ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Death Friendship มิตรภาพ แห่ง ความตาย

    ลำดับตอนที่ #15 : รายสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 53


             



             กลิ่นพื้นดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่กระหน่ำลงมาเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณถนนลาดยางยาวสุดลูกหูลูกตา สองฝั่งเต็มไปด้วยป่าหญ้าคาสูง เสียงเสียดสีกันของยอดหญ้าเมื่อถูกลมดังแว่วมา ฝนที่ยังคงตกพรำๆ สร้างความหนาวเย็นให้กับบรรยากาศภายในค่ำคืนนี้ไม่น้อย 
     
             หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง กำสร้อยพระไว้ที่อกและเดินออกจากรถยนต์สีขาวที่พังยับเยิน รองเท้าคู่ละ 3-4 พันบาทเปื้อนดินโคลนบนถนนจนเปลี่ยนสี เธอกอดร่างที่สั่นเทาไปด้วยความกลัว สายตาจ้องมองไปร่างใครคนหนึ่ง ที่นอนอยู่กลางถนน
     
             เขาคนนั้น....เธอรู้จักเป็นอย่างดี !!
     
             หยดน้ำตาที่มิอาจจะหยุดยั้งได้ ไหลออกมาพร้อมๆกับหัวใจที่มันแตกสลาย เธอค่อยๆพลิกร่างที่ไร้วิญญาณของแม่อย่างช้าๆ ใบหน้าและส่วนต่างๆที่ถูกเสียดสีกับผิวถนนลอกเผยให้เห็นเนื้อสีแดงสด ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด กองเลือดไหลรอบๆกาย กลิ่นคละคลุ้งจนทำให้รู้สึกแสบจมูก เธอกุมมือไว้ที่อกข้างซ้ายพยายามทำให้หัวใจของเธอเต้นเบาลง ตอนนี้เธอรู้สึกดีกว่าตอนที่อยู่ในรถมาก 
     
             หญิงสาวเดินมาถึงร่างของหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่ ทันทีที่ได้เห็น น้ำตาอีกระลอกก็ไหลออกมาอย่างอัตโนมัติ เธอปิดปากสะอึกสะอื้นก่อนที่จะคุกเข่าลงบนถนนที่แฉะไปด้วยน้ำ ตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เพราะยังไง เธอก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว
     
            
             ว่อ วี๊ ว่อ วี๊ ว่อ วี๊ ว่อ !!!!! (เสียงสัญญาณรถตำรวจ)
     
        
             ราวกับสวรรค์เปิดทางให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ เธอหันหลังไปมองรถคันหนึ่งที่แล่นมาด้วยความเร็ว ก่อนที่จะหยุดลงข้างๆเธอ ในความมืดเธอไม่เห็นอะไรที่โดดเด่นของรถคันนี้นอกจาก ไฟสัญญาณด้านบนหลังคารถเท่านั้น
     
             ตะ....ตำรวจ เธอเอ่ยให้กับนายตำรวจคนหนึ่งที่โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถ
     
             แก้วกระเบื้องสีขาวลายดอกไม้เล็กๆ ภายในบรรจุน้ำอุ่นเอาไว้ ไอร้อนที่มีสภาพเป็นควันลอยขึ้นมาเตะจมูกของหญิงสาว มันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที เมื่อสัมผัสกับความอุ่นและความสบายใจ
     
             บนสถานีตำรวจชานเมือง จ.อยุธยา
     
             เสียงผู้คนเดินผ่านไปมาบนโรงพัก แนนเงยหน้ามองนาฬิกาที่อยู่เหนือหัวของเธอ มันเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าแล้ว โรงพักแห่งนี้ยังคงมีผู้คนเดินเข้า-ออกอยู่ แม้แต่ตำรวจเองก็ยังเดินขึ้น-ลงโรงพักเป็นว่าเล่น แนนนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางชิดกับหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถเห็นได้ทั่งทั้งโรงพัก เธอยิ้มอย่างสบายใจ
     
             แกร๊ก !
     
             เสียงประตูเปิดออกอย่างเงียบๆ แนนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมอง นายตำรวจยศสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำซึ่งข้างในคาดว่าเป็นกาแฟ เขามองเธอครั้งหนึ่งก่อนที่จะวางแก้วลงบนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร แฟ้มรายงาน และอื่นๆ
     
             หนูชื่อ นิภาวรรณ ใช่มั้ย ?” แนนพยักหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ
     
             เอ่อ.....ผมขอเรียกคุณว่า แนน แล้วกันนะ เธอพยักหน้าอีก
     
             ผมชื่อ ทรงยศ นะครับ ทำงานเป็นฝ่านสืบสวนของดรงพักแห่งนี้ คือ....ผมจะขอถามเรื่องที่คุณ........
     
             ก็ได้ค่ะ ! หนูจะเล่าให้ฟัง แนนตอบเสียงสั่นราวกับจะร้องไห้ออกมา
     
             หนูไปทำอะไรที่นั่นน่ะ มันทั้งมืด ทั้งเปลี่ยว แล้ว เกิดอะไรขึ้นตอนนั้น นายตำรวจทรงยศยิงคำถามใส่ไม่ยั้ง
     
             หนูกับแม่...แล้วก็คนขับรถของหนูกำลังจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดน่ะค่ะ นายตำรวจหยิบกระดาษและแผ่นรองมาจดอะไรบางอย่างลงไป
     
             แต่จู่ๆ ฝนก็ตกลงมา คุณแม่บอกว่าตกหนักมากจนต้องหยุดรถก่อน ตอนนั้นหนูนอนหลับค่ะ
     
             พอหนูตื่นขึ้นมา รถก็แล่นออกไป แต่ขับไปได้สักพัก ลุงคนขับรถก็หักหลบอะไรก็ไม่รู้จนรถตกข้างทาง
     
             คนขับรถของหนูถูกไม้ค้ำป้ายโฆษณา.......เสียบตาย น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง
     
             แต่แล้ว.....คุณแม่ก็ลงจากรถเพื่อจะไปเรียกให้คนมาช่วย ตอนนั้นหนูเองคิดว่า มืดขนาดนั้นแล้ว คงไม่มีใครขับรถผ่านมาหรอก
     
             แต่...... เธอหยิบกระดาษทิชชูซับน้ำตา
     
             มีรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว ทั้งๆที่คุณแม่ยืนขวางอยู่ ก็ไม่สนใจ ขับรถชนคุณแม่............ เสียงสะอื้นไห้ของเธอ ทำให้นายตำรวจรู้สึกสงสารเธอจับใจ
     
             ใจเย็นๆนะ ถ้าเล่าต่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมติดต่อคุณพ่อของคุณได้แล้ว เดี๋ยวเขาก็มา
     
             จริงเหรอคะ ?” เธอถามอย่างดีใจ
     
             เขาพยักหน้า
     
             ขณะที่นายตำรวจทรงยศจะออกจากห้องไป เขาก็คุยกับแนนเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของแม่ของเธอ 
     
             จากที่หนูพูดลักษณะรถคันนั้น เอ่อ.....หนูอยากรู้มั้ยว่า เจ้าของรถที่ชนคุณแม่ของหนู เป็นใคร ?” คำพูดนี้ทำให้แนนสนใจฟังขึ้นมา
     
             ตอนนั้น มีโจรปล้นธนาคารในตัวเมือง และขับรถผ่านไปเส้นทางนั้น ผมคิดว่านะ คนที่ขับรถชนคุณแม่ของหนู น่าจะเป็นพวกโจรนั้นแน่ เพราะลักษณะรูปพรรณของรถที่หนูเห็น มันตรงกัน
     
             โชคดีนะ ที่หนูไม่เป็นอะไร แล้วก็พอดีมีรถตำรวจสะกดรอยตามไปด้วยอีกคัน เลยรับหนูมาที่นี่ได้
     
             แต่.....คุณแม่ เธอพูดพร้อมๆกับน้ำตา ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ศพคุณแม่หนู แล้วก็คนขับรถ คุณพ่อของหนูติดต่อเรื่องนี้แล้วครับ เธอยิ้ม
     
             ขอบคุณนะคะ ที่......ช่วยชีวิตหนูเอาไว้ ถ้าไม่มีใครไปช่วยล่ะก็ หนูคงจะต้องตายอยู่ที่นั้นแน่ๆ
     
             ไม่เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว เมื่อมันเจ็บ ก็ไม่ต้องไปรื้อฟื้นมัน เขาบอก
     
            
             06.38 น.
     
     
             แนนตื่นขึ้นมาด้วยอาการสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก แม้ที่นอนของเธอจะเป็นแค่โซฟายาวๆและผ้าห่มผืนบางๆ แต่เมื่อคืนเธอรู้สึกว่านอนเต็มอิ่มกว่าที่เธอเคยนอน ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอยังกำสร้อยพระที่แม่ของเธอให้อยู่ตลอดทั้งคืน เพราะเธอคิดว่า นี่คือตัวแทนของแม่เธอ แม้วันนี้จะไม่มีแม่ของเธอ ชีวิตที่แสนมีค่าของเธอนั้น มันยังต้องเผชิญกับเรื่องราวในอนาคต 
     
             เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่นายตำรวจคนเดิมจะเข้ามาพร้อมกับยิ้มให้ เธอคิดว่าเขาต้องนำเรื่องอะไรดีๆหรือเรื่องที่เธออยากจะได้ยินมาบอกเป็นแน่
     
             หนูแนนครับ คุณพ่อหนูมารับแล้ว !!” แนนแทบจะโดดตัวลอยเมื่อได้ยินคำพูดนี้
     
             ชายร่างสูงสวมสูทสีดำยืนทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ด้านนอกโรงพัก แนนเห็นดังนั้นจึงโผเข้ากอดชายคนนั้นทันที เธอไม่ได้กอดผู้ชายคนนี้มานานเหลือเกิน หลังจากที่เขาต้องไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่หลายปี
     
             คุณพ่อ ! หนูดีใจจังเลยค่ะ ที่คุณพ่อมารับหนู
     
             เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนรึเปล่า ? เดี๋ยวพ่อพาไปโรงพยาบาลนะ ผู้เป็นพ่อตรวจเช็คร่องรอยบาดเจ็บของลูกสาวอย่างถี่ถ้วน
     
             ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่เป็นอะไร เธอกล่าวให้พ่อของเธอสบายใจ
     
             งั้น เดี๋ยวพ่อจะไปที่บ้าน แล้วไปขนของขึ้นรถ ลูกจะต้องไปอยู่กับพ่อที่เมืองนอก แววตาเธอเปล่งประกาย
     
             แล้ว...คุณแม่... เธอมองหน้าพ่อ ไม่ต้องห่วงนะ เราจะไปหลังจากงานศพของคุณแม่เสร็จ
     
             ดีค่ะ !” เธอตอบ  แนนหันหลังเพื่อจะไปขอบคุณนายตำรวตทรงยศที่คอยดูแลเธอตลอดทั้งคืน 
     
             เธอหันไปมองหน้านายตำรวจก่อนที่จะยกมือไหว้ แต่สายตาของเธอเหลือบไปเห็น บางอย่าง อยู่ด้านหลังของเขา
     
             จิ๊บ !!” เธออุทานชื่อของเพื่อนเธอออกมา
     
             จิ๊บ ยืนจ้องหน้าเธอด้วยความโกรธแค้น เธอกำลังจะมาตามแนนไปอยู่ด้วย เธอไม่อยากไป และเธอก็ไม่อยากจะให้มีใครต้องตายเพราะเธอด้วย แต่ทุกอย่าง มันไม่มีทางเลือกที่ดีที่สุดอีกแล้ว
     
             แนนคว้าปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวของนายตำรวจทรงยศออกมา เสียงแกร๊ก ! ทำให้ทุกคนบริเวณนั้นต่างตกใจและหวาดเสียว ปากกระบอกชี้ไปตรงขมับของแนน มือของเธอเริ่มสั่นสะท้านไปทั่วร่าง น้ำตาค่อยๆไหลลงมาด้วยความเสียใจ เธอไม่อยากจะทำวิธีนี้เลย แต่เธอไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ
     
             ถ้าเป็นไปได้ คนที่ตายรายต่อไป ต้องเป็นเธอ !!
     
             เธอรู้ว่า จิ๊บทำอะไรเธอไม่ได้ เพราะมีสร้อยพระติดตัวอยู่ จิ๊บจึงหันไปเล่นงานบุคคลรอบข้างเธอทีละคนๆ และตอนนี้คนสุดท้ายที่เธอมีอยู่คือ พ่อ หากเธอกลับไปกับพ่อ บางทีอาจจะมีรถบรรทุกสวนมาชนรถพ่อเธอยับ หรือไม่ก็โดนโจรยิงตาย หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอคิด อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หากเธอไม่คิดจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม และต้นลมนั้นคือ เธอ !!
     
             คนอย่าง จิ๊บ ไม่ว่าเธออยากได้อะไร ก็ต้องได้ !!
     
             เธอตัดสินใจดีแล้ว
     
             ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง
     
             การจองเวร.....จงสิ้นสุดที่เธอคนเดียว
     
             ลาก่อน.....สวรรค์ที่มิอาจจะไปถึง !!
     
     
                   เปรี๊ยง !!!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×