่นกลับเข้ามา เธอออกแรงทั้งหมดอุ้มช้อนที่ท้องของคอปเตอร์ ดึงเอาเด็กน้อยที่กำลังอาละวาดอย่างขาดสติออกจากร่างของเพื่อนร่วมชั้น แต่เหมือนจะมาช้าไปช้าไปเสียหน่อย เพราะสภาพของนาร์วาลได้แผลมาหลายจุด ทั้งปากแตก คิ้วแตก ผมเพ่ารุงรังเพราะถูกทึ้ง และเสื้อผ้ายับยู่ยี่ อีกไม่นานตามใบหน้าคงขึ้นเป็นรอยฟกช้ำเป็นแน่

    คุณครูประจำชั้นแยกเด็ก ๆ ทั้งสองออกจากกัน ก่อนจะเริ่มสอบถามลายละเอียดกับเด็ก ๆ ทั้งสองที่เป็นตัวต้นเรื่องของความวุ่นวาย นอกจากนี้ยังถามเหตุการณ์กับเพื่อน ๆ ในห้องเรียนด้วยเพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เด็กน้อยทั้งสองเล่าเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน ผลปรากฏว่าคอปเตอร์ทำร้ายเพื่อนร่วมชั้นก่อนจริง ๆ แต่ฝั่งของนาร์วาลไปหาเรื่องก่อน ทั้งยังล้อเลียนไปถึงพ่อของคอปเตอร์อีกด้วย

    เหตุการณ์ดังกล่าวถูกแจ้งให้ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายทราบแล้ว ทางฝั่งของนลรีบมาที่โรงเรียนในทันที เพราะอยู่ใกล้แค่ไม่กี่ร้อยเมตร แต่ระยะทางแค่นี้ก็ทำเอาใจของนลสั่นไหว กลัวว่าลูกชายที่ตนเลี้ยงมากับมือจะบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แต่พอมาถึงก็ต้องแปลกใจ เพราะฝั่งของคอปเตอร์ไม่เป็นอะไรเลย มีแผลถลอกที่กำปั้นเพียงเท่านั้น ในใจเขาคิดว่าคอปเตอร์เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนหรือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นเขาก็คงขุนเคืองอยู่บ้าง แต่ต้องฟังเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน เขาจะไม่โทษคอปเตอร์หรือตักเตือนในตอนนี้ รอให้อยู่ด้วยกันเพียงแค่สองคนก่อน

    ทางฝั่งของคู่กรณีมาถึงช้าหน่อย อีกประมาณสิบนาทีคงจะมาถึง นลบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้อาหลงได้รับรู้ เขาบอกว่าอีกสิบนาทีก็จะตามมาเช่นกัน ระหว่างนั้นนลก็ฟังเรื่องราวเหตุการณ์ผ่านทางคุณครูก่อน

    ในตอนนี้คอปเตอร์อยู่ในอารมณ์ที่ดำดิ่ง สีหน้าเศร้าหมองอย่างคนสำนึกผิด ยิ่งเห็นหน้าของนลก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำตามที่นลสั่งสอนได้ รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนอยากจะร้องไห้ออกมา แต่เด็กน้อยก็พยายามเก็บงำอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้ ไม่ร้องออกมา

    นลเห็นสีหน้าและท่าทางของคอปเตอร์ทั้งหมด พอรับรู้เรื่องราวเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว นลก็ไม่คิดจะโทษหรือโกรธในตัวของคอปเตอร์ เพราะรู้ดีว่าเด็กในวัยนี้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ขนาดผู้ใหญ่หลาย ๆ คนก็ยังทนกับความกดดันไม่ได้ ระเบิดอารมณ์ออกมากันเป็นว่าเล่น แต่ที่ทำนลกังวลคือ เขากลัวว่าคอปเตอร์จะเป็นคนควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้แบบพี่สาวของตน นลพยายามสอนให้คอปเตอร์เป็นคนใจเย็น ค่อย ๆ คิดค่อย ๆ ทำ ถึงจะเป็นแค่ครั้งแรกที่คอปเตอร์แสดงความก้าวร้าวออกมาก็ตาม

    “นาร์วาล”

    “พ่อ”

    รอผู้ปกครองฝ่ายนั้นอยู่เกือบสิบนาที ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ สีหน้าบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า ทันทีที่นาร์วาลเห็นพ่อของตนเอง เด็กชายก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะหุบกลับไปเมื่อพ่อนาร์วาลทำหน้าตำหนิติเตียนใส่ ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเบียนสายตามาทางนลแทน เขามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วทำหน้าเหยียด เขาเกลียดนักล่ะพวกวิปริตผิดเพศ

    “ลูกคุณทำลูกผมเจ็บขนาดนี้ คุณต้องรับผิดชอบนะรู้ไหม หัดสั่งสอนลูกตัวเองบ้างสิ”

    “เรื่องค่ารักษาทางผมยินดีรับผิดชอบครับ ส่วนเรื่องการตักเตือนไม่ต้องห่วงครับ ผมจะตักเตือนเขาอย่างดี”

    “หึ จะทำได้แค่ไหนกันเชียว พวกตุ๊ดมันจะไปสอนลูกชายให้เป็นลูกผู้ชายได้ยังไงวะ โด่”

    “กรุณาอย่าเสียมารยาทนะคะ ที่นี่สถานศึกษา ช่วยระวังคำพูดด้วยนะคะ เพราะมันจะทำให้เด็ก ๆ จดจำคำพูดที่ไม่ดี”

    คุณครูสาวเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางของพ่อนาร์วาล ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนาร์วาลถึงได้มีนิสัยก้าวร้าวและไม่มีความเกรงใจใคร

    “คุณไม่ต้องยุ่ง ผมไม่ได้พูดผิดสักคำ ท่าทางตุ้งติ้งขนาดนี้ไม่เป็นตุ๊ดแล้วเป็นอะไร”

    “ช่วยระวังคำพูดและลดเสียงด้วยค่ะ”

    “จะให้ผมอยู่เฉย ๆ หรือไง ลูกผมเจ็บขนาดนี้ พวกเขาต้องรับผิดชอบ”

    “หากว่าคุณพ่อต้องการเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วล่ะก็ ช่วยใจเย็นและสงบสติอารมณ์ด้วยค่ะ ทางฝั่งนั้นเข้าพร้อมพูดคุยแล้ว”

    “แล้วทำไมคุณไม่รู้จักสั่งสอนเด็กพวกนั้นบ้างเลย ปล่อยให้มาทำร้ายลูกผมได้ยังไง”

    “เรื่องนี้ครูได้พูดคุยและสั่งสอนเกี่ยวกับพฤติกรรมของทั้งสองตัวต่อตัวเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วง”

    “ทำไมไม่เอาไม้ฟาดสั่งสอนซะบ้าง เอาแต่พูดมันจะไปเข้าหูเด็กได้ยังไง”

    “ทางโรงเรียนไม่มีมาตรการสั่งสอนด้วยวิธีเคี่ยนตีค่ะ”

    “ถ้าคุณไม่ทำก็ไปเอาไม้มา ผมจะสั่งสอนด้วยตัวผมเอง”

    พ่อของนาร์วาลลุกขึ้นด้วยอารมณ์ฉุนเฉี่ยว ลุกขึ้นมองหาไม้มาเคี่ยนตีอย่างปากว่าจริง ๆ ทางฝั่งของนลก็ยังนิ่งเฉย มองดูการกระทำป่าเถื่อนนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่อย่าคิดว่าเขายอมอยู่นิ่งให้อีกคนกระทำเกินเลยกับลูกของเขาเชียว แม้ว่าตลอดมานลจะไม่เคยโต้กลับเวลามีคนมาทำไม่ดีใส่ตน แต่หากมาทำกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนแล้วละก็เขาไม่อยู่เฉยเป็นแน่

    และแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดก็พลันหยุดชะงักลง เมื่อคนมาใหม่เป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองอย่างอาหลง เขามาด้วยชุดสูทเป็นทางการ เซตผมจัดทรงมาอย่างดี เพราะว่าเพิ่งออกมาจากการเจรจากับลูกค้าที่เป็นเพื่อนสนิท แต่ว่าการพูดคุยนั้นจบลงเร็วไปหน่อยเพราะลูกน้องของฝ่ายนั้นมีปัญหาพอดี เลยต้องกลับกันก่อน

    อาหลงตรงดิ่งมาที่โรงเรียนของคอปเตอร์ในทันทีหลังกลับมาที่บริษัท ทันทีที่ก้าวเข้ามาบรรยากาศดูเหมือนกำลังวุนวายเต็มที่ เขาไม่สนใจตรงไปหาคนรักและลูกชายทันที จับตัวเด็กน้อยหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อมองหารอยแผล ทันทีที่เจอรอบถลอกที่หลังมือน้อย ๆ อาหลงรู้สึกโกรธลมแทบจับ พอหันไปหาคู่กรณีถึงกับหยุดชะงัก

    หลังจากที่อาหลงเข้ามา เหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนน่าแปลกใจ ทางฝั่งนั้นที่ทำท่าโมโหโกธาอยู่เมื่อครู่ก็สงบปากสงบคำในทันทีที่เห็นหน้าอาหลง จากที่ทำท่าไม่พอใจก็มีท่าทางนอบน้อมผิดกันคนละคน พอถามหนุ่มใหญ่ถึงได้คำตอบ พ่อของนาร์วาลที่เป็นคู่กรณีนั้นคือลูกน้องของเพื่อนอาหลง ทั้งคู่เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อช่วงบ่ายตอนเจรจากัน แต่งานไปไม่ถึงไหนต้องล่มเสียก่อนเพราะมีปัญหาเรื่องลูก ทางฝั่งนั้นตำหนิลูกน้องตนเองเสียยกใหญ่แต่ก็ยอมยกเลิกให้เพราะทางอาหลงเองก็บังเอิญมีปัญหาเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าเป็นปัญหาเดียวกัน เพราะอย่างนั้นทางฝั่งพ่อนาร์วานถึงได้มีความเกรงอกเกรงใจอาหลงพอสมควร

    “ว่าไงครับคอปเตอร์ เรื่องเป็นยังไงเล่าให้พ่อฟังได้ไหมครับ”

    คอปเตอร์เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง โดยที่นลไม่ซอดแทรกเข้าไป เพราะไว้ใจว่าคอปเตอร์จะเล่าความจริงทั้งหมดให้อาหลงฟัง พอหนุ่มใหญ่รู้เรื่องนั้นเข้าก็ทำท่าจะไปเอาคืนฝั่งนั้น หากไม่โดนนลทำหน้าดุใส่เสียก่อนเรื่องคงบานปลายหนักกว่าเดิมเป็นแน่ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น

    “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับคอปเตอร์ เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเหรอครับ”

    “กั๊บ”

    คอปเตอร์คว่ำปากบึ้งลงทำท่าจะร้องไห้เต็มแก่ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำลงไปและกลัวว่าผลที่จะตามมามันจะทำเขาเสียใจ ผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มอ่อนให้กับความพยายามของเด็กน้อย

    “ถ้าอย่างนั้นจำเอาไว้เป็นบทเรียนนะครับ คราวหน้าอย่าทำอีก แบบนี้ทำได้ไหมครับ”

    “ได้กั๊บ”

    “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องร้องครับ พ่อกับปะป๊าไม่ดุคอปเตอร์หรอกครับ”

    “ตะ แต่ว่า คอบเจ้อ คอบเจ้อจะไม่ได้ไป ฮึก ทะเยอีกแย้ว ฮือ”

    สุดท้ายคอปเตอร์ก็กั้นเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม นลที่อยู่ใกล้กอดปลอบในทันที อยากจะขำกับท่าทางแบบนั้นเพราะไม่มีใครบอกเลยว่าจะไม่ให้ไป ซึ่งนี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คอปเตอร์ดูกลั้นร้องไห้ออกมาอยู่ตลอดเวลา นลยิ้มกว้างแล้วกอดปลอบ ให้เด็กน้อยรู้สึกว่าเขาอยู่ข้าง ๆ ตลอดไม่ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ก็ตาม

    “ทำไมถึงคิดว่าพ่อจะไม่พาไปทะเลครับ”

    “กะ ก็ ฮือ คูนพ่อบอกว่า ฮึก ถ้าเป็นเด็กดีคูนพ่อจะพาไปทะเย ตะ แต่ ฮึก คอบเจ้อเป็นเด็กไม่ดี ฮือ”

    “คอปเตอร์ครับ พ่อสัญญาแล้วว่าจะพาคอปเตอร์ไปทะเล พ่อไม่ผิดสัญญาหรอกครับ”

    “จิงเหยอ ฮึก”

    “ครับ แต่เรื่องที่คอปเตอร์เป็นเด็กไม่ดีวันนี้ ต้องโดนลงโทษนะครับ ตกลงไหม”

    “อื้อ ตยง ฮึก”

    “เก่งมากครับ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×