ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณลุงคนโปรด

    ลำดับตอนที่ #14 : 13 ฝันร้าย 3

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 67


    13

    ฝันร้าย 3

    นลได้เข้ามาปรึกษาจิตแพทย์เกี่ยวกับอาการของพี่สาว ทั้งเรื่องที่อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย และความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย คำสันนิษฐานของนลคืิอ น่าจะเกิดมาจากความเครียดและภาวะซึมเศร้า หากเป็นเช่นนั้นเขาจำเป็นต้องพาพี่สาวของตนมาบำบัดรักษา

    “คุณอินทนลเชิญที่ห้องตรวจค่ะ”

    เสียงเรียกของพยาบาลเอ่ยขึ้นที่หน้าห้องตรวจ นลเดินเข้าไปยังห้องตรวจที่พยาบาลผ่ายมือเรียก พอเข้ามานลก็เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ใบหน้าหล่อเหลาของหมอหนุ่มตรงหน้าดึงสติของนลไปชั่วครู่หนึ่ง กว่าจะรู้ตัวก็คือตอนที่หมอหนุ่มผายมือให้นั่งลงที่เก้าอี้คนไข้

    “มีอะไรเป็นกังวลอยู่หรือเปล่าครับ”

    “เออะ เอ่อ คือ”

    เหมือนนลจะหาเสียงตัวเองไม่เจอไปครู่หนึ่ง เขายังคงนิ่งอึ้งหลงลืมเจตนารมณ์ที่มาในวันนี้ กว่าจะดึงสติกลับมาได้ก็ใช้เวลาเล็กน้อย ทางฝ่ายของหมอหนุ่มเองก็ตั้งใจรออย่างใจเย็น ปล่อยให้คนไข้ตรงหน้าได้เล่าเรื่องราวที่ต้องการมาปรึกษา

    ระหว่างที่นลเล่าเรื่องราวปัญหาอยู่นั้น หมอหนุ่มอาศัยจังหวะนั้นจ้องมองคนไข้ตรงหน้าตนเอง เขาแอบล่วงเกินพิจารณาใบหน้าคนไข้ ใบหน้าหวานที่ดูธรรมดาแต่กลับมีเสน่ห์อย่างน่าดึงดูด ยิ่งบวกกับคิ้วทรงแปลก ๆ ที่มีเพียงกระจุกกลม ๆ บนหน้าผากด้วยแล้วยิ่งดึงดูดสายตา เขาได้แต่คิดในใจว่า หากคนตรงหน้าเป็นหญิงสาวก็คงจะดี

    ไม่ได้มีเพียงแค่หมอหนุ่มเท่านั้นที่พิจารณารูปหน้าของอีกฝ่าย ทางนลเองก็แอบมองหมอหนุ่มอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน ใบหน้าหล่อที่รวมเข้ากับดวงตาทรงเสน่ห์น่าดึงดูด คิ้วคมเข้มให้ความรู้สึกเหมือนคนแขกเชื้อตะวันออก พอก้มมองชื่อหมอถึงได้รู้ว่าไม่ใช่คนไทยแท้ ชื่อและนามสกุลฟังดูแปลก แต่อีกฝ่ายกลับพูดไทยได้ชัดเจนจนหาสำเนียงคนต่างชาติไม่ออก อาจเป็นเพราะหมอหนุ่มเป็นลูกครึ่งก็เป็นได้

    นลได้มาขอคำปรึกษาที่โรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง จนหมอหนุ่มกลายเป็นแพทย์ปรึกษาทางจิตประจำตัว แม้ว่าคนที่ป่วยจริง ๆ ก็คือพี่สาวของตน แต่นลก็อาศัยโอกาสนั้นเพื่อมาพบเจอหมอหนุ่มที่ตนเองแอบปลื้มเข้าให้ ท่าทางยิ้มแย้มอ่อนโยนของหมอคนนั้นทำเอาใจของนลเต้นระรัวทุกครั้ง ความใจดีและมีเสน่ห์นั้นดึงเอาความรู้สึกของนลไป แต่เขาก็ต้องระงับความรู้สึกเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเปิดทางให้หรือไม่

    กว่าที่นลจะลากพี่สาวของตนเองมาพบกับจิตแพทย์ได้นั้นใช้เวลาอยู่หลายวัน เพราะนัลเอาแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ป่วยทางจิต ไม่ได้เป็นภาวะซึมเศร้าใด ๆ ทั้งนั้น สุดท้ายก็โดนลูกอ้อนลูกตื้อของนลจนยอมอ่อนใจตามมาพบแพทย์อย่างที่นลหวังเอาไว้

    ทุกครั้งที่นลพาพี่สาวของตนมาปรึกษาแพทย์ เขาจะนั่งรออยู่ด้านนอกห้องตรวจเสมอ เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับคนไข้และหมอประจำตัว เผื่อว่าพี่สาวของตนจะกล้าเล่าความรู้สึกออกมาจากใจจริง พอรับการรักษาเยียวยาทางจิตใจแล้ว นลก็มีโอกาสพบหมอหนุ่มที่ตนตกหลุ่มรักเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

    “ไว้ครั้งหน้าพี่จะลองไปกินข้าวฝีมือนลดูนะ เห็นนัลชมให้พี่ฟังอยู่บ่อย ๆ”

    “อะ ถ้าพี่เจตไม่รังเกียจเชิญมาได้ทุกเมื่อครับ”

    นลก้มหน้าหลบสายตาขี้เล่นของเจตอยู่บ่อยครั้ง ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนั้นเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของหมอหนุ่มได้ทุกครา ทั้งสามคนเริ่มสนิทใจกันมากขึ้น หมอหนุ่มที่มีอายุมากกว่ามักแทนตัวเองว่าพี่เพื่อให้กระชั้นชิดทางความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น นั่นทำให้นลเริ่มมองเห็นโอกาสที่จะเข้าหาและพูดคุยกับคนที่ตนหมายตา

    “นลทำอาหารอร่อยจริง ๆ เลยนะเนี่ย”

    “ขอบคุณครับ”

    นลยิ้มเขินกับคำชมเหล่านั้น แม้เจตจะแค่ชมเพราะต้องการเยินยอกันเล่นหรือเหตุผลอื่น แต่มันก็เป็นคำพูดที่ทำเอาใจฟูเป็นฟองนุ่มสำหรับนล แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อีกฝ่ายทำให้โดยไม่ได้ตั้งใจมันมีผลต่อใจของนลอย่างมาก นั่นจึงทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายเปิดใจให้ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด

    เจตแค่เป็นคนใจดีเท่านั้น และไม่ได้ใจดีกับนลเพียงคนเดียว เขายังใจดีกับนัลมาก ๆ ด้วยเช่นกัน หรือบางทีอาจจะมากกว่า เพราะสายตาที่เจตมองนัลนั้นเหมือนกับสายตาที่นลมองเจต แม้จะไม่ได้แสดงออกอะไรมากมายนัก แต่สามารถรับรู้ได้ว่า หมอหนุ่มกำลังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนไข้ของตนเอง

    ความน่าเวทนาหรือเหตุผลบางอย่างทำให้เจตเกิดความสนใจในตัวของสองพี่น้อง โดยเฉพาะกับคนพี่ที่เรียกได้ว่าถูกชะตาถูกรสนิยม แม้ว่าจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม แต่การได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ก็ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้นัลอยู่ในสถานะไม่มีคนข้างกาย เขาพยายามเข้าหาเพื่อพูดคุยและเปิดใจกับอีกฝ่าย แต่เหมือนนัลจะไม่รับรู้ถึงเรื่องนั้น เธอแค่คิดว่าหมอหนุ่มเป็นคนใจดีเท่านั้น เป็นที่พึ่งพาทางจิตใจแบบที่ตนเองก็ไม่รู้ตัว แทรกซึ่มเข้ามาภายใน ให้ความรู้สึกสงบจนบางครั้งก็คิดถึงเวลาที่อยู่คนเดียว

    อาการของนัลยังไม่ค่อยดีขึ้นมากนัก อารมณ์ฉุดเฉียวที่ห่างหายไประยะเวลาหนึ่งกลับมาอีกครั้ง บวกกับลูกในท้องเริ่มดิ้น มันทำเธอเจ็บและรำคาญใจ ทั้งเรื่องที่ท้องโตจนเดินไปไหนไม่ได้ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็ถึงวันกำหนดคลอดแล้ว แต่สภาพจิตใจของนัลยังไม่อยู่ในสถานะที่พร้อมมีบุตรเท่าไหร่นัก ยิ่งใกล้วันคลอดเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเครียด ยิ่งปวดท้องเท่าไหร่เธอก็ยิ่งโมโห บางครั้งถึงขั้นทุบตีท้องตัวเองที่มีเด็กอยู่ด้านใน

    เรื่องนี้เจตไม่คิดจะปล่อยผ่าน เพราะมันมีผลต่อทั้งแม่และเด็กในครรภ์ แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่เจตยอมจ่ายเพื่อเป็นตัวอย่างการศึกษา เขาปรึกษากับอาจารย์แพทย์ของตนเองเกี่ยวกับลักษณะอาการที่นัลเป็นอยู่ บวกกับการตรวจระดับคลื่นสมองและระดับสารเคมีในสมอง ผลปรากฏว่า ทุกครั้งที่เกิดอาการหงุดหงิด ระดับสารเคมีในสมองพุ่งสูงผิดปกติ อาจเกิดมาจากความกดดันหลาย ๆ อย่างมาเป็นเวลานาน และภาวะซึ่มเศร้าที่เป็นอยู่มีผลให้เกิดอาการดังกล่าว

    และแล้วช่วงเวลาสำคัญในชีวิตก็มาถึง วันที่ถึงกำหนดคลอดของนัล เธอต้องมาอยู่รอที่โรงพยาบาล โดยที่มีค่าใช้จ่ายหลักเป็นของเจตหมอหนุ่มที่รู้จักกันได้เพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่เขาก็เต็มใจช่วยจ่ายให้ เพราะอยากรักษาทั้งคนแม่และคนลูกให้มีชีวิตรอดกลับมาทั้งคู่

    “นล ฮึก พี่ พี่กลัว”

    เมื่อถึงวันที่น้ำคร่ำแตก นัลก็เกิดอาการหวาดกลัวจนตัวสั่นขึ้น เธอเอาแต่เรียกร้องหาคนที่เธอคิดถึงอยู่ตลอด แม้ว่านลจะยืนกุมมือเธออยู่ข้าง ๆ ก็ตาม ทางด้านเจตลางานมาเพื่ออยู่ดู เขาแสดงอาการเป็นห่วงหญิงสาวมาก มันมากเสียจนหลายคนคิดว่าเจตเป็นพ่อของเด็ก

    เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของนัลดังออกมาจากห้องคลอด นั่นทำให้สองหนุ่มอยู่ไม่เป็นสุขมากนัก แม้เจตจะรู้ว่าการคลอดบุตรนั้นจะทรมานมากเป็นเรื่องปกติ แต่เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วง เพราะสภาพจิตใจที่ไม่สู้ดีของหญิงสาวนั้น อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอดได้ หรือบางทีหากเธอทนความเจ็บปวดไม่ได้จนเกิดการยอมแพ้ ไม่ยอมออกแรงเบ่งคลอดมันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

    สุดท้ายเด็กน้อยถูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัย สิ่งที่นลและเจตเป็นกังวลว่า นัลอาจจะไม่รักเด็กคนนี้เลย แต่มันไม่ใช่ เพราะเธอกอดเด็กน้อยทารกตัวเล็กไม่ในอ้อมอก น้ำตาแห่งความยินดีและความปลื้มปิตินัั้นประจักแล้วว่าเธอรักเด็กคนนี้มาก ๆ

    เจตได้รับเกียรติเป็นคนตั้งชื่อเล่นให้เด็กน้อย เขาไม่ถนัดเรื่องตั้งชื่อมากนัก ฝ่ายของนัลบอกว่านึกคำไหนออกก็ใช้คำนั้นเป็นชื่อ สุดท้ายเด็กน้อยตัวเล็กได้ชื่อเล่นว่า เฮลิคอปเตอร์ แต่นลบอกว่ามันยาวไป ให้เรียกแค่ว่า คอปเตอร์ ก็พอ ทั้งสามเห็นพ้องต้องกัน เด็กน้อยคนนี้จึงได้ชื่อนี้ไป

    ช่วงเวลาหลังคลอดไม่ใช่เรื่องที่สะดวกสะบายกว่าตอนตั้งครรภ์เท่าไหร่นัก มีหลายเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ต้องศึกษาและเรียนรู้การดูแลเด็กทารกแรกเกิด ทั้งเรื่องการให้นมบุตร เรื่องความสะอาด และเรื่องการนอนหลับพักผ่อน ช่วงแรก ๆ นัลยังพอไหว แต่พอเด็กน้อยยิ่งโตก็ยิ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ บางครั้งนัลไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะลูกตื่นขึ้นมากลางดึก

    หลังกลับมาจากทำงานนลก็เป็นคนมาดูแลเด็กน้อยเอง นั่นทำให้นัลพอมีเวลาได้หลับนอนบ้าง ตั้งแต่เลี้ยงบุตรมา นัลก็มีสีหน้าและร่างกายแสดงอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด นลอดเห็นใจส่วนนั้นไม่ได้ จึงพยายามช่วยแบ่งเบาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้

    “อุ๊ย หน้าตาเหมือนแกมากกว่าพี่แกอีกอ่า สรุปลูกใครกันแน่เนี้ย”

    ชิลีเพื่อสาวคนสนิทของนลมาเยี่ยมเยียนหลานตัวน้อยของเธอ ของฝากอย่างเครื่องแต่งกายเด็กเธอไม่มีขาด ชุดน่ารัก ๆ หลายตัวถูกน้าสาวอย่างชิลีบรรจงสวมใส่ให้ แล้วจากนั้นถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพื่อโอ้อวด ชิลีเธอชอบเด็กมาก ๆ ยิ่งกับเด็กน่ารัก ๆ อย่างคอปเตอร์เธอยิ่งหลงหัวปักหัวปำ

    “แอ้ แอ้ แอ้”

    “เลิกร้องสักทีจะได้ไหม”

    เสียงร้องของลูกทำเอาผู้เป็นแม่หงุดหงิด เธอพยายามอุ้มปลอบอยู่หลายคราแต่ไม่ยอมหยุดร้องเสียที อารมณ์จึงพุ่งขึ้นสูงได้ง่าย บางครั้งเธอก็เผลอคิดว่าอยากปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร เด็กน้อยในอ้อมกอดก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้อง ทั้งอุ้มปลอบ ร้องโอ๋ หรือแม้แต่ให้นม เด็กน้อยก็ไม่ยอมท่าเดียว จนสุดท้ายเธอหมดความอดทนวางเด็กน้อยทิ้งไว้บนเตียง ปล่อยให้ร้องไม่หยุดอยู่แบบนั้น

    “เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมคอปเตอร์ร้องไม่หยุดแบบนั้นครับ”

    “ใครจะไปรู้ ร้องแม่งอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน ร้องโอ๋ก็แล้ว ให้นมก็แล้วยังไม่หยุดร้องอีก กูเลยปล่อยทิ้งไว้งั้นแหละ”

    นลมองพี่สาวของตนเองด้วยความผิดหวัง เขาไม่คิดว่านัลจะเป็นคนใจดำได้ขนาดปล่อยลูกตนเองร้องไห้จ้าละหวั่นแบบนี้ เขารีบอุ้มเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอด แต่กลิ่นเหม็นของสิ่งที่เด็กน้อยขับถ่ายออกมาทำให้นลรู้ถึงสาเหตุที่เด็กน้อยร้องไม่หยุด เขารีบจัดการเปลี่ยนผ้าอ้อมและทำความสะอาดคราบสกปรก สีหน้าและแววตาของนลดูมุ่งมั่นกว่าคนเป็นแม่อย่างนัล ใช้เวลาจัดการอยู่ไม่กี่นาทีด้วยความชำนาญ เขาอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมกอด นลเขย่าตัวเบา ๆ แล้วลูบหลังไปเรื่อย ๆ อย่างใจเย็น ใช้เวลานานอยู่พอสมควรกว่าเด็กน้อยจะยอมสงบลง

    “พี่ไม่รู้เหรอครับว่าคอปเตอร์อยากขับถ่าย”

    “ใครจะไปรู้ ท้องลูกนะไม่ใช่ท้องกู กูจะไปรู้ได้ยังไง”

    “พี่เป็นแม่นะครับ ควรจะให้ความสนใจและใส่ใจมากกว่านี้นะครับ”

    “กูเคยบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่ากูไม่ได้อยากเป็นแม่คน ตอนนี้เด็กก็คลอดตามที่มึงขอแล้ว อยากได้อยากเลี้ยงก็เอาไปเลี้ยงคนเดียวเลย”

    บางครั้งนลก็คิดว่ามันไม่เกี่ยวกับระดับสารเคมีในสมองหรือเปล่า มันเป็นที่ทัศนคติและสันดารของเจ้าตัวเสียมากกว่าที่ทำให้เป็นคนใจร้ายได้ขนาดนี้ เรื่องนี้คงต้องปรึกษากับเจตหมอประจำตัวของนัลเสียบ้างแล้ว เพราะหากยังเป็นแบบนี้อยู่ ภาวะความแม่ของนัลที่ไม่พร้อม มันจะเป็นการทำร้ายเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องราวใด ๆ

    ผ่านไปได้สี่ปี จากเด็กน้อยวัยทารกคนนั้นเริ่มเติบโตเป็นเด็กน้อยวัยหัดพูดในวันนี้ ใบหน้าที่ดูคล้ายคลึงกับนลมากเสียจนหลายคนทักว่าเป็นลูกของนลเสียมากกว่า นั่นทำให้คนเลี้ยงดูมากับมืออย่างนลยิ้มแก้มปริ ต่างกับนัล หลังจากที่กลับไปทำงานได้อีกครั้ง เธอก็ละเลยการเลี้ยงดูลูกของตนเองไป จนความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกดูเหินห่าง ยิ่งนัลไม่มอบความรักอย่างที่แม่คนควรจะมอบให้ ความรู้สึกของเด็กน้อยที่มีต่อแม่ก็ยิ่งลดลง

    “ปะป๊า จำไม จำไม ป้อไม่มาหาคอบเจ้อ”

    นลละมือที่กำลังทำอาหารอยู่หันมาสนใจเด็กน้อยที่ตั้งคำถามด้วยแววตาใสซื่อ ความจริงพ่อแท้ ๆ ของคอปเตอร์เคยมาหาเมื่อช่วงที่เด็กน้อยได้อายุหนึ่งขวบ แต่เพราะถูกนัลตะวาดไล่แบบไม่ไว้หน้า ฝั่งนั้นจึงมาหานลเพื่อขอดูหน้าลูกชายของตนเอง นลยอมให้พบหน้าเพียงเท่านั้น ไม่ยอมให้แตะต้องหรือแสดงความเป็นพ่อแต่อย่างใด และนั่นก็เป็นครั้กแรกและครั้งสุดท้ายที่พ่อลูกได้เจอหน้ากัน แล้วนลก็บอกกับพ่อคอปเตอร์ว่า หากอยากรับผิดชอบที่เป็นคนทำให้คอปเตอร์เกิดมา หน้าที่เพียงอย่างเดียวที่เขาต้องทำคือ หายไปจากชีวิตของครอบครัวคอปเตอร์ ทั้งนัล ทั้งนลและคอปเตอร์ ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ นั่นคือความรับผิดชอบที่พ่อคอปเตอร์ควรทำมัน

    “ก็ปะป๊าเป็นพ่อคอปเตอร์ไงครับ”

    “อึ้ มะช่าย ปะป๊าเป็นแม่คอบเจ้อ ปะป๊ายักคอบเจ้อมัก ๆ แต่คอบเจ้ออยากมีป้อ”

    นลได้แต่อ่อนใจ เพราะพี่สาวของตนละเลยความเป็นแม่ไป นลจึงพยายามเป็นทั้งแม่และพ่อในเวลาเดียวกัน แต่เหมือนจะทำหน้าที่แม่คนได้ดีจนเด็กน้อยไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นพ่อเลยสักนิด

    ไม่ใช่ว่านัลไม่รักลูกของตนเอง บางครั้งเธอก็แสดงความรักต่อเด็กน้อยอยู่บ่อยครั้ง แต่เพราะเธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้จึงมักจะขึ้นเสียงบ่อย ๆ นั่นทำให้คอปเตอร์เกิดอาการกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ บางครั้งก็ไม่ยอมเรียกนัลว่าหม่่าม้าแบบที่นลสอนให้

    “ฮือ ปะป๊า ฮือ ปะป๊า”

    “คุกเข่าลงไป บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ระวัง ยังทำแก้วตกแตกอีก เรื่องแค่นี้ทำไมต้องให้สอนหลายครั้ง ฮะ”

    เสียงร้องไห้ดังลอดออกมาจากห้องพัก พร้อมกับเสียงตะคอกดุด่าของหญิงสาว นั่นทำให้นลรีบเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นทำเอาใจแทบแตกสลาย เพราะพี่สาวที่ขึ้นชื่อว่าแม่แท้ ๆ ของเด็กน้อย กำลังให้คอปเตอร์คุกเข่าอยู่ใกล้ ๆ กับเศษแก้วที่แตกไป ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของคอปเตอร์ทำเอาคนเลี้ยงดูจนโตมาสี่ขวบอย่างนลเจ็บไปทั้งหัวใจ

    “ยังไม่หยุดร้องไห้อีก แค่นี้ก็ทนไม่ได้ โตไปจะเป็นลูกผู้ชายได้ยังไง เงียบเดี๋ยวนี้ บอกให้เงียบไง ไม่ได้ยินเหรอ”

    ในมือของหญิงสาวมีไม้เรียวที่เธอมักเอามาสั่งสอนลูกตัวเองอยู่บ่อยครั้ง แม้นลจะเอาไปทิ้งหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่นัลก็ไปหาอันใหม่มาอยู่ดี และครั้งนี้เธอก็ตั้งใจจะลงไม้ลงมือไม่ยั้งแรงอีกครั้งเป็นแน่

    “หยุดนะครับ พี่ทำบ้าอะไร คอปเตอร์แค่เด็กนะครับ ทำไมต้องใช้ความรุนแรงแบบนี้ด้วยครับ”

    “รุนแรงบ้าอะไร มือตีนพ่อมึงยังผ่านมาได้เลย แค่ไม้เรียวแค่นี้มันจะไปรุนแรงอะไร”

    “แล้วพี่ชอบที่พ่อสั่งสอนแบบนั้นเหรอครับ พี่คิดว่าคอปเตอร์จะชอบการสั่งสอนแบบนี้หรือยังไง”

    “เป็นเด็กผู้ชายก็ต้องรู้จักอดทนซะบ้างสิ โตไปจะเป็นลูกผู้ชายได้ยังไง”

    “พี่เข้าใจคำว่าลูกผู้ชายจริงรึเปล่าครับ ถ้าไม่เข้าใจอย่ามาเที่ยวสอนคนอื่นให้เป็นลูกผู้ชายหน่อยเลย”

    พอเริ่มเถียงน้องชายตนเองไม่ได้ อารมณ์ที่ฉุนเฉียวอยู่แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เธอหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินออกไปเพื่อสงบสติอารมณ์ นลรีบกอดปลอบเด็กน้อยในอ้อมกอด เพราะคอปเตอร์ถูกบังคับให้คุกเข่าลงในพื้นที่ที่แก้วแตก ทำให้หัวเข่าไปทับโดนเศษแก้วเล็ก ๆ แม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็ทำให้เลือดสีแดงไหลออกมาจากเข่าเล็ก

    และอีกหลาย ๆ เหตุการณ์ที่พี่สาวของนลมักจะทำเกินกว่าเหตุ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็โกรธโมโหจนลงไม้ลงมือกับลูกตนเองอยู่บ่อยครั้ง นลจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเจตแฟนหนุ่มของนัลในปัจจุบัน ทางนั้นก็แสดงความเป็นห่วง เพราะอาการระดับสารเคมีในสมองไม่คงที่ของนัลกลับมากำเริบหนักขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เจตตัดสินใจรักษาให้หายขาดดู แม้จะต้องใช้ระยะเวลานานหลายปี เพราะต้องใช้ทั้งยาและการฟื้นสภาพจิตใจ เขาจึงเสนอให้นัลย้ายไปอยู่กับตนเอง เพื่อที่เขาจะได้เป็นฝ่ายควบคุมอารมณ์ของแฟนสาว แล้วยังช่วยให้นัลอยู่ห่างจากลูกชายของเธออีกด้วย

    นลและคอปเตอร์ย้ายมาอยู่ที่ทาวน์เฮ้าส์สองชั้นแห่งหนึ่งในย่านการค้าและธุระกิจ โชคยังดีที่เพื่อนสนิทอย่างชิลีมีพื้นที่เช่าของอาคารให้เช่าไม่ไกลจากบ้านนลมากนัก มันเป็นที่ว่างที่พี่เขยของชิลีเคยใช้อยู่ แต่ตอนนี้ยย้ายออกไปแล้ว ตั้งใจจะขายต่อ แต่ชิลีขอเอาไว้ เพื่อให้เธอและนลได้มาเปิดร้านคาเฟ่ทำธุระกิจส่วนตัวกัน และโชคดีอีกอย่างที่ไม่ไกลกันนั้นมีโรงเรียนประถมและอนุบาลอยู่ แม้ค่าเทอมจะแพงไปสักหน่อยเพราะเป็นย่านแห่งนี้ แต่ก็ได้เจตและนัลมาคอยช่วยเหลือส่วนนี้สามในสี่ เลยเบาแรงนลไปได้มากโข

    ชีวิตของนลเขาคิดว่าหลังจากพลาดความรักจากหมอหนุ่มอย่างเจตไป เขาคงไม่มีความรักกับใครได้อีก แต่เขาไม่ถึงกับปิดกั้นหัวใจตนเอง หากใครอยากเข้ามาเขาเปิดใจรับทุกคน แต่คนที่เข้ามาก็ต้องเข้าถึงหัวใจของเด็กน้อยที่เป็นลูกชายของเขาด้วยเช่นกัน และคนที่ทำแบบนั้นสำเร็จก็คือ คุณอินทัช หรือ อาหลง หรือที่ตอนนี้นลเรียกเขาว่า พี่หลง นั่นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×