ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณลุงคนโปรด

    ลำดับตอนที่ #6 : 05 ไปส่ง

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 67


    5

    ไปส่ง

    “คุณอาหลง กาแฟที่สั่งได้แล้วครับ”

    “เรียกพี่แทนได้ไหม”

    “เอ๋?”

    “เรียกพี่ว่า พี่หลง แทนได้ไหม”

    อาหลงรับแก้วกาแฟและขนมมาไว้ในมือ เขาวางมันไว้บนเคาน์เตอร์ก่อน แม้ว่าจะต้องรีบกลับขึ้นไปเคลียร์งานที่ค้างคา แต่ตอนนี้เขาอยากให้อีกคนเปลี่ยนคำเรียก เพื่อที่จะได้ไม่เกิดความเหินห่างกันเกินไป แล้วอาหลงเองก็อยากเลื่อนสถานะเร็ว ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งมีความเป็นกันเอง ความสัมพันธ์ก็ยิ่งพัฒนาเร็วขึ้น

    “ถึงพี่จะอายุสี่สิบสองแล้ว แต่พี่ก็อยากให้เรียกว่าพี่มากกว่า ได้ไหมครับ”

    อาหลงทำแววตาออดอ้อน ทำเอาคนโดนจ้องขวยเขินแก้มแดง ทางด้านของชิลีที่มาเป็นลูกมือให้ในช่วงเช้าถึงกับหูผึ่ง เธออยากรีบกระชากคอเพื่อนตัวดีไปถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ไม่กี่วันที่เธอไม่ได้เข้ามาช่วยงานเพราะติดธุระทางบ้าน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดูจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งแววตาและท่าทางของคนทั้งสองคน

    “มันจะดีเหรอครับ”

    “พี่อยากให้เรียกแบบนั้น”

    “แต่คุณอาหลงอายุพอ ๆ กับพ่อผมเลยนะครับ มันจะดูหยาบคายไปหรือเปล่าครับ”

    อาหลงถึงกับสะดุดกับคำพูดของคนตรงหน้า เหมือนอีกคนจะไม่ได้ตั้งใจจะพูดแทงใจดำ แต่มันก็กรีดเข้ามากลางอกแบบเน้น ๆ ทำเอาอาหลงเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งทรวง

    “เอ่อ นลครับ ถึงหน้าพี่จะแก่แล้ว แต่พี่ก็ยังอยากดูหนุ่มเมื่ออยู่ต่อหน้านลนะครับ”

    “มะ ไม่ คือ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น เอ่อ คุณอาหลงไม่ได้ดูแก่อะไรเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าอายุสามสิบต้น ๆ พอคุณบอกว่าอายุสี่สิบสองแล้ว มันทำให้ผมนึกถึงพ่อขึ้นมาทันที เลยเผลอพูดออกไปแบบนั้น เพราะคิดว่าผมควรให้ความเคารพคนที่อายุพอ ๆ กับพ่อ ผมไม่อยากปีนเกลียวความอาวุโส…”

    “พอเถอะ พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มแล้ว แค่เรียกพี่ว่าพี่ก็พอ”

    “กะ ก็ได้ครับ เอ่อ พี่หลง”

    พออีกคนยอมทำตามอย่างว่าาง่ายแล้ว อาหลงถึงได้หายใจโล่งขึ้นมา เพราะยิ่งนลอธิบายเท่าไหร่ก็เหมือนเข็มยิ่งทิ่มแทงมากขึ้นเท่านั้น

    “ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นไว้เดี๋ยวตอนเที่ยง ๆ พี่มาหาใหม่นะ”

    “ได้ครับ”

    อาหลงเดินกลับขึ้นไปด้วยความสบายใจ ส่วนทางด้านของนลก็เขินหน้าแดงไม่หาย เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้มาเรียกอีกคนว่าพี่ ความรู้สึกตอนที่เรียกว่าพี่มันรู้สึกดีกว่าตอนที่เรียกว่าคุณหลายเท่า มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าความสัมพันธ์มันกระชั้นชิดมากยิ่งขึ้น แล้วยิ่งสองสามวันมานี้อาหลงก็พยายามเข้าหาเขามากกว่าเดิม ทั้งอยู่พูดคุยเล่น ๆ ตอนที่รอ น้องต้นกล้า เรียนพิเศษอยู่ ไหนจะความสนิทสนมระหว่างอาหลงกับคอปเตอร์อีก ราวกับว่าทั้งคู่เป็นพ่อลูกกันจริง ๆ บางครั้งนลยังแซวลูกชายของตนเองอยู่ว่าหลงลืมพ่อที่เลี้ยงดูตนเองไปแล้ว

    “แก มันเกิดอะไรขึ้นตอนที่ฉันไม่อยู่ ไหนเล่าสิ”

    ชิลีรีบใช้โอกาสที่อาหลงเดินออกไปแล้วลากเพื่อนสนิทตนเองมาคุย สีหน้าคาดคั้นของชิลีทำเอานลเขินจนต้องหันหน้าหนี แต่ก็ถูกมือเรียวบีบคางแล้วบังคับเบนกลับมาสบตากันตรง ๆ อาจดูเหมือนรุนแรงแต่ชิลีไม่ได้ใช้แรงอะไรมาก แค่ไม่อยากให้เพื่อนปิดบังเรื่องที่เห็น ๆ อยู่เป็นความลับ

    “กะ ก็ ไม่มีอะไร”

    “ไม่มีได้ยังไง ฉันไม่ได้ตาบอดนะยะ พูดมาเร็ว ๆ อกฉันจะแตกแล้วถ้าไม่ได้รู้”

    ชิลีดีดดิ้นเหมือนทรมานเพื่อให้นลเกิดความสงสารแล้วรีบ ๆ ตอบสนองความต้องการของเธอ ณ บัดนี้ ทางด้านนลเองเขินก็เขิน แต่ก็ไม่อยากขัดใจหรือปิดบังอะไรเพื่อนของตน เพราะเขามีทุกวันนี้ได้นั้นเป็นเพราะชิลีเพื่อนสนิทคนนี้จริง ๆ

    “กะ ก็ เขา เอ่อ”

    “เขาอะไร อย่าอมอะไรไว้ในปากสิ”

    “ก็เขาจีบฉันอยู่ พอใจหรือยัง”

    “อ๊าย จริงเหรอแก”

    ชิลีร้องกรี๊ดออกมาเสียงดัง ทำเอานลต้องรีบปิดหูเพราะเสียงที่ดังเกินไป ทางด้านชิลีไม่ได้สนใจอะไรเพื่อนของตนเองนัก เพราะสิ่งที่เธอคิดเอาไว้เป็นจริง ที่จริงเธอสังเกตุมาตั้งแต่วันที่เจออาหลงครั้งแรกแล้ว เพราะสายตาที่อาหลงมองมายังเพื่อนของเธอนั้นมันไม่ธรรมดา เหมือนสายตาของคนตกหลุมรัก ตอนแรกก็ไม่มั่นใจ แต่พอได้รู้ความจริงเท่านั้นแหละ เธอถึงกับเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ เผลอร้องกรี๊ดออกมา

    “อื้อ”

    “ได้กันยัง”

    “บ้า ใครเขาจะไปคิดเรื่องแบบนั้น แล้วอีกอย่าง กำลังจีบ ๆ กันเฉย ๆ หรอก”

    “ใครจะไปรู้ ทรงแบบนี้ดุแน่ ๆ เชื่อฉันสิ”

    “อะไรดุอ่า หน้าตาดุ?”

    “อย่ามาใสซื่อนะตัวเอง”

    “ก็ฉันไม่เข้าใจที่แกพูดอ่า หน้าดุมันก็ใช่อยู่หรอก แต่นิสัยเขาไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”

    “ฉันก็ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ช่างเถอะ เอาเป็นว่าระวังไว้เถอะ เดี๋ยวจะโดนเขาจับกินไม่รู้ตัว แต่ฉันเชียร์ให้แกโดนจับกินอยู่นะ อิอิ เสร็จมาเล่าให้ฉันฟังด้วย”

    “บ้า ไม่มีหรอกเรื่องนั้น เขาสุภาพบุรุษจะตาย ไม่มีใครทะลึ่งเท่าแกแล้ว”

    “เหรอ เอวเคล็ดมาอย่ามาทำสำออยแล้วกันย่ะ”

    อาหลงนั่งหน้าเครียดอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวโปรด วันนี้มันผิดแผนที่วางเอาไว้ไปหลายอย่างพอสมควร อย่างแรกคือ ดอกไม้ที่แวะซื้อมาเมื่อเช้านี้ตั้งใจว่าจะแวะเอาไปให้ตอนที่ร้านคาเฟ่ของนลเปิด แต่พอถึงเวลาจริง ๆ เจ้าตัวกลับไม่สามารถผละออกจากหน้าจอได้ ตอนนี้เหี่ยวจนไม่น่าดูเหมือนตอนซื้อแรก ๆ ไหนจะต้องประชุมงานกันช่วงบ่าย พอประชุมเสร็จก็รีบกลับเข้ามาจัดการงานต่อในทันที เพราะลูกค้าเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา พวกเขาเลยต้องโละแบบแล้วแก้ใหม่หมด จากงานที่จะเสร็จก็ต้องเร่งให้เร็วกว่าเดิม ถึงแม้จะได้ค่าตอบแทนเพิ่ม แต่เพราะกำหนดการยังเป็นเวลาเดิม จึงทำให้ไม่สามารถผละออกจากหน้างานได้เลย

    กว่าที่อาหลงจะผละออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ เวลาก็ปาเข้าไปสองทุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังดีที่เขาได้ส่งข้อความบอกให้ลูกชายเรียกรถกลับไปก่อน ส่วนดวงใจของเขาที่อยู่ชั้นล่าง อาหลงได้ส่งข้อความไปเมื่อช่วงเย็นว่า จะลงไปหาประมาณทุ่มหนึ่ง แต่ตอนนี้ก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่า เลยเวลาที่บอกไปเป็นชั่วโมง ไม่รู้อีกฝ่ายปิดร้านหรือยัง จำได้ว่านลเคยบอกว่าร้านปิดประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง อาหลงได้แต่หวังว่าดวงใจของเขาจะยังไม่กลับไปก่อน แม้จะไม่อยากให้อีกคนเสียเวลารอ แต่อีกใจก็อยากให้รอ

    แล้วโชคยังเข้าข้าง แม้ว่าป้ายที่หน้าร้านบอกว่าปิดแล้ว แต่ไฟในร้านยังเปิดอยู่ อาหลงถือวิสาสะเปิดประตูร้านเข้าไป เขาเห็นนลกำลังกวาดพื้นอยู่ ทางด้านนลหันไปทางหน้าประตูเพราะคิดว่ามีลูกค้าเข้าหรือเปล่า แต่พอรู้ว่าใครเป็นคนเข้ามาก็ทำเอาใจเขาฟูฟ่องขึ้นมา

    “พี่นึกว่าเรากลับไปแล้ว”

    “ก็เตรียมกลับแล้วเหมือนกันครับ งานยุ่งมากเลยเหรอครับ นี่น้ำเปล่าครับ”

    “ขอบคุณ ก็ลูกค้าดันมาขอเปลี่ยนแบบ เลยกลายเป็นว่าต้องเริ่มใหม่กันหมด พวกลูกน้องเองก็หัวหมุนกันพอสมควร แล้วเจ้าตัวเล็กไปไหนซะแล้วล่ะ”

    “คอปเตอร์เหรอครับ หลับไปแล้วครับ อยู่ที่หลังร้าน ไปดูแกให้หน่อยได้ไหมครับ ผมขอทำความสะอาดอีกครู่เดียวก็เสร็จแล้วครับ”

    “เดี๋ยวพี่ไปดูให้เอง”

    “ขอบคุณครับ”

    อาหลงลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หลังร้าน ส่วนด้านของนลก็รีบจัดการงานของตนเองต่อ นลเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะวันนี้เขาไม่ได้เจอหน้าของอาหลงเลยตั้งแต่เช้า แม้ว่าทางอาหลงจะส่งข้อความมาหาสองสามครั้ง แต่มันก็ไม่ช่วยให้หายคิดถึงได้เท่ากับเจอหน้า ยิ่งกับคอปเตอร์ด้วยแล้วเอาแต่ตื๊อว่าจะอยู่รอเจออาหลงให้ได้ จนนลต้องปิดร้านช้าลงกว่าเดิมอีกหน่อย พอเจ้าตัวเล็กเผลอหลับไปนลก็คิดว่าอาหลงคงไม่มาแล้วถึงได้ปิดร้าน แต่โชคดีที่เขายังมาหาแม้ว่าตัวเองจะยุ่งและเหนื่อยมากก็ตาม

    อาหลงเดินเข้ามาที่หลังร้าน เขาเห็นเด็กน้อยนอนห่มผ้าอยู่ที่โซฟาตัวเล็กของหลังร้าน ใบหน้ายามหลับของเด็กน้อยช่างน่าเอ็นดู เขานั่งลงตรงพื้นที่ว่างของโซฟาเพื่อรอนลทำความสะอาดและปิดร้าน ด้วยความที่หัวสมองคิดเรื่องงานอยู่ตลอดทั้งวัน พอมีเวลาสักหน่อยก็เผลอหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว

    “พี่หลงครับ พี่หลงครับ”

    “อึก ฮืม อ่า เสร็จแล้วเหรอ นี่พี่เผลอหลับไปเหรอ โทษที”

    “เหนื่อยมากไหมครับ”

    “นิดหน่อย ไม่เท่าไหร่หรอก”

    “เอ่อ จำได้ว่าพี่หลงเคยบอกว่าบ้านพี่อยู่ค่อนข้างไกล เอ่อ คือ ถ้าไม่รังเกียจ พักที่บ้านผมก่อนไหมครับ เดินทางเหนื่อย ๆ มันจะเผลอหลับในเอาได้นะครับ”

    “พี่ว่ามะ…เอ่อ”

    อาหลงชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนแรกเขาตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เสี้ยวหนึ่งของสมองสั่งให้เขาหยุดแล้วประมวลผลคำพูดให้ดี ๆ ก่อนค่อยตอบออกไป เมื่อครู่นี้นลเป็นฝ่ายชวนให้อาหลงนอนที่บ้านของเขาแทนการกลับบ้านตนเอง เมื่อสมองประมวลผลเรียบร้อยแล้ว คำตอบจึงมีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น

    “ถ้าอย่างนั้น พี่ขอรบกวนหน่อยแล้วกันนะ”

    เป็นฝ่ายอาหลงที่อุ้มคอปเตอร์ที่หลับปุ๋ยขึ้นมาแนบอก ทั้งคู่เดินไปยังลานจอดรถที่รถของอาหลงจอดอยู่ พอนลเห็นรถที่จอดอยู่ของอาหลงเท่านั้น เขาถึงกับเบิกตาโต แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่องรถเท่าไหร่ แต่เขาก็พอรู้เรื่องแบนด์อยู่บ้าง ถึงจะไม่รู้จักยี่ห้อรถ แต่รูปร่างของตัวรถก็บ่งบอกถึงราคาได้พอสมควร พอได้เข้ามาก็ยิ่งอึ้งกับความเรียบหรูของภายใน กลิ่นน้ำหอมโชยไปทั้งคัน ทำเอานลรู้สึกเหมือนเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเสี่ยใจป้ำยังไงอย่างนั้น

    “ปกตินลกลับบ้านเวลานี้เหรอครับ”

    อาหลงวางคอปเตอร์ลงที่เบาะหลัง พร้อมกับคาดเข็มขัดให้เรียบร้อยและใส่หมอนรองคอเอาไว้ให้ด้วย มันเป็นหมอนของต้นกล้าที่เจ้าตัวมักจะเผลอหลับเวลาขึ้นมานั่งรถ เลยมีติดรถเอาไว้ใบหนึ่ง พอจัดท่าจัดทางให้เรียบร้อยแล้ว อาหลงก็ขึ้นไปยังตำแหน่งคนขับ ส่วนนลขึ้นมานั่งข้างคนขับ

    “เปล่าครับ ปกติเลิกงานประมาณทุ่มครึ่ง เกือบ ๆ สองทุ่มก็กลับกันแล้ว เพราะเจ้าตัวเล็กบอกว่าจะรอจนกว่าจะเจอพี่”

    “อ่า พี่ขอโทษนะที่ทำให้รอ พี่ดีใจที่เรารอพี่อยู่ ที่จริงไม่ต้องรอก็ได้ลำบากเอาเปล่า ๆ”

    “ไม่หรอกครับ บางครั้งก็เลิกประมาณนี้เหมือนกัน แล้วอีกอย่างบ้านก็อยู่ไม่ไกลด้วย ปกติเราเดินกลับประมาณสิบนาทีก็ถึงแล้ว”

    “เดินกลับ? แบบนั้นอันตรายแย่ มีแค่นลกับคอปเตอร์กันแค่สองคน”

    “ไม่หรอกครับ มันไม่ได้อันตรายขนาดนั้น”

    “อันตรายสิ เอาอย่างนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพี่จะไปส่งเราทุกวัน”

    “อย่าเลยดีกว่าครับ ผมเกรงใจ แล้วอีกอย่างมันรบกวนพี่หลงมากเกินไป ผมรับไว้ไม่ได้จริง ๆ”

    “แต่พี่ไม่สบายใจ ให้พี่ไปส่งได้ไหม”

    อาหลงหันมาทำสีหน้าแววตาเว้าวอน และเป็นอีกครั้งที่นลพ่ายแพ้ให้กับแววตาแบบนี้ กับคนที่ตาดุ ๆ เวลาทำตาอ้อนมันก็ดูน่ารักน่าหลงใหลเกินจะปฏิเสธทุกครั้งไป และครั้งนี้เองก็เช่นกัน

    “ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนด้วยนะครับ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×