ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ชีวิตที่ขาดเธอ
เสียงสัญญาณรถพยาบาลดัวแว่วมา ความชุนมุนก็เริ่มขึ้น เด็กนักเรียนที่เดินผ่านไปมาอยู่บริเวณนั้นๆต่างก็หันไปมองรถพยาบาลที่เข้ามาสู่รั้วโรงเรียนเมื่อสักครู่
ร่างหญิงสาวที่หายใจรวยรินกับเลือดสีแดงสดอาบทั่วใบหน้า ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด หูข้างที่เธอแนบคุยโทรศัพท์ขาดและเละ ศีรษะฝั่งนั้นเปื้อนไปด้วยเลือดที่ไหลพุ่งออกมาราวกับน้ำที่พุ่งออกมาจากก๊อก อย่างน้อยใบหน้าซีกนั้นเธอก็เสียโฉมไปแล้ว มือข้างหนึ่งยังคงกำโทรศัพท์ที่ไหม้เกรียมจากแรงระเบิดด้วยความตกใจกลัว หยดเลือดที่ซึมบนเปลผู้ป่วยค่อยหยดลงพื้นทีละหยด ๆ เป็นทางไปจนถึงด้านล่าง มิ้นและแนน เพื่อนสนิทของจิ๊บต่างปิดตาและร้องไห้กันอยู่สองคน หลังจากที่เกิดอาการช๊อคที่จิ๊บโทรศัพท์ระเบิด เลือดของจิ๊บยังคงติดอยู่กับเสื้อนักเรียนของทั้งสองอยู่เลย แต่เพื่อนๆในห้องก็ขวัญเสียไม่น้อยกว่าพวกเธอสองคน
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกอย่างก็อยู่ในความสงบ รอยเลือดแดงสดและส่งกลิ่นคาวคลุ้งที่ไหลนองบนพื้น ถูกจัดการทำความสะอาดไปจนหมด มิ้นและแนนขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะทำใจกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ หากคิดจะเรียนต่อไปก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ข่าวนักเรียนที่โทรศัพท์ระเบิด แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายคนที่ฟังเรื่องนี้ ต่างไม่กล้าแตะต้องโทรศัพท์ของตน
เช้าวันต่อมา อาจารย์เวรประจำวันขึ้นมาประกาศข่าวของจิ๊บให้กับนักเรียนทั้งโรงเรียนฟัง สาเหตุของการระเบิดของโทรศัพท์นั้น เป็นเพราะใช้แบตเตอรี่ปลอม เมื่อแบตเตอรี่นั้นไม่ตรงกับตัวเครื่อง ทำให้เกิดการเผาไหม้หรือระเบิดได้ ซึ่งเคยมีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไปว่า มีเหตุการณ์โทรศัพท์ไหม้เพราะใช้แบตเตอรี่ปลอม
ในสภาพจิ๊บตอนนี้ เธอไม่ต่างอะไรกับคนพิการทางหู เพราะหูข้างที่โดนแรงระเบิดขาดออกจากศีรษะเธอ รวมทั้งสภาพศีรษะฝั่งนั้น ผิวหนังฉีกขาดเพราะแรงอัดกระแทกจากระเบิดมีมาก โดยเฉพาะการที่โทรศัพท์อยู่ใกล้มากจึงทำให้มีอานุภาพแรงขึ้นไปอีก ดวงตาของเธอมองไปบนเพดานสีขาวอย่างเหม่อลอย ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบลง เธอไม่ได้กลับไปเรียนโรงเรียนนั้นอีก เพราะเธอกลายเป็นคนพิการ เธอไม่ได้ไปหาเพื่อนที่โรงเรียนอีก เพราะไม่กล้าจะไปสู้หน้าใคร อีกทั้ง ตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตกับความอัปลักษณ์ของเธอ.....อย่างไร
“จิ๊บ !” เสียงแม่ของเธอเอ่ยขึ้น พร้อมเดินเข้ามากอดเธอ
“แม่......หนูไม่เหลืออะไรแล้ว ทั้งเพื่อน ทั้งอนาคต ทั้ง.....”
“ไม่ ! ลูก ยังไงลูกก็ยังเป็นลูกของแม่อยู่ แม่รักลูกเสมอนะ ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร จะตกต่ำแค่ไหน ยังไงแม่ก็ยังคงรักและดูแลลูกเสมอนะ” คำพูดนี้ ทำให้จิ๊บอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“แม่......หนูยังมี แม่ กับ พ่อใช่มั้ยคะ ?” เสียงสะอึกสะอื้นดังแทรกคำพูดเธอไปบางส่วน
“ใช่จ๊ะ ! ลูกยังมีแม่กับพ่อนะ ไม่มีใครเขาคิดจะทิ้งลูกของตัวเองโดยไม่สนใจใยดีหรอก”
“แม่....” เธอโอบกอดผู้เป็นแม่ด้วยความตื้นตันใจ
สักพัก เสียงประตูห้องก็เปิด พร้อมกับเสียงวิ่งเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน จิ๊บละสายตาจากแม่ไปมองคนที่ยืนอยู่ปลายเตียง อาการของเขาไม่ต่างอะไรกับแม่ของเธอ เขาร้องไห้ !!
“พ่อ.....” จิ๊บเอ่ยขึ้น
ชายรูปร่างท้วมท่าทางดูมีอิทธิพล ตรงเข้ามากอดลูกสาวสุดที่รักของเขา เขาเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่เขารู้ว่าลูกถูกโทรศัพท์ระเบิด เขาก็ตรงไปแจ้งตำรวจและเอาเรื่องเจ้าของร้านมือถือให้ถึงที่สุด ด้วยความที่มีอิทธิพลทำให้การจับกุมไม่วุ่นวายนัก ตอนนี้ตำรวจสามารถจับตัวเจ้าของร้านมือถือได้แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า......
เขา....ไม่ยอมรับสารภาพ
ตำรวจต่างพยายามเข้นความจริงออกจากปากของเขา แต่เขาก็ไม่ยอมบอกเสียที สิ่งที่เขาบอกกับตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนมีเพียงคำเดียวคือ
“ผมไม่รู้เรื่องนี้ !!!”
เขาพยายามย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า โทรศัพท์ระเบิด ไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับเขาเลย คำพูดเหล่านั้นยากที่จะเชื่อ เพราะหลักฐานมันมัดตัวแน่นหนา ทั้งร้านมือถือของเขาและพยานมีพร้อม แต่เหตุใด เขาถึงไม่ยอมตอบ
คนเราถ้าล่วงรู้ความลับบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนอื่นหรือของตัวเอง อย่างน้อยก็ต้องมีบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากคำพูดบ้าง แต่เขากลับปฏิเสธหน้าดื้อๆ ซึ่งเขาเองน่าจะรู้ว่าการพูดเช่นนี้ไม่มีใครเชื่อหรอก แต่เขากลับทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
หรือเขา.....ไม่ได้เป็นคนทำ !?
เมื่อชลรู้ข่าวว่า จิ๊บโทรศัพท์ระเบิด ทำเอาเขานั่งไม่ติดที่ เพิ่งเสียใจเรื่องของนกยังไม่หาย จิ๊บก็เกิดอุบัติเหตุไปอีกคน เขานั่งกระวนกระวายอยู่เพียงคนเดียว จนไม่ทันฟังการสอนของอาจารย์ตรงหน้าห้องเลยสักนิด
“โอ๊ย !” ชอล์กสีขาวลอยละลิ่วตรงเข้าหน้าผากของชลอย่างจัง
“นี่ ชลนที ลองออกมาทำข้อนี้ให้ดูหน่อยสิ !” อาจารย์กล่าวอย่างไม่พอใจ
นนท์แอบเอาโพยที่จดคำตอบข้อที่ชลต้องไปทำสอดใส่มือของชล เขาเดินกำโพยแน่นก่อนที่จะเอาไปจัดการหน้าห้อง
‘จะทำยังไงดีวะ ถึงมีโพยก็เถอะ แต่ออกไปทำหน้าห้อง ยังไงเขาก็เห็นอยู่ดี มันคิดบ้างมั้ยวะ ไอ้นนท์’
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด !!!!!!!!!!
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือของอาจารย์ดังขึ้น อาจารย์หันหลังเดินเข้าไปหยิบโทรศัพท์มันขึ้นมา และตอนนี้ชลจึงรีบควักโพยออกมาดูพร้อมกับลอกคำตอบลงบนกระดานอย่างไว กว่าอาจารย์จะหันมาก็ไม่ทันเสียแล้ว
“อะไรกัน จะรับแล้วดันตัดสายทิ้ง” อาจารย์บ่นพร้อมกับเดินมาดูชลที่ยืนเขียนกระดานอยู่
“ว่าไง ทำได้มั้ย ถ้าไม่ได้ มา 1 ที” อาจารย์หยิบไม้ขึ้นมาพร้อมจะตี
“อาจารย์ครับ ไม่คิดจะเช็คคำตอบหน่อยเหรอ ?” อาจารย์ขยับแว่นมองคำตอบ
“ถูกต้อง....ไปนั่งที่ ไป !” อาจารย์กล่าวพร้อมกับทำหน้ากลบเกลื่อนความอาย
เพื่อนต่างหัวเราะกันยกใหญ่ ความจริงพวกเขาหัวเราะชลที่แอบเอาโพยออกมาลอกคำตอบหน้าห้อง ขณะที่อาจารย์ไปหยิบโทรศัพท์ แต่อาจารย์กลับเข้าใจว่า ทุกคนหัวเราะเขา
“ขอบใจมากนะ ที่ช่วยจนถึงที่สุด” นนท์ล้วงเอาโทรศัพท์ของตนใส่กระเป๋ากางเกง
“เอาน่า ! ฉันวางแผนไว้หมดแล้ว” นนท์ขยับแว่นพร้อมกับมองบนกระดานต่อ
“ชล” เสียงพลอยเอ่ยขึ้น
“เป็นห่วงจิ๊บใช่มั้ย ?” เธอถาม
“......” เขาพยักหน้าแทน
“เย็นนี้ไปเยี่ยมเขากันมั้ย ?” พลอยเอ่ยชวน
จิ๊บมองก้อนเมฆลอยละล่องบนท้องฟ้าสีครามผ่านกระจกบานเลื่อนใหญ่ซึ่งด้านนอกเป็นระเบียง วันนี้ไม่มีแสงแดดตั้งแต่เช้าแล้ว อากาศคืนนี้คงจะเย็นมากแน่นอน แต่แล้ว กลับมีบางอย่างที่ทำให้เธอต้องคิด
คิดถึงเรื่อง......ในอดีต !!
“ทำไมผิวแกถึงดำขนาดนี้นะ ดูสิ ขนาดฉันยังขาวกกว่าเธอหลายสิบเท่า” จิ๊บกำลังพูดจาเยอะเย้ยเพื่อนของเธอในสมัยเด็กๆ
“ดูสิ หน้าตาก็บ้านๆ หัดดูแลตัวเองบ้างนะ ปล่อยให้โทรมแบบนี้คงไม่มีใครเอาหรอก ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะด้วยความชอบใจ
“อืม...ฐานะเธอก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เอาเป็นว่า ไปตายแล้วเกิดใหม่ดีกว่านะ” เพื่อนที่ถูกเธอดูถูกกลับนั่งกำหมัดด้วยความเจ็บแค้น แต่เธอกลับทำอะรจิ๊บไม่ได้ เพราะเธอเป็นลูกผู้มีอิทธิพล
น้ำตาเธอค่อยๆไหลอาบแก้มลงมาช้าๆ สิ่งที่เธอทำเอาไว้ในอดีต บัดนี้มันกลับมาทำร้ายเธอจนชีวิตที่เคยสวยหรูกลับพังย่อยยับ ความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่กำลังใจของพ่อและแม่จนหมดสิ้น ความเจ็บปวดหัวใจที่เคยไปทำร้ายดูถูกคนอื่นเอาไว้ มันตามมาสะสางบัญชีเธอแล้ว เธอมีสภาพอะไรไม่ต่างกับคนพิการที่หน้าตาเละไปซีกหนึ่ง หมอบอกว่า ใบหน้าเธอตอนนี้ไม่สามารถทำศัลยกรรมได้ เพราะผิวหนังซีกที่โดนแรงระเบิดกลายเป็นแผลใหญ่ ใช่ว่าจะรักษาได้ง่ายๆ มีทางเดียวคือ นำผิวหนังจากน่องมาแปะส่วนใบหน้าของเธอ แต่มันก็ยังคงเผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่น่ารังเกียจอยู่ดี
หัวใจของเธอแทบสลาย เมื่อเห็นตัวเองในกระจก เธอไม่คิดเลยว่า คนหน้าตาดีและสถานะครอบครัวที่มั่นคงแบบนี้ จะถูกฉุดให้ตกต่ำได้มากขนาดนี้ เป็นเหมือนผี ที่ตามหลอกหลอนเธอเมื่อยามมองกระจก ตอนนี้เธอไม่คิดจะมองกระจกเลยด้วยซ้ำ แค่เห็นสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เสียใจมากอยู่แล้ว
เธอเอามือปิดปากและร้องไห้ ความทุกข์ทรมานแบบนี้จะจบลงเมื่อไหร่ มีสิ่งใดที่จะทำให้เธอรู้สึกสบายใจบ้าง และจะผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปอย่างไร
ฆ่าตัวตาย !!
เสียงกระซิบเล็กๆดังแว่วมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของสมองของเธอ จิ๊บลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ เสียงนั้นเงียบหายไปจนเธอเพิ่งรู้ว่า ภายในห้องนี้ มันเงียบมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ เสียงสะอื้นของเธอคงจะดังไปทั่วห้องเลยกระมัง ลมเย็นๆค่อยๆพัดผ่านร่างเธอไปเบาๆ ก่อนจะทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นจากปกติ จิ๊บเอามือกุมหัวใจของตนเพื่อเช็คความผิดปกติของหัวใจ มันเต้นแรงจนรู้สึกแปลกๆ
ความรู้สึกเดียวกับ.....ก่อนที่โทรศัพท์มือถือระเบิด
เสียงโทรศัพท์ของชลดังขึ้น ขณะที่เขาเดินตรงไปส่งงานพร้อมๆกับ พลอย นนท์ และ มีน เขาหยุดและส่งงานให้กับนนท์ก่อนที่จะล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าและเพ่งมองหน้าจอ
เขาไม่คุ้นกับเบอร์โทรศัพท์นี้เลย ชลเงยหน้ามองพลอยที่ยืนมองอกัปกิริยาของเขาอยู่ พร้อมกับค่อยๆกดรับมัน
ติ๊ด !
“...........” ไม่มีเสียงตอบ
“ฮัลโหลครับ !” ชลเอ่ยทักก่อน
“ฮัลโหล ! ชลใช่มั้ย ? นี่ จิ๊บ นะ” ชลยิ้มขึ้นมาทันที
“อ้าว ! จิ๊บ เป็นไงบ้าง สบายดีใช่มั้ย ?” จิ๊บเอามือปิดปาก
“อืม...” เธอพยายามกลั้นใจที่จะไม่ร้องไห้
“พวกเรากะจะไปหาเธอที่โรงพยาบาลน่ะ เอจะเอาของฝากอะไรมั้ย เดี๋ยวซื้อไปให้”
“พวกเรา.....ใครบ้างน่ะ ?” เสียงของเธอเปลี่ยนไป
“อ้าว ! ก็ นนท์ พลอย กับมีน ไง”
“เหรอ....” เธอตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
“รู้มั้ย ! เวลานอนอยู่คนเดียว ฉันรู้สึกกลัว.....” ชลขมวดคิ้ว
“ทำไมล่ะ ! เตียงที่เธอนอนมี ผี เหรอ ?” เขาหัวเราะ
“บ้าเหรอ ? ฉันกลัว....กลัวว่าพอตื่นขึ้นมาจะไม่เห็นคนที่ฉันรัก”
“เธอกำลังหมายถึงอะไรน่ะ ?”
“ฉัน.....รักเธอนะ ความจริง ฉันเขียนความในใจลงใน เฟรนด์ชิพ ของเธอไปแล้ว แต่เธอคงจะไม่ได้เปิดมันดูเลยใช่มั้ย ?”
“เอ่อ...” ชลกำลังอึ้งกับการสารภาพรักของจิ๊บ
“ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ทุกครั้งที่ได้ฟังเสียงของเธอ ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น”
“และตอนที่ฉันไม่มีใคร พอได้ยินเสียงของเธอ ฉันก็รู้สึกสบายใจแล้ว” จิ๊บอดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
“ความเจ็บปวดที่เคยรู้สึก ตอนนี้มันกลับหายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว เพราะได้ฟังเสียงของเธอ”
“เอ่อ..จิ๊บ เธอ...เป็นอะไรรึเปล่า ทำไม......ถึงพูดจาแบบนั้นล่ะ”
“เปล่า ! ฉันแค่อยากบอกความรู้สึกที่เคยเก็บเอาไว้ แต่รู้ว่าเธอไม่ได้อ่าน เฟรนด์ชิพ เล่มนั้น ก็เลยต้องบอกเธอตรงๆ ฉันอายรู้มั้ย ?”
“งั้น....ฉันจะรอนะ รีบมาล่ะ ?” สายก็ถูกตัดไป
ชลมองโทรศัพท์อย่างแปลกใจ จู่ๆจิ๊บก็โทรมาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เขาเองไม่สามารถจับใจความเหล่านั้นได้ทั้งหมด แค่รู้เพียงว่า
จิ๊บ แอบรักเขา และเธอก็สารภาพรักกับเขา เมื่อสักครู่ !!
ชลรีบคว้างานจากมือนนท์ไปวางไว้บนโต๊ะอาจารย์ ก่อนที่จะเรียกรถแท็กซี่หน้าโรงเรียนไปโรงพยาบาลทันที คำพูดที่จิ๊บพูดนั้น มันแฝงความนัยอะไรบางอย่างไว้
บางอย่าง....ที่แสนโศกเศร้า
มือขาวๆบางๆ ค่อยๆจับราวระเบียง ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งค่อยๆขยับตัวเองพิงกับราวเหล็ก สายตาทอดยาวลงไปด้านล่างเห็นรถต่างๆและผู้คนเล็กเท่ามด ความสูงระดับตึก 30 ชั้น ย่อมเห็นแบบนั้นเป็นธรรมดา ดวงตาของเธอมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย พร้อมกับค่อยเอาเท้าข้างหนึ่งยกขึ้นบนราวเหล็กด้านล่าง ชีวิตเธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว คิดเหรอว่า หนุ่มหน้าตาดีอย่างชล จะมาสนใจผู้หญิงพิการหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้ นั้นคือคำบอกลา ครั้งสุดท้าย...........
ตุบ !!!!!
ก่อนจะเข้าไปในโรงพยาบาล พลอยที่กำลังเดินนำกลุ่มของเธอไป ก็พบร่างใครคนหนึ่งร่วงลงมาต่อหน้าต่อตาเธอ เลือดสาดไปเต็มบริเวณนั้น ผู้คนต่างหวีดร้องด้วยความตกใจและเข้ามามุงดู พลอยจ้องมองร่างที่นอนอยู่อย่างไม่วางตา ร่างกายของเธอสั่นอย่างที่หยุดไม่ได้
ร่างของจิ๊บ หันมาจ้องหน้าพลอยเขม็ง !!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น