ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณลุงคนโปรด

    ลำดับตอนที่ #5 : 04 อยากเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 67


    4

    อยากเจอ

    “เดี๋ยวผมขอลงไปข้างล่างสักหน่อยนะครับ”

    “เชิญค่ะ”

    อาหลงเดินออกมาบอกเลขาที่หน้าห้องทำงาน จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากสำนักงานเช่าของตัวเอง มุ่งตรงลงไปชั้นล่างที่เป็นโซนร้านค้าต่าง ๆ จุดมุ่งหมายของอาหลงคือร้านคาเฟ่เจ้าประจำ เขารู้สึกคิดถึงและอยากกินกาแฟลาเต้หวานมากกับขนมวอฟเฟิลที่ทานเป็นประจำ

    “สวัสดีครับเชิญครับ อะ อ้าว คุณอาหลง สวัสดีครับ”

    อาหลงเดินเข้ามาในร้านคาเฟ่ของนล เจ้าของร้านและเพื่อนคนสนิทที่เป็นหุ้นส่วนต่างก็เลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นลูกค้ารายแรกที่เดินเข้ามา ร้านคาเฟ่ของนลเปิดประมาณสิบเอ็ดโมงเช้า แต่ร้านเตรียมเสร็จตั้งแต่สิบโมงครึ่ง คนส่วนใหญ่จะเริ่มเข้าร้านประมาณสิบเอ็ดโมงไม่ก็เที่ยง ซึ่งอาหลงเดินเข้ามาประมาณสิบโมงสี่สิบนาที เลยทำให้นลและชิลีแปลกใจที่มีคนเข้าร้านเร็วขนาดนี้ และไม่คิดว่าคนที่เข้าร้านจะเป็นอาหลงด้วยเช่นกัน

    “สวัสดีครับ ผมขอแบบเดิมนะครับ”

    “ได้ครับ ส่วนขนมช่วยรอหน่อยนะครับ พอดีของหมดแล้วผมยังไม่ได้ทำเผื่อเอาไว้ ไม่คิดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาเร็วแบบนี้”

    “ขอโทษที่รบกวนนะครับ”

    “ไม่ครับ ด้วยความยินดีอยู่แล้วครับ ถ้าอย่างนั้น นั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมเตรียมให้”

    “ขอเอาไปทานที่ออฟฟิศด้านบนได้ไหมครับ แล้วเดี๋ยวผมเอาลงมาคืนให้ช่วงเที่ยง ๆ”

    “ได้ครับ”

    นลยิ้มรับ แล้วรีบเตรียมของตามที่ลูกค้าสั่งมา ส่วนด้านของอาหลงเขาเดินไปนั่งยังตำแหน่งประจำ เขาจ้องมองทุกกิริยาของคุณเจ้าของร้าน รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของอาหลง ความรู้สึกคิดถึงได้รับการเยียวยาแล้ว ใจของเขาที่ฝ่อมาสองวันรู้สึกถึงการเติมเต็มเอ่อล้นออกมา

    มือเรียวหยิบจับสิ่งของอย่างชำนาญ เริ่มจากปิ้งขนมวอฟเฟิลรอเอาไว้ก่อน แล้วหันไปทำกาแฟต่อในทันที กลิ่นหอมของขนมปังปิ้งและเนยโชยไปทั่วร้าน ตามมาด้วยกลิ่นของกาแฟ เมื่อขนมได้ที่ก็หยิบออกมาพักให้หายร้อนก่อนค่อยจัดเสิร์ฟใส่จาน ตามด้วยแก้วกาแฟที่มีกาแฟลาเต้เติมเอาไว้เกือบเต็มแก้ว

    “ได้แล้วครับ”

    “ขอบคุณมากครับ”

    อาหลงเดินมารับของที่ตนเองสั่งเอาไว้ เขายื่นบัตรเครดิตไปให้เพื่อชำระเงิน ระหว่างนั้นอาหลงก็รู้สึกอยากอยู่ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย ยังรู้สึกมองหน้าคนที่คิดถึงไม่เต็มอิ่ม ในหัวเริ่มประมวนผลหาเรื่องชวนคุยเพื่อยื้อเวลา

    “คุณอาหลงทำงานอยู่ที่ออฟฟิศด้านบนเหรอครับ”

    “อ่า ใช่ครับ ผมไม่ได้บอกเหรอครับ”

    ฝ่ายของนลเริ่มเปิดประเด็นชวนคุยก่อน ซึ่งนั่นทำให้อาหลงชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะเขาไม่คิดว่าจะเป็นอีกฝ่ายที่เป็นคนชวนคุยก่อน เขาเลยไม่ทันตั้งรับ คงจะเผลอแสดงสีหน้าเหลอหลาออกไปเป็นแน่ คนตรงหน้าถึงได้ยิ้มอ่อนที่มุมปากเหมือนกำลังกลั้นขำ

    “ไม่ครับ เพราะผมไม่ได้ถามด้วย ผมเห็นคุณมาที่นี่เวลาเดิมทุกวัน เลยคิดว่าแค่มารับลูกเฉย ๆ นะครับ”

    “พอดีลูกชายคนเล็กเรียนอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี ผมเลือกเช่าออฟฟิศอยู่ด้านบนนี้เพราะมันสะดวกนะครับ”

    “คุณอาหลงทำงานอะไรครับ เอ่อ ผมถามได้ไหมครับ”

    “ได้ครับ ผมเปิดบริษัทออกแบบนะครับ แต่เป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ ที่มีพนักงานแค่สี่ห้าคนเท่านั้นครับ”

    “ว้าว ยอดไปเลยนะครับ”

    “ขอบคุณครับ”

    แล้วก็เกิดช่วงเวลาเงียบฉี่แบบที่ไม่ได้นัดหมาย เพราะต่างฝ่ายต่างไปจนสุดคำพูด บวกกับว่านลยื่นบัตรเครดิตกลับคืนเจ้าของพอดี เลยกลายเป็นว่าบทสนทนาถูกตัดแต่เพียงเท่านี้ อาหลงเดินออกมาด้วยสีหน้าเสียดายอย่างที่สุด ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสได้พูดคุยกันแล้ว เขาควรที่จะตั้งคำถามกลับบ้าง เพื่อให้ได้คุยกันต่ออีกสักหน่อย แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเดินออกมาแล้ว ตอนเที่ยงยังมีโอกาสอยู่ เพราะเขาวางแผนที่จะได้เจอนลหลาย ๆ ครั้งต่อวันเอาไว้ และยังมีแผนอื่นอีกอย่างที่เตรียมเอาไว้ด้วย

    เป็นสิ่งที่อาหลงคาดไม่ถึง เพราะช่วงเวลาตอนเที่ยงเป็นช่วงที่คนเข้าร้านมากที่สุด เลยทำให้นลวุนวายอยู่กับการรับลูกค้า เพราะฉนั้น อาหลงจึงทำได้แค่ส่งแก้วคืนแล้วรับรอยยิ้มหวาน ๆ ของนลเป็นของปลอบใจแทน ดังนั้นเขาจึงเข้ามาในร้านใหม่เป็นครั้งที่สามของวัน เป็นช่วงเวลาเดิมที่เขามาเป็นประจำ แต่ครั้งนี้น่าแปลกนิดหน่อยตรงที่เด็กน้อยวัยอนุบาลที่ติดเขาแจมาถึงก่อน

    “คูนยุงมาแย้ว คูรยุงมาแย้ว”

    เด็กน้อยคอปเตอร์วิ่งเข้าใส่คุณลุงคนโปรดของตนเองทันทีที่เห็นคนตัวโตเดินเข้าร้านมา ด้วยความที่คอปเตอร์วิ่งเข้าใส่และกระโดดสุดแรงขา หมายที่จะกระโดดกอด อาหลงเลือกที่จะอุ้มใต้วงแขนของเด็กน้อยแทนเพราะไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดจากการปะทะกัน เมื่อเด็กน้อยอยู่ในกำมืออาหลงก็จับช้อนก้นอุ้มเหน็บลำตัวในท่าอุ้มเด็ก แล้วดูเหมือนคอปเตอร์จะชอบท่านี้มากเพราะมันดูเหมือนกับว่าอาหลงเป็นพ่อที่อุ้มลูกตนเองอยู่ เพราะอย่างนั้นคอปเตอร์จึงกอดคออาหลงแน่น ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา

    “คราวหลังอย่ากระโดดมาแบบนี้อีกนะครับ มันอันตราย”

    “กั๊บป่ม คอบเจ้อจะจำเอาไว้ แต่คูนยุงอุ้มคอบเจ้อแบบนี้ทุกวันได้หมายกั๊บ”

    “ชอบให้อุ้มแบบนี้เหรอครับ”

    “อื้อ จ้อบมากมายเยย”

    อาหลงพาเด็กน้อยคอปเตอร์เดินไปนั่งยังตำแหน่งประจำของตนเอง ส่วนทางด้านของนลที่แอบมองอยู่ก่อนแล้วอมยิ้มไม่รู้ตัวเมื่อเห็นภาพที่อาหลงอุ้มคอปเตอร์ เพราะมันดูสมาร์ทและเท่ ยิ่งวันนี้หนวดเคราของอาหลงยาวกว่าปกตินิดหน่อย มันยิ่งขับให้อาหลงดูดีแบบผู้ใหญ่ขึ้นไปอีก

    เมื่อถึงเวลานัดกับลูกชายคนเล็ก อาหลงจำต้องออกจากร้านคาเฟ่ เด็กน้อยมองตามปริ่ม ๆ ใบหน้าเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นอีกครั้ง นั่นทำให้นลยิ้มขำกับท่าทางเหงาหงอย เด็กน้อยคอปเตอร์นั่งลงในตำแหน่งที่คุณลุงคนโปรดนั่งเมื่อครู่ นลยกแก้วนมชมพูมาเสิร์ฟเพื่อปลอบประโลมใจเด็กน้อย

    คอปเตอร์นั่งดูดนมเล่นอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ที่ประตูร้านก็เปิดออก ร่างที่เดินเข้ามาทำเอาทั้งเด็กน้อยและเจ้าของร้านงุนงงกันทั้งคู่ เพราะคนที่เข้ามาคือคนที่เพิ่งออกไปเมื่อสิบนาทีก่อน ตอนนี้เขากลับเข้ามาในร้านเป็นครั้งที่สี่ของวัน แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว เพราะด้านหลังมีเด็กชายคนหนึ่งที่หน้าตาถอดแบบมาจากคนตัวโตด้านหน้าอย่างกับแกะ ส่วนอีกคนก็ดูเป็นเด็กหนุ่มมหาลัยสวมแว่นเดิมตามหลังสุดเข้ามา หากนลจำไม่ผิด เหมือนเขาจะเคยเห็นเด็กหนุ่มคนนี้ผ่าน ๆ อยู่บ่อยครั้ง

    “ขอผมนั่งเล่นตรงนี้ได้ไหมครับ”

    อาหลงพูดคุยกับคนสองคนที่ตามหลังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะแยกตัวออกมาแล้วมาขอนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์แทน ที่จริงที่หน้าเคาน์เตอร์ไม่มีเก้าอี้ แต่อาหลงถือวิสาสะลากเก้าอี้บาร์จากจุดนั่งรอมาหนึ่งตัว เพราะเห็นว่าลูกค้าน้อยแล้ว และคุณเจ้าของร้านเองก็พยักหน้าอนุญาตแล้ว เจ้าตัวแสบก็รีบวิ่งเข้ามานั่งตักคุณลุงคนโปรดของตัวเองอย่างไว ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา พอได้ตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วก็ดูดนมชมพูในแก้วอย่างสบายใจเฉิบ

    “สองคนนั้นใครเหรอครับ”

    อดไม่ได้ที่นลจะเป็นฝ่ายถามก่อน เพราะวันนี้เขาแปลกใจมากที่เห็นอาหลงเดินเข้ามาในร้านหลายครั้ง แล้วครั้งนี้ก็ยังพาคนที่ดูเหมือนลูกชายมาด้วย ส่วนอีกคนเขาไม่แน่ใจ จึงตั้งใจจะรอจังหวะถาม เพราะความอยากรู้อยากเห็นมันอดไม่ไหวจริง ๆ

    “คนนั้นเขาเป็นติวเตอร์ครับ เขาอยู่มหาลัยที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ผมเห็นว่าเขาเปิดติวสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่ชั้นบนนี้ ส่วนอีกคนเป็นลูกชายคนเล็กของผมเองครับ เขาอยากเรียนภาษาอังกฤษแล้วขอให้ผมช่วยหาครูสอนให้ โชคดีที่บังเอิญเจออยู่ที่โรงเรียนสอนภาษา วันนี้เลยนัดทั้งคู่มาพูดคุยกัน ถ้าตกลงก็คงเริ่มเรียนพรุ่งนี้”

    “เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนจังเลยนะครับ”

    “ที่จริงแกไปปิ๊งครูฝรั่งที่โรงเรียน”

    “จริงเหรอครับ”

    อาหลงทำถ้ากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่คงลืมไปว่ามีเด็กน้อยนั่งอยู่บนตักและตั้งใจฟังทั้งคู่อยู่

    “แกพยายามปฏิเสธนะครับ แต่ผมมองออกครับ ว่าแกแอบปิ๊งอยู่แน่ ๆ เพราะอย่างนั้นเลยอยากเรียนภาษาเพื่อที่จะคุยกับเขาให้ได้”

    “แต่ผมว่าเขายังเด็กอยู่เลยนะครับ ผมว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

    “ไม่หรอก เด็กวัยนี้แหละครับที่เริ่มสนใจเรื่องรักใคร่”

    อาหลงนินทาลูกชายตัวเองแบบระยะใกล้ แต่นลก็สัมผัสได้ว่าคนพ่ออย่างอาหลงให้ความอิสระในตัวลูกของเขามาก ขนาดพูดเรื่องรักใคร่ของเด็กวัยนี้เขาก็ยังยิ้มแย้มภูมิใจ ราวกับว่าแค่พูดหยอกเย้าเล่น ๆ แบบสนุกปากเท่านั้น

    “ไคยักไคเหยอ”

    จู่ ๆ เด็กน้อยที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความสงสัย ที่จริงแล้วคอปเตอร์ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องในสิ่งที่พวกผู้ใหญ่เขาคุยกัน เพียงแต่พอจับใจความได้ว่ามีเรื่องความรักอยู่ เพราะคอปเตอร์เองก็มีเด็กสาวที่ตนเองปิ๊งอยู่ด้วย แม้จะไม่ได้บอกพ่อของตนเองก็ตาม

    “คอปเตอร์เห็นคนนั้นไหมครับ”

    อาหลงก้มลงกระซิบข้างหูพร้อมกับชี้ไปยังลูกชายตนเอง ทำเหมือนกับว่าเป็นเรื่องลับที่ห้ามเปิดเผย แต่เหมือนคอปเตอร์จะไม่เข้าใจว่าอาหลงชี้ไปที่คนไหน เพราะที่นั่งอยู่ตรงนั้นมีสองคน

    “คนไหนเหยอกั๊บ”

    “คนตัวเล็กครับ คนนั้นลูกชายของลุงเอง เขากำลังปิ๊งคุณครูที่โรงเรียนอยู่ครับ”

    เด็กน้อยคอปเตอร์ตาโตพร้อมกับทำปากโอ้โห ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหน้าเศร้าขึ้นมา นั่นทำให้ทั้งอาหลงและนลก็งงไปกันใหญ่ เมื่อครู่กำลังพูดถึงเรื่องรักใคร่อยู่ เด็กน้อยก็ทำท่าสนอกสนใจ แต่เหมือนมีคำพูดบางอย่างที่สะกิดใจทำให้คอปเตอร์ทำท่าจะร้องไห้ออกมา

    “เป็นอะไรไปครับคอปเตอร์”

    นลวิ่งออกจากหลังเคาน์เตอร์รีบมาดูลูกชายของตนเองที่นั่งอยู่บนตักของอาหลง เมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตเอ่อนองไปด้วยน้ำตา เขาก็รีบแย่งคอปเตอร์ขึ้นมากอดปลอบในทันที พร้อมกลับรีบเดินไปที่หลังร้านเพราะตอนนี้ยังมีลูกค้าเหลืออยู่ เขาไม่อยากให้เกิดความเดือดร้อนต่อลูกค้า

    “ขอผมตามไปด้วยได้ไหมครับ”

    “เชิญครับ”

    อาหลงขออนุญาตเดินตามเข้ามาที่หลังร้าน เพราะคิดว่าตนเองน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คอปเตอร์ร้องไห้ขึ้นมา ส่วนทางด้านของนลเองก็พยักหน้าอนุญาต เขาเองก็คิดว่าอาหลงควรได้รู้สาเหตุการร้องไห้ของคอปเตอร์ด้วยเช่นกัน

    “เกิดอะไรขึ้นครับคอปเตอร์ บอกปะป๊าหน่อยได้ไหมครับ”

    “ฮึก อื้อ คะ คูนยุง”

    แม้จะไม่ได้ร้องไห้โวยวายเสียงดัง แต่น้ำตาไหลแอบแก้มไม่หยุด มันยิ่งทำให้คนเป็นพ่อเจ็บปวดใจ ส่วนทางด้านของอาหลงก็ทำตัวไม่ถูก เพราะคิดว่าตนเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยร้องไห้ออกมา แม้จะไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงก็ตาม

    “ลุงทำไมเหรอครับ”

    นลวางคอปเตอร์ลงที่เก้าอี้ อาหลงก็รีบทรุดเข่าลงเพื่อให้ระดับสายตาตรงกัน เขาเอามือหยาบของตนเองประคองแก้มนิ่มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน นิ้วป้องใหญ่เกลี่ยเบา ๆ เพื่อเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มออก ดวงตาแดงก่ำพาเอาใจผู้ใหญ่ทั้งสองเจ็บตาม

    “คูนยุง ฮึก คูนยุงมียูกแย้ว คูนยุงเป็นพ่อให้คอบเจ้อไม่ได้แย้ว ฮือ”

    คำตอบที่หลุดออกมาจากปากน้อย ๆ ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองต้องรีบกั้นขำ พวกเขาก็นึกว่ามีอะไรที่กระทบจิตใจของเด็กน้อยเข้าหรือเปล่า พอรู้สาเหตุก็อ่อนอกอ่อนใจกับความไร้เดียงสาน้อย ๆ นี้

    “ถึงมีลูกแล้วลุงก็เป็นพ่อให้คอปเตอร์ได้ครับ”

    “จิงเหยอ”

    “จริงครับ”

    “แย้วคูนยุงกับปะป๊าเป็นแฟนกันแย้วเหยอ”

    “เอ่อ คือ เรื่องนั้น”

    คำพูดที่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองไปไม่เป็น คนหนึ่งก็กลั้นยิ้มเพราะถูกเชียร์ อีกคนก็กลั้นเขินจนหน้าแดงเพราะไม่คิดว่าลูกของตนเองจะพูดแบบนั้นออกไป

    “ถ้าคูนยุงจะเป็นพ่อของคอบเจ้อ คูนยุงต้องเป็นแฟนกับปะป๊าก่อน เพาะปะป๊าจะเป็นแม่ให้คอบเจ้อ แย้วคูนยุงก็เป็นพ่อให้คอบเจ้อ”

    “เอ่อ คือ คอปเตอร์ครับ ไม่เอาสิครับ อย่าพูดอย่างนั้น”

    นลเขินจนแก้มแดงไปถึงคอ เขาเริ่มทำตัวไม่ถูก ยิ่งคนตัวโตสุดในห้องนี้กำลังยิ้มแก้มปริก็ยิ่งทำนลเขิลเข้าไปใหญ่ ในหัวพยายามคิดหาทางแก้ตัวแก้ต่างให้ตนเองหลุดพ้นออกจากสถานการณ์ชวนเขินนี้

    “ตอนนี้ลุงจะเป็นพ่อให้คอบเตอร์ก่อน แล้วเดี๋ยวลุงค่อยเป็นแฟนกับปะป๊าทีหลัง แบบนี้ดีไหมครับ”

    “ดีกั๊บ”

    “ปะป๊าว่าไม่ดีหรอกครับ”

    อาหลงผละออกจากคอปเตอร์แล้วหันไปทางนลที่ยืนเขินหน้าแดงอยู่ เขาเอื้อมมือไปจับมือทั้งสองข้างของนล ขนาดมือที่ต่างกันคนละไซต์ยิ่งชวนเขินเข้าไปใหญ่ ตอนนี้นลไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า หรือแม้แต่เงยหน้าขึ้นมองก็ยังไม่กล้า เพราะตอนที่อาหลงทำสายตาเว้าวอนที่มันชวนใจสยิวเกินไป

    “คุณไม่อยากเป็นแฟนผมเหรอครับ”

    “เอ่อ คือ เรื่องนั้น”

    “แต่ผมอยากเป็นคนรักของคุณ ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็นเลยนะครับ”

    “เอ่อ ตะ แต่เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน”

    “ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะทำให้คุณรู้จักผมทุกซอกทุกมุมเลยดีไหมครับ”

    “มะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้”

    “หลังจากนี้ผมจะจีบคุณตรง ๆ คุณจะว่าอะไรไหม”

    “กะ ก็ เอ่อ ผมก็ไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้วนี่ครับ”

    อาหลงยิ้มแก้มปริ ส่วนนลเขินจนหน้าแดงก่ำเป็นลูกมะเขือเทศสุก เขาไม่เคยถูกขอแบบตรง ๆ แบบนี้มาก่อน มันดูโรแมนติกน้ำเน่าที่เห็นในภาพยนตร์ก็จริง แต่พอมาเจอกลับตัวมันกลับสยิวใจพิลึกชอบกล

    “คูนยุงต้องจูจุ๊บปะป๊า จะได้เป็นแฟนกันเย็ว ๆ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×