ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เลขาคนใหม่
“เธอถูกไล่ออก!”
เสียงทุ้มต่ำหากทรงอำนาจดังมาจากห้องทำงานใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยใบประกาศนียบัตรและเหรียญทองเชิดชูเกียรติจนเต็มชั้นวางของสีน้ำตาลหม่นๆ แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันล้ำเลิศของบุคคลผู้เป็นเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี เบื้องหลังโต๊ะไม้โอ๊กราคาแพงนั้น อัสรัน ซาล่า ชายหนุ่มร่างสูงวัย 20 ปี ใช้สายตาจับจ้องร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าขอความเมตตาทั้งที่เนื้อตัวสั่นเทิ้มอยู่เบื้องหน้า
“ท่านประธานซาล่า ได้โปรดให้โอกาสดิฉันอีกสักครั้งเถอะนะคะ!” เธออ้อนวอน นัยน์ตาคู่สวยบัดนี้เปี่ยมล้นด้วยน้ำใสๆ ไหลรินปริ่มขอบตา
“ชั้นไม่ชอบวิธีการเขียนรายงานของเธอ และนั่นคือเหตุผลที่ชั้นไล่เธอออก” เขาพูดเสียงเรียบ
สิ้นคำกล่าวหญิงสาวก็ก้มตัวลงต่ำกว่าเดิมจนศีรษะแทบจะแตะชิดกับพื้น “ได้โปรดเถอะค่ะ ท่านประธานซาล่า! ให้โอกาสชั้นอีกสักครั้งเถอะนะคะ!”
“เธอไม่พอใจการตัดสินใจของชั้นอย่างนั้นเหรอ?” อัสรันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท หากแต่แฝงด้วยอันตรายอย่างยิ่ง
“ดิฉันมิบังอาจ!! แต่ดิฉันขอ...”
“โอกาส? นี่สาวน้อย...จะให้ชั้นยอมรับคนที่ไร้ความสามารถอย่างเธอมาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของชั้นมันก็ไม่ไหวหรอกนะ ทั้งที่เป็นโคออดิเนเตอร์แท้ๆ แต่ก็ยัง...โง่เง่า”
น้ำตาอุ่นๆ ไหลรินออกจากขอบตาทันทีที่สิ้นคำปรามาสของผู้มีอำนาจเหนือกว่า
    นี่เธอทำได้แค่ยอมรับมัน...เท่านั้นหรือ?
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าถึงดื้อดึงไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น...แต่เธอก็ยัง...
“ได้โปรดเถอะนะคะท่าน ดิฉัน...”
อัสรันถอนหายใจเบาๆ ขณะที่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้บุนวมสีดำสนิทก่อนออกคำสั่งสั้น “ไปได้แล้ว”
“ได้โปรดเถอะค่ะท่านประธาน! ดิฉันต้องการงานนี้จริงๆ นะคะ!!”
“จะออกไปดีๆ หรือจะให้ชั้นต้องใช้กำลัง?” แม้คำกล่าวจะฟังดูเย็นเยียบแต่อารมณ์ของผู้พูดในขณะนั้นกลับร้อนระอุเสียยิ่งกว่าอุณหภูมิบนดาวอังคารเสียอีก!
“แต่ท่านคะ...”
อัสรันหมุนเก้าอี้หันไปเหม่อมองทิวทัศน์ด้านนอกผ่านหน้าตาสไตล์ฝรั่งเศสบานใหญ่ ทำให้หญิงสาวเห็นแต่เพียงแผ่นหลังของบุรุษผู้ทรงอำนาจเท่านั้น
“ออกไป ก่อนที่ชั้นจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”
“ท่านคะ!”
ชายหนุ่มเอื้อมมือกร้านไปกดปุ่มสีแดงเล็กๆ บนเก้าอี้หนังมันขลับนั้น ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะออกคำสั่งเสียงเครียด
“ช่วยพาคุณผู้หญิงคนนี้ให้ไปไกลๆ สายตาชั้นหน่อย”
“ท่านคะ ได้โปรด! โปรดเมตตาด้วย!!”
ในเวลาไม่ถึงนาที ชายฉกรรจ์ 2 คนในเครื่องแบบทหาร ZAFT เรียบกริบถูกก็เดินเข้ามาพร้อมกับกระบอกปืนสีดำสนิทในมือ ทั้งคู่ยกมือทำความเคารพท่านประธานสภาสูงชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะลากตัวหญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นออกไปจากห้องสีเทาหม่นชวนอึดอัดหายไป
“ท่านประธาน ได้โปรด เมตตาดิฉันด้วยย~~” เสียงอ้อนวอนขอร้องค่อยๆ ดังแผ่วลงๆ จนในที่สุดก็เงียบหายไป ชายหนุ่มยังคงค้างอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม ปล่อยสายตาให้เหม่อมองชมทัศนียภาพใจกลางเมืองอย่างเงียบๆ ก่อนจะขยับมือไปกดปุ่มอินเตอร์โฟนบนเก้าอี้อีกครั้ง
“ช่วยต่อสายท่านแพทริก ซาล่าให้หน่อย” ภายในเวลาไม่นานหลังจากที่โอเปอร์เรเตอร์เอ่ยให้รอสาย เสียงแหบห้าวของชายหนุ่มวัยกลางคนก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“มีอะไรอีกล่ะ อัสรัน?”
“ผมต้องการเลขาฯคนใหม่ครับ ท่านพ่อ” อัสรันตอบหน้าตาเฉย
แพทริกถอยหายใจเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “อัสรัน...นี่เพิ่งจะปีเดียวเท่านั้นเองนะ ที่แกมาทำงานแทนชั้นในตำแหน่งประธานวุฒิสภา และตอนนี้แกก็ใช้เลขาฯ รวมทั้งหมด 5 คนแล้วนะ ! แค่นี้ยังไม่พอใช้อีกรึยังไง!?”
“ก็พวกเธอทำให้ผมหัวเสีย คนแรกก็ทำกาแฟหกลงบนกองเอกสารที่ผมต้องเซ็น คนที่สองก็โยนเจ้าฮาโล่ลงไปในสระน้ำเพราะรำคาญเสียงของมัน ทำให้ลักซ์เสียใจมาก ผมก็เลยต้องหาเวลาว่างมานั่งซ่อมเจ้าของเล่นนั่นกว่าค่อนวัน ส่วนคนที่สามดันหนีงานออกไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มเนเชอรัล...จริงอยู่ที่ผมมีอคติ แต่หนีงานไปยังไงมันก็รับไม่ไหวหรอกนะครับ...สำหรับคนที่สี่ขอลาออกเองเพราะว่าทนผมขึ้นเสียงไม่ไหว พวกเธออ่อนแอเกินไป และคนสุดท้ายที่เพิ่งไล่ออกไปเมื่อครู่...ทำงานชุ่ยมาก รายงานมีแต่ข้อผิดพลาดเต็มไปหมด” อัสรันอธิบายการทำงานของเลขาฯสาวแต่ละคนเสียยาวยืด
“แค่ตักเตือนก็พอ...ไม่เห็นต้องถึงขนาดไล่ออกเลยนี่”
“ท่านพ่อ...ผมก็เหมือนกับท่านพ่อนะครับ ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น และผมต้องการผลสรุปที่สมบูรณ์แบบ ทุกอย่างต้องไร้ข้อผิดพลาด และท่านพ่อคิดว่าเลขาฯ พวกนี้สมควรได้รับโอกาสงั้นเหรอครับ?”
เงียบ...ไร้ซึ่งเสียงสอดแทรก อัสรันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงๆ ก่อนเรียกบุรุษสูงวัยซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นปลายสายเงียบไปนาน
“ ..ท่านพ่อ?”
“ชั้นจะไปหาเลขาฯ คนใหม่มาให้ก็ได้ แต่แกต้องสัญญาว่าเธอจะต้องอยู่กับแกอย่างน้อย 1 ปี เข้าใจไหม?”
คำกล่าวที่เขาจะตอบรับอะไรอย่างอื่นได้นอกจากคำว่าตกลง....
“ก็เหมือนจะเป็นทางเลือกเดียวที่ผมมีตอนนี้นี่ครับ...เอาเถอะ ยังไงผมก็ขอให้เธอรับผิดชอบสมกับตำแหน่งหน่อยก็แล้วกัน”
“ก็ดี...แต่มันมีปัญหาอยู่อย่าง...” เสียงแหบห้าวของบุรุษสูงวัยกว่าเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียดมาตามสาย คำกล่าวเน้นขึ้นลงหนักแน่นในท่วงทุกประโยค ชายหนุ่มมิได้เอ่ยขัดอะไร เขากลับนิ่งเงียบเว้นให้ผู้เป็นบิดากล่าวต่อไปแม้ในใจจะรู้สึกสงสัยกับคำเริ่มประโยคนั้นไม่น้อยก็ตาม
“เพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างเนเชอรัลกับโคออดิเนเตอร์ ทางสหพันธ์โลกได้เสนอทางฝ่ายเรามาว่าควรจะให้
เนเชอรัลเข้ามาทำงานใน Plant บ้าง ส่วนเราเองก็คงต้องส่งคนไปที่นั่นด้วยเหมือนกัน...”
อัสรันมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างรู้สึกขัดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น ก่อนสมองจะเริ่มทำการตีความหมายนัยๆ ที่แฝงอยู่ออกมา
    พวกเนเชอรัลนี่มักใหญ่ใฝ่สูงซะจริงนะ....
“ผมเชื่อว่าทางสหพันธ์โลกเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อหวังกอบโกยผลประโยชน์ทางด้านเทคโนโลยีจากฝ่ายเราต่างหากล่ะครับ”
“พวกเราก็รู้ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะยังไงซะ ลักซ์ ไคลน์ก็เป็นแกนนำในการสนับสนุนแนวความคิดนี้ด้วย แกก็รู้จักเธอดีนี่ ว่าตัวเธอมีอิทธิพลต่อประชาชนของเราแค่ไหน...”
อัสรันขยับรอยยิ้มบาง นัยน์ตาสีเขียวมรกตพลันอ่อนแสงลงเล็กน้อยเมื่อชื่อของ ‘ลักซ์ ไคลน์’ ถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างอิงถึง หญิงสาวงดงามสมบูรณ์แบบที่มีศักดิ์เป็นถึงคู่หมั้นของเขาเสียตั้งแต่ก่อนเขาจะลืมตาดูโลกเสียอีกกระมัง...เขารักเธอมาก...มากเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ เพราะฉะนั้นการโกรธหรือเกลียดในสิ่งที่ผู้หญิงที่เขาเทิดทูนกระทำนั้นเป็นเสียยิ่งกว่าตราบาปหนาในชีวิตเขาเสียอีก...
“ในบางเรื่องลักซ์ก็......บางที แม้แต่ผมก็เถอะ.....ไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ.....” ชายหนุ่มเอ่ยตอบพึมพำเสียงแผ่ว ปลายสายที่นิ่งเงียบไปนานอีกครั้ง ก่อนออกคำสั่งเคร่งเครียดทิ้งท้าย
“อัสรัน......แกเข้าใจใช่ไหม ถ้าหากทำตามเงื่อนไขในข้อตกลงนี่ คนที่จะมาเป็นเลขาฯ ของแก.....จะต้องเป็น ‘เนเชอรัล .’ ”
+  +  +  +  +  +  +
นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจับจ้องอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยมของเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวบางบนตักของตัวเองนิ่งนานจนแทบจะลืมกะพริบตา ความเคร่งเครียดเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่ ‘คางาริ ยูระ อัสฮา’ สาวน้อยหน้าหวานวัย 19 ปีกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานในมือซ้ำไปซ้ำมาเป็นรอบที่ร้อย คิ้วบางได้รูปเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างคนใช้ความคิด
“คางาริ ทำอะไรอยู่น่ะ?”
เสียงแหบห้าวที่เอ่ยถามขึ้นมาเรียกความสนใจให้เธอเหลือบสายตาขึ้นไปสบกับ ‘เอ็ดนีล คิซากะ’ ชายหนุ่มร่างยักษ์ตำแหน่งการ์ดส่วนบุคคลของเธอกำลังจ้องเขม็งมาที่เธอด้วยสายตาคาดคั้นรอฟังคำตอบอย่างสงบ
หญิงสาวหลุบสายตาลงต่ำกลับไปให้ความสนใจกับเครื่อง labtop ตรงหน้าเหมือนเดิม ก่อนริมฝีปากบางจะแย้มตอบขมุบขมิบ “พอดีชั้นได้ยินข่าวมาว่า ZAFT จะทำการบุกประชิด ORB...โชคดีที่ตอนนี้ PLANT กำลังมีปัญหาไฟฟ้าขัดข้องอยู่พอดี ระบบรักษาความปลอดภัยก็เลยไม่ทำงาน ชั้นเลยกะว่าจะเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลดูสักหน่อย...ใช้เวลาไม่นานหรอก เดี๋ยวชั้นจะดาวโหลดไฟล์มาเก็บไว้ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว”
คิซากะหยิบเอกสารตรงหน้ามาอ่านผ่านตาชั่วระยะหนึ่ง ก่อนทอดสายตากลับไปมองสาวน้อยร่างเล็กอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ผมรู้ว่าท่านกังวลใจ แต่เรายังกลับไปที่ ORB ไม่ได้เช่นเดียวกับการที่เราจะเปิดเผยตัวท่านให้ใครรู้ไม่ได้เหมือนกัน......เจ้าหญิง.... ผมเคยบอกแล้วว่าท่านได้รับการฝากฝังตัวไว้กับครอบครัวผม และพวกเราเองก็หวังให้ท่านเติบโตเป็นเจ้าหญิงที่เข้มแข็งและสง่างาม....เพราะฉะนั้นผมถึงยอมเสียช่วงเวลาที่ผ่านมาไปไม่ได้เด็ดขาด!
ผมไม่ยอมเอาตัวท่านไปเสี่ยงเพราะข่าวลืมบ้าๆ ว่า PLANT จะบุกโจมตี Orb หรอกนะ!!”
ปัง!!
เสียงฝ่ามือกระแทกโต๊ะทำให้ชายหนุ่มชะงักในทันที ความเงียบเริ่มเกิดขึ้นในชั่วอึดใจ อารมณ์คุกรุ่นของสตรีร่างเล็กที่เพียรเก็บไว้เป็นเวลานานปะทุขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกบีบคั้นในจิตใจที่เริ่มปริแตกออกอย่างช้าๆ
“นายก็พูดแบบนี้ทุกทีแหละ!! นายมักจะเทศน์ให้ชั้นฟังอยู่เรื่อยเลยว่าชั้นควรจะหลีกเลี่ยงนี่ ควรจะออกห่างนั่น เพราะว่าชั้นเป็น ‘เจ้าหญิง’!!” คางาริตวาดเสียงลั่น ร่างบางเริ่มสั่นระริกไปมาเบาๆ พร้อมๆ กับหยาดน้ำใสๆ ที่เริ่มไหลคลอเต็มสองข้างแก้ม
“ให้ตายสิ! ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชั้นรู้แค่ว่าท่านพ่อของชั้นเป็นผู้นำของประเทศ ORB! ชั้นรู้แค่ว่าบ้านเกิดของชั้นเป็นชาติเดียวที่วางตัวเป็นกลางท่ามกลางสงคราม!! นอกจากนั้น.......นอกจากนั้นแล้วชั้นไม่รู้อะไรเลย!! แล้วนายจะให้ชั้นทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าหญิงนั้นยังไงในเมื่อชั้นมีความรู้ในหัวอยู่เพียงแค่นี้น่ะ!!!” สิ้นคำกล่าวคางาริก็ทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้อย่างแรง พยายามกลั้นเสียงสะอื้นเสียจนตัวโยน
ภาพที่บอดี้การ์ดหนุ่มทำได้แค่ถอนหายใจ มือใหญ่ถูกเอื้อมไปลูบหัวสีทองๆ ของเด็กสาวที่เขารักยิ่งกว่าลูกในไส้เบาๆ
“อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ แบบนี้สิ...คางาริ”
หญิงสาวสะบัดหัวออกอย่างแรง ในใจรู้สึกทั้งเสียใจ น้อยใจ หงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินคำกล่าวนั้น แม้จะรู้ว่าเขาต้องการปลอบเธอก็ตามที
“เด็ก!!?? นายบอกว่าชั้นทำตัวเป็นเด็กอย่างนั้นเหรอ!? นายเรียกคนที่ต้องการจะช่วยเหลือประเทศชาติของตัวเอง และจะต้องขึ้นปกครองประเทศในอนาคตข้างหน้านี่ว่า ‘เด็ก’ อย่างนั้นเหรอ!! ชั้นแค่ต้องการจะช่วย ORB เท่านั้น! เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมนายถึงไม่เข้าใจเสียทีฮะ คิซากะ!!”
คิซากะเฝ้ามองดูการตีโพยตีพายของเด็กสาวตรงหน้าด้วยอาการนิ่งเฉย ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยคำถามราบเรียบ
“งั้นบอกผมสิ คางาริ ท่านจะทำอะไรได้?”
หญิงสาวชะงักในทันที นัยน์ตาสีอำพันเบิกกว้าง น่าแปลกเหมือนกันที่ความอวดดีที่ตนมีเมื่อครู่ดูจะไม่ช่วยให้เธอตอบคำถามข้างต้นได้เลยแม้สักนิด
“อ่า...ชั้น....ชั้น .”
“เห็นไหม? ยังไงซะ...ตอนนี้ท่านก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นผมขอแนะนำให้ตอนนี้ท่านรอดูอยู่เฉยๆ อย่างน้อยก็ 2 เดือน...เพราะเมื่อถึงวันนั้น ท่านจะอายุครบ 20 ปี และมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการสืบทอดประเทศ ORB”
“แต่เราก็ไม่รู้ว่า ZAFT จะโจมตีเมื่อไหร่นี่!? เราต้องเคลื่อนไหวได้แล้วนะ!”
“เราทำไม่ได้...! และผมจะไม่ยอมเอาตัวท่านไม่เสี่ยงกับปัญหาในครั้งนี้เด็ดขาด!”
“แต่ว่า...” คางาริทำท่าจะจะค้าน แต่กลับมีเสียงแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“คิซากะ! คางาริ! มาดูนี่เร็วเข้า” ‘เอริก้า ซิมมอน’ โวยวายเสียงดังขณะก้าวพรวดเข้ามาในห้อง พร้อมกับหนังสือพิมพ์ในมือ
โดยไม่รีรอ คิซากะคว้าหนังสือพิมพ์ในมือมาอ่านตรงบริเวณที่วงกลมสีแดงไว้แทบจะทันที
รับสมัครด่วน! เลขานุการ
คุณสมบัติ : อายุ 18 ปีขึ้นไป มีบุคลิกภาพและมนุษยสัมพันธ์ดี ที่สำคัญเป็นเนเชอรัล
ติดต่อ : 0920-555 , ZAFT OFFICE
นัยน์ตาสีอำพันเบิกกว้างทันทีที่อ่านโฆษนาตรงหน้าจบ
“สำนักงาน ZAFT! เนเชอรัล! นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”
เอริก้ามองหน้าคนทั้งคู่สลับไปมา ก่อนเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ชั้นเองได้ยินมาเหมือนกันว่าทางสหพันธ์โลกมีโครงการที่จะแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างเนเชอรัลกับโคออดิเนเตอร์ แต่เท่าที่รู้มันก็ยังไม่ได้ถูกประกาศออกมาชัดเจนหรอกนะ”
คำอธิบายที่ทำให้ชายหนุ่มคนเดียวในห้องต้องมุ่นคิ้วเข้าหากัน “ถ้ามันยังไม่ได้ประกาศออกมาเป็นทางการ แล้วจะมาลงโฆษนาอย่างนี้ทำไม? ZAFT วางแผนอะไรอยู่รึเปล่านะ....”
“ชั้นจะลงสมัคร!” เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นทำเอาคนที่เหลือสองคนถึงกับสะดุ้งโหยง
“ไม่ได้นะ คางาริ! ผมยอมไม่ได้หรอก!” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยค้านแทบจะทันที “ท่านเองก็จะกลับไปที่ ORB เร็วๆ นี้อยู่แล้ว มันจะไม่เป็นการดีแน่ถ้าให้ใครๆ เห็นหน้าท่านตอนนี้”
คางาริเบือนหน้ากลับมาสบตาชายหนุ่ม นัยน์ตาสีน้ำผึ้งฉายประกายจริงจัง
“ถ้าชั้นลงสมัครงานนี้ละก็...บางทีชั้นอาจจะสามารถสืบข้อมูลได้ก็ได้ว่าพวกนั้นวางแผนทำอะไรอยู่ มันเป็นเรื่องเดียวที่ชั้นสามารถทำเพื่อ ORB ได้ในตอนนี้!”
“ไม่นะ...คางาริ...”
“ถึงนายจะห้าม ชั้นก็จะไป นายก็รู้นิสัยชั้นดีนี่ คิซากะ...” คางาริโต้กลับทันที คราวนี้กลับเป็นเขาเสียเองที่นิ่งอึ้งพูดไม่ออก
“ชั้นว่าเธอเอาจริงนะคิซากะ...ยังไงซะเธอก็เป็นเจ้าหญิงหัวดื้อไม่ฟังใครอยู่แล้วนี่” เอริก้าออกความเห็นพลางผ่อนลมหายใจเบาๆ แทนคำจำนน
“แต่ว่า....”
“ถ้านายไม่สบายใจ จะมาด้วยกันก็ได้นะ” คางาริรีบเสริมทันควัน เมื่อชายหนุ่มเห็นรอยยิ้มกว้างบวกกับดวงหน้าใสซื่อของเด็กสาวตรงหน้าแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ก็ดูเหมือน...มันจะเป็นทางเลือกเดียวที่ผมมีอยู่ตอนนี้สินะ....”
+  +  +  +  +  +  +
นัยน์ตาสีเขียวมรกตพลันเบิกโพลงเพราะเสียงรบกวนแหลมสูงของโทรศัพท์เครื่องเล็ก ในใจเขานึกอยากจะฆ่าเจ้าคนเฮงซวยไร้มารยาทที่กล้ามาปลุกเวลาพักผ่อนที่มีอยู่น้อยนิดของเขาใจจะขาด ชายหนุ่มเอื้อมมือกร้านไปคว้ามือถือเครื่องบางบนโต๊ะไม้เล็กๆ หัวเตียง ก่อนจะตะคอกกลับไปอย่างหงุดหงิด
“มีอะไร?”
“อรุณสวัสดิ์ประธานซาล่า?” เสียงทุ้มต่ำกวนๆ ของชายหนุ่มปลายสายเอ่ยขึ้น “ขอโทษทีที่โทรมารบกวนเวลาพักผ่อนนะ”
อัสรันกลอกตาไปมาอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนโทรมา
“ก็สมควรอยู่หรอกอิซาค ไม่งั้นนายก็เตรียมโลงขนาดเท่าตัวนายไว้ได้เลย!”
“ถ้างั้นผู้บัญชาการจูลก็ขอเชิญท่านประธานสภามาในพิธีรดน้ำศพด้วยก็แล้วกัน” อิซาคโต้กลับด้วยคำพูดกลั้วหัวเราะ พร้อมกับความภาคภูมิใจเต็มเสียงแฝงอยู่ในน้ำเสียงยียวนที่ตั้งใจใช้ป่วนประสาทเขา
คำเชื้อเชิญที่ประธานสภาสูงแห่ง ZAFT ผู้ทรงเกียรติทำได้แค่กลอกตาระงับความหงุดหงิดอีกรอบหนึ่งก็เท่านั้น
“ชั้นอยากจะทราบว่านายมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรมิทราบ ถึงต้องโทรศัพท์มาหาชั้นตอนนี้ ผู้บัญชาการจูล” อัสรันพูดแดกดันตอบกลับไป
“ชั้นก็แค่จะมาเตือนนายเรื่องการเลขาฯ ของนายก็เท่านั้นแหละ”
“ว่ามา”
“ชั้นว่าการรับเนเชอรัลมาทำงานนี่มันงี่เง่าสิ้นดีเลย แค่ชั้นส่งสายตาขู่มันหน่อยเดียวก็อ่อนปวกเปียกแล้ว ขนาดกับชั้นมันยังกลัวแทบบ้าขนาดนี้ แล้วอยู่กับนายทุกวัน มีได้หวังอายุสั้นแน่” คำกล่าวของเพื่อนร่วมรุ่นทำให้ชายหนุ่มปลายสายต้องขยับยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นชั้นคงต้องยกเลิกคำสั่งนี้เสียแล้วละมั๊ง”
“ก็ว่างั้นแหละ....หือ? เมื่อกี๊นายว่าอะไรนะ นิโคล...รอแป๊ปนึงนะ .” เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นดังกึกๆ กลบเสียสนทนาไปช่วงหนึ่ง คาดว่าอิชาคคงจะไปคุยกับนิโคลเพื่อนชายผมสีเขียวในหน่วยเดียวกับอยู่เป็นแน่ อัสรันผ่อนลมหายใจมาเบาๆ ก่อนจะเอนตัวลงบนที่นอนรอสายต่ออย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้บัญชาการหนุ่มก็กลับมาก่อนกล่าวกลั้วหัวเราะ “แหม น่าปลาบปลื้มใจเสียไม่มีล่ะครับ ท่านประธานซาล่า กระผมอยากจะเรียนให้ทราบว่า เลขาฯ คนใหม่ของท่านมาแล้ว และนิโคลกำลังสัมภาษณ์เธออยู่”
คำกล่าวกลั้วหัวเราะที่ทำเอาเส้นสมองคนฟังตึงเปรี๊ยะ ชักคันเบื้องล่างอยากจะประเคนเท้าให้คนที่อยู่ปลายสายขึ้นมาตงิดๆ อัสรันขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนเอ่ยคำสั่งเสียงเฉียบขาด
“อย่า-ปล่อย-ให้-เธอ-ผ่าน-เด็ด-ขาด!”
“นั่นนายต้องไปบอกนิโคลเอง ไม่ใช่ชั้น” ชายหนุ่มปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงขบขัน
“อิซาค ” เสียงเย็นเยียบชวนเสียวสันหลังวาบถูกงัดมาใช้อีกครั้ง บ่งบอกอารมณ์ผู้พูดตอนนี้ได้เป็นอย่างดีว่าคงจะหงุดหงิดเกินเยียวยาแล้ว
“อย่ารับคนไร้ความสามารถเข้ามาทำงานเพียงเพราะนายต้องการจะมาป่วนประสาทชั้น!!”
“ทำไมชั้นต้องป่วนประสาทนายด้วยล่ะ อัสรัน เรามันเพื่อนกับไม่ใช่เรอะ?”
“อิซาค ” อัสรันขบกรามแน่นอย่างฉุนเฉียว...ไม่บอกก็รู้ ไอ้หมอนี่มันกำลังป่วนประสาทเขาเห็นๆ!!!
“น่าๆ ใจเย็นๆ น่า....หือ? โอ้ ข่าวดีแฮะ อัสรัน!” อิซาคพูดพลางกระตุกรอยยิ้มเหยียด “ดูท่าทางนิโคลจะถูกใจเธอมาก ให้เธอผ่านแล้วล่ะ คะแนนดีเสียด้วย เอาไว้นายรอดูเลขาฯ สาวคนสวยวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...โอ๊ะ ลืมไปอย่าง...อย่าทำเธอชีช้ำกลับมาล่ะ” ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะหึๆ อย่างอารมณ์ดี
“บ้าชิบ!” อัสรันสบถอย่างหัวเสีย
“ก็ขอให้นายโชคดีแล้วกัน...เฮ้ย! อะไรเนี่ย นิโคล!!” เสียงโทรศัพท์พลันขาดห้วงไปช่วงหนึ่ง ก่อนเสียงใสๆ ของเด็กหนุ่มผมสีเขียวจะดังขึ้นปนเปกับเสียงโวยวายของอิซาคที่ดังอยู่ด้านหลัง
“เฮ้ อัสรัน!” นิโคลเอ่ยทักด้วยเสียงสดใส ไม่บอกก็รู้ หมอนี่แย่งโทรศัพท์ผู้บัญชาการหัวหงอกนั่นมาแหงๆ
“ชั้นหวังว่านายคงไม่โมโหเรื่องที่ชั้นยอมให้คางาริผ่านนะ..เอ่อ นั่นชื่อเธอแนะ คางาริ ยูระ หง่า...เอาเป็นว่า! ชั้นมองว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่จะรับผิดชอบหน้าที่นี้นะ...อ่า อยากจะเตือนนายนิดนึง  จริงๆ แล้วเธอเป็นคนฉลาดนะ แต่ดูท่าจะอารมณ์ผันผวนเร็วไปสักนิด แต่ชั้นว่าอย่างนายน่าจะรับมือเธอไว้ล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนิโคล ชั้นไม่ถือสาหรอก ก็แค่...ของเล่นฆ่าเวลาเองนี่นา จริงไหม?” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ นัยน์ตาสีมรกตวาววับขณะกระตุกรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นบนมุมปาก
นิโคลนิ่งเงียบไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทางที่ดีนายอย่าเล่นกับเธอจะดีกว่านะ...ชั้นว่าเธอเป็นคนแข็งๆ รักศักดิ์ศรีพอตัวล่ะ”
“ยังไงซะเธอก็เป็นเนเชอรอล เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องอ่อนแอ” คำสรุปที่ทำให้คนปลายสายต้องถอนหายใจเฮือก ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“ชั้นไม่รู้หรอกนะว่านายเกลียดพวกเนเชอรัลมากแค่ไหน อัสรัน...แต่ชั้นก็อยากเตือนไว้ว่าคางาริ...ไม่เหมือนคนอื่น...”
คำเตือนที่ทำให้ประธานสภาหนุ่มต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน อัสรันมองดูโทรศัพท์ในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ
    หมอนี่ไปเข้าข้างพวกเนเชอรัลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...?
“ทำไมนายต้องดีกับเจ้าพวกเนเชอรัลนั่นนัก”
“เธอชื่อคางาริ อัสรัน...ชั้นไม่ได้เข้าข้างเธอ แต่ชั้นแค่สังหรณ์ใจว่าเธอเป็นอะไรมากกว่าที่เราเห็น....ชั้นรู้สึกถึงบางอย่างในตัวเธอน่ะ....”
“แล้วนายจะเปิดสำนักหมอดูนี่เมื่อไหร่กันล่ะ?” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงยียวน
“ปัทโธ่อัสรัน! ชั้นจริงจังนะ! ยังไงซะ เอาเป็นว่านายก็ต้องทำงานกับเธอคนนี้ อย่างน้อยหนึ่งปี เข้าใจชั้นใช่ไหม?”
“ใช่ๆ ต้องทนมองความอ่อนแอปวกเปียกของพวกเนเชอรัลตั้งปี มันไม่สนุกเลยนะ ว่าไหม?”
นิโคลได้แต่ถอนหายใจเฮือกรับคำยืนกรานของเพื่อนรักผ่านทางโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกหมดหวัง
    คงเป็นไปได้ยากที่จะทำให้อัสรันยอมรับและปฏิบัติตนกับเนเชอรัลได้โดยไร้การดูถูกเหยียดหยาม....
    เพราะเขามีความทรงจำอันเลวร้ายที่ฝังรากลึกเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลง...
“นายก็ทนๆ ไปจนกว่าจะหมดสัญญาก็แล้วกัน ชั้นจะวางหูแล้วนะ อิซาคเองก็เพิ่งปึงปังออกจากห้องไปเมื่อกี้นี้เหมือนกัน แล้วต้องเตรียมเอกสารกับยานอวกาศให้ไปรับเธอต่อด้วย”
“อืม งั้นแค่นี้นะ”
“โชคดีอัสรัน”
-ขวับ-
หลังจากที่วางหูโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างช้าๆ ร่างสูงก้าวเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่ริมห้อง ก่อนเอื้อมมือไปสัมผัสผ้าม่านสักหลาดสีควันบุหรี่ให้เปิดออกเผยให้เห็นสวนพันธุ์ไม้งามหลากสีสันด้านหลังคฤหาสน์ตระกูลซาล่า
รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนดวงหน้าคมคาย ก่อนเอ่ยคำพูดเย็นเยียบขึ้นแผ่วเบา
“คางาริ ยูระงั้นเหรอ...หึๆ แล้วชั้นจะแสดงให้เธอดูว่าพวกเนเชอรัลน่ะ อ่อนแอขนาดไหน....”
-----------------------<จบตอนที่ 1>-----------------------
อธิบายศัพท์เล็กน้อยค่ะ เรื่องนี้เป็น Fanfiction ของเรื่อง Gundam Seed นะคะ เพราะฉะนั้นศัพท์บางคำก็เป็นศัพท์เฉพาะเรื่องค่ะ คุมิขออธิบายไว้ตรงนี้นะคะ
--เผ่าพันธุ์--
Natural / เนเชอรัล - เผ่าพันธุ์มนุษย์ธรรมดา อาศัยอยู่ในโลก
Coodinator / โคออดิเนเตอร์ - เผ่าพันธุ์ที่พัฒนามาจากเนเชอรัล เป็นมนุษย์ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม ได้รับการต่อต้านจากชาวเนเชอรัลอย่างมาก เนื่องจากประชาชนชาวโคออดิเนเคอร์จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเนเชอรัลในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การพัฒนาทางสมอง และความสามารถพิเศษ ปัจจุบันชาวโคออดิเนเตอร์จึงได้อพยพย้ายจากโลกไปสู่ PLANT โคโลนี่ในอวกาศเพื่อตัดขาดจากพวกเนเชอรัล
--ฝ่าย--
กองทัพโลก / O.M.N.I - กองกำลังหลักของโลก มักจะทำสงครามต่อต้านกับพวกโคออดิเนเตอร์เป็นประจำ
ซาร์ฟ / ZAFT - กองกำลังสูงสุดของ PLANT นำโดยประธานซาล่า มักจะกระทบกระทั่งกับกองทัพโลกอยู่บ่อยครั้ง โดยครั้งที่รุนแรงที่สุดคือผลสืบเนื่องจาก สงครามวาเลนไทน์เลือด (Bloody Vanlentine)
ORB - รัฐอิสระรัฐหนึ่งบนโลก ตั้งตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เป็นสถานที่ๆ โคออดิเนเตอร์และเนเชอรัลอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ปัจจุบันถูกปกครองโดยอุซุมิ เซระ อัสฮา
ป.ล. งานนี้ไม่ใช่งานประพันธ์ของคุมินะคะ คุมิแปลมาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษค่ะ ถือซะว่าช่วยติ-ชมงานแปลของคุมิแล้วกันนะคะ กำลังฝึกฝีมือด้านนี้อยู่ค่ะ รบกวนผู้อ่านทุกคนเม้นต์กันเยอะๆ นะคะ > w
เสียงทุ้มต่ำหากทรงอำนาจดังมาจากห้องทำงานใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยใบประกาศนียบัตรและเหรียญทองเชิดชูเกียรติจนเต็มชั้นวางของสีน้ำตาลหม่นๆ แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันล้ำเลิศของบุคคลผู้เป็นเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี เบื้องหลังโต๊ะไม้โอ๊กราคาแพงนั้น อัสรัน ซาล่า ชายหนุ่มร่างสูงวัย 20 ปี ใช้สายตาจับจ้องร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าขอความเมตตาทั้งที่เนื้อตัวสั่นเทิ้มอยู่เบื้องหน้า
“ท่านประธานซาล่า ได้โปรดให้โอกาสดิฉันอีกสักครั้งเถอะนะคะ!” เธออ้อนวอน นัยน์ตาคู่สวยบัดนี้เปี่ยมล้นด้วยน้ำใสๆ ไหลรินปริ่มขอบตา
“ชั้นไม่ชอบวิธีการเขียนรายงานของเธอ และนั่นคือเหตุผลที่ชั้นไล่เธอออก” เขาพูดเสียงเรียบ
สิ้นคำกล่าวหญิงสาวก็ก้มตัวลงต่ำกว่าเดิมจนศีรษะแทบจะแตะชิดกับพื้น “ได้โปรดเถอะค่ะ ท่านประธานซาล่า! ให้โอกาสชั้นอีกสักครั้งเถอะนะคะ!”
“เธอไม่พอใจการตัดสินใจของชั้นอย่างนั้นเหรอ?” อัสรันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท หากแต่แฝงด้วยอันตรายอย่างยิ่ง
“ดิฉันมิบังอาจ!! แต่ดิฉันขอ...”
“โอกาส? นี่สาวน้อย...จะให้ชั้นยอมรับคนที่ไร้ความสามารถอย่างเธอมาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของชั้นมันก็ไม่ไหวหรอกนะ ทั้งที่เป็นโคออดิเนเตอร์แท้ๆ แต่ก็ยัง...โง่เง่า”
น้ำตาอุ่นๆ ไหลรินออกจากขอบตาทันทีที่สิ้นคำปรามาสของผู้มีอำนาจเหนือกว่า
    นี่เธอทำได้แค่ยอมรับมัน...เท่านั้นหรือ?
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าถึงดื้อดึงไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น...แต่เธอก็ยัง...
“ได้โปรดเถอะนะคะท่าน ดิฉัน...”
อัสรันถอนหายใจเบาๆ ขณะที่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้บุนวมสีดำสนิทก่อนออกคำสั่งสั้น “ไปได้แล้ว”
“ได้โปรดเถอะค่ะท่านประธาน! ดิฉันต้องการงานนี้จริงๆ นะคะ!!”
“จะออกไปดีๆ หรือจะให้ชั้นต้องใช้กำลัง?” แม้คำกล่าวจะฟังดูเย็นเยียบแต่อารมณ์ของผู้พูดในขณะนั้นกลับร้อนระอุเสียยิ่งกว่าอุณหภูมิบนดาวอังคารเสียอีก!
“แต่ท่านคะ...”
อัสรันหมุนเก้าอี้หันไปเหม่อมองทิวทัศน์ด้านนอกผ่านหน้าตาสไตล์ฝรั่งเศสบานใหญ่ ทำให้หญิงสาวเห็นแต่เพียงแผ่นหลังของบุรุษผู้ทรงอำนาจเท่านั้น
“ออกไป ก่อนที่ชั้นจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”
“ท่านคะ!”
ชายหนุ่มเอื้อมมือกร้านไปกดปุ่มสีแดงเล็กๆ บนเก้าอี้หนังมันขลับนั้น ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะออกคำสั่งเสียงเครียด
“ช่วยพาคุณผู้หญิงคนนี้ให้ไปไกลๆ สายตาชั้นหน่อย”
“ท่านคะ ได้โปรด! โปรดเมตตาด้วย!!”
ในเวลาไม่ถึงนาที ชายฉกรรจ์ 2 คนในเครื่องแบบทหาร ZAFT เรียบกริบถูกก็เดินเข้ามาพร้อมกับกระบอกปืนสีดำสนิทในมือ ทั้งคู่ยกมือทำความเคารพท่านประธานสภาสูงชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะลากตัวหญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นออกไปจากห้องสีเทาหม่นชวนอึดอัดหายไป
“ท่านประธาน ได้โปรด เมตตาดิฉันด้วยย~~” เสียงอ้อนวอนขอร้องค่อยๆ ดังแผ่วลงๆ จนในที่สุดก็เงียบหายไป ชายหนุ่มยังคงค้างอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม ปล่อยสายตาให้เหม่อมองชมทัศนียภาพใจกลางเมืองอย่างเงียบๆ ก่อนจะขยับมือไปกดปุ่มอินเตอร์โฟนบนเก้าอี้อีกครั้ง
“ช่วยต่อสายท่านแพทริก ซาล่าให้หน่อย” ภายในเวลาไม่นานหลังจากที่โอเปอร์เรเตอร์เอ่ยให้รอสาย เสียงแหบห้าวของชายหนุ่มวัยกลางคนก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“มีอะไรอีกล่ะ อัสรัน?”
“ผมต้องการเลขาฯคนใหม่ครับ ท่านพ่อ” อัสรันตอบหน้าตาเฉย
แพทริกถอยหายใจเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “อัสรัน...นี่เพิ่งจะปีเดียวเท่านั้นเองนะ ที่แกมาทำงานแทนชั้นในตำแหน่งประธานวุฒิสภา และตอนนี้แกก็ใช้เลขาฯ รวมทั้งหมด 5 คนแล้วนะ ! แค่นี้ยังไม่พอใช้อีกรึยังไง!?”
“ก็พวกเธอทำให้ผมหัวเสีย คนแรกก็ทำกาแฟหกลงบนกองเอกสารที่ผมต้องเซ็น คนที่สองก็โยนเจ้าฮาโล่ลงไปในสระน้ำเพราะรำคาญเสียงของมัน ทำให้ลักซ์เสียใจมาก ผมก็เลยต้องหาเวลาว่างมานั่งซ่อมเจ้าของเล่นนั่นกว่าค่อนวัน ส่วนคนที่สามดันหนีงานออกไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มเนเชอรัล...จริงอยู่ที่ผมมีอคติ แต่หนีงานไปยังไงมันก็รับไม่ไหวหรอกนะครับ...สำหรับคนที่สี่ขอลาออกเองเพราะว่าทนผมขึ้นเสียงไม่ไหว พวกเธออ่อนแอเกินไป และคนสุดท้ายที่เพิ่งไล่ออกไปเมื่อครู่...ทำงานชุ่ยมาก รายงานมีแต่ข้อผิดพลาดเต็มไปหมด” อัสรันอธิบายการทำงานของเลขาฯสาวแต่ละคนเสียยาวยืด
“แค่ตักเตือนก็พอ...ไม่เห็นต้องถึงขนาดไล่ออกเลยนี่”
“ท่านพ่อ...ผมก็เหมือนกับท่านพ่อนะครับ ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น และผมต้องการผลสรุปที่สมบูรณ์แบบ ทุกอย่างต้องไร้ข้อผิดพลาด และท่านพ่อคิดว่าเลขาฯ พวกนี้สมควรได้รับโอกาสงั้นเหรอครับ?”
เงียบ...ไร้ซึ่งเสียงสอดแทรก อัสรันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงๆ ก่อนเรียกบุรุษสูงวัยซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นปลายสายเงียบไปนาน
“ ..ท่านพ่อ?”
“ชั้นจะไปหาเลขาฯ คนใหม่มาให้ก็ได้ แต่แกต้องสัญญาว่าเธอจะต้องอยู่กับแกอย่างน้อย 1 ปี เข้าใจไหม?”
คำกล่าวที่เขาจะตอบรับอะไรอย่างอื่นได้นอกจากคำว่าตกลง....
“ก็เหมือนจะเป็นทางเลือกเดียวที่ผมมีตอนนี้นี่ครับ...เอาเถอะ ยังไงผมก็ขอให้เธอรับผิดชอบสมกับตำแหน่งหน่อยก็แล้วกัน”
“ก็ดี...แต่มันมีปัญหาอยู่อย่าง...” เสียงแหบห้าวของบุรุษสูงวัยกว่าเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียดมาตามสาย คำกล่าวเน้นขึ้นลงหนักแน่นในท่วงทุกประโยค ชายหนุ่มมิได้เอ่ยขัดอะไร เขากลับนิ่งเงียบเว้นให้ผู้เป็นบิดากล่าวต่อไปแม้ในใจจะรู้สึกสงสัยกับคำเริ่มประโยคนั้นไม่น้อยก็ตาม
“เพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างเนเชอรัลกับโคออดิเนเตอร์ ทางสหพันธ์โลกได้เสนอทางฝ่ายเรามาว่าควรจะให้
เนเชอรัลเข้ามาทำงานใน Plant บ้าง ส่วนเราเองก็คงต้องส่งคนไปที่นั่นด้วยเหมือนกัน...”
อัสรันมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างรู้สึกขัดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น ก่อนสมองจะเริ่มทำการตีความหมายนัยๆ ที่แฝงอยู่ออกมา
    พวกเนเชอรัลนี่มักใหญ่ใฝ่สูงซะจริงนะ....
“ผมเชื่อว่าทางสหพันธ์โลกเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อหวังกอบโกยผลประโยชน์ทางด้านเทคโนโลยีจากฝ่ายเราต่างหากล่ะครับ”
“พวกเราก็รู้ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะยังไงซะ ลักซ์ ไคลน์ก็เป็นแกนนำในการสนับสนุนแนวความคิดนี้ด้วย แกก็รู้จักเธอดีนี่ ว่าตัวเธอมีอิทธิพลต่อประชาชนของเราแค่ไหน...”
อัสรันขยับรอยยิ้มบาง นัยน์ตาสีเขียวมรกตพลันอ่อนแสงลงเล็กน้อยเมื่อชื่อของ ‘ลักซ์ ไคลน์’ ถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างอิงถึง หญิงสาวงดงามสมบูรณ์แบบที่มีศักดิ์เป็นถึงคู่หมั้นของเขาเสียตั้งแต่ก่อนเขาจะลืมตาดูโลกเสียอีกกระมัง...เขารักเธอมาก...มากเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ เพราะฉะนั้นการโกรธหรือเกลียดในสิ่งที่ผู้หญิงที่เขาเทิดทูนกระทำนั้นเป็นเสียยิ่งกว่าตราบาปหนาในชีวิตเขาเสียอีก...
“ในบางเรื่องลักซ์ก็......บางที แม้แต่ผมก็เถอะ.....ไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ.....” ชายหนุ่มเอ่ยตอบพึมพำเสียงแผ่ว ปลายสายที่นิ่งเงียบไปนานอีกครั้ง ก่อนออกคำสั่งเคร่งเครียดทิ้งท้าย
“อัสรัน......แกเข้าใจใช่ไหม ถ้าหากทำตามเงื่อนไขในข้อตกลงนี่ คนที่จะมาเป็นเลขาฯ ของแก.....จะต้องเป็น ‘เนเชอรัล .’ ”
+  +  +  +  +  +  +
นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจับจ้องอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยมของเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวบางบนตักของตัวเองนิ่งนานจนแทบจะลืมกะพริบตา ความเคร่งเครียดเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่ ‘คางาริ ยูระ อัสฮา’ สาวน้อยหน้าหวานวัย 19 ปีกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานในมือซ้ำไปซ้ำมาเป็นรอบที่ร้อย คิ้วบางได้รูปเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างคนใช้ความคิด
“คางาริ ทำอะไรอยู่น่ะ?”
เสียงแหบห้าวที่เอ่ยถามขึ้นมาเรียกความสนใจให้เธอเหลือบสายตาขึ้นไปสบกับ ‘เอ็ดนีล คิซากะ’ ชายหนุ่มร่างยักษ์ตำแหน่งการ์ดส่วนบุคคลของเธอกำลังจ้องเขม็งมาที่เธอด้วยสายตาคาดคั้นรอฟังคำตอบอย่างสงบ
หญิงสาวหลุบสายตาลงต่ำกลับไปให้ความสนใจกับเครื่อง labtop ตรงหน้าเหมือนเดิม ก่อนริมฝีปากบางจะแย้มตอบขมุบขมิบ “พอดีชั้นได้ยินข่าวมาว่า ZAFT จะทำการบุกประชิด ORB...โชคดีที่ตอนนี้ PLANT กำลังมีปัญหาไฟฟ้าขัดข้องอยู่พอดี ระบบรักษาความปลอดภัยก็เลยไม่ทำงาน ชั้นเลยกะว่าจะเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลดูสักหน่อย...ใช้เวลาไม่นานหรอก เดี๋ยวชั้นจะดาวโหลดไฟล์มาเก็บไว้ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว”
คิซากะหยิบเอกสารตรงหน้ามาอ่านผ่านตาชั่วระยะหนึ่ง ก่อนทอดสายตากลับไปมองสาวน้อยร่างเล็กอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ผมรู้ว่าท่านกังวลใจ แต่เรายังกลับไปที่ ORB ไม่ได้เช่นเดียวกับการที่เราจะเปิดเผยตัวท่านให้ใครรู้ไม่ได้เหมือนกัน......เจ้าหญิง.... ผมเคยบอกแล้วว่าท่านได้รับการฝากฝังตัวไว้กับครอบครัวผม และพวกเราเองก็หวังให้ท่านเติบโตเป็นเจ้าหญิงที่เข้มแข็งและสง่างาม....เพราะฉะนั้นผมถึงยอมเสียช่วงเวลาที่ผ่านมาไปไม่ได้เด็ดขาด!
ผมไม่ยอมเอาตัวท่านไปเสี่ยงเพราะข่าวลืมบ้าๆ ว่า PLANT จะบุกโจมตี Orb หรอกนะ!!”
ปัง!!
เสียงฝ่ามือกระแทกโต๊ะทำให้ชายหนุ่มชะงักในทันที ความเงียบเริ่มเกิดขึ้นในชั่วอึดใจ อารมณ์คุกรุ่นของสตรีร่างเล็กที่เพียรเก็บไว้เป็นเวลานานปะทุขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกบีบคั้นในจิตใจที่เริ่มปริแตกออกอย่างช้าๆ
“นายก็พูดแบบนี้ทุกทีแหละ!! นายมักจะเทศน์ให้ชั้นฟังอยู่เรื่อยเลยว่าชั้นควรจะหลีกเลี่ยงนี่ ควรจะออกห่างนั่น เพราะว่าชั้นเป็น ‘เจ้าหญิง’!!” คางาริตวาดเสียงลั่น ร่างบางเริ่มสั่นระริกไปมาเบาๆ พร้อมๆ กับหยาดน้ำใสๆ ที่เริ่มไหลคลอเต็มสองข้างแก้ม
“ให้ตายสิ! ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชั้นรู้แค่ว่าท่านพ่อของชั้นเป็นผู้นำของประเทศ ORB! ชั้นรู้แค่ว่าบ้านเกิดของชั้นเป็นชาติเดียวที่วางตัวเป็นกลางท่ามกลางสงคราม!! นอกจากนั้น.......นอกจากนั้นแล้วชั้นไม่รู้อะไรเลย!! แล้วนายจะให้ชั้นทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าหญิงนั้นยังไงในเมื่อชั้นมีความรู้ในหัวอยู่เพียงแค่นี้น่ะ!!!” สิ้นคำกล่าวคางาริก็ทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้อย่างแรง พยายามกลั้นเสียงสะอื้นเสียจนตัวโยน
ภาพที่บอดี้การ์ดหนุ่มทำได้แค่ถอนหายใจ มือใหญ่ถูกเอื้อมไปลูบหัวสีทองๆ ของเด็กสาวที่เขารักยิ่งกว่าลูกในไส้เบาๆ
“อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ แบบนี้สิ...คางาริ”
หญิงสาวสะบัดหัวออกอย่างแรง ในใจรู้สึกทั้งเสียใจ น้อยใจ หงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินคำกล่าวนั้น แม้จะรู้ว่าเขาต้องการปลอบเธอก็ตามที
“เด็ก!!?? นายบอกว่าชั้นทำตัวเป็นเด็กอย่างนั้นเหรอ!? นายเรียกคนที่ต้องการจะช่วยเหลือประเทศชาติของตัวเอง และจะต้องขึ้นปกครองประเทศในอนาคตข้างหน้านี่ว่า ‘เด็ก’ อย่างนั้นเหรอ!! ชั้นแค่ต้องการจะช่วย ORB เท่านั้น! เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมนายถึงไม่เข้าใจเสียทีฮะ คิซากะ!!”
คิซากะเฝ้ามองดูการตีโพยตีพายของเด็กสาวตรงหน้าด้วยอาการนิ่งเฉย ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยคำถามราบเรียบ
“งั้นบอกผมสิ คางาริ ท่านจะทำอะไรได้?”
หญิงสาวชะงักในทันที นัยน์ตาสีอำพันเบิกกว้าง น่าแปลกเหมือนกันที่ความอวดดีที่ตนมีเมื่อครู่ดูจะไม่ช่วยให้เธอตอบคำถามข้างต้นได้เลยแม้สักนิด
“อ่า...ชั้น....ชั้น .”
“เห็นไหม? ยังไงซะ...ตอนนี้ท่านก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นผมขอแนะนำให้ตอนนี้ท่านรอดูอยู่เฉยๆ อย่างน้อยก็ 2 เดือน...เพราะเมื่อถึงวันนั้น ท่านจะอายุครบ 20 ปี และมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการสืบทอดประเทศ ORB”
“แต่เราก็ไม่รู้ว่า ZAFT จะโจมตีเมื่อไหร่นี่!? เราต้องเคลื่อนไหวได้แล้วนะ!”
“เราทำไม่ได้...! และผมจะไม่ยอมเอาตัวท่านไม่เสี่ยงกับปัญหาในครั้งนี้เด็ดขาด!”
“แต่ว่า...” คางาริทำท่าจะจะค้าน แต่กลับมีเสียงแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“คิซากะ! คางาริ! มาดูนี่เร็วเข้า” ‘เอริก้า ซิมมอน’ โวยวายเสียงดังขณะก้าวพรวดเข้ามาในห้อง พร้อมกับหนังสือพิมพ์ในมือ
โดยไม่รีรอ คิซากะคว้าหนังสือพิมพ์ในมือมาอ่านตรงบริเวณที่วงกลมสีแดงไว้แทบจะทันที
รับสมัครด่วน! เลขานุการ
คุณสมบัติ : อายุ 18 ปีขึ้นไป มีบุคลิกภาพและมนุษยสัมพันธ์ดี ที่สำคัญเป็นเนเชอรัล
ติดต่อ : 0920-555 , ZAFT OFFICE
นัยน์ตาสีอำพันเบิกกว้างทันทีที่อ่านโฆษนาตรงหน้าจบ
“สำนักงาน ZAFT! เนเชอรัล! นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”
เอริก้ามองหน้าคนทั้งคู่สลับไปมา ก่อนเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ชั้นเองได้ยินมาเหมือนกันว่าทางสหพันธ์โลกมีโครงการที่จะแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างเนเชอรัลกับโคออดิเนเตอร์ แต่เท่าที่รู้มันก็ยังไม่ได้ถูกประกาศออกมาชัดเจนหรอกนะ”
คำอธิบายที่ทำให้ชายหนุ่มคนเดียวในห้องต้องมุ่นคิ้วเข้าหากัน “ถ้ามันยังไม่ได้ประกาศออกมาเป็นทางการ แล้วจะมาลงโฆษนาอย่างนี้ทำไม? ZAFT วางแผนอะไรอยู่รึเปล่านะ....”
“ชั้นจะลงสมัคร!” เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นทำเอาคนที่เหลือสองคนถึงกับสะดุ้งโหยง
“ไม่ได้นะ คางาริ! ผมยอมไม่ได้หรอก!” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยค้านแทบจะทันที “ท่านเองก็จะกลับไปที่ ORB เร็วๆ นี้อยู่แล้ว มันจะไม่เป็นการดีแน่ถ้าให้ใครๆ เห็นหน้าท่านตอนนี้”
คางาริเบือนหน้ากลับมาสบตาชายหนุ่ม นัยน์ตาสีน้ำผึ้งฉายประกายจริงจัง
“ถ้าชั้นลงสมัครงานนี้ละก็...บางทีชั้นอาจจะสามารถสืบข้อมูลได้ก็ได้ว่าพวกนั้นวางแผนทำอะไรอยู่ มันเป็นเรื่องเดียวที่ชั้นสามารถทำเพื่อ ORB ได้ในตอนนี้!”
“ไม่นะ...คางาริ...”
“ถึงนายจะห้าม ชั้นก็จะไป นายก็รู้นิสัยชั้นดีนี่ คิซากะ...” คางาริโต้กลับทันที คราวนี้กลับเป็นเขาเสียเองที่นิ่งอึ้งพูดไม่ออก
“ชั้นว่าเธอเอาจริงนะคิซากะ...ยังไงซะเธอก็เป็นเจ้าหญิงหัวดื้อไม่ฟังใครอยู่แล้วนี่” เอริก้าออกความเห็นพลางผ่อนลมหายใจเบาๆ แทนคำจำนน
“แต่ว่า....”
“ถ้านายไม่สบายใจ จะมาด้วยกันก็ได้นะ” คางาริรีบเสริมทันควัน เมื่อชายหนุ่มเห็นรอยยิ้มกว้างบวกกับดวงหน้าใสซื่อของเด็กสาวตรงหน้าแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ก็ดูเหมือน...มันจะเป็นทางเลือกเดียวที่ผมมีอยู่ตอนนี้สินะ....”
+  +  +  +  +  +  +
นัยน์ตาสีเขียวมรกตพลันเบิกโพลงเพราะเสียงรบกวนแหลมสูงของโทรศัพท์เครื่องเล็ก ในใจเขานึกอยากจะฆ่าเจ้าคนเฮงซวยไร้มารยาทที่กล้ามาปลุกเวลาพักผ่อนที่มีอยู่น้อยนิดของเขาใจจะขาด ชายหนุ่มเอื้อมมือกร้านไปคว้ามือถือเครื่องบางบนโต๊ะไม้เล็กๆ หัวเตียง ก่อนจะตะคอกกลับไปอย่างหงุดหงิด
“มีอะไร?”
“อรุณสวัสดิ์ประธานซาล่า?” เสียงทุ้มต่ำกวนๆ ของชายหนุ่มปลายสายเอ่ยขึ้น “ขอโทษทีที่โทรมารบกวนเวลาพักผ่อนนะ”
อัสรันกลอกตาไปมาอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนโทรมา
“ก็สมควรอยู่หรอกอิซาค ไม่งั้นนายก็เตรียมโลงขนาดเท่าตัวนายไว้ได้เลย!”
“ถ้างั้นผู้บัญชาการจูลก็ขอเชิญท่านประธานสภามาในพิธีรดน้ำศพด้วยก็แล้วกัน” อิซาคโต้กลับด้วยคำพูดกลั้วหัวเราะ พร้อมกับความภาคภูมิใจเต็มเสียงแฝงอยู่ในน้ำเสียงยียวนที่ตั้งใจใช้ป่วนประสาทเขา
คำเชื้อเชิญที่ประธานสภาสูงแห่ง ZAFT ผู้ทรงเกียรติทำได้แค่กลอกตาระงับความหงุดหงิดอีกรอบหนึ่งก็เท่านั้น
“ชั้นอยากจะทราบว่านายมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรมิทราบ ถึงต้องโทรศัพท์มาหาชั้นตอนนี้ ผู้บัญชาการจูล” อัสรันพูดแดกดันตอบกลับไป
“ชั้นก็แค่จะมาเตือนนายเรื่องการเลขาฯ ของนายก็เท่านั้นแหละ”
“ว่ามา”
“ชั้นว่าการรับเนเชอรัลมาทำงานนี่มันงี่เง่าสิ้นดีเลย แค่ชั้นส่งสายตาขู่มันหน่อยเดียวก็อ่อนปวกเปียกแล้ว ขนาดกับชั้นมันยังกลัวแทบบ้าขนาดนี้ แล้วอยู่กับนายทุกวัน มีได้หวังอายุสั้นแน่” คำกล่าวของเพื่อนร่วมรุ่นทำให้ชายหนุ่มปลายสายต้องขยับยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นชั้นคงต้องยกเลิกคำสั่งนี้เสียแล้วละมั๊ง”
“ก็ว่างั้นแหละ....หือ? เมื่อกี๊นายว่าอะไรนะ นิโคล...รอแป๊ปนึงนะ .” เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นดังกึกๆ กลบเสียสนทนาไปช่วงหนึ่ง คาดว่าอิชาคคงจะไปคุยกับนิโคลเพื่อนชายผมสีเขียวในหน่วยเดียวกับอยู่เป็นแน่ อัสรันผ่อนลมหายใจมาเบาๆ ก่อนจะเอนตัวลงบนที่นอนรอสายต่ออย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้บัญชาการหนุ่มก็กลับมาก่อนกล่าวกลั้วหัวเราะ “แหม น่าปลาบปลื้มใจเสียไม่มีล่ะครับ ท่านประธานซาล่า กระผมอยากจะเรียนให้ทราบว่า เลขาฯ คนใหม่ของท่านมาแล้ว และนิโคลกำลังสัมภาษณ์เธออยู่”
คำกล่าวกลั้วหัวเราะที่ทำเอาเส้นสมองคนฟังตึงเปรี๊ยะ ชักคันเบื้องล่างอยากจะประเคนเท้าให้คนที่อยู่ปลายสายขึ้นมาตงิดๆ อัสรันขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนเอ่ยคำสั่งเสียงเฉียบขาด
“อย่า-ปล่อย-ให้-เธอ-ผ่าน-เด็ด-ขาด!”
“นั่นนายต้องไปบอกนิโคลเอง ไม่ใช่ชั้น” ชายหนุ่มปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงขบขัน
“อิซาค ” เสียงเย็นเยียบชวนเสียวสันหลังวาบถูกงัดมาใช้อีกครั้ง บ่งบอกอารมณ์ผู้พูดตอนนี้ได้เป็นอย่างดีว่าคงจะหงุดหงิดเกินเยียวยาแล้ว
“อย่ารับคนไร้ความสามารถเข้ามาทำงานเพียงเพราะนายต้องการจะมาป่วนประสาทชั้น!!”
“ทำไมชั้นต้องป่วนประสาทนายด้วยล่ะ อัสรัน เรามันเพื่อนกับไม่ใช่เรอะ?”
“อิซาค ” อัสรันขบกรามแน่นอย่างฉุนเฉียว...ไม่บอกก็รู้ ไอ้หมอนี่มันกำลังป่วนประสาทเขาเห็นๆ!!!
“น่าๆ ใจเย็นๆ น่า....หือ? โอ้ ข่าวดีแฮะ อัสรัน!” อิซาคพูดพลางกระตุกรอยยิ้มเหยียด “ดูท่าทางนิโคลจะถูกใจเธอมาก ให้เธอผ่านแล้วล่ะ คะแนนดีเสียด้วย เอาไว้นายรอดูเลขาฯ สาวคนสวยวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...โอ๊ะ ลืมไปอย่าง...อย่าทำเธอชีช้ำกลับมาล่ะ” ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะหึๆ อย่างอารมณ์ดี
“บ้าชิบ!” อัสรันสบถอย่างหัวเสีย
“ก็ขอให้นายโชคดีแล้วกัน...เฮ้ย! อะไรเนี่ย นิโคล!!” เสียงโทรศัพท์พลันขาดห้วงไปช่วงหนึ่ง ก่อนเสียงใสๆ ของเด็กหนุ่มผมสีเขียวจะดังขึ้นปนเปกับเสียงโวยวายของอิซาคที่ดังอยู่ด้านหลัง
“เฮ้ อัสรัน!” นิโคลเอ่ยทักด้วยเสียงสดใส ไม่บอกก็รู้ หมอนี่แย่งโทรศัพท์ผู้บัญชาการหัวหงอกนั่นมาแหงๆ
“ชั้นหวังว่านายคงไม่โมโหเรื่องที่ชั้นยอมให้คางาริผ่านนะ..เอ่อ นั่นชื่อเธอแนะ คางาริ ยูระ หง่า...เอาเป็นว่า! ชั้นมองว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่จะรับผิดชอบหน้าที่นี้นะ...อ่า อยากจะเตือนนายนิดนึง  จริงๆ แล้วเธอเป็นคนฉลาดนะ แต่ดูท่าจะอารมณ์ผันผวนเร็วไปสักนิด แต่ชั้นว่าอย่างนายน่าจะรับมือเธอไว้ล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนิโคล ชั้นไม่ถือสาหรอก ก็แค่...ของเล่นฆ่าเวลาเองนี่นา จริงไหม?” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ นัยน์ตาสีมรกตวาววับขณะกระตุกรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นบนมุมปาก
นิโคลนิ่งเงียบไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทางที่ดีนายอย่าเล่นกับเธอจะดีกว่านะ...ชั้นว่าเธอเป็นคนแข็งๆ รักศักดิ์ศรีพอตัวล่ะ”
“ยังไงซะเธอก็เป็นเนเชอรอล เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องอ่อนแอ” คำสรุปที่ทำให้คนปลายสายต้องถอนหายใจเฮือก ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“ชั้นไม่รู้หรอกนะว่านายเกลียดพวกเนเชอรัลมากแค่ไหน อัสรัน...แต่ชั้นก็อยากเตือนไว้ว่าคางาริ...ไม่เหมือนคนอื่น...”
คำเตือนที่ทำให้ประธานสภาหนุ่มต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน อัสรันมองดูโทรศัพท์ในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ
    หมอนี่ไปเข้าข้างพวกเนเชอรัลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...?
“ทำไมนายต้องดีกับเจ้าพวกเนเชอรัลนั่นนัก”
“เธอชื่อคางาริ อัสรัน...ชั้นไม่ได้เข้าข้างเธอ แต่ชั้นแค่สังหรณ์ใจว่าเธอเป็นอะไรมากกว่าที่เราเห็น....ชั้นรู้สึกถึงบางอย่างในตัวเธอน่ะ....”
“แล้วนายจะเปิดสำนักหมอดูนี่เมื่อไหร่กันล่ะ?” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงยียวน
“ปัทโธ่อัสรัน! ชั้นจริงจังนะ! ยังไงซะ เอาเป็นว่านายก็ต้องทำงานกับเธอคนนี้ อย่างน้อยหนึ่งปี เข้าใจชั้นใช่ไหม?”
“ใช่ๆ ต้องทนมองความอ่อนแอปวกเปียกของพวกเนเชอรัลตั้งปี มันไม่สนุกเลยนะ ว่าไหม?”
นิโคลได้แต่ถอนหายใจเฮือกรับคำยืนกรานของเพื่อนรักผ่านทางโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกหมดหวัง
    คงเป็นไปได้ยากที่จะทำให้อัสรันยอมรับและปฏิบัติตนกับเนเชอรัลได้โดยไร้การดูถูกเหยียดหยาม....
    เพราะเขามีความทรงจำอันเลวร้ายที่ฝังรากลึกเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลง...
“นายก็ทนๆ ไปจนกว่าจะหมดสัญญาก็แล้วกัน ชั้นจะวางหูแล้วนะ อิซาคเองก็เพิ่งปึงปังออกจากห้องไปเมื่อกี้นี้เหมือนกัน แล้วต้องเตรียมเอกสารกับยานอวกาศให้ไปรับเธอต่อด้วย”
“อืม งั้นแค่นี้นะ”
“โชคดีอัสรัน”
-ขวับ-
หลังจากที่วางหูโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างช้าๆ ร่างสูงก้าวเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่ริมห้อง ก่อนเอื้อมมือไปสัมผัสผ้าม่านสักหลาดสีควันบุหรี่ให้เปิดออกเผยให้เห็นสวนพันธุ์ไม้งามหลากสีสันด้านหลังคฤหาสน์ตระกูลซาล่า
รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนดวงหน้าคมคาย ก่อนเอ่ยคำพูดเย็นเยียบขึ้นแผ่วเบา
“คางาริ ยูระงั้นเหรอ...หึๆ แล้วชั้นจะแสดงให้เธอดูว่าพวกเนเชอรัลน่ะ อ่อนแอขนาดไหน....”
-----------------------<จบตอนที่ 1>-----------------------
อธิบายศัพท์เล็กน้อยค่ะ เรื่องนี้เป็น Fanfiction ของเรื่อง Gundam Seed นะคะ เพราะฉะนั้นศัพท์บางคำก็เป็นศัพท์เฉพาะเรื่องค่ะ คุมิขออธิบายไว้ตรงนี้นะคะ
--เผ่าพันธุ์--
Natural / เนเชอรัล - เผ่าพันธุ์มนุษย์ธรรมดา อาศัยอยู่ในโลก
Coodinator / โคออดิเนเตอร์ - เผ่าพันธุ์ที่พัฒนามาจากเนเชอรัล เป็นมนุษย์ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม ได้รับการต่อต้านจากชาวเนเชอรัลอย่างมาก เนื่องจากประชาชนชาวโคออดิเนเคอร์จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเนเชอรัลในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การพัฒนาทางสมอง และความสามารถพิเศษ ปัจจุบันชาวโคออดิเนเตอร์จึงได้อพยพย้ายจากโลกไปสู่ PLANT โคโลนี่ในอวกาศเพื่อตัดขาดจากพวกเนเชอรัล
--ฝ่าย--
กองทัพโลก / O.M.N.I - กองกำลังหลักของโลก มักจะทำสงครามต่อต้านกับพวกโคออดิเนเตอร์เป็นประจำ
ซาร์ฟ / ZAFT - กองกำลังสูงสุดของ PLANT นำโดยประธานซาล่า มักจะกระทบกระทั่งกับกองทัพโลกอยู่บ่อยครั้ง โดยครั้งที่รุนแรงที่สุดคือผลสืบเนื่องจาก สงครามวาเลนไทน์เลือด (Bloody Vanlentine)
ORB - รัฐอิสระรัฐหนึ่งบนโลก ตั้งตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เป็นสถานที่ๆ โคออดิเนเตอร์และเนเชอรัลอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ปัจจุบันถูกปกครองโดยอุซุมิ เซระ อัสฮา
ป.ล. งานนี้ไม่ใช่งานประพันธ์ของคุมินะคะ คุมิแปลมาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษค่ะ ถือซะว่าช่วยติ-ชมงานแปลของคุมิแล้วกันนะคะ กำลังฝึกฝีมือด้านนี้อยู่ค่ะ รบกวนผู้อ่านทุกคนเม้นต์กันเยอะๆ นะคะ > w
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น