คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [Teaser]1st oneshot : Unveiled
เป็นวันช็อทที่จัดว่ายาว
สัญญานะว่า
จะไม่เปลี่ยนจาก "เหยื่อผู้โชคร้าย"เป็นสมควรแล้วหรืออะไรที่แรงกว่านั้น
Unveiled
“ถ้าเธอยังคิดจะกำจัดเขา บางทีเราอาจจะต้องแตกกัน”ฉันพูดกับเธออย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่เรายืนประจัญหน้ากันผ่านกระจกห้องน้ำหญิง ดวงตามาดร้ายที่กรีดอายไลน์เนอร์คมกริบสะท้อนมองฉันคล้ายจะกรีดลึกลงไปข้างในตัวตนที่ดำมืดพอๆกัน ฉันมองเธอผ่านเลนส์สีฟ้าใสที่ชอบใส่เป็นประจำ บันทึกสีหน้าและท่าทางของเธอไว้อย่างละเอียดยิบราวกับสมองของตัวเองเป็นคอมพิวเตอร์
“ฉันเคยคิดว่าเรามีจุดหมายเดียวกัน”สุดท้ายเธอก็เลี่ยงการสบสายตากับฉัน ก้มหน้าลงใช้สายน้ำเย็นสาดลงบนใบหน้าของตนเอง “… แต่มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วใช่มั้ย”
“ไม่” ถ้าฉันบอกว่าไม่ มันย่อมหมายความว่าไม่จริงๆ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปฎิเสธคนอื่นโดยต้องปฎิเสธความต้องการของตนเองไปพร้อมๆกัน การทำแบบนั้นมันไร้สาระสิ้นดี “… จุดหมายของฉันคือการยุติเกมฆาตกรให้เร็วที่สุด ฉันไม่เหมือนเธอ”
“อะไรคือไม่เหมือน”เธอเงยหน้าขึ้นจากอ่างล้างหน้า เปลี่ยนเป็นยืนหันหลังพิงเคานท์เตอร์ ถ้าไม่ใช่เพราะเลี่ยงการเผชิญหน้าก็คงแค่เมื่อยล่ะมั้ง
“เธออาจจะลากใครมาเป็นฆาตกรก็ได้ ขณะที่ฉันต้องการรู้ความจริง”
หทัยภัทรแค่นเสียงหึในลำคอ “ความจริงของเธอกับฉันไม่เหมือนกัน … ขอเตือนให้เดินออกจากฉันไปตั้งแต่วินาทีนี้หากเธอไม่อยากมือเปื้อนเลือด”
“ขอเตือนให้เธอหยุดสิ่งที่กำลังจะทำซะ”ฉันพูดแทรกอย่างรวดเร็ว “… เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทนเห็นเธอเดินไปบนทางสายนี้ได้นานอีกสักเท่าไหร่”
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหมดความอดทนเมื่อไหร่
“อย่าบีบให้ต้องฉันต้องพูดมันออกมา”
ย้อนกลับไปวันที่เรายังมีจุดประสงค์ร่วมกัน เธอเป็นคนโน้มน้าวเก่ง ขณะที่ฉันก็เชื่อคนง่าย ไม่ได้เรียกว่าจิตใจดี อาจจะเหมือนเชื่องด้วยซ้ำไป
หทัยภัทรบอกให้ฉันสั่งโกโก้ปั่นสองแก้ว เมื่อเธอกับแมทธิวมาถึง ธุระสำคัญจะถูกเจรจา
เธอบอกว่าเธอต้องการตัวเขา การเป็นคนที่เก่งเหนือคนอื่นในภาคทำให้เขาเป็นหมากที่เหมาะสมแก่การดึงเข้ามาเป็นพวก ฉันสนใจในตัวเขามาสักพัก ไม่ใช่เพราะรูปร่างที่เตะตาสาวๆทั่วไป แต่เพราะบุคลิกที่อยู่เหนือโลก เขานับเป็นบุคคลที่ใครๆก็ต้องการ ไม่ว่าจะต้องการเพื่อจุดประสงค์ใด
“ไม่หวานนะคะ … เสร็จแล้วคิดเงินที่เพื่อนค่ะ เดี๋ยวเธอก็มา” ฉันสั่งพนักงานคาเฟ่ด้วยเสียงเบาบวกกับท่าทีขวยเขินเล็กน้อย การเข้าหาผู้ชายด้วยเทคนิคเล็กๆไม่ใช่เรื่องไร้สาระ มันใช้ได้ผลดีเลยทีเดียว เมื่อฉันเห็นว่าบาริสต้าหนุ่มอมยิ้มพร้อมหน้าแดง ฉันจึงโปรยยิ้มบางๆให้เขา หันหลังเดินกลับมานั่งอยู่มุมหนึ่งที่ทำให้เห็นความเป็นไปของโต๊ะข้างกระจกทุกอย่าง
ฉันเฝ้ามองหทัยภัทรและแมทธิวคุยกัน ได้ยินทุกประโยค ทุกคำพูด ทุกเสียงหายใจ
“… นายก็รู้ว่าใครทำให้จีนี่ฆ่าตัวตาย”
ประเด็นที่ทำให้เธออยากลุกขึ้นมา‘สร้าง’ฆาตกรคือการที่เธอเข้าใจว่าเพื่อนร่วมชั้นปีคนหนึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนสนิทของเธอฆ่าตัวตาย เธอไม่ลังเลเลยที่จะอธิบายถึงสมมติฐานของตน ซึ่งแมทธิวดูจะเป็นฝ่ายเทศน์เธอเสียมากกว่ายอมรับฟังความคิดเห็นนั้นของเธอ เขาไม่ใส่จุดประสงค์ของเธอเลยเสียด้วยซ้ำ นั่นคงทำให้เธอเสียศูนย์ไม่เบา
แต่ที่หนักกว่านั้นคือตัวการที่หทัยภัทรแค้นนักหนาเดินเข้ามาในคาเฟ่อย่างประจวบเหมาะพอดี ลัสเตียนมาพร้อมกับรุ่นพี่ปีสามที่ฉันเหมือนจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างดี พี่กันต์เป็นหัวหน้าฝ่ายระเบียบวินัยที่คงจะถูกยัดเยียดตำแหน่งให้ เสื้อที่หลุดลุ่ยออกนอกกางเกง กับประโยคปลอบโยนน้องปีหนึ่งเวลาโดนตำหนิเรื่องทรงผมทำให้เขาดูไม่เข้ากับปลอกแขนสีแดงบนไหล่ซ้าย ทั้งคู่ไม่สังเกตเห็นฉัน และเลือกที่นั่งติดกันกับอีกคู่ที่กำลังเข้าสู่บทสนทนาเชิงปรัชญา
แมทธิวเดินจากไปโดยทิ้งความผิดหวังไว้ที่โต๊ะ ฉันเห็นหทัยภัทรกำหมัดของเธอแน่น
จากนั่นแก้วโกโก้ปั่นถูกเทลงบนผมสีดำเข้มของลัสเตียน
“น้องใหม่”รุ่นพี่ปีสามได้แต่ร้องเรียกชื่อเธอ เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ฉันเห็นมือของลัสเตียนรั้งพี่กันต์ไว้แน่น เขายอมให้หทัยภัทร รินของเหลวปริมาตรเศษสามในสี่แก้วรดเสื้อเชิ้ตและสูท
ฉันไม่รู้ว่าทำไม เขายิ้มด้วยซ้ำ ยิ้มของเขาเป็นยิ้มที่น่ารำคาญในสายตาฉันเสมอมา พอๆกับตัวตนของเขา คนที่เหยียดยิ้มเหมือนคนอื่นเป็นแมลงตัวเล็กๆใต้พื้นรองเท้าไม่ใช่คนที่น่าคบเท่าไหร่หรอกใช่มั้ย ภายนอกของเขาเหมือนผู้ชายอ่อนโยน ที่พยายามห่อหุ้มเปลือกแข็งของตัวเองด้วยพฤติกรรมดูถูกคนทั้งโลก นั่นหมายความว่าภายในของเขาคงอ่อนแอไม่เบา ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเขาน่ากลัว
แต่เขาทำให้คนที่ต่อกรด้วยอกแตกตายได้เพียงแค่ยิ้มเดียว
ดวงตากลมโตไม่เหลือบมองหทัยภัทรแม้แต่เศษตา “จะพอได้รึยัง”
เพื่อนสาวของฉันปาแก้วกระดาษลงพื้น ฉันเดาว่ามือที่กำหมัดแน่นคงอยากจะสั่งสอนอะไรสักอย่างลงบนใบหน้ากลมนั่น อาจจะตบหรือชก
ลัสเตียนรั้งมือหนึ่งของเธอไว้ได้ทัน เขาใช้มือที่แข็งแรงกว่าจิกทึ้งผมสีดำของเธอไว้ในอุ้งมือ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดานสีขาวสะอาดของคาเฟ่
ไม่มีใครวุ่นวาย อาจจะแค่เหลือบมอง แต่ไม่มีใครเลยที่กล้าสอดมือเข้ามายุ่งกับสองคนนี้ แม้แต่ผู้จัดการร้านที่กำลังชงกาแฟอยู่ตรงเคานท์เตอร์ หรือแม้แต่รุ่นพี่กันต์ เขาสงบนิ่งอย่างที่ฉันคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
“ไอ้ฆาตกร”
ลัสเตียนเพิ่มแรงจิกลงบนผมของเธอ ข้อมือที่เกร็งจนขาวของเขาทำให้เจ้าของผมเจ็บจนแทบน้ำตาร่วงเลยทีเดียว
“อย่าซัดทอดความผิดของเพื่อนเธอให้คนอื่น”
“จีนี่ไม่ผิด แกต่างหากที่ฆ่าเขา”
ริมฝีปากอิ่มของลัสเตียนหัวเราะร่วน “เหรอ … ฉันไม่ได้จับเพื่อนเธอแขวนกับระเบียงซะหน่อย”
จริงของเขา
“แต่สิ่งที่แกพูดทำให้จีนี่เครียด แกก็รู้ว่าเธอซึมเศร้าอยู่”
เขากลอกตามองไปทั่ว ไม่ต้องสังเกตให้ละเอียดก็รู้ว่าลัสเตียนไม่แคร์เธอพอๆกับที่แมทธิวไม่ใส่ใจเธอนั่นแหละ ฉันเวทนาเพื่อนสาวของฉันอยู่ในใจเงียบๆ
“ถ้าไม่ใช่อาจารย์ก็อย่าริมาสอนฉัน ฉันมีสมอง แยกแยะได้และคิดเองเป็น”
ว่าแล้วเขาก็เหวี่ยงร่างของเธอลงกับพื้น ก่อนจะเดินข้ามตัวเธอไป
“อ้อ” ก่อนจะตรงไปที่ห้องน้ำ เขาเขี่ยสูทเลอะคราบสีน้ำตาลออกจากไหล่ ให้มันทิ้งตัวลงบนหทัยภัทร “ฉันรู้ดีว่าจิตซึมเศร้าคือะไร ไม่แน่ว่าตอนนี้จีนี่อาจจะขอบคุณฉันอยู่ก็ได้นะ ที่ฉันไม่คอยเอาแต่เฟคใส่เหมือนอย่างที่เธอกำลังทำอยู่”
ฉันพนันได้เลยว่าตอนนี้หัวใจของเพื่อนฉันยับเยินยิ่งกว่าสารรูปของเธอในตอนนี้เสียอีก
จบแค่นี้ก่อน ถ้าลงตอนต่อไม่ต้องเขียนนิยายแล้ว
ดราม่าเกิ๊น
ความคิดเห็น