ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : วันเข้าค่าย
ความชุนมุนเล็กๆเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มนักเรียนต่างวิ่งกรูขึ้นรถทัวร์แต่ละคัน เสียงครูอาจารย์ที่ใช้โทรโข่งเรียกเด็กนักเรียนให้พากันเข้าแถวขึ้นรถ แต่ไม่เป็นผล นักเรียนทุกคนต่างรีบขึ้นไปจับจองที่นั่งกันโดยไม่สนใจคคนรอบข้าง เพียงแค่ได้ที่นั่งของตัวเองและเพื่อนสนิทๆก็พอ
มีนยื่นมือเอากระเป๋าผ้าใบโตที่มีสัมภาระเพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของใช้ของผู้หญิง สอดเข้าไปในช่องเก็บของด้านบนที่นั่งพร้อมๆกับกระเป๋าผ้าของพลอยเช่นกัน ทั้งคู่ได้ที่นั่งแถวที่ 3 นับจากท้ายรถมา ส่วนข้างหลังนั้นเป็นที่จับจองของกลุ่มนักเรียนชายกลุ่มใหญ่ แต่หาสาเหตุไม่ได้เสียทีว่า ทำไมต้องไปนั่งตรงนั้น อาจจะเป็นเพราะเพื่อนเยอะจนไม่สามารถนั่งที่นั่งแบบนั่ง 2 คนได้
ส่วนนนท์และชลนั่งคนละฝั่งของมีนและพลอย และถัดจากแถวที่พวกพลอยนั่งไปอีก 2 แถว แต่ถึงงอย่างไรก็ตาม ชลก็คอยชะเง้อมองพลอยอยู่ตลอดเวลา เป็นธรรมดาของคนเป็นแฟนกัน แต่ที่แน่ๆ มีนที่นั่งอยู่ด้านริมหน้าต่าง เธอมองพลอยและชลอย่างไม่วางตา เธออยากให้ชลมองเธอแบบนี้สักครั้ง แต่เห็นหน้ากันทีไรก็ต้องกัดกันมาประสา ทั้งๆที่อยากจะคุยแบบธรรมดาใจจะขาด แต่ทำยังไงก็ต้องลงเอยด้วยการทะเลาะกัน
เราจะตัดใจดีไหมนะ ?
มีนพูดกับตัวเอง คนอย่างเอไม่มีทางจะไปแย่งของๆพลอยได้หรอก เธอรักเพื่อนคนนี้มากและไม่อยากให้พลอยเสียใจ ทุกครั้งที่เธอคิดจะแทงข้างหลังพลอย ความคิดนี้จะโลดแล่นออกมาขัดขวางเอาไว้ทันที มีนได้แต่นั่งมองทั้งสองคนนี้อยู่ห่างๆ
“มีน ! กินขนมรึเปล่า ?” พลอยยื่นถุงขนมให้เธอ
“จ๊ะ” มีนตอบและหยิบขนมมา 1 ชิ้น
“ทำไมเอาน้อยจังล่ะ ? เอาไปเยอะๆเลย เดี๋ยวที่เหลือจะให้ชลเขา แล้วเรามากินด้วยกัน”
“อะ ! ฝากใส่มือเธอก่อนนะ” พลอยหยิบขนมใส่มือมีนจนเกือบล้นมือเธอและลุกเอาขนมไปให้ชล
“ตานั้นว่ายังไงบ้างล่ะ ?” มีนถามด้วยอาการไม่สู้ดีนัก
“ก็ไม่เห็นว่าอะไรเลย ทำไมเหรอ ?” พลอยทำหน้าสงสัย
“เปล่าๆ กินเถอะ มันจะหล่นหมดแล้ว” มีนหยิบขนมในมือใส่ปากเธอ
เวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง ขบวนรถแล่นเข้ามาในซอยเล็กๆแห่งหนึ่ง ทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยป่าและพุ่มไม้สูงๆ ดูน่ากลัวและวังเวงหากออกมาเดินตอนกลางคืน ร้านค้าเล็กๆตั้งอยู่ข้างทาง ผู้คนที่นั่งอยู่แถวๆนั้นต่างหันมองอย่างสนใจ และเพียงไม่กี่อึดใจก็มีเสียงโทรโข่งเหมือนกับที่ได้ยินที่โรงเรียนดังขึ้น
“เอาล่ะๆ นักเรียนเตรียมตัวเก็บข้าวของให้พร้อม ตอนนี้เรากำลังจะถึงวัดแล้ว” เสียงอาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งพูดพร้อมกับกำลังเก็บของในกระเป๋าเป้ของเขา ในนั้นมีกล้องถ่ายรูปที่เขาจะต้องถ่ายมันตั้งแต่เปิดค่ายถึงปิดค่าย
“ไม่ลืมอะไรนะ พลอย” มีนถามขึ้นขณะที่ทุกคนทยอยลงรถกัน
“เออ....แป้งมันหล่นออกจากกระเป๋าอ่ะ ทำไงดีล่ะ” มีนพยายามยื่นมือคว้ากระปุกแป้งที่หล่นออกจากกระเป๋าผ้าแต่ตัวเธอไม่สูงนักทำให้หยิบไม่ถึง
“เอ้า ! ชักช้าจัง เธอน่ะ” ชลยืนหยิบกระปุกแป้งให้มีน และเขาก็เดินนำเธอออกไป
“เอ้า ! ยายบอดี้การ์ด เร็วๆหน่อยสิ เดี๋ยวไปเข้าแถวไม่ทันโดนทำโทษกันหมดนี้แน่” มีนทำหน้าค้อนและเก็บกระปุกแป้งใส่กระเป๋าพร้อมวิ่งไปที่ประตูรถทัวร์
“โอ๊ย !” มีนร้องด้วยความตกใจขณะที่ชลหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูรถ
“ตาบ้า ! จู่ๆก็หยุด เร็วๆสิเดี๋ยวก็โดนทำโทษหรอก” มีนพูดด้วยอาการรีบร้อนพร้อมมองชลที่ทำหน้าหยอกล้อเธออยู่
“นี่นายแกล้งฉันเหรอ ?” ชลส่ายหน้า “เปล่า ก็มีหอยทากมันเดินอยู่เลยหยุดให้มันเดินผ่านไป
“นี่ ! ก็ข้ามมันไปสิ ฉันยิ่งรีบๆอยู่นะ” ว่าแล้วเธอก็ผลักชลจนกระเด็นออกไปนอกรถ
ทว่า !!
ชลทำหน้าซีด มีนยืนมองเขาด้วยความประหลาดใจและมองไปที่บริเวณเท้าของเขา หอยทากตัวเล็กๆถูกอะไรหนักๆทับจนเละ เปลือกหอยที่อยู่ด้านหลังขอมันแตกเป็นเสี่ยงๆ เลือดสาดติดพื้นดูแล้วน่าขนลุก มีนเป็นคนผลักชลให้ลงไปเหยียบมันเพราะเธอคิดว่าชลแกล้งเธอให้เสียเวลา
“ฉัน.....ขอโทษ” มีนพนมมือขึ้นพร้อมมองไปที่หอยทากตัวนั้น
“เธอไม่ผิดหรอก ฉันเองแหละที่ก่อกวนเธอ” แล้วชลก็เดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้มีนยืนอยู่เพียงคนเดียว
เสียงพระอาจารย์ที่เป็นวิทยากรต่างพูดบรรยายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ค่ายใน 3 วันนี้ นักเรียนที่ถูกแบ่งแยกตามกลุ่มตามรายชื่อที่แปะไว้บนบอร์ดที่โรงเรียน ชลนั่งอยู่ข้างหน้ามีน เขาเงียบไปทั้งแต่ตอนที่ลงรถลงมา มีนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาจะโกรธเรื่องที่เธอผลักเขาให้ไปเหยียบหอยทากตัวนั้นรึเปล่า แต่เรื่องนี้มันน่าโกรธตรงไหนนะ
“ชล” มีนเรียกชื่อเขาเบาๆ
“หือ !” เขาหันมาตามเสียงเรียกของเธอ นี่เป็นคำแรกที่เธอได้ยินจากปากของเขาตอนนี้และเป็นคำแรกที่เธอฟังแล้วดูไม่มีสิ่งใดยั่วโทสะเลย
“นาย.....โกรธฉันเหรอ ? ที่ผลักนายไปเหยียบ.....” ชลหันกลับไปมองพระอาจารย์ที่ยืนพูดอยู่หน้าเวทีและหันกลับมา
“เปล่าหรอก ฉันอยากเข้าห้องน้ำน่ะ แต่ต้องรอให้พระอาจารย์ปล่อยให้ไปเก็บของก่อน ถึงจะไปได้ ก็เลย.....นั่งเงียบๆน่ะ” จากคำตอบนี้ทำให้มีนรู้ว่า เธอคิดไปไกลเหลือเกิน
แต่คำพูดของชลตอนนี้ กลับดูปกติธรรมดา เหมือนเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ใช่ศัตรูที่ต้องทำหน้าคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อน เธอรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน ที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาเพียงเอื้อมมือ
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง พระอาจารย์ปล่อยให้นักเรียนแยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระของตนที่เรือนนอน เรือนนอนผู้ชายจะอยู่ที่ห้องโถงชั้นเดียวตรงข้ามศาลาปฏิบัติธรรม ในนั้นมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ ที่สำคัญ.....มีแอร์
ส่วนเรือนนอนของผู้หญิงจะอยู่ทางด้านซ้ายมือของศาลาปฏิบัติธรรม เยื้องจากเรือนนอนของผู้ชายไปไกลสักหน่อย เรือนนอนของผู้หญิงจะเป็นตึก 2 ชั้น ชั้นล่างไว้ใช้เก็บอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนชั้นบนเป็นห้องโถงกว้างๆปูพรมสีแดง ห้องนี้ไว้ใช้ทำพิธีสวดมนต์ของพระ แต่ตอนนี้ได้ถูกยึดครองโดยนักเรียนหญิง ที่สำคัญ......มีแอร์เช่นกัน
แต่ว่ากันปากต่อปากว่า ที่วัดแห่งนี้เล่าลือเรื่องความสยองขวัญว่า มีชาวบ้านเคยพบเจอภูตผีวิญญาณ แต่คำบอกเล่านี้ มันเป็นเพียงสิ่งยั่วยุให้พวกเด็กแสบๆไปลองดี อีกทั้งรุ่นพี่ที่เคยมาเข้าค่ายที่นี่ก็เคยเล่าให้รุ่นน้องฟัง ว่าเคยพบเรื่องน่ากลัวที่วัดแห่งนี้
“พลอย” มีนดึงเสื้อพลอยด้วยอาการระแวง
“มีอะไรเหรอ ?” พลอยหันมองลงไปด้านล่าง ซึ่งมีนยืนอยู่ที่พักบันได
“ที่นี่ มันดูน่ากลัวๆมากเลยนะ” มีนมองไปรอบๆ
“ไม่มีอะไรหรอก รีบขึ้นมาเถอะ เพื่อนๆเขาเข้าไปในห้องกันหมดแล้วนะ”
“จ๊ะ” มีนกอดกระเป๋าผ้าและหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ารีบตามพลอยที่นำเธอขึ้นไปก่อนให้ทัน เธอกลัวตึกเรือนนอนที่นี่เหลือเกิน มันช่างวังเวงและน่ากลัว ทั้งข้าวของที่ไม่เคยปักฝุ่น ห้องน้ำด้านล่างที่มืดมิดและทำเอาขนหัวลุกเมื่อมาเข้าตอนกลางดึก
พลอยผลักประตูกระจกเข้าไป นักเรียนหญิงหลายกลุ่มนั่งคุยกันและจับจองที่นอนเรียบร้อยแล้ว พลอยยืนมองหาที่นอนที่พอสำหรับเธอและมีนสองคน แต่ทุกที่ก็เต็มหมด
“พลอย มีตรงนี้ว่างอยู่อีก 2 นะ มาสิ” เสียงเพื่อนร่วมห้องของพลอยชักชวนเธอและมีนมานอนตรงข้างๆเธอ
“พลอย...เอาตรงนี้เหรอ ?” มีนรั้งแขนพลอยเอาไว้ ตรงนี้มันใกล้ประตูเข้า-ออกมากที่สุด
“ก็ตรงนี้แหละ มันไม่มีที่นอนแล้วนี่” ว่าแล้วพลอยก็วางของลงตรงข้างๆเพื่อนร่วมห้องเธอ
“ถ้ากลัวนัก ก็ไปนอนข้างๆยายแป้งโน่น เดี๋ยวฉันนอนริมเอง” พลอยอาสาและนั่งลงจัดของ
“มันจะดีเหรอ เธอไม่กลัวรึไง ข้างนอกประตูมันน่ากลัวมากเลยนะ ทั้งห้องน้ำชั้นนี้ ทั้งบันไดที่วังเวง ทั้งตอนมืดๆ แล้วมี.....”
“นี่ ! มีน อยากรู้นักว่า เธอไม่กลัวอะไรนอกจาก......” พลอยพยายามหลีกเลี่ยงคำๆนั้นซึ่งมันไม่ดีหากพูดออกมาในที่แบบนี้
“มีสิ ! ก็ตาชลนั้นไง เห็นหน้านายนั้นแล้วน่าหมั่นไส้” มีนทำหน้าฮึดสู้ขึ้นมาทันที
“ไม่รู้ทำไมนะ เธอถึงไม่ถูกกับชล” พลอยส่ายหน้าและหันมาจัดของ
“รีบๆจัดเข้าล่ะ เดี๋ยวอาจารย์เรียกแล้วจะไม่ทัน” มีนตั้งหน้าตั้งตาจัดของออกจากกระเป๋าด้วยความรีบเร่ง
เที่ยงวัน
กิจกรรมเปิดค่ายผ่านพ้นไปด้วยดี ตอนนี้นักเรียนทุกคนได้รับประทานอาหารกัน หลังจากนั้นก็ไปออกันที่หน้าร้านค้า ที่ขายของกินอยู่ มีทั้งไอศกรีม น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ขนมปัง ฯลฯ ถัดมาเป็นโต๊ะม้าหินหลายชุด จัดวางเอาไว้ นักเรียนหลายคนต่างมาจับจองที่นั่งคุยกันระหว่างรอเข้าทำกิจกรรมต่อไป
“พลอยยังไม่มาหรอก” ชลนั่งดูดน้ำอัดลมอยู่ข้างๆมีน เวรล้างจานมื้อแรกก็โดนกลุ่มของนนท์และพลอยพอดิบพอดี มีนชะเง้อมองพลอยอย่างใจจดใจจ่อ เธอไม่อยากที่จะอยู่กับชลตามลำพัง เพราะกลัวพลอยจะมาเห็นเข้า
“นี่...เขาเพิ่งจะเอาจานไปล้างกันนะ คงยังไม่มาหรอก มานั่งก่อนสิเดี๋ยวก็โดนแย่งที่หรอก”
“นายน่ะเงียบไปเถอะ คนอะไรเพื่อนๆแท้ๆก็รอไม่ได้”
“ถ้าเป็นไอ้นนท์น่ะ มันไม่ชอบกินน้ำอักลมหรอก แล้วก็ไม่ชอบเป็นตัวถ่วงของเพื่อนด้วย”
“เพราะคิดแบบนี้ไง นนท์เองก็ดูท่าทางจะเบื่อนายเต็มทน”
“อ้าว ! ฉันผิดเหรอ ?” ชลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“คนเราน่ะ ถ้าไม่มีเพื่อน มันอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นเพื่อนถึงสำคัญมากไงล่ะ”
“แต่สำหรับฉัน เพื่อนไม่ใช่สิ่งที่เอาไว้ประดับบารมี ไม่ใช่เครื่องประดับที่ต้องเอาไปไหนมาไหนด้วย คำว่าเพื่อนไม่ได้อยู่ที่กาย แต่อยู่ที่ใจและความรู้สึกระหว่างเรากับเพื่อนมากกว่า”
“คนเราน่ะ หากไม่ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง มัวแต่รอเพื่อน พึ่งพาเพื่อน มันก็เหมือนลูกแหง่นั้นแหละ” ชลพูดแล้วดูดน้ำไปอีกหนึ่งอึก
“นี่ ! แค่นี้ทำไมต้องด่ากันด้วยล่ะ” มีนเริ่มไม่สบอารมณ์
“อ้าว ! เรื่องนี้เธอเริ่มก่อนนะ”
“ผู้ชายอะไรเถียงผู้หญิงฉอดๆๆ” มีนเดินออกไปจากตรงนั้น
“เธอเองก็ใช่ย่อยที่ไหน ยายบอดี้การ์ด” ชลตะโกนไล่หลังไป
ไม่ใช่มีนเองที่เธอสงสัยอยู่ว่า ทำไมเวลาคุยกันต้องชวนทะเลาะกันด้วย ชลเองก็สงสัยเช่นกัน ทุกครั้งที่เขาก็พยายามพูดจาดีๆกับเธอ แต่ดูมันกลับทำให้มีนโมโหโดยไร้สาเหตุและพูดจาชวนทะเลาะอยู่เสมอ แต่เขาไม่ได้โกรธหรือเกลียดมีนสักเท่าไหร่ เพราะเธอคงจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน เอาใจยาก ชลคิดว่า เขาเองก็ต้องพยายามใจเย็นลงมากกว่านี้ เวลาคุยกับเธอ หากเป็นไปได้ เขาอยากจะใกล้ชิดเธอมากกว่านี้ เพื่อให้รู้ความรู้สึกของกันและกันว่า ความจริงเขาอยากจะพูดคุยกับเธอธรรมดาๆ เหมือนคนอื่นๆ
โดยหารู้ไหมว่า มีนเองก็อยากจะพูดจาดีๆกับเขา เพียงแต่ต้องกลบเกลื่อนความรู้สึกรักที่มีต่อเขา มาเป็นการชวนทะเลาะแทน เพื่อไม่ให้เขาจับพิรุจน์ได้ รวมทั้งไม่อยากจะให้พลอยรู้ว่า เธอก็แอบรักชลอยู่
และแล้ว กิจกรรมในช่วงบ่ายก็เริ่มขึ้น มีการจัดตั้งฐานความรู้แต่ละฐานเอาไว้ตามจุดต่างๆ แต่มันมีกติกาอยู่ว่า ในใบความรู้และคำถาม จะแจกให้ 2 คนต่อ 1 ใบเท่านั้น เพราะฉะนั้นจะต้องทำเป็นคู่ แต่การเดินแต่ละฐานนั้นก็ต้องไปตามกลุ่มที่จัดเอาไว้ตอนแรก
เหมือนโชคชะตาเล่นตลกหรือกลั่นแกล้ง ชลต้องคู่กับมีน ส่วนพลอยก็ต้องคู่กับนนท์ เพราะคนอื่นๆในกลุ่มเขาเลือกคู่กันหมดแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้ชลมากเท่าไหร่ มีนก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหว เธออยากจะอยู่ใกล้เขามากกว่านี้แต่ทำอย่างไรได้ เมื่อมีก้างชิ้นโตขวางคอเธออยู่ เธอทำได้เพียงแค่ทำงานให้เขาเท่านั้น
“เอ้า ! หน้าที่เธอ” ชลยื่นใบความรู้ให้มีน
“ทำไมฉันต้องทำด้วยล่ะ นายก็ทำได้นี่” ชลเริ่มโมโห
“ก็เธอเป็นผู้หญิงนี่ งานละเอียดอ่อนแบบนี้เธอน่ะเหมาะที่สุด”
“เฮ้อ ! ทำไมต้องส่งนายมาเป็นคู่ฉันด้วยเนี่ย” มีนถอนหายใจและหยิบใบความรู้มาจากมือของชล
“ฝากด้วยนะ เดี๋ยวจะไปหาข้อมูลมาให้”
และแล้วกิจกรรมฐานความรู้ก็เริ่มขึ้น แต่ละกลุ่มก็แยกย้ายกันไปประจำฐาน คู่ของนนท์และพลอยดูท่าจะไปได้สวย เมื่อแบ่งหน้าที่แล้ว ทั้งคู่ก็ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ส่วนคู่ของชลและมีน ต่างเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา แต่สุดท้ายเธอก็ต้องยอมเขา
เพียงเพราะว่าเธอ....กลัวจะหลุดปากพูดอะไรออกไป !!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น