ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Death Friendship มิตรภาพ แห่ง ความตาย

    ลำดับตอนที่ #14 : เกมความตาย (สยองสุดๆ)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 53


             



             ย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน ก่อนที่พวกชลจะไปต่างจังหวัดเพื่อจะถอนคำสัญญา วันนั้นเป็นวันพุธ ในเย็นหลังเลิกเรียน นักเรียนจำนวนมากต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปหมดแล้ว แต่มีนักเรียนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่สามารถกลับได้ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
     
    1.     ทำงานยังไม่เสร็จ (ไม่ว่าจะรายงาน การบ้าน หรือช่วยงานอาจารย์อยู่)
    2.     ยังไม่อยากกลับบ้าน
     
             มิ้น กวาดห้องคหกรรมอยู่เพียงลำพังคนเดียว วันนี้แนนเพื่อนซี้ของเธอไม่มาโรงเรียน ทำให้เธอต้องอยู่ทำเวรคนเดียว เธอกวาดพื้น ถูพื้นโดยเอาไปเปิดก๊อกน้ำด้านนอกโรงคหกรรมมาใช้ และเช็ดโต๊ะสแตนเลตที่ใช้วางวัตถุดิบต่างๆ รวมทั้งอ่างล้างจานที่มีอยู่ 5 อ่างจนสะอาดหมกจด มิ้นเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายของเธอและตรงไปหยิบกุญแจห้องคหกรรมที่วางอยู่บนโต๊ะอาจารย์ขึ้นมา
     
             ได้เวลากลับบ้านแล้วล่ะ !!
     
             มิ้นยกนาฬิกาข้อมือดู มันเป็นเวลา 17.35 น. เข้าไปแล้ว มันเย็นมากสำหรับเธอ เพราะเธอเองไม่เคยกลับบ้านหลัง 5 โมงเลยสักครั้ง 
     
         
             ติ๋ง !   ติ๋ง !   ติ๋ง !
     
       
             มิ้นหันหลังมองสิ่งที่ผิดปกติ เธอเห็นก๊อกน้ำก๊อกหนึ่งปิดไม่สนิท น้ำค่อยๆไหลออกมาจากก๊อก ทีละนิดๆ เสียงมันกังวานไปทั่วห้องเพราะมันเงียบมาก ตึกคหกรรมเป็นตึกที่มาตั้งโดดเดี่ยวห่างจากอาคารเรียนทั้ง 4 ของโรงเรียนมาก มิ้นรีบเดินไปปิดก๊อกน้ำทันที เพราะเธอไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ 
     
             ถ้าแนนอยู่ด้วย ก็คงดีนะ
     
             มิ้นมองไปรอบๆห้องที่ถูกปิดไฟมืดเพื่อเช็คความแน่ใจ ความจริงเธอน่าจะเปิดไฟเพื่อให้สามารถมองอะไรได้ชัดเจน แต่ตอนนี้มันเย็นมากแล้ว เธอไม่อยากจะเดินไปเปิด-ปิดไฟหลายๆรอบ เมื่อเธอคิดว่าทุกอย่างนั้นเรียบร้อยดีแล้ว เธอจึงก้าวออกจากห้อง
     
             เธอเป็นเพื่อน......ฉันไม่ใช่เหรอ ?’
     
             มิ้นหันหลังควับด้วยความตกใจ เธอรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกระซิบข้างๆหู ลมเบาๆกระทบหูของเธอจนสุดุ้งเฮือก มิ้นรีบกวาดสายตามองก่อนที่จะออกจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด
     
             เราจะไม่ทิ้งกัน.........ฉันจะเอาเธอไปอยู่ด้วย
     
             มิ้นรีบปิดหูและวิ่งออกมาจากห้อง เธอปิดประตูกระจกและล็อกมันก่อนที่จะเลื่อนประตูเหล็กยืด มาประกบกันอย่างทุลักทุเลก่อนที่จะล็อกกุญแจ ประตูบานนี้เก่ามากจนซี่ของเหล็กที่เคยเป็นกลไกในการพับของมัน โผล่ออกมาระหว่างช่องประตูพอดิบพอดี มิ้นรีบคล้องแม่กุญแจและล็อกมัน มือของเธอสั่นอย่างไร้สาเหตุ  เมื่อเสร็จแล้วเธอจึงหันหลังจะรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
     
             มิ้น เธอจะไปไหน กลับมาคุยกันก่อน!!’
     
             ร่างของจิ๊บปรากฎขึ้นหลังประตูกระจก เธอเอามือทะลุประตูกระจกผ่านซี่ประตูเหล็กยืดออกมา ราวกับจะรั้งตัวมิ้นให้กลับมา แต่เธอจับได้แค่ผมของมิ้นเท่านั้น
     
             มิ้นเซถอยหลังทันทีที่รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจับผมของเธอไว้ ด้วยความตกใจเธอจึงสะบัดไปมาอย่างไร้ทิศทาง เพื่อต้องการให้หลุดจากบางอย่างที่เธอมองไม่เห็น ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง เสียงร้องของความช่วยเหลือดังไปทั่วบริเวณตึกคหกรรม ซึ่งไร้ผู้คน.....
     
             หลังของมิ้นชนกับประตูเหล็กยืดเข้าอย่างจัง มือขอจิ๊บจับทึ้งผมของเธอราวกับจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของมิ้น ดูเหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านใดๆกับจิ๊บเลยด้วยซ้ำ มิ้นยังคงร้องไม่หยุดโดยไม่รู้ว่า....ด้านหลังของมิ้นนั้น มีเหล็กที่โผล่ออกมาระหว่างช่องประตูอยู่
     
             จิ๊บใช้แรงกระชากอีกครั้ง ศีรษะของมิ้นผงะไปด้านหลัง จนศีรษะของเธอเข้าไปในช่องระหว่างประตูพอดี เหล็กที่โผล่ออกมานั้น เสียบเข้าที่ลำคอเธอ เลือดพุ่งพราดออกมาทันที น้ำสีแดงสดค่อยๆไหลไปตามชิ้นส่วนของประตูเหล็กลงมาบนพื้น ดวงตาของมิ้นเหลือกขึ้นจนถลนออกมาจากเบ้าตา เสียงอู้อี้อยู่ในลำคอค่อยๆแผ่วลงช้าๆ ก่อนที่จะเงียบไป...........
     
             ร่างของมิ้นที่ศีรษะเข้าไปอยู่ระหว่างซี่ประตูพร้อมกับถูกเหล็กเสียบเข้าที่คอ เลือดทะลักออกมาจากปากแผลตรงลำคอและปาก เสื้อนักเรียนสีขาวถูกย้อมเป็นสีแดงสด ดวงตาเหลือกราวกับตกใจสุดขีด 
     
             เธอ.....เสียชีวิต อย่างอนาถ !!
     
             วันต่อมา เรื่องนักเรียนโดนซี่เหล็กประตูเสียบคอตายคาที่ ต่างโจษจันไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว สร้างความหวาดผวาและความน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก จนบางคนไม่กล้าไปที่ตึกคหกรรมคนเดียว แม้แต่ยกโขยงไป 10-20 คนก็ยังถึงกับขนลุกไม่ใช่น้อย
     
             โดยเฉพาะเดินผ่าน....ประตูเหล็กยืด ที่เคยมีศพถูกเสียบคอ !!!
     
             ไม่น่าพิสมัยเลย ที่ไปเรียนที่ตึกคหกรรมนั้น ซึ่งเคยมีคนตาย ความรู้สึกนี้ไม่แตกต่างอะไรกับแนนเลย เพราะเธอทั้งหวาดกลัวและรู้สึกระแวง เมื่อเธอรู้ว่ามิ้นถูกฆ่าตาย ยิ่งทำให้จิตใจของเธอตกฮวบลงสู่เหวลึก วันนี้เธอไม่ได้ไปโรงเรียนอีกวัน เธอเก็บตัวอยู่ในห้องนอนของเธอคนเดียว เธอเปิดไฟทุกดวงที่ติดอยู่ภายในห้องนี้แม้แต่โคมไฟข้างเตียงเธอก็ไม่เว้น ความสว่างมันช่วยให้เธอรู้สึกสบายขึ้น(บ้าง)
     
             เธอนั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียง มีโทรศัพท์บ้านวางอยู่ข้างๆตัว หลังจากที่เธอทราบข่าวจากทางโรงเรียนว่า มิ้นเพื่อนของเธอเสียชีวิตแล้ว เธอยิ่งรู้สึกจิตตกมากขึ้นกว่าเดิม เธอกลัว เธอหวาดระแวง เธอไม่กล้าจะออกไปไหน เธอไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครดี
     
             ตอนนี้เธอเป็นคนสุดท้ายที่อยู่รอด หากเธอคิดไม่ผิด คนที่ฆ่ามิ้นนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากจิ๊บ เพื่อนของเธอนั้นเอง จิ๊บคงเหงาและต้องการจะหาเพื่อนไปอยู่ด้วย  จิ๊บติดมิ้นและเธอมากและแม้ว่าจิ๊บตาย จิ๊บเองก็คงจะเอาตัวมิ้นและตัวเธอไปด้วยเช่นกัน........
     
           
             ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!
     
      
             เสียงเคาะประตูดังขึ้นจนแนนสะดุ้งตัวโหยง ร่างกายสั่นโดยไม่รู้ตัว ดวงตาจ้องไปที่ประตูอย่างไม่ให้คลาดสายตา เสียงแกร๊กเบาๆดังขึ้น ก่อนจะมีใครบางคนเดินเข้ามา
     
             คุณแม่ !” เธอกระโดดตัวโยนก่อนที่จะตรงเข้าไปกอดแม่เธอ
     
             โธ๋ ! ลูกแม่ คงจะจิตตกมากเลยล่ะสิ แม่ลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู
     
             แม่จะพาหนูไปปฏิบัติธรรมที่วัดแถวๆอยุธยาดีมั้ยจ๊ะ ?” แม่เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
     
             หนู.....เออ...... เธอพยายามคิด
     
             หนูกลัว..... แม่เธอส่ายหน้า ถ้าอยู่ในวัด ไม่มีอะไรทำอันตรายหนูได้นะ แม่มั่นใจ
     
             คำพูดของแม่ ทำให้แนนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง แต่มันก็ยังรู้สึกกลัวในบางสิ่งที่เธอคิด แม้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต แต่ตอนนี้จิตใจของเธอรู้สึกเพียงอย่างเดียว.....
     
             กลัวความตาย !!!
     
             แนนยืนมองคนขับรถที่เป็นลุงแก่ๆคนหนึ่ง รูปร่างผอม ดูเอาการเอางาน กำลังถือกระเป๋าของเธอขึ้นรถ แนนมองหน้าแม่ของเธอด้วยความรู้สึกว้าเหว่ แม่ของเธอติดงานจึงไม่สามารถไปปฏิบัติธรรมด้วยไม่ได้ จึงให้เธอไปกับลุงคนขับรถเพียงสองคน
     
             แนนพยายามคะยั้นคะยออยากให้มีคนไปด้วยมากกว่านี้ แต่หากทำเช่นนั้นการเดินทางจะเลื่อนออกไปอีก เธอจึงจำใจต้องไปกับลุงคนขับรถ แม่ของแนนหยิบสร้อยพระให้กับเธอ เธอยกมือไหว้ก่อนที่จะรับมาสวมที่คอ ทันทีที่สวม เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่า เรื่องราวที่เธอคิดเรื่องไม่ดีในหัว ตอนนี้มันถูกลบหายไป ใบหน้าที่เคยอมทุกข์กลับดูสดชื่นขึ้นมาทันที
     
             หลังจากการโอบกอดด้วยความรักแล้ว แนนก็เดินตรงไปที่รถ เธอหันมองแม่ที่ยืนอยู่อย่างคิดถึง เวลาที่เธอไม่อยู่ที่วัด คงจะคิดถึงแม่มากเหลือเกิน 
     
             ขณะที่แม่ของแนนกำลังจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน เธอกลับไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า หญิงวัยกลางคนเอามือทาบอกด้วยความตกใจ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
     
             ศีรษะของแนน.....หายไป !!
     
             โบราณเคยบอกไว้ว่า หากคนที่ไม่มีเงาหัว หรือมองไม่เห็นเงาหัว เป็นลางร้าย อาจจะพบกับอันตรายถึงชีวิต เมื่อตั้งสติได้ หลังจากยืนนิ่งไปสักพัก เธอจึงรีบไปรั้งลูกสาวของเธอเอาไว้ แต่ไม่ทันเสียแล้ว แนนขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย และรถนั้นก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ
     
             เดี๋ยวๆๆๆ !! หยุดรถก่อน แม่ของแนนรีบทุบกระจกรถ
     
             มีอะไรเหรอครับ คุณนาย คนขับรถเหยียบเบรกก่อนที่จะโผล่หน้าออกมาถาม
     
             ฉันยกเลิกแล้ว แนนลงมาลูก ไว้ค่อยไปวันหลัง แนนลงจากรถด้วยอาการ งงๆ
     
             มีอะไรเหรอคะ คุณแม่ !” เธอถาม
     
             แม่ว่า....วันนี้ฤกษ์ไม่ค่อยดี ไปวันอื่นเถอะนะ เดี๋ยวแม่จะหาสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่
     
             อย่าดีกว่าค่ะ ตอนนี้หนูรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก หนูคิดว่า การปฏิบัติธรรมครั้งนี้ หนูคงจะได้บุญกลับมาฝากคุณแม่แน่นอนค่ะ คำพูดเธอทำให้ยากต่อการตัดสินใจ
     
             แต่แม่ว่า..... แนนส่ายหน้า อย่าเลยค่ะ หนูกะจะแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเพื่อนของหนูด้วย หนูมีพระของคุณแม่อยู่ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ น้ำตาของแม่ค่อยๆไหลลงมา
     
             แม่คนไหนบ้าง ที่อยากให้ลูกไปเสี่ยงอันตราย ยิ่งการเห็นลางร้ายของลูกแล้ว จิตใจของหญิงวัยกลางคนคนนี้ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่รู้จะปฏิเสธมันอย่างไร และจะทำยังไงให้ลูกของเธอกลับมาอย่างปลอดภัย
     
             เอาอย่างนี้ ! งั้นคุณแม่ไปด้วย แนนยิ้มร่าด้วยความดีใจ
     
             แนนนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของแม่อย่างสบายใจ เธอรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ แม่ของเธอยอมโดนด่าเพื่อลาไปปฏิบัติธรรมกับลูกสาวของเธอ แนนไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดแม่ของเธอจึงยอมมากับเธอได้ แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น ยิ่งแม่ของเธอมาด้วยก็ยิ่งรู้สึกดี
     
             เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง หลังจากเสียเวลาในการเตรียมตัวไปปฏิบัติธรรม ซึ่งก็ปาไปเกือบ บ่าย 4 โมงแล้ว ที่เสียเวลาไปถึงขนาดนั้น ก็เพราะแม่ของแนนต้องไปทำเรื่องลาที่บริษัท กว่าจะได้ออกเดินทาง แม่คนนี้ช่างเป็นคนที่ประเสริฐเสียจริงๆ
     
             ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ดวงอาทิตย์ค่อยๆกลืนหายไปเพราะเมฆสีดำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า อีกไม่นานฝนคงจะตกเป็นแน่ บรรยากาศเริ่มสู่ความมืดมิด แนนจับมือแม่แน่น อากาศในรถเริ่มหนาวขึ้นมาจับใจ แม่ของเธอหยิบผ้าห่มผืนบางมาห่มร่างเธอเอาไว้ ถนนที่สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้ากว้างไปสุดลูกหูลูกตา ยาวไปจนถึงภูเขาลูกหนึ่งตรงหน้า รถยนต์สีขาวแล่นไปตามถนนที่แสนอ้างว้างนี้ 
     
             มีเพียงรถของเธอ......แล่นอยู่เพียง คันเดียว !!
     
             ฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับมีพายุใหญ่เกิดขึ้น รถคันเล็กต่างค่อยๆเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ หน้ากระจกของรถมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากที่ปัดน้ำฝนและสายฝนเท่านั้น คนขับรถวัยชราพยายามเพ่งมองหน้ารถอย่างยากลำบาก เขาขับรถยากมากหากฝนยังคงตกอยู่อย่างนี้ เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงที่รถยังคงติดฝนอยู่อย่างนี้ 
     
             คุณนายครับ ผมว่าเราขับต่อไปคงจะลำบาก เราจอดรอให้ฝนหยุดก่อนดีมั้ยครับ ?” เขาเสนอ
     
             ก็ได้ๆ เธอสั่ง
     
             แม่ของแนนมองนาฬิกาข้อมือของตนพร้อมกับถอนหายใจ มันเป็นเวลาเกือบ 6 โมงครึ่งแล้ว ท้องฝ้ายังคงมืดอยู่ สายฝนยังคงตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย 
     
             เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง ฝนเริ่มตกปรอยๆแล้ว ไม่หนักเหมือนครั้งก่อนๆ คนขับรถรีบออกรถทันที เพราะตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มแล้ว แนนตื่นขึ้นมาจากนอนหลับอย่างงัวเงีย เธอมองนาฬิกาหน้ารถแล้วตกใจ เวลาป่านนี้น่าจะถึงได้แล้ว แต่เพราะติดพายุฝนจึงไม่สามารถไปได้ ความเหนื่อยล้าจากการไม่ได้พักผ่อนเต็มอิ่ม ทำให้แนนหลับลึกจนไม่รู้เรื่องราวว่า ตอนที่เธอหลับมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
     
             แต่แล้วฝนก็ตกลงมาอีกรอบหนึ่ง คราวนี้ไม่แรงเหมือนครั้งแรก พอสามารถขับรถต่อไปได้ คนขับรถค่อยบังคับรถให้คงที่ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งไปทีละน้อยๆ เพื่อลดอันตราย เขาเปิดไฟสูงเพราะคิดว่าคงไม่มีรถสวนทางมา......
     
             ร่างผู้หญิงผมยาวสวมชุดขาวเปียกปอนยืนขวางถนนอยู่ ทำให้เขาต้องหักหลบ !!!
     
             รถคันเล็กตกข้างทางไปชนกับป้ายโฆษณาเล็กๆแผ่นหนึ่ง เสียงกระจกแตกดังขึ้นครั้งหนึ่งก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะเงียบสงบ
     
             แนนและแม่ค่อยๆช่วยพยุงกันขึ้นมา แนนเห็นคนขับรถวัยชรานั่งอยู่ด้านหน้า เขานิ่งเสียเหลือเกิน หากความจริงถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาต้องลงจากรถไปจัดการปัญหาให้เรียบร้อย
     
             เธอยื่นหน้าไปด้านหน้ารถ เพื่อต้องการไปปลุกเขา.......
     
      
             กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!
     
     
             ไม้ที่ใช้ยันกับป้ายโฆษณา พุ่งทะลุผ่านกระจกเสียบเข้าใบหน้าของชายชราจนทะลุปักเบาะคนขับ เลือดสาดเต็มกระจกด้านหน้าจนมองอะไรไม่เห็น แนนถอยกลับมานั่งด้วยอาการตกใจสุดขีด พอๆกับแม่ของเธอ ตอนนี้คนขับรถเสียชีวิตแล้ว มีเพียงแม่และเธอเท่านั้น กับการอยู่รอด.....กลางทุ่งหญ้าที่อ้างว้าง
     
             แนน....อยู่ในรถนะ แม่จะไปโบกรถกลับกรุงเทพฯกัน พูดจบเธอก็ลงจากรถไป
     
             แม่...เอาพระติดตัวไปด้วยนะคะ แม่เธอปฏิเสธ
     
             ลูกเก็บเอาไว้เถอะ ตอนนี้ลูกกำลังมีเคราะห์ เก็บไว้อย่าให้ห่างตัวนะ ว่าแล้วเธอก็ลงไป
     
             แนนหันหลังไปดูแม่ที่ตรงไปกลางถนน เธอมองรถที่ผ่านไปมาอยู่สักครู่และเธอก็ทำท่าดีใจ มีรถคันหนึ่งแล่นมา เธอใช้มือโบกเป็นสัญญาณแต่รถคันนั้นกลับไม่จอดรับ เธอเห็นแม่รู้สึกเสียใจอยู่เล็กๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่แล้วเธอเห็นแม่ทำท่าโบกมืออีกครั้ง และคราวนี้แม่ของเธอท่าจะทำให้รถคันนี้จอดให้ได้
     
     
     
             ปิ๊น ! ปิ๊น ! ปิ๊น ! ตุบ !! ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
     
     
            ร่างหญิงสาววัยกลางคนถูกลากไปพร้อมๆกับรถคันหนึ่งที่แล่นมาด้วยความเร็วสูง เสียงเหมือนเนื้อเสียดสีกับผิวถนนดังก้องในหัวของเธอ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย แนนปิดปากร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ แม่ของเธอคงจะไม่รอดแล้ว ทำไม คนขับรถเธอต้องตาย และต้องเอาชีวิตแม่เธอไปอีก ตอนนี้เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว !!!          
     
             แนนค่อยๆเดินลงมาจากรถ..........



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×