คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 "รัก"แรกพบ
1
“รัก”แรกพบ
อินทัช นิมมานไพรศาล หรือ อาหลง ชายวัยสี่สิบสองนั่งจิบกาแฟอยู่ในร้านคาเฟ่เปิดใหม่ เขากำลังรอลูกชายคนเล็กเลิกเรียนจากโรงเรียนชื่อดังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารแห่งนี้ และที่สำคัญ ร้านคาเฟ่แห่งนี้ก็อยู่ใต้ตึกสำนักงานเช่าของเขาด้วยเช่นกัน มันจึงสะดวกต่อการมานั่งรอ
อาคารแห่งนี้เป็นอาคารให้เช่า มีร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า หรือร้านอิเล็กทรอนิกส์วางตั้งเรียงรายเป็นแถว ๆ อยู่ที่ชั้นล่างของอาคาร ส่วนชั้นด้านบนเป็นชั้นของโรงเรียนกวดวิชา และชั้นถัดขึ้นไปอีกเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า เพราะอยู่ใกล้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทำให้เป็นอาคารที่มีผู้คนมาใช้อยู่เกือบตลอดเวลา เลยมีร้านที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร
ในเวลาใกล้เลิกเรียนเช่นนี้ มักมีผู้ปกครองมารอรับอยู่ที่อาคารฝั่งนี้เสียส่วนใหญ่ โดยปกติแล้วผู้คนที่มารอมักจะขึ้นไปที่ชั้นบนซึ่งเป็นคาเฟ่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง อาหลงเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น แต่วันนี้ไม่ใช่สำหรับเขา ได้ยินมาว่ามีร้านคาเฟ่เปิดใหม่อยู่ที่ชั้นล่าง เขาไม่อยากขึ้นไปเบียดเสียดที่ร้านด้านบนจึงเลือกลงมาด้านล่างแทน
สิ่งที่ทำให้อาหลงรู้สึกประทับใจในร้านคาเฟ่แห่งใหม่นี้คือ กลิ่นอายแบบร้านเบเกอรี่ เพียงแค่เปิดประตูเข้ามาเขาก็ได้กลิ่นขนมปังอบใหม่ลอยแตะจมูก ในร้านตกแต่งด้วยโทนเข้ม เน้นสีเทาและดำ ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตสีไม้วอลนัท ผนังเป็นผนังปูนลอฟ์ มีกระถางต้นไม้แซมเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ร้านดูมืดมนเกินไป ส่วนของเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่มีโครงเป็นโลหะสีดำ และมีฐานเก้าอี้กับโต๊ะเป็นไม้
ตัวร้านไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีการจัดแบ่งโซนเอาไว้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์ที่เป็นจุดรับลูกค้าเป็นอย่างแรก เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแค่มาสั่งแล้วรับสินค้า มีเก้าอี้สามสี่ตัวสำหรับนั่งรอ ทางด้านขวาจะเป็นโซนสำหรับนั่งทานที่ร้าน มีโต๊ะและเก้าอี้แบบติดผนังอยู่สามสี่ชุด หากเดินจากตรงโซนนั่งเล่นตรงนี้ไปทางด้านข้างของเคาน์เตอร์ จะเจอกับโซนของจุดนั่งทำงาน ซึ่งมีเพียงสองสามโต๊ะเท่านั้น ที่โซนนี้จะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ แต่มีผนังบางๆกันเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว
สำหรับนักออกแบบอย่างอาหลงแล้ว ตัวร้านไม่ใช่สิ่งที่เขาประทับใจ แม้มันจะออกแบบมาได้เรียบง่ายและดูดี แต่มันยังไม่ตราตรึงใจเขา สิ่งที่ดึงดูดสายตาและทำให้เขาเลือกที่จะนั่งที่ร้านต่อเป็นเพราะ เจ้าของร้านคาเฟ่แห่งนี้ต่างหากที่เป็นตัวฉุดให้เขานั่งลง และเขาก็ยอมทำตามหัวใจที่สั่งมา
แม้จะอายุขึ้นเลขสี่แล้ว อาหลงก็ไม่เคยเจอใครที่เรียกว่า รักแรกพบ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมารู้สึกตกหลุมรักใครอีก ยิ่งกับการพบเจอหน้าเพียงแค่ครั้งเดียว หากให้พูดตามตรงเขาไม่เคยคิดหรือสนใจเรื่องความรักเลยหลังอายุขึ้นเลขสามมาแล้ว หลังผ่านการแต่งงานมาสองครั้ง เขาก็ไม่คิดจะมีคู่ชีวิตอีก ไม่เคยตื่นเต้นเวลาได้เจอหน้าใครหรือคนที่ถูกใจ ไม่เคยประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าใคร หรือแม้แต่การนำเสนองานให้ลูกค้ารายใหญ่ก็ไม่หวั่น แต่กับคุณเจ้าของร้าน เขารู้สึกตกหลุมรักเข้าอย่างจัง หัวใจเขามันพองโตเหมือนวัยรุ่นหัดรัก ทั้งที่อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แต่กลับใจเต้นแรงเหมือนวัยรุ่นอีกครั้งเมื่อได้เจอคุณเจ้าของร้านเขาคนนี้
คุณเจ้าของร้านไม่ใช่คนที่หน้าตาดีเหมือนดารา และอีกอย่างเขาก็เป็นผู้ชาย อยู่มาจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาให้ความสนใจกับคนเพศเดียวกัน ไม่ได้อคติหรือปฏิเสธรสนิยมความชอบเพศเดียวกัน เขามั่นใจว่าไม่ได้มีความชอบแบบนั้น แต่คุณเจ้าของร้านทำให้ความมั่นใจของเขามะลายหายไปหมดสิ้น จากที่ไม่เคยมองก็เริ่มมอง จนรู้สึกว่า คนนี้แหละที่ตามหา คนนี้แหละสเปคในดวงใจ
อาหลงรู้ว่าความรู้สึกที่เขาเผชิญอยู่คืออะไร สำหรับคนที่ผ่านการแต่งงานมาถึงสองครั้ง และประสบการณ์ชีวิตกว่าสี่สิบปี แม้การแต่งงานครั้งแรกจะเป็นเพียงแค่การแต่งเพราะสัญญาของครอบครัว เขาก็อยู่กินกันมาได้เกือบห้าปีก่อนจะหย่าร้าง แต่ทุกอย่างต่างฝ่ายต่างพึงพอใจเช่นนั้น ส่วนการแต่งครั้งที่สองเกิดจากความรักก็จริง แต่สุดท้ายก็เลิกรากันเพียงเพราะหมดรักซึ่งกันและกัน เพราะฉนั้นเขาเข้าใจถึงเรื่องความรักเป็นอย่างดี และตอนนี้เขากำลังรู้สึกหลงรักทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จัก หลงรักทั้ง ๆ ที่เห็นหน้ากันเพียงครั้งเดียว
ชายวัยสี่สิบสองนั่งจ้องมองทุกการกระทำของคุณเจ้าของร้าน ซึ่งคุณเขาก็น่ามองจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่หน้าตาแค่ออกหวานิดๆ แต่กลับมีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างน่าประหลาด ทำเอาไม่อาจละสายตาไปได้เลยสักนิด ใบหน้าเรียวเล็กกับปากนิดจมูกหน่อย อาจเป็นเพราะโครงหน้าเล็ก เลยดูเหมือนกับว่าตาโตกว่าปกตินิดหน่อย ที่สำคัญ คิ้วของเขาน่ารักอย่าบอกใคร มันเป็นคิ้วทรงแปลก ๆ เพราะมีอยู่เป็นกระจุกที่หัวคิ้ว หากให้พูดก็คงเหมือนคิ้วของสุนัข เส้นผมสีน้ำตาลยิ่งเข้ากับใบหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ลำคอเรียวเล็กรับกับสันกราม แม้ส่วนสูงจะไม่มาก แต่เพราะตัวผอมเลยทำให้ดูสูงกว่าที่เป็น บวกกับการแต่งตัวด้วยแล้ว เขาเลือกใช้เสื้อผ้าแบบโอเวอร์ไซต์เลยทำให้เขาดูตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอม
ดูเหมือนว่าอาหลงจะจ้องคุณเจ้าของร้านมากเกินไป ทุกครั้งที่ทั้งสองสบตากัน ก็มักเป็นฝ่ายของคุณเจ้าของร้านที่หันหนีก่อน ตามด้วยแก้มที่ขึ้นริ้วแดง ๆ กับอมยิ้มที่มุมปากแบบเขินอย่างคนมีจริต นั้นทำให้อาหลงยกยิ้มโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยเช่นกัน เขาค่อนข้างมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองพอสมควร จะว่าเขามั่นใจในตัวเองมากเกินไปก็ว่าได้ แต่เพราะหน้าตาและบุคลิกแบบนี้เลยทำให้ชีวิตโสดในวัยสี่สิบปีของเขาไม่เคยเหงา
กริ้ง กริง
ระหว่างที่กำลังนั่งมองคุณเจ้าของร้านเพลิน ๆ เสียงกริ่งที่หน้าร้านดังขึ้น เรียกความสนใจของอาหลงให้หันไปดู หากเป็นแค่ลูกค้าธรรมดาเขาคงไม่สนใจเท่าไหร่นัก เพียงแต่คนที่เข้ามาใหม่เหมือนมีสถานะที่สำคัญกับคุณเจ้าของร้าน ร่างเล็กๆของเด็กน้อยวัยอนุบาลเปิดประตูเข้ามาในร้าน โดยที่คนเปิดเห็นจะเป็นคุณครูจากโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ข้าง ๆ เดินมาส่งให้
คุณเจ้าของร้านก้มหัวขอบคุณหลายครั้งให้กับคุณครูสาวที่มาส่ง พร้อมกับมอบแก้วกาแฟและขนมเล็กน้อยให้เป็นของตอบแทน ทางคุณครูก็รับน้ำใจเอาไว้ด้วยความเต็มใจ ทั้งคู่คุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอยู่เล็กน้อย ก่อนที่ทางคุณครูจะเป็นฝ่ายขอตัวกลับไปก่อน เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มกับคุณเจ้าของร้านโบกมือลา
ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปที่หลังร้าน เด็กน้อยที่เพิ่งเข้ามาเขาสังเกตุเห็นอาหลง ดวงตากลมโตเอาแต่จ้องมองมาที่อาหลงไม่ขาด แม้จะถูกคุณเจ้าของร้านลากกลับไปที่หลังร้าน ทั้งคู่หายไปทางหลังเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นหลังร้านจะมีผ้าม่านเป็นซี่ ๆ สีดำบังเอาไว้
พออาหารตาไม่อยู่แล้ว อาหลงจึงได้ก้มมองงานในหน้าจอแมคบุ๊คที่ตนเองตั้งใจพกมานั่งทำงานเงียบ ๆ แต่เพราะเจอกับคนที่ถูกใจ ความตั้งใจอย่างอื่นก็ถูกลืมไปเสียหมด อาหลงนั่งทำงานต่อได้ไม่นาน อยู่ดี ๆ ที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเขาก็มีคนมานั่งโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต นั่นคือเด็กน้อยที่เพิ่งเข้ามาในร้านเมื่อครู่นี้
“ยี่ คอบเจ้อของนั่งจ้วยคนนะกั๊บ”
เด็กน้อยยิ้มยิงฟันหยี่มาทางอาหลงเมื่อทั้งคู่สบตากัน เด็กน้อยที่พูดไม่ค่อยชัดเอ่ยขอผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ด้วยความน่าเอ็นดูของเด็ก ทางอาหลงก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว หากอีกฝ่ายไม่ได้ก่อปัญหาให้เขายุ่งยาก อาหลงพยักหน้าเพื่ออนุญาตเด็กน้อย พอเห็นว่าตัวเองได้รับอนุญาตแล้วเจ้าตัวก็นั่งแกว่งขาจ้องหน้าอาหลงใหญ่
“ทำไมมองหน้าลุงแบบนั้นครับ หน้าลุงมีอะไรติดหรือเปล่า”
อาหลงเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเอาแต่จ้องหน้าเขาไม่เลิก จากที่ตั้งใจจะทำงานต่อก็ล้มเลิกไป เพราะสมาธิที่ถูกรบกวน แม้จะไม่ได้โกรธแต่เขาก็อยากรู้เหตุผลของการจ้องหน้าผู้อื่นเช่นนี้
“จำไมคูนยุงย้อหย่อกั๊บ”
อาหลงถึงกับหลุดขำออกมากับคำถามของเด็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะถูกถามด้วยคำชมแบบนี้มาก่อน แม้จะมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองมากแค่ไหน แต่การถูกถามว่าทำไมถึงหล่อ มันเป็นเรื่องที่ตอบยาก ยิ่งกับเด็กน้อยที่พูดยังไม่ชัดด้วยแล้วก็ยิ่งยากต่อการอธิบายเข้าไปใหญ่
“ลุงหล่อขนาดที่เราต้องมานั่งมองใกล้ ๆ เลยเหรอครับ”
“อื้อ คูนยุงหย่อมากมายเยย คอบเจ้อไม่เคยเจอคนย้อหย่อแบบคูนยุงมาก่อยเยย”
“ขอบคุณครับ แต่ลุงก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงหล่อ คงเป็นเพราะพ่อแม่หน้าตาดี บวกกับการดูแลตัวเองดี กินอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกายก็ได้ครับที่ทำให้ลุงหล่อแบบนี้”
มันดูเป็นเรื่องที่ตลกสำหรับคนภายนอก แต่สำหรับเด็กน้อยแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีไม่กี่อย่างที่เด็กๆจะให้ความสนใจ เพราะวัยเด็กมักเป็นวัยที่ตั้งตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางจักรวาน พบได้ไม่บ่อยนักที่พวกเขาจะชื่นชมคนอื่นและจ้องมองด้วยดวงตาเป็นประกายเช่นนี้
“ถ้าคอบเจ้อทำแบบคูนยุง คอบเจ้อจะหย่อแบบคูนยุงใช่ไหมกั๊บ”
“แน่นอนครับ เราเป็นคนหล่ออยู่แล้ว ขอแค่ดูแลตัวเองดี ๆ เดี๋ยวเราโตมาก็หล่อกว่าลุงแล้วครับ”
“จิงเหยอ”
“แน่นอน”
“ปะป๊า”
อยู่ๆเด็กน้อยก็ลุกจากที่นั่งแล้ววิ่งไปหาคนที่เพิ่งออกมาหน้าเคาน์เตอร์ คุณเจ้าของร้านมองตามนิ้วป้อม ๆ ชี้มาทางผม แล้วทั้งคู่ก็คุยอะไรบางอย่างกัน ซึ่งอาหลงไม่ได้ยินหรอกว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน แต่คาดว่าคงจะเป็นเรื่องที่อาหลงและเด็กน้อยพูดคุยกันเมื่อครู่เป็นแน่ ซึ่งมันก็ทำเอาอาหลงเขินอยู่ไม่น้อยที่คุณเจ้าของร้านยิ้มขำแล้วมองมาทางเขา เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาใจเขาฟ่องฟูเต็มอก แม้จะต้องเสียมาดเล็กน้อยที่สอนเด็กแบบแปลกๆ แต่ข้อแลกเปลี่ยนที่ได้มาถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำเอาใจฝ่อลงมาคือ การที่เด็กน้อยคนนั้นเรียกคุณเจ้าของร้านว่าปะป๊า นั้นแปลว่าคุณเจ้าของร้านเป็นพ่อของเด็กน้อยคนนี้ และนั้นก็หมายความว่าเขาไม่ได้อยู่ในสถานะโสดเหมือนกับอาหลง ความรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ที่อกมันบ่งบอกว่า วันนี้เขาได้ทั้งตกหลุมรักใครสักคนและอกหักจากคนนั้นทันทีด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น