ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [yaoi]How dare U D9 me...เรื่องของพี่ไม่เกี่ยวกับผม

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 7 : ของรัก

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 56





    Chapter 7

     

                    บ่อนเถื่อนในฮ่องกงเปิดกันโจ่งแจ้งไม่แพ้กันกับที่มาเก๊า เพียงแต่ที่นี่มันเป็นเรื่องไม่ถูกกฎหมายเท่าที่นั่น เจ้าของบ่อนทำให้มันชอบธรรมได้ก็เพราะอำนาจของตน

                    พ่อผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

                    พ่อไม่ได้เป็นมาเฟียมาตั้งแต่ตอนผมเกิด พ่อเป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ที่เกิดในครอบครัวผู้มีอำนาจเก่าแถวนั้นเอง แต่พอแม่จากไปเพราะมะเร็ง พ่อเสียความศรัทธาในสิ่งที่พ่อเรียนมา หันไปสนใจกับเงิน และอำนาจที่พ่อคิดว่ามันเป็นของพ่อมาแต่ไหนแต่ไร

                    ผมเป็นลูกชาย ลูกชายคนเดียวของพ่อ นอกจากทำตามที่พ่อขอในฐานะลูก ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรพ่อได้

                   

                    อาตี๋มารอผมอยู่ที่ห้องพักของพนักงาน มาพร้อมกับแอลที่หอบอุปกรณ์มาชุดใหญ่ เป็นอุปกรณ์หน้าตาเหมือนเครื่องสับไพ่ธรรมดาๆที่เห็นตามคาสิโนในหลายๆที่นั่นแหละ กับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์อีกหลายเครื่อง

                    “บอสทำไมเปลี่ยนไปใช้ซัมซุงล่ะครับ”หนุ่มลัทธิสตีฟจ๊อบนิยมทำหน้าหงุดหงิดสุดขีดเมื่อเห็นกาแล็คซี่ในมือผม ผมปรายตามองไอแพดขอบเขาอย่างดุๆ พร้อมทำท่าทุ่มกลางอากาศ

                    “บอสฮะ คุณฮาโลโทรมาบอกว่าเขาเจอปัญหาใหญ่”เลขาแอลรีบรายงานทันทีที่วางของเข้าที่เข้าทาง

                    ผมปวดหัวขึ้นมาตึบๆ “ยังไงเหรอ”

                    “คือคุณฮาโลเค้าแวะไปตลาดตอนสายๆน่ะ แล้วปรากฎว่า”

                    “ว่าไงครับ”ผมถามย้ำ ก็หน้าคุณเลขาดูเหมือนเหลืออดอะไรมาซักอย่าง ผมเย็นหลังขึ้นมาทันทีเลย

                    “น้องชายคุณฮาซันพูดกวางตุ้งไม่ได้ พูดกับแม่ค้าไม่รู้เรื่อง พระเจ้า พวกคุณเป็นคนฮ่องกงรึเปล่าฮะ ไหนบอกเป็นน้องชายคุณฮาซันไง แล้วทำไม่เรื่องแค่นี้ต้องมีปัญหาด้วย”

                    ฟู่ววว ไอ้เราก็นึกว่าเรื่องอะไร

                    “แต่ก็ซื้อของได้ใช่มั้ย มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

                    เลขาหน้าเด็กขมวดคิ้วแน่น “ผมใช่สิทธิ์ลาพักร้อนครึ่งวัน ทำตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เอ๊ย เป็นเลขาให้ภรรยาบอสน่ะสิ ตั้งแต่ผมรู้จักกับครอบครัวบอสน่ะ รู้สึกว่าตัวเองปกติไปเลยนะฮะ”

                    ทั้งผมทั้งอาตี๋ปล่อยก๊ากออกมาทั้งคู่ “ผมว่านั่นคำชมนะแอล ขอรับไว้ด้วยความภูมิใจแล้วกัน ปะ ไปทำงานกันเถอะ”

                    เราคุยงานกับดีลเลอร์และผู้จัดการบ่อนที่มีสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด ผู้จัดการที่รู้จักกับผมมานานปี เล่าให้เราฟังด้วยน้ำเสียงหนักใจว่า เด็กคนนั้นพาพวกเข้ามาโกยเงินบ่อย แล้วก็โกยไปอย่างใสๆซะด้วย บ่อนเลยไม่มีปัญญาจะไปเรียกตำรวจหรือว่าเอาเรื่องอะไร แล้ววันต่อมามันก็เข้ามาอีก ทำตัวกร่างจนลูกค้าคนอื่นเริ่มไม่ไว้ใจที่นี่ ทีนี้พ่อผมรู้เรื่องเข้าเลยบันทึกภาพไว้แล้วส่งให้กับทีมงานของผม

                    “บ่อนแต่ละแห่งก็มีกฎของมัน หมอนี่ไม่ได้ทำผิดกฎด้วยสิ”อาตี๋เปรยขึ้นเบาๆ ผมกับแอลพยักหน้าเห็นด้วย

                    “แต่โชคดีที่บ่อนมันมีกฎเล็กๆของมันอยู่ จะว่าโกงก็ไม่ได้ ผู้เล่นต้องปฎิบัติตามกฎของโต๊ะพนันอย่างเคร่งครัดนะ ผมว่าผมพอมีวิธีล่ะ”

                    ก็เครื่องนับไพ่ที่เราเอามาไง

                    การใช้เครื่องนับไพ่อัติโนมัติเป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้ว อันที่จริง มันก็มีทริกสำหรับเครื่องนับไพ่ด้วยแหละ แต่ผมขอลองวิธีไม้นวมดูก่อน กับกลโกงไพ่ต่ำเตี้ยอีกนิดหน่อย แค่นี้คงพอจะทำให้ผู้จัดการสามารถเชิญเจ้าเด็กฮิปปี้ลูกมาเฟียเดินออกไปได้ไม่ยาก

                    “แบล็กแจ็คใช่มั้ยบอส บอสทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี้นี่นา”

                    แอลเริ่มเป็นเลขาของผมอย่างไม่เป็นทางการก็ตอนที่ผมเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็น โทรไปอ้อนวอนพี่ใหญ่ให้ส่งคนมาช่วนทำงานตอนเรียนโท พี่ใหญ่ผู้แสนประเสริฐของเหล่าน้องๆ ก็ส่งคุณเลขาลี่เสวียนมาช่วยงานผมนี่แหละ ได้ข่าวว่าตอนนั้นแอลกำลังหางานที่ไม่เกี่ยวกับโรงพยาบาลทำอยู่ ท่าทางเขาจะเข็ดกับพี่ใหญ่ เอ๊ย กับคนไข้

                    “ไม่ได้แอลผมคงเรียนไม่จบเร็วๆอย่างนั้นหรอก รู้สึกว่าคุณเขียนเรื่องนับไพ่ลงไปด้วยนี่”

                    พวกเรากำลังมองบ่อนเถื่อนขนาดเท่าห้องบอลรูมทั้งห้องผ่านหน้าจอขนาดจิ๋ว มีคนมากมาย แต่เหยื่อยังมาไม่ติดกับ มีแค่ปลาเล็กปลาน้อยที่เขาส่งมาคอยนั่งดูอาการ HOT รึเปล่าของโต๊ะไพ่ โดยเฉพาะแบล็คแจ็ค

                    “ก็เขียนลงไปนะ ตรงที่เป็นสถิติ กับความน่าจะเป็น แล้วก็อ่านทฤษฎีกับบทวิเคราะห์ของบอส เอาไปเขียนแก้นิดหน่อยน่ะ ทำไมเหรอฮะบอส”

                    “คุณคิดว่าเวลาเล่นแบล็คแจ็ค เจอแต่ไพ่ต่ำมันไปสนุกอะไร ผมว่าจะงีบเอาแรงหน่อย คุณเจอหมอนั่นอาละวาดช่วยปลุกผมด้วยแล้วกัน”

     

                    บนโต๊ะพนันหรูหราไม่ต่างกับบ่อนในลาสเวกัส ชายหนุ่มลูกชายเจ้าของท่าเรือใหญ่แถบคอสเวย์เบย์กำลังนั่งกุมขมับ มือที่เปิดดูไพ่นั่นขยับไปมาอย่างไม่สบายใจ อีกมือที่ถือแก้วร็อคก็เขย่าวิสกี้สีอำพันให้แกว่งไปมา

                    “อะไรเนี่ย ไพ่ต่ำอีกและ อยากรู้จริงๆเลยว่าไอ้เครื่องสับไพ่บ้าๆนั่นมันโกงรึไง”

                    เจ้ามือที่หน้าซีดอยู่เป็นทุนเดิม ยิ่งหน้าซีดเข้าไปอีก เขากำลังจะกดปุ่นฉุกเฉินเรียกผู้จัดการมาคุยกับลูกมาเฟีย แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเรียกหาขึ้นมาเอง “ไปตามนายพวกแกมาซิ รู้มั้ยว่าอั๊วะเป็นลูกใคร”

                    “มีปัญหากับเครื่องสับไพ่ของเราเหรอครับ”

                    เจ้าหมอนั่นมองผมอย่างแปลกใจ ใช่ ผมไม่ใช่ผู้จัดการ แต่ผู้จัดการบ่อนก็เดินตามผมมาต้อยๆนี่ไง

                    “ลื้อเป็นใคร รู้มั้ยว่าอั๊วะลูกใคร”

                    อาไหน่ตี๋ส่งประวัติหมอนี่กับคนในทีมให้ตั้งแต่เมื่อเช้า ผ่านตามาหลายรอบแล้ว “บอสโก้ เฉิน ลูกชายของนายเหนือหัวเฉิน เจ้าของโกดังและท่าเรือของหนีภาษีแถบนี้ แม่คือคุณนายซุน มีอำนาจในกรมตำรวจไม่ใช่น้อยเลย ไม่ผิดใช่มั้ยครับ”

                    มันแค่นหัวเราะ มองหน้าผมด้วยตาแฝงแววอาฆาต

                    “ส่วนผม เป็นลูกเจ้าของบ่อน ”ที่พูดไปก็เกินไปนิด พ่อผมเป็นหุ้นส่วน ไม่ใช่เจ้าของซะทีเดียว แต่ก็ ถือหุ้นประมาณ 41% เท่านั้นเอง

                    ซึ่งนั้นทำให้พ่อผมหัวเสียเอามากๆ

                    “แล้วลื้อก็มาโกงอั๊วะ ไม่เห็นหัวพ่ออั๊วะเลยล่ะสิ”

                    ตาแก่พุงพลุ้ยนั่นน่ะเหรอ ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอก ทำไมล่ะ “ที่นี่ไม่มีใครโกงใครครับ คุณเล่นเสีย มันเป็นสิทธิ์ของคุณ”สิทธิ์อันโคตรชอบธรรมเลยล่ะครับ ไอ้เด็กเปรต

                    “อั๊วะไม่มีทางเล่นเสียหรอก พนันสิ”

                    ผมยืนแทนดีลเลอร์ จ้องตาฝ่ายตรงข้าม “พนันก็ได้ แต่ว่าถ้าคุณเสีย คุณก็น่าจะกลับไปนะครับ”

                    ท่าทางคำว่าเล่นเสียจะไปกระตุกเส้นหมอนั่นเข้า ถึงได้สะดุ้งพรวดจากเก้าอี้มากระชากเสื้อของผม แต่ดีที่บอดี้การ์ดของมันลากปลอกคอกลับไปได้ทัน ไม่อย่างนั้น ผมคงต้องฉีดยากันบ้าเข้าแล้วล่ะ

                    “มีคนบอกว่า ถ้ามองไปรอบๆแล้วยังไม่เห็นใครเล่นอ่อนกว่าคุณ คุณควรกลับไปได้แล้วเพราะคุณนั่นแหละ คือไก่อ่อนที่สุดของโต๊ะ เป็นไปได้มั้ยว่าเด็กMIT อย่างคุณจะเคยไม่ได้ยินมาเลย แต่ตอนเรียนแถวนั้น ผมได้ยินเค้าว่ากันมาอย่างนี้นะ”

                    “ฮึที่แท้ก็เด็กจบนอกเหมือนกันนี่หว่า”

                    “เปิดไพ่มา คุณได้แต้มรวมกันเท่ากับสิบเอ็ด”

                    หมอนั่นหงายไพ่ สิบเอ็ดจริงๆ

                    “แล้วตอนนี้เพื่อนคุณก็นับไปไม่ถึงไหน แต่คุณก็ทนไม่ไหวต้องลงมือเอง โต๊ะมันไม่ฮอทอ่ะนะ ช่วยไม่ได้ แต่พนันกันมั้ย ว่าผมแบล็คแจ็คแน่

                    ผีพนันพูดอะไรออกมาก็เป็นการพนันหมด ข้อนี้ผมพนันได้เลย

                    “แน่เหรอวะ”

                    “ถ้าผมชนะ คุณจะไปมั้ย

                    “ก็ถ้าลื้อโกง”

                    ผมดึงไพ่มาหนึ่งสำรับ “เอาไง หรือพนันแค่ใบเดียวให้รู้ชะตากรรมไปเลย”

                    หมอนั่นรับไปถือ สับไปมาอย่างคล่องมือ วินาทีนั้น ทุกคนที่รายล้อมพวกเรา ลูกค้า นักพนัน พนักงาน ต่างจ้องผมกับมันไม่กระพริบตา

                    ไพ่ถูกส่งมาในมือพวกเรา คนละสองใบ

                    และเมื่อผมหงาย

                    “เอาล่ะ คุณเสีย ว่ายังไง”

                    บอสโก้ทำหน้าไม่เชื่อสายตาตัวเอง ช็อคมากกว่าโกรธ

                    “ไอ้ แก มันเป็นไปไม่ได้”

                    “ผมชื่อฮาเวิร์ด เลห์นินเจอร์ มราวิก้า เอช หลี่ และผมอยากจะบอกคุณว่า เล่นไพ่มันต้องใช้โชค ถ้าคุณเชื่อตัวเองคุณก็มีโชค การนับไพ่ผิดกฎของคาสิโนหลายแห่ง และผมรู้ว่าคุณรู้ ที่นี่ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ประตูอยู่นั่นครับ”

                    บอสโก้กระโจนหาผมอีกแล้ว แต่คราวนี้ผมถอยกรูดหลบกรงเล็บมันได้ทันพอดี ไม่งั้นล่ะ เสื้อยับหมด

                    “นายมีของรักของหวงมั้ย

    ถ้ามี

    รักษามันไว้ให้ดี

    เพราะฉันรับรองว่า จะไปเอาคืนนายด้วยมือตัวเอง

    จนนายร้องไม่ออกเลยล่ะ ไอ้หลี่….












    ขอบคุณ ธีมสวยๆจาก
    ©
    Tenpoints!





     
    ใครกลับไปอ่านmiiisingpiece จะรู้สึกว่า
    กลิ่นอายแบบมืดๆ มันกลับมาอีกแบ้วววววว
    ยิ่งเขียน อีตาเลห์ยิ่งเก่ง ฮ่วย พระเอกไม่ต้องเก่งมั่งก็ได้วะ


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×