คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : ฉันไม่ถามคำถามที่ฉันไม่อยากรู้คำตอบ
Chapter 5
ยามว่าง ถ้าไม่อ่านหนังสือ ผมก็นั่งเล่นจิ๊กซอว์
ตอนนี้ว่าง ค่อนข้างว่างเลยทีเดียวแหละ แต่ไม่ว่างพอจะไปเดินหาหนังสือมาอ่าน แล้วไอ้ที่มีอยู่ก็อ่านหมดไปนานแล้ว ผมก็เลยมาปล่อยอารมณ์กับจิ๊กซอว์ งานอดิเรกที่รู้สึกว่าคนในตระกูลผมจะหลงไหลมันมากเลยทีเดียว
ผมกันที่ครึ่งตารางเมตรไว้เป็นโซนเงียบ อยู่ในห้องนอน เทชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ไว้บานเบอะ ตอนนี้ต่อกรอบได้ครึ่งนึงแล้ว
“รูปไรอ่ะ”เด็กหนุ่มบนเตียงยื่นหน้ามองชิ้นส่วนที่ยังดูไม่ใกล้เคียงกับคำว่า เป็นรูปเป็นร่าง …ซักเท่าไหร่
“ไม่รู้เหมือนกัน มีคนซื้อมาให้จากเมกา”
ผมชอบเอากระดาษปิดปกกล่องไว้ พอไม่รู้ว่าจุดหมายคืออะไร รู้สึกตัวเองจะใช้เวลาต่อจิ๊กซอว์นานขึ้นมากเลยทีเดียว เพื่อนมันซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิด ผมก็เพิ่งจะขุดมันออกมาต่อเล่นนี่แหละ ถ้ารีบต่อเสร็จคนซื้อมันจะรู้สึกไม่คุ้มเอา
“ไม่รู้ว่าเป็นรูปอะไรแล้วยังจะต่ออีก…ไม่เหนื่อยแย่เหรอ”
ผมยิ้ม ส่ายหน้าดิก
“พี่ดูเป็นคนที่ชอบทำอะไรโดยไม่สนใจจุดหมายนะ ใช่อย่างที่ผมคิดรึเปล่า”
“ก็อาจจะ”
“ถามจริงๆ พี่ใหญ่ไม่ได้บอกอะไรพี่สักคำ ทำไมยอมเซ็นสัญญาแต่งงานกับผมง่ายจัง”
ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่นะ ผมยังคิดว่าตัวเองฝันอยู่เลย
“เพราะฉันเชื่อพี่ใหญ่มั้ย เฮียแกไม่เคยคิดร้ายกับพี่น้องนี่”
พี่คนโตประจำตระกูล คอยดูแลน้องๆทุกคนอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นผู้นำ ตั้งแต่แม่ผมตายไป ผมก็สนิทกับพี่ฮาซันมากที่สุด พี่คอยชี้แนะอะไรให้ผมมากมาย พูดได้เต็มปากเลยว่าผมคงมาไม่ถึงจุดนี้ถ้าไม่มีพี่ใหญ่
“แค่นั้นเองเหรอ…ง่ายจริง”ฮาโลกรอกตาสีสวยของเขาไปมา “ไม่มีเหตุผลอื่นแล้วเหรอ”
ไม่มี หรืออยากให้ฉันโกหกล่ะ ชั้นโกหกนายได้เป็นร้อยแบบเลยนะ จะเอาแบบไหนว่ามา
เขากอดหมอน ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วก็เงียบ
ปล่อยให้ความเงียบล่องลอยอยู่ระหว่างเรา
“ผมยังไม่เคยเชื่อใจพี่เค้าได้เท่าที่พี่สามารถทำได้เลยนะ ผมนับถือพี่จริงๆ”
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนหมอนสีขาวที่เขากอดไว้
(ถึงเวลาที่ต่อมโกหกของผมต้องทำงานก่อนอะไรจะลุกลามไปกว่านี้แล้วล่ะ)
“พี่ไม่เคยคิดจะถามสาเหตุ เหตุผล หรืออะไรจากพี่ใหญ่เลยเหรอ”
ผมลุกจากเสื่อ ขึ้นไปนั่งกับเขาบนเตียง ในหัวพยายามประมวณคำพูดสวยๆ หรืออะไรก็ได้
“ฉันไม่ถามคำถามที่ฉันไม่อยากรู้คำตอบ”
เวลานี้ผมโกหกไม่ได้ไหวจริงๆแฮะ ผมคงเป็นโรคแพ้น้ำตาระยะสุดท้าย โดยเฉพาะน้ำตาเด็กผู้ชายกวนๆคนหนึ่งที่ทำเป็นแก่นเสียเต็มที แต่พอมีโมเมนต์เหงาก็ปล่อยโฮจนตั้งตัวแทบไม่ติด
พ่อของพวกเขาตายไปเพราะอุบัติเหตุ และครั้งนั้น แม่ของเขา คุณน้าที่ผมรักมากก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ครอบครัวเราจึงแยกเขาไปไว้กับคุณยาย ส่วนพ่อของผมรับพี่ใหญ่มาดูแลชัวคราว พวกเราพยายามรักษาคุณน้าเต็มที่ แต่เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ผมจำได้ว่าวันสุดท้ายของแม่ฮาโล เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยซ้ำ แม้แต่วันเผาศพเธอก็เถอะ ผมเจอเขาแค่แวบเดียวเอง ที่เขากลับมาฮ่องกง มันคงไม่มีเหตุผลอะไรมากกว่าการที่คุณยายอาจจะป่วยหนัก อาจจะเสียแล้วก็ได้
“ผมไม่มีที่ไปแล้วจริงๆนะ”
ผมบอกแล้วมั้ยล่ะ ผมไม่ถามในสิ่งที่ผมไม่อยากรู้
มันตอกย้ำเด็กคนนี้มากเกินไป เขาสูญเสียอะไรมาเยอะแยะแล้ว
ตัวของเขาเย็นเฉียบ โดยเฉพาะมือ ผมสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง กุมมือผอมแห้งนั่นไว้
“ฉันจะไม่ถามสาเหตุ ไม่อยากรู้อะไรมากกว่าที่รับรู้ว่าตอนนี้เราแต่งงานกัน ไม่ว่าจะด้วยอะไร มากกว่านี้หรือว่าอะไรแอบแฝงไว้ ฉันจะไม่ถามมันจากนาย หรือว่าใครทั้งนั้น … ถ้านายอยากบอกเมื่อไหร่ นายก็บอกฉันแล้วกัน”
เขาซุกหน้าลงบนเสื้อกล้ามย้วยๆของผม ปล่อยโฮออกมาดังลั่น จนกระทั่งหมดแรงจะสะอื้น
“ฉันทำได้ดีที่สุดแค่นี้ล่ะ”
เขาพริ้มตาหลับ บนแพขนตายังประดับไว้ด้วยคราบน้ำตาเป็นประกาย
“ผมขอแค่นี้แหละฮะ…อย่าไล่ผมไปก็พอ…”
© Tenpoints!
ความคิดเห็น