ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [yaoi]How dare U D9 me...เรื่องของพี่ไม่เกี่ยวกับผม

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 12 : สาบานสิ part2

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 56


      
     

    Chapter 13

     

                จีเซลโทรมาบอกผมว่า เขาให้นาห์ม บอดี้การ์ดประจำตัวฮาโลช่วยตามหาให้ เจ้าหมอนี่โตมากับฮาโล อายุคงพอๆผมนั้นแหละ อาจจะอ่อนกว่าหน่อย หน้าดุยังกับหมาตำรวจ ที่ได้เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวฮาโลคงเพราะเจ้านี่สามารถจัดการคุณหนูอารมณ์บูดได้อยู่หมัด

                “นาห์มถามว่า อยู่ๆฮาโลก็วิ่งออกไปทำไม ชั้นไม่รู้จะตอบอะไร ก็เลยบอกว่านายพูดอะไรสักอย่างไม่ดีๆกับฮาโล ทีนี้นาห์มรีบวิ่งออกไปเลย”

                วิ่งมาจัดการผมก่อนเป็นคนแรกน่ะสิ…“นี่หล่อนยืมมือหมอนั้นฆ่าชั้นใช่มั้ย”

                เดาว่าจีเซลคงจิบชาอย่างสบายอารมณ์ไปด้วย ขณะที่กำลังปั่นหัวผมผ่านโทรศัพท์

                “นายคิดว่าหมอนั้นจะเชื่อฉันเหรอ ฉันไม่ใช่เจ้านายเขาซะหน่อย อ้อ ก่อนวิ่งออกไป นาห์มถามว่า ทำไมนายไม่โทรหาฮาโลล่ะ เรื่องง่ายๆแค่นี้”

                เอาแล้ว “จะไปรู้เหรอ ฉันไม่เคยรู้ว่าฮาโลมีโทรศัพท์นี่”

                “สมควรถูกตบจนหน้าหัน เดี๋ยวนาห์มก็เอาฮาโลไปคืน นายไม่ต้องร้อนใจไปหรอก ฮาโลไม่ได้อ่อนต่อโลกถึงขนาดดูแลตัวเองไม่เป็น ชั้นว่าตอนนี้คิ้วนายต้องผูกโบว์กันอยู่แน่ๆเลย ใช่มะ”

                ผมลูบคิ้ว อืม ประมาณนั้น ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะ “เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับตอนที่ฮาโลอยู่กับยายบ้างมั้ย เขาอยู่ยังไง เรียนที่ไหน ทำอะไรยังไง”

                “เท่าที่รู้ เค้าไม่เคยไปโรงเรียนนะ ทำไม นายรู้อะไรเหรอ”

                ผมตัดสายไปดื้อๆ

    ก็เพราะผมรู้อะไรยังไงล่ะ ถึงได้สงสัย

     

                ตอนที่ลี่เสวียนรายงานหลังไปชอปปิ้งป็นเพื่อนฮาโล ผมได้รู้อะไรเยอะแยะเลย รู้ว่าเขาอ่อนต่อโลกมาก แต่ก็ทำตัวแข็งๆกร้านโลกไปยังงั้นแหละ อันที่จริงน่ะ เขาแทบไม่กล้าคุยกับพนักงานขายเลยด้วยซ้ำ แล้วจะให้ผมทำเป็นสบายใจอยู่ได้ไง

                “พ่อฮะ พ่อเจอตัวฮาโลรึยัง”

                ผมได้ยินพ่อส่งเสียฮึดฮัดไม่พอใจอย่างชัดเจน ท่าทางผมจะโทรไปตอนหุ้นตกล่ะสิ

                “เจอรองเท้าของเขาตกอยู่แถบคอสเวย์เบย์”

                ผมอยากจะร้องไห้ นั่งรถหลงไปนั่นได้ไงวะ แถมทำรองเท้าตกไว้เป็นซินเดอเรลล่าอีกต่างหาก

                “แน่ใจนะเลห์ ว่าแกไม่ได้คิดอะไรแปลกๆอยู่ในหัว”

                แปลก อะไรฮะพ่อ ที่แปลกน่ะเจ้าเด็กแสบนั่นต่างหาก “พ่อคิดว่าผมจะส่งหมอนั่นไปตกน้ำตายเหรอ”

                “พ่อคิดว่าแกจะยืมมือคนอื่นฆ่าฮาโล”พ่อตอบเสียงนิ่งๆ

                เวรกรรม ผมนึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย อริเก่าของผมมีอิทธิพลอยู่แถบคอสเวย์เบย์นี่นา แล้วถ้าเกิดหมอนั่นรู้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฮาโล เรื่องก็อาจจะยุ่งยากขึ้นไปอีก ซวยแล้วไง

                “พ่อคิดมากไปแล้ว เดี๋ยวผมออกไปเดินหาเองท่าจะดีกว่านะ”

                “ฝนตก แกอยู่บ้านน่ะดีแล้ว”

                มีเหรอ ลูกชายอย่างผมจะเชื่อพ่อ“ขอบคุณฮะพ่อ ได้ข่าวใหม่ๆบอกผมด้วยแล้วกัน”

     

                จากจิมซาจุ่ยไปที่คอสเวย์เบย์มันใช้เวลาไม่นานมาก แต่ในวันที่ฝนตก รถติดตามมาเป็นธรรมดา ผมเลยว่าเอาบิ๊คไบค์คันงามมาซิ่งไปฝั่งเกาะซะหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะข้ามอุโมงค์ได้มั้ย ผมก็ต้องกางร่ม วิ่งตากฝนไปเรียกแท็กซี่ตามระเบียบ ชูธนบัตรสีเหลืองอมส้มด้วยเป็นการชูกำลัง

                “ช่วยข้ามไปคอยเวย์เบย์ เร็วที่สุดเลยนะครับ ถ้าทำได้ในสิบนาที ผมให้พันเหรียญ”

                แล้วคนขับแท็กซี่ก็ทำได้จริงๆด้วย ผมจึงกางร่มออกมายืนเตร่อยู่ในย่านที่ไม่ใครจะอยากมาเท่าไหร่นัก สอดส่ายสายตามองหาเจ้าเด็กฮาโลนั่นในวันที่ฟ้าฝนมันช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย

                เมื่อเช้าแดดยังดีๆอยู่เลย ไม่ทันไร ฝนก็เทลงมาซะแล้ว

                ไม่ต่างอะไรกับชีวิตคนหรอก บางครั้งมันก็สดใส แล้วก็มืดหม่นเอาได้โดยที่เราไม่ทันจะกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ มันคือธรรมชาติ ธรรมชาติของการเป็นมนุษย์นั่นแหละ

                ผมเดินวนไปเรื่อยๆ วนจากอาคารนั้นไปอาคารนี้ ตามซอกตึกที่ผมคิดว่าไม่มีใครรู้ ตามที่ที่มีคนเยอะและที่ที่ไม่มีคน ค้นจนทั่ว จนตัวเองหลงเข้าไปในเขตโกดังอะไรซักอย่างที่ค่อนข้างเปลี่ยวร้าง เหมาะแก่การทำเรื่องสกปรกเป็นที่ยิ่ง

                ผมเจอนาห์ม

                ตาเรียวดุของเขาหันขวับมาที่ผม

                “คุณมาที่นี่ทำไม”เขาเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงยุโรป ที่ดูไม่ค่อยเข้ากันกับหน้าตาแบบชาวเอเชียของเขา

                “นายก็รู้ว่าฉันมาทำไม”

                “มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณ”

                ผมเหยียดยิ้ม หน้าที่ตามหาฮาโล มันก็เป็นความรับผิดชอบหนึ่งของผมด้วย หน้าที่ของสามีไงล่ะ

                “คุณเป็นตัวถ่วง

                ว่าแล้วเขาก็ออกวิ่งท่ามกลางสายฝน

                ผมโยนร่มทิ้ง วิ่งตามเขาเหมือนกำลังไล่ล่ากัน

                แต่เปล่า ในเสียงฝนตก มีเสียงหนึ่งซุกซ่อนอยู่ เป็นเสียงหอบหายใจ กับเสียงฝีเท้าที่กำลังย่ำน้ำ

                เราสองคนลัดเลาะไปตามมุมตึก กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง หูก็เงี่ยฟังร่องรอยบางอย่าง

                รองเท้าหนังสีน้ำตาลคู่หนึ่งตกอยู่บนพื้น รองเท้าอีกข้างของฮาโล

                ทั้งผมและนาห์มต่างก็วิ่งผ่านมันไป ไปในทิศที่คิดว่าฮาโลอยู่ไม่ไกล

     

                “ปล่อยนะ!...ปล่อยฉัน”

                เด็กหนุ่มร่างบอบบางกำลังขืนตัวจากชายสามคนที่กำลังยึดแขนเล็กไพล่หลัง มือของชายคนหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ควานหาอะไรบางอย่าง

                “ไอ้บ้า เอามือออกไปนะ”

                นาห์มมือไวกว่าผม เขาชักปืนออกจากซอง สไลด์ยิงไปที่ชายคนนั้นในเวลาอันรวดเร็ว แต่ผมก็ไวไม่แพ้กัน รีบเข้าล็อคคอบอดี้การ์ดใจร้อนไว้ได้ทัน วิถีกระสุนจึงเบนไปโดนที่แขนของมันแทน

                “นายเป็นบ้าอะไรวะ”

                “คุณปล่อยผม

                ไม่พูดเปล่า เขาจับตัวผมทุ่มลงพื้นเต็มแรง จนเหนือขมับเป็นแผล ผมได้ยินเสียงเขายิงปืนอีกสองนัด แต่ไม่รู้ว่ามีใครตายรึเปล่า พอตั้งสติกลับมาได้อีกที ก็เห็นเขาอุ้มฮาโลขึ้นมาจากพื้น เจ้าเด็กแสบขดตัวเอามือกุมท้องเอาไว้ ที่มุมปากมีเลือดซึม

                “ฮาโล

                เขาเงยหน้ามองผม ตาสีน้ำทะเลทอแววเจ็บปวด ปากของเขาสั่น คล้ายกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

                “เด็กดี เป็นอะไรมากรึเปล่า” ผมลูบแก้มขาวซีดอย่างเป็นห่วง ฮาโลส่ายหน้าช้าๆ ส่ายหน้าทั้งน้ำตา

                “ผมจะรีบพาคุณหนูไปโรงพยาบาล”

                ฮาโลเป็นฝ่ายปัดมือผมออก เขาซุกหน้าเขากับอกของนาห์ม

                ผมยืนอยู่กลางสายฝนที่เริ่มจะซาลง

                มองนาห์มอุ้มฮาโลเดินออกไป เดินห่างออกไปจากผม จนกระทั่งลับสายตาไป จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้งเอาไว้ให้อยู่กับความรู้สึกผิดอันแสนหนักอึ้ง

                เพราะผมงั้นเหรอ ฮาโลถึงต้องเป็นแบบนี้

     

     

      

                “ดีนะที่แผลไม่ลึก เลยไม่ต้องเย็บ เดี๋ยวอีกสักพักบอสไปแสกนสมองด้วยนะฮะ หมอเค้ากลัวว่าอาจจะมีเลือดคั่ง แล้วก็…เฮ้! นี่บอสฟังผมอยู่ป่ะ” ผมนั่งฟังคุณเลขาบ่นไปเรื่อย เขายื่นเอสเปรสโซ่ให้ผม แต่ผมกลับรู้สึกไม่อยากกินขึ้นมาซะอย่างนั้น

                “ฮาซันไม่ฆ่าคุณหรอก อย่าทำหน้าเป็นหมาหงอยอย่างงั้นดิบอส”

                ผมไม่ได้กลัวพี่ใหญ่ แค่ไม่สบายใจต่างหากเล่า

                “บอสฮะ นี่ไม่ใช่ความผิดของบอสนะ มันเป็นอุบัติเหตุ”แอลตบบ่าผมเป็นการให้กำลังใจ “ไปเยี่ยมคุณฮาโลกัน เผื่อจะทำให้บอสยิ้มได้”

                ตอนที่เจอฮาโลนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใจหนึ่งผมอยากยิ้ม ที่เขาไม่ได้เป็นอะไรสาหัสอย่างที่ผมคิดไปเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยิ้มไม่ออกอยู่ดี

                “พี่ฮาเวิร์ด”เขาเรียกผมด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบ มือเย็นแตะที่แขนของผม

                ผมนั่งตรงขอบเตียง กุมมือของเขาไว้

                “ยังเจ็บอยู่รึเปล่า”

                ฮาโลพยายามจะยิ้มให้ผม “ไม่แล้วผมไม่เจ็บแล้วล่ะ”

                จากคำบอกเล่าของนาห์ม คนที่ทำร้ายฮาโลเป็นอันธพาลอยู่แถวนั้น ท่าทางจะติดยาหรืออะไรซักอย่าง พวกมันปล้นเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ของฮาโลไป แต่ก่อนจะไปยังหันมาเตะซ้ำเข้าที่ท้องของฮาโลอีก เด็กชายที่ถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหิน ไม่เคยเจอเรื่องชกต่อยเลยสักครั้งในชีวิตเลยเจ็บหนัก หมอตรวจดูบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่จนถึงตอนนี้เจ้าตัวก็ยังเอามือหนึ่งกุมท้องเอาไว้

                “วันหลังอย่าวิ่งออกไปอย่างนั้นอีกนะ ทุกคนเค้าเป็นห่วงนะรู้มั้ย”

                ตาสีเขียวหลุบมองต่ำคล้ายกับรู้สึกผิด เขาเอื้อมมือโอบรอบคอผม “กอดผมที”

                ผมดึงเจ้าตัวเล็กเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน เขาทำตัวเหมือนเด็ก ไม่ว่าจะกอดเขากี่ครั้ง เขาะจะรีบซุกเข้าหาไออุ่นที่อกของคนกอดทุกที ฮาโลแนบหูเข้ากับอกด้านซ้ายของผม ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นอย่างเป็นจังหวะ

                “ยังอยู่ ใช่มั้ย หัวใจน่ะ”

                ผมลูบหัวกลม ก้มลงจูบหน้าผาก “ทำไมล่ะ”

     

                “ไม่ได้ตายไปพร้อมกาเบรียลใช่มั้ย ใช่มั้ยฮะพี่ชาย”

                พี่จะไม่พูดถึงกาเบีรยล ไม่ทำให้ฮาโลวิ่งหนีพี่ไปอีก ดีมั้ย... ผมคิดเงียบๆ ประคองร่างบางที่เริ่มเข้าสู่นิทราลงนอนบนเตียงผู้ป่วย เดินออกมานั่งที่โซฟาเงียบๆข้างแอล เลขาส่วนตัวเหมือนมีอะไรบางอย่างอยากจะพูดกับผม แต่แล้วเขาก็เดินออกไป ส่วนนาห์มเดินสวนเข้ามาพอดี

                “คุณชายใหญ่อยากคุยกับคุณครับ คุณลี่เสวียน...”หมอนั่นส่งโทรศัพท์ให้แอล เดินตรงมากระชากคอผมขึ้นจากที่นั่ง

                “มีอะไรก็พูดมาดีๆ”ผมถลึงตามองคนที่สูงกว่า

                “ขอบคุณนะครับที่ทำให้มันเป็นวันเกิดที่แย่ที่สุด...”

                พลั่ก

                หมัดลุ่นๆกระแทกเข้าทีแก้มผมโดยแรง ผมเอียงคอไปตามแรงชก รู้สึกเจ็บร้าวถึงแผลบนหัวโดยทันที

                ...วันนี้มัน วันเกิดฮาโลเหรอ

                อีกหมัดกระแทกเข้าที่ใต้คางทางด้านซ้าย ผมรู้สึกเหมือนคอจะหลุดออกจากบ่าให้ได้เลย นาห์มปล่อยผมลงพื้น ดีที่ไม่เตะซ้ำ

                “แล้วก็ขอบคุณนะครับ ที่ทำให้คุณหนูของผมบาดเจ็บ ผมบอกคุณชายใหญ่แล้วล่ะ คุณฮาซันถามว่า เป็นไปได้มั้ยที่คุณจะทำตามคำขอของเขาอย่างใส่ใจจริงๆ...”  

     

                ผมอับจนคำพูดไปชั่วขณะ (และเจ็บกรามจนพูดได้ก็พูดไม่ออก)

                “สาบานได้มั้ยว่าคุณจะดูแลคุณหนูฮาโลให้ปลอดภัยได้เหมือนกับที่คุณชายใหญ่ทำ ได้มั้ยครับคุณชายฮาเวิร์ด”

                เรื่องนี้ทำให้ผมรู้ทันทีเลยว่า

                “...เรื่องนี้ฉันไม่มีทางทำได้หรอกนะ”









    แวะมาอัพอย่างมีประเด็นเมื่อคืนก่อน
    ตอนแรกออกจากรพก็แทบจะหมดแรง อยากนอน
    แต่ก็ไปหาไรกินที่โต้รุ่งก่อนนอนตายถึงเช้าวันพ่อ
    คุณพระ!!!!!!!!!!
    เจอสองหนุ่มนักกีฬานั่งป้อนส้มตำ กระหนุงกระหนิง
    อร๊าย มีปั่นจั๊กกลับด้วยกัน
    บางโต๊ะก็นั่งคุยกันน่ารัก
    ต่อมจิ้นแตกกระจายจนต้องมาต่อให้จบครบร้อยล่ะค่ะ
    หึหึ

     

     

           






     

      




    อ่า งานนี้แปะแบนเนอร์ให้หน่อยดีกว่า
    จะแปะขึ้นมั้ยน้า วู้ว
    © Tenpoints !


    freetheme. สิบเต็มสิบ !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×