คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1: ไม่มีสตาร์บัค ก็หมายความว่า...มันมาอยู่บนหน้าผมแล้วไง {rew.}
How dare U De9 me: เรื่องของพี่ไม่เกี่ยวกับผม
Chapter1: ไม่มีสตาร์บัค ก็หมายความว่า...มันมาอยู่บนหน้าผมแล้วไง
ผมตื่นขึ้นในตอนเช้า ต้มกาแฟดำกินเพิ่มพลัง อาบน้ำ แต่งตัว ขึ้นรถราง ซื้อตั๋วเรือข้ามฟาก นั่งเรือไปมาเก๊า เข้าคาสิโน เซ็นเอกสาร อ่านงานวิจัย และรับโทรศัพท์
ชีวิตประจำวันผมง่ายดีใช่มั้ย
“ตอนบ่ายผมจะลงไปเช็คความถูกต้องของเครื่องสล็อทกับรูเล็ตต์ ช่วยเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมด้วยนะ”
หลังจากสั่งลูกน้องในทีมเรียบร้อย ผมก็เริ่มงานที่เป็นของตัวเองอย่างจริงจังซะที
อ้า … เริ่มด้วยกาแฟดำหนึ่งแก้ว ดีแคฟ แล้วก็ภาพจากกล้องวงจรปิดในโซนโป๊กเกอร์
“บอสฮะ รายงานการนับไพ่”เด็กในคอนโทรลผมคนหนึ่ง ยกรายงานหนาเท่าดิกชั่นนารี่ภาษากวางตุ้งมาวางข้างพจนานุกรมภาษาจีนกลางที่ผมมีติดโต๊ะไว้เสมอ ผมเหลือบหางตามอง ยิ้มเป็นเชิงว่าเห็นแล้วล่ะ ออกไปได้แล้วจ้า ผมกำลังใช้สมาธิ
“อันนี้รายงานเกี่ยวกับตู้เกมส์ค่ะบอส ส่วนของสล็อทที่เพิ่งสั่งเข้ามาใหม่”ถัดจากหนุ่มตี๋ ก็เป็นสาวหมวยสวยเฉียบที่เอารายงานขนาดครึ่งแผ่นเอสี่ มาวางทับไว้บนกองกระดายับๆ ผมมองตัวเลข0-9 ที่เรียงกันเป็นพรืด ยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ตรงส่วนที่บอสเพิ่งสั่งมาจากแอลเอ ฟีดแบคเริ่ดมากเลยค่ะ แต่ว่าการปรับเปลี่ยนอัตราส่วนการชนะดูเหมือนจะยากไปนะคะบอส บอสคิดว่ายังไงคะ มีมี่ว่าถ้าเกิดทำให้เครื่องของเราได้รางวัลพิเศษ คิดว่าลูกค้าจะสนใจเล่นเครื่องของเราเพิ่มขึ้นซัก …สิบเปอร์เซ็นต์…มั้ยคะ ”
ผมยิ้ม
“เอาไว้คุยเรื่องของใหม่กันวันหลังนะครับมีมี่”
ว่าแล้วมี่ซูก็เดินเชิดหน้าออกไปจากห้องทำงานของผมที่ตั้งอยู่ชั้นบนเวอร์ๆของโรงแรมหรูระยับแห่งหนึ่งในมาเก๊า ปล่อยให้ผมนั่งเอาจมูกแทบชนกับจอมอนิเตอร์ คอยดูผู้คนบนโต๊ะไพ่ที่บางครั้งก็มีพิรุธ จนผมต้องเรียกหัวหน้ารปภมาคุยด้วย บางครั้งก็ทำตัวโง่ได้ใจจนผมเผลอปล่อยก๊ากออกมายังกับดูหนังตลก
เจ้าของรายงานการนับไพ่มาที่โต๊ะของผมอีกครั้ง พร้อมสรุปรายงานขนาดไม่ต่างจากของมีมี่ เขายกกองกระดาษยับไปอุ้มไว้ ยื่นปลายปากกามาเคาะลงบนจอมอนิเตอร์ จิ้มค้างตรงมุมหนึ่ง
“ผมว่าไอ้หมอนี่ท่าทางแปลกๆ”อาตี๋วาดวงกลมลงบนหน้าจอ ผมเองก็นั่งเฝ้าดูไอ้หนุ่มฮิปปี้ผมรุงรังคนนี้มาได้ราวๆครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาเล่นได้ไปไม่น้อยเลย เห็นได้จากกองชิปที่พะเนินอยู่ข้างๆ
“แต่ก็จัดการเรียบร้อยแล้วนะครับบอส แค่พวกอยากลองนับไพ่เล่นๆ เห็นว่าเป็นลูกมาเฟียแถบๆคอสเวย์เบย์นี่แหละครับ ตำรวจเลยรีบปล่อยตัวออกมา ก็ได้แต่หวังว่าคืนนี้คงจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”เขารายงานผลด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“เด็กสมัยนี้ดูหนังฮอลลีวู้ดมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย ถ้าหมอนี่มาก็พยายามอย่าให้เข้าคาสิโนได้แล้วกัน …อ้า แล้ววันนี้เลขาแอลไม่มาเหรอ”
อาตี๋ยิ้มจนตาเหลือเท่าเม็ดก๋วยจี๊ “ไม่ทราบครับบอส เห็นบอกว่าต้องจัดการเรื่องงานแต่งงาน”
แต่งงาน … ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณเลขาทำตัวเป็นเวดดิ้งแพลนเนอร์กะเค้าด้วย โอ้ แล้วก็ปล่อยให้ผมนั่งท้องกิ่วยันสิบโมงเนี่ยนะ หลังจากส่งรายงานกันเสร็จแล้ว เวลานี้ต้องมีสตาร์บัคกับติ่มซำวางรอยอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเซ่ … หรือไม่ใช่
“เท่าที่ผมได้ยินคุณแอลบอก วันนี้บอสจะไม่มาทำงานไม่ใช่เหรอฮะ”
ทำไมผมต้องไม่มาทำงานด้วยล่ะ … ที่ผมทำอยู่ไม่ใช่งานเรอะ
“ค่ะ ดิฉันก็ได้ยินมา เห็นคุณแอลบอกว่าไปงานแต่งงานบอส”มี่ซูเดินกลับมาพร้อมกับสตาร์บัค แต่ไม่ใช่ของผม
ผมชี้หน้าตัวเอง “ไม่ม๊าง…”
“บอสไม่ไปงานแต่งงานตัวเองเหรอครับ”
“พวกนายพูดอะไรกัน ฉันจะแต่งงานได้ยังไง ชั้นไปขอใครแต่งงานตอนไหน นี่อย่าบอกนะว่า…”
ปัง !!!!
เมื่อประตูไม้สักประจำแผนกถูกกระแทกเปิดออก ร่างสองร่างก็เดินพุ่งตรงมาที่ผม
เดี๋ยวก่อนนะ… ขอใส่แว่นแป๊ปนึง รู้สึกผมตาสั้นสองสักสองร้อยได้มั้งเนี่ย
“คือผมคิดว่าบอสน่ะ…”
“ฉันอยากฟังจากปากเขา”
“แต่เมื่อวานผมส่งยาแก้เครียดให้บอสกิน เค้าหลับเป็นตายเลยนะฮะ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเมา”
“สำหรับฉัน ต่อให้แฮงค์ก็ต้องไม่ผิดนัด”
ร่างสูงๆนั่น ถ้าจำไม่ผิด …รู้สึกจะเป็นพี่ใหญ่สุดเท่ของพวกผม ส่วนคนที่เดินวนหน้าวนหลังเขาคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณเลขาแอล คุณแม่ประจำแผนกจิตวิทยานักพนันประจำคาสิโนxoxแห่งนี้
“ไอ้เลห์ !!! ”
เหล่าลูกน้องที่มีกันไม่กี่คนรีบวิ่งหนีออกจากแผนก ไม่ก็ก้มตัวมุดอยู่หลังโต๊ะทำงาน เพื่อหลบรัศมีทำลายล้างของคุณชายมาดมาเฟียนามว่าฮาซัน
….อะไรเนี่ย ทำไมพี่ใหญ่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยังงี้ด้วย ใครไปทำอะไรพี่ใหญ่ หรือว่าผมไปทำอะไรพี่ใหญ่เข้าเนี่ย
“แกทำไมไม่ไปจดทะเบียน”
ผมยิ้มเจื่อนๆ ปาดเหงื่อเย็นเยียบออกจากต้นคอ “ต่อทะเบียนรถเหรอครับ”
หนุ่มร่างสูงใหญ่ปรายตาสีเขียวมองผมด้วยท่าทางเหลืออด ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะทำงานจนแม้แต่พจนานุกรมเล่มเท่าควายยังสามารถร่วงลงพื้นได้
“ค่อยๆพูด ค่อยๆจาก็ได้นี่คุณ” คุณเลขาผมก็แลดูจะเหลืออด (กับพี่ใหญ่) ไม่แพ้กัน
“แล้วตลอดทางมาที่นี่ผมไม่ได้ค่อยๆพูดค่อยๆจากับคุณรึไง ลี่เสวียน”
“งั้นก็ช่วยพูดดีๆกับบอสผมด้วย”แอลเท้าเอว ยืดคอมองพี่ใหญ่ที่สูงกว่าเขาเกือบฟุต
“ก็มันไม่ไปงานแต่งงานตัวเอง”เฮียชี้มาที่ผม คือ… ทำไม อะไร ยังไง ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อย ดูเหมือนเข้านี้พอไม่มีสตาร์บัคตกถึงท้องแล้วผมจะคิดอะไรตามไม่ค่อยทันน่ะ
“แกไม่ไปแต่งงาน แกทำให้น้องชายฉันรอ และต่อมา เค้าก็อาละวาด…แกจะรับผิดชอบยังไง”
แต่งงาน น้องชาย อาละวาด
สามคำนี้ทำให้ผมอยากซัดยานอนหลับเข้าไปทั้งขวด
“เฮียเอาจริงดิ”
ไม่น่าถามคำถามนี้เลยแฮะ ดูเหมือนพี่ใหญ่สามารถฉีกผมเป็นชิ้นๆได้ ณ บัดนี้เลยด้วยซ้ำ
“ผม…แต่งงาน …. กับน้องเฮีย…”
พรืด…..
กาแฟดำกลิ่นหอมกรุ่นของสตาร์บัคลอยมาปะทะหน้าผม แบบเพียวๆ และร้อนโคตร
“ไอ้คนนิสัยไม่ดี”
ถ้าคิดว่าพี่ใหญ่ฮาซันน่ากลัวแล้ว
ผมว่าน้องชายเค้าน่ากลัวกว่ากันล้านเท่าเลย
ผมนั่งมาสค์หน้าด้วยครีมบัวหิมะอยู่ในห้องหนึ่งของโรงแรม โดยมีเลขาแอลเป็นคนทาให้อย่างไม่เบามือเลยสักนิด
“นี่หน้าคนนะ ไม่ใช่ส้นเท้า คุณช่วยถนอมๆหน่อยได้มั้ย”
แอลถลึงตามองผม ควักครีมสีขาวในกระปุกขึ้นมาเต็มกำมือ ก่อนจะแปะ หรือพูดให้ถูก… กระแทกเข้าที่หน้าผากของผมเต็มรัก
“อ๊ากกกกกกกกกก”
“สมน้ำหน้า”
คนพูด คนเดียวกับที่สาดกาแฟใส่หน้าผมนั่นแหละ ยืนหน้ามองผมในระยะประชิด ก่อนจะแลบลิ้นให้
“จะแกล้งพี่ทำอะไรเนี่ย”
“แบร่ๆๆ”ร่างบอบบางทำหน้าทะเล้นพลางเอื้อมมือมาบีบจมูกของผม ในใจนึกอยากจะตีมือขาวๆนั่นสักทีสองที แต่ความรู้สึกจุกๆบวกกับสับสนเหมือนอยู่ในความฝัน ทำให้ผมหลับตาลงแล้วพยายามดึงสติกลับมาเข้าตัว
เด็กชายตรงหน้า ชื่อฮาโล หลิน ปัจจุบันรั้งตำแหน่งภรรยาของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว เขาเพิ่งจะสาดสตาร์บัคใส่หน้าผม
และเมื่อห้านาทีที่แล้ว ผมเพิ่งจะเซ็นยินยอมเป็นผู้ปกครองของเด็กอายุสิบเจ็ดคนนี้ เป็นเวลาสองปี เพื่อแลกกับสิทธิทางพินัยกรรมอะไรบางอย่าง
ผมจะต้องดูแลเขาเป็นอย่างดี
ผมจะต้องให้ความดูแลเอาใจใส่ทั้งทางกายและทางใจ
บัดซบ…ผมยังเอาตัวเองไม่รอดเลยนะเฮีย
“ฉัน จะ ส่ง ไปที่สวิส”เฮียแกบอกสั้นๆ โบกกระดาษสีขาวในมือไปมาเป็นทำนองว่าการทำสัญญากับซาตานเป็นอันเรียบร้อยแล้ว จากนั้นคุณชายมาดดุก็เดินฉับๆออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนอนอมทุกข์อยู่กับคุณเลขาและเจ้าเด็กน้อยที่เดินไปทั่วห้องเหมือนไม่เคยเห็นโรงแรมมาก่อน
“ผมปล่อยคุณสองคนอยู่ตามลำพังน่าจะดีกว่า พรุ่งนี้บอสไม่ต้องมาทำงานอีกนะฮะ ผมลาให้เรียบร้อยแล้ว”
“ไม่ เดี๋ยว อะไรแอล … นี่คุณจะบ้ารึไง ”
“หรืออยากได้เพิ่มฮะ … อยากไปฮันนีมูนที่สมุยมั้ย”
แอลยักไหล่ เขาเดินหาไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ผมวิ่งตามทันเห็นแค่ประตูไม้ถูกปิดใส่หน้าแค่นั้นเอง
“แอล คุณจะปล่อยผมไว้กับเด็กนี่ไม่ได้นะ…เฮ้ย แอล ผมไม่ลาพักร้อน ไม่ลาหยุด ลาป่วย ลาอะไรทั้งนั้น พรุ่งนี้ขอผมกลับไปทำงานตามเดิมเถอะ แอล ”
ประตูเปิดไม่ออก ล็อกจากข้างนอก หมายความว่าผมถูกขังอยู่ในห้องสูท กับเจ้าเด็กบ้าที่สาดกาแฟร้อนใส่หน้าตัวเองน่ะสิ แอล คุณคิดจะทำอะไรเนี่ย ผมแค่ลืมวันแต่งงานตัวเองอย่างไม่มีเจตนาเท่านั้นเองนะ
ผมเดินกลับมานั่งเช็ดครีมเยิ้มๆออกจากหน้า หยิบเอกสารเรื่องสล็อตแมชชีนออกมาพลิกอ่าน ไม่ทันไรก็โดนกระชากไปจากมือ
“ฮาโล”
“เราไม่เจอกันมากี่ปีแล้วเนี่ย…”เสียงที่กดต่ำเป็นเชิงไม่พอใจทำให้ผมกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ผมหายใจเข้าปอดลึกๆ เอื้อมมือของานคืน แต่เขากลับเอามันไปซ่อนไว้ด้านหลัง เชิดจมูกรั้นๆใส่เป็นทำนองว่ายังไงก็ไม่คืน
ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเขามันเมื่อไหร่น่ะเหรอ ผมจำไม่ได้หรอก นานจนผมไม่อยากจำ นานจนผมเองก็แทบจะจำเขาไม่ได้หากไม่ได้เห็นตาสีเขียวน้ำทะเลคู่นั้น …ตาที่สวยที่สุดตั้งแต่เคยเจอมาบนโลกใบนี้
ฮาโลที่ผมเคยจำได้เป็นเด็กน้อย อายุอ่อนกว่าผมเจ็ดปี ผมยาวสีน้ำตาลเข้ม หยักเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวของเขาขาวเหมือนน้ำนม หน้าเรียว ปากบางสีชมพูอ่อนชอบยิ้มเหมือนดูถูกคนตลอดเวลา ไม่ก็เบะออกตลอดเพราะเอาแต่ร้องไห้ ตอนนี้ฮาโลตรงหน้าผมเหยียดยิ้มเย็นๆ ตาเรียวเหมือนเมล็ดอัลมอนต์จ้องมาที่ผม คล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากออกมา
เขาให้ความรู้สึกต่างจากที่ผมมักจะจิตนาการว่า ถ้าเทวดาจอมเอาแต่ใจโตขึ้น เขาจะน่ารักเหมือนเดิมไหม
…ตาคู่นั้น ยังคงมองผมด้วยความชื่นชมเหมือนอย่างเคยมั้ย
ผมจ้องกลับลงไปในม่านตาสีสวย มีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดสะท้อนกลับมา เป็นกำแพงกั้นไม่ให้ผมล่วงรู้ความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
“นายโตขึ้นเยอะนะ…”
เขายิ้มเหยียดๆ เบนสายตามองไปทางอื่น คล้ายกับจะหลบเลี่ยงอะไรบางอย่าง
เราผลัดกันถอนหายใจคนละที จนกระทั่งใบหน้าเรียวหันกลับมามองที่ผมอีกครั้ง
“พี่ไม่เกลียดผมใช่มั้ย”
ไม่เคยมีคำว่าเกลียดอยู่ในหัวของผม …ผมส่ายหน้าช้าๆ
“แล้วทำไมพี่ไม่มา”
เพราะผมคิดว่าเขาไม่ใช่ความจริง เทวดาน้อยที่เคยรู้จัก เขาหายไปจากชีวิตของผมนานจนเมื่อเขากลับมาอีกครั้ง ผมได้แต่คิดว่าเป็นความฝัน
จนวินาทีนี้ ผมไม่กล้าที่จะแตะต้องเขา
เพราะกลัวว่าเขาจะหายไปในอากาศ
ตาสีเขียวน้ำทะเลแสนสวยคู่นั่นจ้องใบหน้าของผมอยู่พักหนึ่ง
ถ้าเพียงแต่เขาจะได้ยินสิ่งที่ผมคิด และผมไม่อยากจะพูดมันออกไป
“ช่างมันเถอะครับ”
ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก
เราสองคนนั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางความเงียบราวสิบนาที ผมพยายามมองเขา ส่วนเขาก็เอาแต่หลบสายตาผม
“บ้านพี่อยู่แถวไหน”
“จิมซาจุ่ย ทำไมเหรอ…”
“มีที่ให้เดินเล่นก็ดี ต้องซื้อเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้ส่วนตัว ไม่ได้เอามาด้วยน่ะ”
เขาไปอยู่ที่ยุโรปกับยายตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ ตั้งแต่แม่ของเขาตายเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกับเขา ไม่รู้ว่าอะไรหอบเขากลับมาที่ฮ่องกง บ้านเกิดของตัวเองหลังจากไปตั้งเป็นสิบปี
ฮาโลทอดสายตามองไปนอกหน้าต่าง
มีแต่ตึกสูงกับความวุ่นวาย ความน่าสับสนมึนงงรายล้อมรอบตัว
“พรุ่งนี้พี่มาทำงานเหอะ …”
ผมถอนหายใจแรงๆ ทำนองว่าไม่เชื่อหูตัวเอง
“ไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนตัวเองอยู่กับผมทั้งวัน”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะผมกลัวว่าจะโกรธจนทนไม่ไหวเอาสตาร์บัคสาดหน้าพี่อีกน่ะสิ”
ว่าแล้วกระดาษรายงานที่ถูกขยำเป็นก้อนก็ลอยมากระทบหน้าผากผมเข้าอย่างแม่นยำ
“อย่าโวยวาย!”
ผมผุดลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปคว้าแขนผอมแห้งสองข้างเอาไว้ เจ้าตัวเล็กทำท่าขัดขืน ทั้งดิ้น ทั้งทุบผม แถมยังเตะหน้าขาผมด้วย ผมรวบกอดเขาจากข้างหลัง ใช้น้ำหนักตัวกดเขาให้สงบ โน้มใบหน้าแนบเข้ากับแก้มเปื้อนน้ำตา
“ไอ้พี่บ้า…ไอ้คนไม่รักษาสัญญา ผมจะฆ่าพี่ให้ตายเลย”
เขาเลิกอาละวาด เพียงแค่สะอื้นฮักๆแล้วก็ด่าผมไปหอบไป
“นายต่างหากที่ไม่รักษาสัญญา และใช่…พี่สมควรตายจริงๆที่ไม่ไปงานแต่ง พี่ขอโทษนะฮาโล”
“ดีกับผมมากกว่านี้ได้มั้ย”
เขากระซิบถาม “…แค่นิดเดียว ดีกับผมบ้าง ได้มั้ยฮะพี่ชาย”
คำขอของเขาไม่นับว่าง่ายเลย แต่ผมก็ไม่คิดจะปฎิเสธ
“ก็ได้”
เขาใช้มือเล็กที่มีแหวนแต่งงานกุมมือผม
“แล้วผมก็จะดีกับพี่ให้มากๆเลย จากนี้…ผมจะดูแลพี่เป็นอย่างดีเลยฮะ”
ถ้าการแต่งงานมันคือการดูแลกันและกัน มันก็คงไม่เลวเลยทีเดียวที่จุดเริ่มต้นของเราจะเป็นแบบนี้ ดูบิดเบี้ยว แต่ก็เหมือนจะเริ่มต้นได้ดี
“ผมชงกาแฟอร่อยกว่าสตาร์บัคนะฮะ”
“ไม่ต้องหรอก เอาแค่กาแฟดำดีแคฟทุกแก้วตอนเช้าก็พอ”
“ผมลงไปซื้อสตาร์บัคให้ใหม่ก็ได้นะ”
“อือ อย่าเอามาสาดหน้าพี่อีกแล้วกัน”
Rewrite รวบสองตอน ตอนแรกจะเอาตอนที่สามมาด้วย แต่เนื้อหามันไม่ซิ้งค์กันเลย
อ่านแล้วคิดว่าจะโอเคกว่าเดิมเนอะ ... บอกแล้วของเค้าดราม่า ....นิโหน่ยเอ๊ง
© Tenpoints!
ความคิดเห็น