ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Cuz' This is Love [Yunjae][Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : [SF] ::Recognize You:: -YoonhoJaejoong- [01] - ผิดแผน -

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 56


    Author: ::recognize you::

    Author: nam-ji

    Pairing: Yoonho-Jaejoong/Changmin-Yuchun

    Genre: AU, Melodrama,mpreg

    Rate: PG-13

    Note : จริงๆแล้วเราดูละครช่องสามกันอยู่สินะ

     

    -01-

    ผิดแผน

    แจจุงชอบนอนบนผ้านุ่มๆ

    ไม่ใช่นอนหลับเพียงแค่นอนหลับตาเฉยๆ ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่เขารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด เขารักเวลาที่ได้นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ในความคิดและภาพมืดๆยามหลับตาช่วยให้เขาจินตนาการอะไรๆได้ง่ายดายขึ้น เหมือนกับตอนนี้ที่เขากำลังนอนหลับตาอยู่บนพรมแสนนุ่มด้วยขนนิ่มๆของใยสังเคราะห์สีขาวสะอาดภายในห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับห้องครัว เรียวขาวเหยียดตรงไปกับพื้น ทุกส่วนดูปลดปล่อยอย่างถึงที่สุด สองมือกุมไว้ที่หน้าอก คิมแจจุงในยามนี้ราวกับเจ้าหญิงนิทราที่รอให้เจ้าชายมาปลุกให้ตื่นจากฝันเสียที

    ทว่าๆสลีปปิ้งบิวตี้คนนี้กลับไม่ต้องการเช่นนั้น เขาไม่อยากให้ใครมาปลุกให้ตื่นจากห้วงคิดในเวลานี้ แจจุงดำดิ่งลงไปในความคิดเรื่อยๆ

    เขาว่ากันว่าในความฝันคุณจะเป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากเป็น มีชีวิตในแบบที่คุณต้องการ

    และแจจุงชอบที่จะฝันที่สุด

    ในความเป็นจริงเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา คิมแจจุงเป็นคนที่ถ้าคุณรู้จักเขาจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเป็นคนอยู่กับความจริงมากที่สุด เขาไม่เคยแสดงท่าทีคำพูดหรือแม้แต่ความคิดอะไรที่ชวนให้คุณรู้สึกว่าเขาเป็นคนช่างฝัน ทว่ากลับมีมุมมองดีๆเสมอ เคล็ดลับที่คุณคงไม่รู้ ใช่ เขาใช้เวลาให้กับฝันของตัวเองจนพอที่จะไม่เอามาปนกับความจริงไง

    ทำตามวันนี้ได้ไม่มีค่าลิขสิทธิ์

    “ลูกของเราจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันนะ”เสียงทุ้มนุ่มที่แจจุงคุ้นเคยเอ่ยอยู่ข้างหูในขณะที่อ้อมแขนนั้นโอบรับเขาอย่างนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความรัก เช้าของวันอันแสนอบอุ่นบนเตียงนุ่มๆและอ้อมกอดของคนที่รักสุดหัวใจ จะมีอะไรวิเศษไปกว่านี้อีกหรือไหมหนอ

    “ไม่รู้สิ คุณอยากให้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”แจจุงเอ่ยกลับก่อนจะหันไปสบตากับเขาดวงตาเรียวรีได้รูปราวกับตาของอินทรีย์ที่แจจุงหลงรัก จมูกโด่งที่ไม่จนมากเกินไปที่แจจุงหลงรัก ริมฝีปากรูปโจ๊กเกอร์ที่แจจุงหลงรัก แจจุงรักทุกอย่างที่เป็นเขา รักแม้แต่รอยแผลที่แก้มข้างซ้ายหรือแม้แต่จุดดำเล็กๆที่มุมปาก

    เขารักทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นชองยุนโฮคนนี้

    ราวกับอ่านใจได้ยุนโฮก้มหน้าลงมาให้ปลายจมูกของเขาใกล้ที่แก้มของแจจุง สูดดมความหอมของปรางค์แก้มสีขาวนวลนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับจะเน้นย้ำว่าเขาเองก็คิดแบบเดียวกัน

    ยุนโฮก็รักทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นแจจุง

    “จะผู้หญิงผู้ชายผมก็จะรักเขา”

    คำที่อยากได้ยินจากปากของคนๆนั้นในความเป็นจริงทำให้แจจุงน้ำตาไหล เขาฝัน จินตนาการถึงความรักอันแสนสุขที่เขาอยากให้เป็น หากในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แบบนั้น

    เขาอยากให้ยุนโฮรักเขาเหมือนที่เคยเป็นมา

    อยากให้ยุนโฮรักลูกของเรา

    อยากให้อะไรๆกลับมาเป็นเหมือนเดิม

    น้ำใสๆอีกหยดไหลตามลงมาจากหยดเดิมแม้ดวงตาจะยังปิดอยู่ รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินแต่ในความเจ็บปวดนั้นก็มีความสุขเจือปนอยู่ ถึงแม้จะเป็นเพียงการหลอกตัวเองทว่าเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความฝันอันแสนเพ้อเจ้อนี่ทำให้เขามีความสุขทำให้เขามีแรงที่จะเผอิญปัญหาต่อไป แม้จะเป็นความสุขอันแสนจอมปลอมก็ตาม ที่สำคัญคือ

    ไม่มีใครสั่งให้เขาหยุดฝัน….

    เสียงเคาะประตูพร้อมกับไฟดวงเล็กส่องแสงสว่างที่หน้าประตูห้องเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีคนมาหา แจจุงค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาเปรอะแก้มใสก่อนจะค่อยๆผลุดลุกขึ้นไปเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน

    ได้เวลาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งเสียที

    และผู้ที่มาใหม่สองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำให้เกิดรอยยิ้มสวยๆของเจ้าหญิงนิทราผู้นี้อีกครั้งหลังจากที่ตัวเองก็แทบจะลืมไปแล้วว่าเคยยิ้มได้ยังไง

    “ยูชอน….ชางมิน…..

    .

    .

    .

    “สรุปว่านายเลิกกับยุนโฮแล้ว”

    “ยังไม่ได้เลิกแต่กำลังจะในเร็วๆนี้….

    “เพราะยุนโฮกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น”อีกเสียงหนึ่งช่วยกล่าวเรียบเรียงประโยค

    “เพราะว่าเขากำลังจะรักคนอื่น….

    “ถึงจะรู้ว่านายกำลังท้องอยู่นี่นะ!!!!”เป็นยูชอนที่อดไม่ไหวแล้วจริงๆที่ตะโกนออกมาก่อน “เลวระยำบัดซบที่สุด”

    แจจุงอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนแทนของปาร์คยูชอนและท่าทางดูกระวนวายของชิมชางมิน สองเพื่อนรักเพื่อนตายที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลจากอเมริกา ทิ้งธุรกิจอะไรหลายแหล่ไว้กับน้องสุดที่รักแจ้นมาหาเขาทันทีที่รู้ข่าวว่าเขากำลังตั้งครรภ์อยู่

    “แล้วตอนนี้หมอนั่นมันอยู่ที่ไหน บอกฉันมาแจจุง ฉันจะไปเอาเลือดหัวมันออกเดี๋ยวนี้แหละ”ว่าแล้วให้ผลุดลุกขึ้นยืนจากโซฟาตัวสวยอย่างหมายมั่นตั้งใจอย่างถึงที่สุดแล้วว่าวันนี้ไม่เขาก็ยุนโฮจะต้องตายกันไปข้างถ้าไม่ติดว่ามีมือของคนรักข้างๆฉุดให้เขากลับลงมานั่งลงอีกครั้ง

    “ใจเย็นก่อนน่ายู เรายังไม่ได้ฟังยุนโฮพูดเลยนะ”ชางมินพยายามกล่อมด้วยเสียงอันนุ่มนวล มือเรียวลูบหลังยูชอนเบาๆราวกับจะปลอบให้คนข้างกายใจเย็นลงทว่านาทีนี้หรับยูชอนไม่มี่คำว่าเย็นอีกต่อไปแล้ว

    “ฟังอะไรล่ะ จะฟังอะไรอีก ในเมื่อสุดท้ายแล้วไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไงมันก็เป็นคนทิ้งแจจุงไป”เสียงหอบหายใจฮืดฮาดอย่างโกรธจัดดังขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะกลายเป็นเสียงตะเบ็งอย่างดังก้องขนาดที่ว่าอเดลยังต้องขอคาราวะเป็นลูกศิษย์”มันผิดสัญญา มันหักหลังเพื่อนฉัน ฉันไม่มีวันให้อภัย ไม่มีวัน!!

    “พูดอย่างกับว่ายุนโฮไม่ใช่เพื่อนของนาย”

    “มันไม่ใช่เพื่อนของฉันอีกต่อไปแล้วนับแต่วันนี้เลย”

    ชางมินถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนในขณะที่หันมามองแจจุงอย่างขอความช่วยเหลือทว่าแจจุงกลับทำแค่ยักไหล่

    “ขอโทษนะชางมิน คราวนี้ฉันช่วยไม่ได้จริงๆ บอกตรงๆว่าถ้าพวกนายไม่เลือกข้าง ฉันเองก็ไม่เหลือใครแล้ว”

    “ไม่ต้องกังวลนะแจจุง ฉันจะอยู่ข้างๆนายเอง ส่วนนาย….”ยูชอนหันไปชี้หน้าหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนที่นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกข้างๆ”ถ้าอยากจะไปหาเพื่อนนายก็ไปเถอะ”

    “โถ่ ยูชอน ไม่เอาน่า”

    “นี่ฉันพูดจริงนะ ไม่ได้ล้อเล่นด้วย ถ้านายรอฟังให้ยุนโฮมันมาพล่ามว่ายัยนั่นแสนดียังไง เพราะอะไรถึงทำแบบนี้กับแจจุงได้ล่ะก็ ถ้าอยากทำแบบนั้น ก็เชิญตามสบายเลยฉันไม่เอาด้วยหรอก”หายใจฟืดฟาดอีกครั้ง”หักหลังยังไงก็คือหักหลัง ฉันไม่มีวันอภัยคนทำเพื่อนฉันเจ็บ จำเอาไว้”

    “โอเค ฉันยอมแพ้”หนุ่มชิมบอกกออกมาอย่างจำยอม มือสองข้างของเขายกขึ้นข้างใบหูแสดงอาการยอมแพ้จริงๆนี่ถ้ามีธงเหน็บอยู่ในกระเป๋าคงเอาโบกด้วยแล้ว “อยากทำอะไรก็ทำเลยที่รัก แต่ฉันขอไม่ยุ่งนะ ไม่ว่าจะฝั่งนายหรือว่ายุนโฮก็ตาม”

    ยูชอนพ่นลมหายใจออกจมูกพลางมองหน้าชางมินด้วยสายตาเหยียดหยามที่ทำให้หนุ่มชิมของเราต้องก้มหน้าหนี ก่อนจะหันไปหาเพื่อนรักอีกครั้ง “แล้วนี่จะเอาไง”

    “ก็ไม่เอาไง ฉันก็จะไปบอกเลิกเขา แล้วก็กลับไปทำงานต่อที่อเมริกา แค่นั้น”

    “ง่ายๆแบบนั้นเลยหรอ ไม่คิดจะทำอะไรเพื่อแย่งเขาคืนมาก่อนเลยหรือไง”

    “ฉันทำมาหมดแล้วยูชอน”

    ……….

    “ช่วงเวลาที่ผ่านมานี่เกิดเรื่องราวขึ้นมาอย่างที่นายเองก็คาดไม่ถึงเชียวล่ะ ฉันพยายามแล้ว พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่มันก็ไม่มีผลอะไรนอกจากทำให้เขาห่างไปมากเท่านั้น เขาเปลี่ยนไปแล้วยูชอน”

    ….ทำทุกทางแล้วจริงๆหรอ นายพยายามมากขนาดนั้นแล้วหรอ”

    “เหลือแค่จูบเท้าอ้อนวอนเขาล่ะมั้งที่ยังไม่ได้ทำ”แจจุงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย รอยยิ้มเย้ยหยันราวกับสมเพชตัวเองผุดขึ้นที่มุมปาก ใบหน้าที่ยูชอนไม่อยากเห็น เขารู้สึกได้ว่าขอบตาตัวเองกำลังร้อนผ่าวในขณะฟังเพื่อนรักพูดต่อไปเรื่อยๆ”ก็ขนาดเกาะขารั้งไว้ก็ยังเคยทำมาแล้วนี่นะ….

    “แจจุง”ยูชอนจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เสียงเขาสั่นขนาดนี้นี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่ คอของเขาแห้งไปหมดเมื่อเห็นในตอนที่รวบแจจุงมาไว้ในอ้อมแขน”พอแล้วไม่ต้องพูดแล้ว”

    ถ้าคำว่าเพื่อนมีความหมายคือร่วมแบ่งปันทุกข์สุขด้วยกันในตอนนี้ยูชอนนึกไม่ออกเลยว่าแจจุงจะเจ็บปวดมากแค่ไหนเพราะความรู้สึกในตอนนี้ที่ถูกหารครึ่งจากแจจุงมาแล้วมันยังทำให้เขาอึดอัดและปวดร้าวได้อย่ามากมายและอธิบายไม่ถูกเลยจริงๆ

    แล้วแจจุงที่เจ็บปวดตามลำพังมาก่อนหน้านี้เล่า

    ถึงแม้แจจุงจะไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังเสียมากมายแต่ความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ใสดวงตาคู่นี้ก็บอกเขาทุกอย่างว่าแจจุงเสียงใจแค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น

    นึกแล้วให้ชวนน้ำตาไหลอีกครั้ง หนุ่มนักเรียนนอกกอดเพื่อนรักหน้าสวยแน่นขึ้นอย่างต้องการที่จะแบ่งปันความทุกข์ทั้งหมด ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าแจจุงรักยุนโฮมากแค่ไหน สี่ปีที่อยู่ด้วยกันมามันมากพอที่จะอธิบายได้ แจจุงที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อยุนโฮ ทว่า ทำไมมันกลับกลายเป็นแบบนี้นะ

    “ขอโทษนะฉันขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มาอยู่ข้างๆนาย แต่จากนี้ฉันสัญญาว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายจะมีฉันนะ”

    “อืม”แจจุงพยักหน้ารับ ก่อนจะโอบกอดตอบเพื่อนรัก”ขอบคุณนะยูชอน ขอบคุณจริง”

    ขอบคุณที่ไม่ทำให้ฉันต้องอยู่คนเดียวอีก

    ชางมินมองภาพนั้นก็จะเบือนหน้าหนี หนุ่มร่างสูงเดินไปยังเคาเตอร์ที่กั้นกลางระหว่างบริเวณห้องครัวกับห้องนั่งเล่น มือเรียวเปิดตู้ก๊อกแก็กไปตามเรื่องแต่ใครจะรู้ส่าที่เขาทำไปเพียงต้องการหลบซ่อนน้ำตาที่เอ่ออกมาเท่านั้น เขาก็เหมือนยูชอนนั่นแหละ รับรู้ได้ถึงความเศร้าโศกของเพื่อนแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งตรงนั้น

    เขากลัว เขากลัวว่าตัวเขาเองจะไขว้เขวตามแจจุงไปอีกคน

    ถึงเขาจะรักแจจุงมากแต่ในอีกใจหนึ่งเขาเองก็รักยุนโฮเพื่อนแท้ของเขาอีกคนเหมือนกัน

    อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ชางมินยังไม่พร้อมจะเสียมิตรภาพดีๆกับยุนโฮไป และนั่นทำให้เขาเลือกที่จะทำแบบนี้

    หนุ่มชิมหลุบตาลงต่ำในขณะที่เอื้อมมือลงไปหยิบถ้วยชาลายนกยูงที่อยู่ในลิ้นชักด้านล่าง

    ขอโทษนะแจจุง

    .

    .

    .

    เป็นเวลาเนิ่นนานหลังจากที่สองเพื่อนรักกอดคอกันร้องให้ ชางมินก็ขอลากตัวยูชอนกลับไปก่อนด้วยให้เหตุผลว่ายังไม่ได้จัดกระเป๋าและถึงแม้ยูชอนจะโหวกเหวกโวยวายอะไรก็ไม่สามารถห้ามชางมินไม่ให้พาเขาออกไปได้จนในที่สุดหนุ่มชิมก็จำต้องยกตัวยูชอนพาดบ่าแล้วพาออกจากห้องไป แจจุงอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ยามที่คิดถึงสีหน้าของยูชอนตอนที่ประตูลิฟค่อยๆปิดลับสายตาเขาไป

    ช่างน่าขัน ยูชอนอย่างกับเด็กตัวเล็กๆ

    เขาจัดการเก็บแก้วชาที่ชางมินนำมานั่งจิบรอพวกเขาอาลัยอาวรณ์กันตรงโต๊ะกาแฟไปยังอ่างล้างจาน สายน้ำเย็นๆจากก๊อกน้ำทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย แจจุงครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาจำทำภายในวันพรุ่งนี้ตอนที่บีบน้ำยาล้างจานลงฟองน้ำ

    พรุ่งนี้มีนัดที่โรงพยาบาล

    เบ้ปากออกมาอีกครั้งอย่างนึกขัดใจเมื่อนึกถึงหน้าคุณหมอที่เขาต้องไปเจอในวันพรุ่งนี้

    น่าหมั่นไส้ชะมัด

    คิดแล้วไปลงกับถ้วยชาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แจจุงถูฟองน้ำกับเจ้าถ้วยผู้น่าสงสารอย่างแรงราวกับว่าถ้วยชาสีงาใบนี้มีคราบสกปรกเสียเต็มประดา

    แล้วก็ ต้องนัดยุนโฮออกมาคุย

    พอมาถึงตรงนี้เรียวปากบางก็เหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างนึกสนุก

    สาบานเลยถึงไม่ได้รักกันแล้วแต่พรุ่งนี้คุณก็คงได้เจ็บปวดบ้างแหละยุนโฮ

    สิ่งที่คุณจะได้ฟังในวันพรุ่งนี้คุณต้องเซอไพรส์แน่

    ฉันรับประกันได้เลย…..

    .

    .

    .

    โรงพยาบาลโซลเยนเนอรัลในยามบ่ายก็ยังคึกคักเช่นเคยด้วยจำนวนผู้ป่วยและบรรดาญาติๆที่เข้ามาใช้บริการกันอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเรื่องเล็กอย่างมีดบาดหรืออุบัติเหตุร้ายแรง หากแต่โรงพยาบาลแห่งนี้ก็ยังยิ้มรับอย่างเต็มใจเหมือนบริการญาติของตนเอง รอยยิ้มนางฟ้าของเหล่าพยาบาลและเสียงอันนุ่มนวลของคุณหมอแต่ละท่านที่ประหนึ่งเสียงอันแสนโอบอ้อมอารีของบาทหลวงที่โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ในยามเช้าวันอาทิตย์ จึงไม่แปลกที่แม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีค่ารักษาสูงลิ่วชนิดที่ว่าสามารถเป็นรายได้ทั้งปีของประชากรที่อยู่ระดับของห่วงโซ่อาหารแต่ก็ยังคงมีคนที่เต็มใจจ่ายหากนั่นหมายถึงการบริการที่ดีและครบครันเพื่อชีวิตของตนเอง

    ด้วยพื้นที่อันกว้างขวางและเครื่องมือที่ครบครันและทันสมัยส่งผลให้โซลเยนเนอรัลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลชั้นนำอันดับต้นๆของประเทศ ไม่เพียงแต่ความอู้ฟู้ของสถานที่พักแต่เหล่าบุคลากรในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เป็นบุคคลชั้นนำของประเทศเหมือนกัน ที่นี่คุณจึงมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด และความสบายอย่างที่สุด

    เป็นอะไรมา ให้โซลเยนเนอรัลของเราได้รับใช้นะคะ

    “คุณหมอโจคะ เคสนี้เป็นเคสสุดท้ายแล้วค่ะ”นางพยาบาลสาวในชุดสีขาวสะอาดตาทว่ากลับเขียนอายไลเนอร์ซะเฉี่ยวชนิดที่ว่าเอมี่ วายเฮ้าท์ที่นอนอยู่ในหลุมศพมาเห็นคงกรีดร้องครวญคราญขัดกับทรงผมที่รวบตึงอย่างเรียบร้อยยื่นแฟ้มสีเทาบางๆให้กับคุณหมอหนุ่มที่กำลังวุ่นวายอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ คุณหมอโจคยูฮยอนรับแฟ้มมาจากหล่อนแล้วก่อนจะพลิกดูประวัติคนไข้ข้างใน เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อใครแล้วเขาก็ปิดแฟ้มลง

    คิมแจจุง…’

    “รออีกซักห้านาทีค่อยเรียกคนไข้เข้ามานะ”

    “ค่ะ”เจ้าหล่อนรับคำแล้วเดินออกจากห้องไป

    หมอโจมองแฟ้มประวัติที่เขาเพิ่งวางลงไปเมื่อครู่อย่างครุ่นคิดก่อนจะหยิบแฟ้มมาเปิดดูอีกครั้ง

    คิมแจจุง

    ชื่อนี้ที่จำได้ขึ้นสมอง ชื่อของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมารความรักของยูเฮริมกับชองยุนโฮเพื่อนรักของเขา จำได้ดีถึงวันแรกที่เจอกัน คิมแจจุงที่แสนจะงดงาม เจ้าของรอยยิ้มสวยงามนั่น แต่ใครจะรู้ล่ะว่าข้างมันจะซ่อนความร้ายกาจมากมายเอาไว้อยู่ เขาถึงได้บอกกันไว้ว่าคนเราอย่าดูกันที่ภายนอก เพียงแค่ไม่กี่เดือนจากรอยยิ้มนางฟ้าก็กลายมาเป็นนางมารไปซะแบบนั้น

    บางทีเขาก็ไม่เข้าใจแจจุง

    ทำไมไม่ยอมแพ้ไปเสียที ทำไมถึงยังตามราวีอยู่อย่างนั้น

    การได้ขัดขวางคนที่เขารักกันนั้นมีความสุขมากหรือ

    ยูเฮริมเป็นคนดี เขามั่นใจ ดีมากพอที่จะฝากเพื่อนเขาไว้และดีมากพอให้เพื่อนเขาหลงรัก สองคนรักกัน ครอบครัวก็สนับสนุน แล้วทำไมคิมแจจุงถึงไม่ยอมจากไปเสียที กลับคอยตามสร้างความรำคาญ ตามรังควาญยุนโฮไม่เลิกเพื่อความรักของเพื่อนน่ะนะ เขาเลยต้องออกโรงซักหน่อย

    ผู้ชายคนนี้ช่างน่ารำคาญ

    นึกว่าจะมีแต่ในละครและในนิยายเสียอีก

    แต่คิมแจจุงในตอนนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่าคนแบบนี้มีอยู่จริงๆ

    และบางทีเขาก็คิดนะ

    คิมแจจุงคนนั้นไม่เหนื่อยบ้างหรือ ไม่ท้อบ้างหรือ กับการวิ่งตามอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ของตัวเอง และไม่มีวันจะได้ไป

    แต่หากหมอหนุ่มคงลืมคิดไปว่าอะไรเป็นของใครกันแน่เขาถึงได้คิดแบบนั้น

    คงลืมไปว่าก่อนที่ชองยุนโฮจะได้กลับมาพบกับยูเฮริม ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของมาก่อน ใครกันแน่ที่ควรอยู่ที่ตรงนั้น

    คยูฮยอนลืมไป

    ทุกคนคงลืมไป

    เสียงประตูเปิดเรียกให้สูติหนุ่มต้องตื่นจากภวังค์ เป็นคนที่อยู่ในความคิดของเขาในเวลานี้นั้นเองที่อยู่ตรงหน้ากันขณะนี้

    “ผมจำได้ว่ายังไม่ได้เรียก”

    “ก็เห็นห้องว่าง ผมมีธุระต้องไปทำอีก รีบตัวรีบเสร็จเถอะคุณ”

    คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างต้องการให้รู้ว่าเขาไม่พอใจแต่แจจุงก็ยังทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างบางๆที่หน้าท้องตอนนี้เริ่มนูนน้อยๆตามอายุครรภ์เยื้องย่างมานั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะที่เอกสารทั้งหลายวางอยู่อย่างไม่อินังขังขอบกับสิ่งใด เรียกเสียงถอนหายใจหนักๆอีกครั้งจากคุณหมอหนุ่มได้เป็นอย่างดี

    “จมูกเบี้ยวหรอคุณ ถอนหายใจอะไรนักหนา”แจจุงว่าในขณะที่ดวงตากลมโตเพ่งมองไปที่จมูกสวยได้รูปแบบแปลกๆของของคยูฮยอน”เขาว่าจับมันมากมันจะเสียรูปนะ”แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักสะใจกับตัวเองที่สามารถยั่วโมโหเขาได้ นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกเสียหน้าสุดๆและทำให้ความประทับใจในตัวแจจุงตอนพบหน้ากับครั้งแรกติดลบ คิดดูสิใครที่ไหนจะถามคนที่ไม่สนิทกันว่าทำจมูกมาใช่มั้ย

    เกลียดจริงๆพวกรู้ทัน

    “ผลการตรวจร่างกายของคุณปกติดีไม่มีปัญหาอะไร ความดันปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดก็ปกติ”เขาเว้นช่วงหายใจพักหนึ่งในขณะที่มือยังคงก้มยุกยิกเขียนอะไรบางอย่างลงในแฟ้ม ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าแจจุง มือใหญ่กดสัมผัสหน้าท้องเนียนตรงนั้นทีตรงนี้แล้วเดินกลับไปจดอะไรยุกยิกอีกครั้ง”เด็กก็ปกติดี ผมจะสั่งยาวิตามินให้ไปกินแล้วกัน”

    “เสร็จแล้วหรอ”แจจุงถามในขณะที่ร่นเสื้อลงมา คยูฮยอนเหลือตาขึ้นมามองร่างบางแว๊บหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจแฟ้มต่อ

    “ครับ”

    “ทำไมไวจัง”

    “แล้วจะตรวจอะไรหนักหนาล่ะครับ ปกติเราก็ตรวจกันแค่นี้ แล้วคุณก็บอกว่ารีบไม่ใช่หรอ”เอ่ยตอบทั้งๆที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา”เสร็จแล้วครับ รอรับยาได้ที่ข้างหน้าเลย”

    “ผมอ่านในหนังสือเจอว่าเราสามารถฟังเสียงหัวใจของลูกได้ตั้งแต่สามเดือน”

    “ใช่ครับ”

    “แต่คุณไม่เห็นบอกผม”

    “อ่า ผมคงลืมไป”

    “นี่คุณ….

    “เอาเป็นว่าถ้าอยากฟังก็บอกพยาบาลนะครับ จะได้นัดวันให้”คยูฮยอนผลักแฟ้มออกจากตัวแล้วตอนนี้”คุณฮเยซองครับ เข้ามาหาผมหน่อย”เขาตะโกนเรียกนางพยาบาลเจ้าของอายไลเนอร์สุดเฉี่ยวคนนั้น พลางสบสายตากับคิมแจจุงที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม “คุณนี่เป็นหมอที่แย่จริงๆ”แจจุงว่าแบบนั้นก่อนจะลุกขึ้นยืน

    “ไม่แย่เท่าคุณหรอกครับ”

    แจจุงเม้มปากแน่นก่อนจะเกินกระแทกประตูบึงบังออกจากห้องไป คยูฮยอนถอนหายใจอีกรอบ

    ไปซะได้ก็ดี

    .

    .

    .

    แจจุงเดินออกมาหยุดอยู่ที่สวนหลังโรงพยาบาลเช่นเคย เท้าสองข้าวก้าวเดินจนอย่างรวดเร็วแทบเรียกได้ว่าวิ่งออกมาจากห้องตรวจหลังจากรับยาบำรุงและวันนัดตรวจครั้งต่อไปเสร็จ ในคลองตาแดงก่ำและเมื่อได้ทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่ง น้ำใสๆก็ไหลออกมาเสียแล้ว

    อีกแล้ว เอาอีกแล้ว

    ถูกมองด้วยสายตาดูถูกแบบนั้นอีกแล้ว

    เขาไม่เคยนึกชอบเลย ทุกครั้งที่ต้องมาตรวจกับโจคยูฮยอนคนนั้น หมอคนนั้นชอบมองเขาด้วยสายตารังเกียจ น้ำเสียงที่ใช้ และคำพูดที่กล่าวออกมาเหมือนกับว่าเขาทำความผิดอะไรตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะเสวนาด้วยถ้าหากหมอคนนี้รู้จักการแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร

    โจคยูฮยอน คนนั้นทำราวกับว่าแจจุงช่างน่ารังเกียจ มองเขาราวกับเขาเป็นเศษซากอะไรซักอย่างที่ไม่น่าพิสมัย และนี่อาจจะเป็นอารมณ์น้อยใจบ้าบออะไรอีกของคนท้องก็ไม่รู้แต่เขารู้สึกแย่ แย่มาก ที่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้ แถมยังรู้สึกเหมือนน้อยใจนิดๆที่คยูฮยอนไม่พูดจาดีๆด้วย

    โอย ฮอร์โมนคนท้องนี่ช่างแย่เสียจริง

    ตอนนี้แจจุงโมโหซะจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ความโมโหนั้นก็เลยกลายมาเป็นน้ำตาแทน

    หยดที่หนึ่ง สอง และหยดที่สาม

    สาบานเลยว่านายนั่นต้องได้รับการตอบแทนแน่

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาในตอนนี้เรียกให้แจจุงหันมาสนใจมัน มือขาวปาดน้ำตาทิ้งก่อนที่จะยิ้มรับเมื่อเห็นว่าใครโทรมา

    “ฮัลโหล ว่ายังไง”

    ………..

    “อืม หมอบอกว่าแข็งแรงดี เออนี่ คราวหน้ามีนัดฟังเสียงหัวใจด้วยล่ะ นายมาด้วยกันมั้ย”

    ……………….

    “วันนี้หรอ ไม่ได้หรอก มีธุระต้องไปจัดการน่ะ”

    ………..

    “งั้นแค่นี้ก่อนนะยูชอน เดี๋ยวดึกๆฉันโทรไปใหม่ มีสายซ้อนน่ะ//ฮัลโหล”

    …………..

    “วันนี้หรอ ได้สิ กำลังจะโทรไปชวนคุณพอดี”

    ……….

    “ฉันก็ไม่ได้โกรธอะไรคุณซักหน่อย”

    ………….

    “ไว้เราค่อยคุยกันตอนนั้นเลยดีกว่า ผมเองก็มีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”

    ……………

    “แล้วเจอกัน”

    .

    .

    .

    ช่อลิลลี่สีชาวสะอาดตาถูกส่งยื่นมาให้เขาก่อนที่จะปรากฏตัวว่าคนถือมันมาคือชองยุนโฮ เจ้าตัวยิ้มแผล่ตอนที่แจจุงรับมันมาวางไว้ข้างตัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ตัวตรงข้ามร่างบาง

    “คุณมานานแล้วหรอ”ยุนโฮว่าในขณะที่จับจ้องไปที่คนตรงหน้าที่ดูสนอกสนใจเจ้าดอกไม้สี่ขาวสะอาดพวกนั้น ไม่เสียแรงที่สั่งให้เลขาปาร์ควิ่งออกไปหาซื้อที่ร้านดอกไม้ที่ดีที่สุดมา วันนี้เขาตั้งใจจะมาคุยกับแจจุงให้รู้เรื่องเสียที การที่ปล่อยให้ทั้งเขาและแจจุงปั้นบึ้งไม่พูดไม่จาและการที่แจจุงไม่โทรหาเขาเลยนับแต่วันนั้นมันทำให้เขารู้สึกไม่ดีเสียเลย เขาไม่อยากให้เราสองคนทะเลาะกันแบบนี้ และแม้ว่าแจจุงจะโกรธเรื่องอะไรวันนี้เขายินพร้อมรับทุกคำกล่าวว่า ตั้งใจอย่างเต็มที่ว่าจะมา ง้อคนตรงหน้าให้สำเร็จจนได้

    การที่ไม่มีเสียงหวานๆนั่นโทรมาออดอ้อนให้เขาไปหาและการที่ไม่มีข้าวกล่องให้เขาได้ทานในตอนกลางวันมันทำให้เขารู้สึกแย่เสียจริง

    ชองยุนโฮช่างเห็นแก่ตัว

    แต่ใครจะสน ในเมื่อตอนนี้แจจุงอยู่ตรงนี้แล้ว แจจุงอยู่ข้างๆเขาตรงนี้

    การจะง้อแจจุงนั้นสำหรับยุนโฮ ตามปกติแล้วมันง่ายเสียยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเพราะตั้งแต่คบกันมาแจจุงงอนนับครั้งได้ แทบจะไม่เคยเลยเสียด้วยซ้ำ มีแต่แจจุงที่คอยตามใจเขาเสมอมา ยิ่งพักหลังๆมานี่ที่เขาไม่ค่อยได้มาหาแจจุงแต่ไปอยู่กับเฮริมแจจุงยิ่งว่าง่าย

    นั่นแหละยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเหนือจนจะทำอะไรก็ได้

    คิดผิดแล้วล่ะมั้งชองยุนโฮ

    “ก็ซักพักแล้วล่ะ”แจจุงหันมาตอบเขา”ยุนโฮ ฉันมีอะไรจะบอก”

    “สั่งข้าวก่อนสิแล้วค่อยคุยกัน”เขาว่าแล้วหยิบเมนูที่สางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู “อืม ปลาเซลมอนไหมเขาว่าดีกับคนที่กำลังท้องนะ”

    “ไม่ได้หรอกต้องพูดตอนนี้” แจจุงไม่รอช้าที่จะเสแสร้งเม้มปากตามบทที่เขียนไว้ในใจ มือบางเอื้อมหยิบมือของคนที่กำลังจับเมนูอาหารอยู่ขึ้นมากุมไว้ “ยุนโฮ ฉันขอโทษ”

    “ขอโทษเรื่องอะไร”ถึงจะยังงงๆอยู่แต่ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป หนุ่มชองเอามืออีกข้างที่ยังว่างอยู่มาขึ้นโอบทับมือของแจจุง”ผมสิต้องขอโทษ”

    “ไม่หรอก ฉันเองแหละที่ผิด ที่ทำร้ายยุนโฮ ทำร้ายคนที่ยุนโฮรัก ต้องทำให้มาเจอเรื่องลำบากใจแบบนี้ ฉันขอโทษจริงๆนะ”และราวกับสั่งได้ น้ำตามากมายก็พากันไหลลงมาประหนึ่งมีคนเปิดก๊อก”ฉันผิดเองที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ตอนนี้ฉันสำนึกได้แล้ว ขอโทษนะยุนโฮ ฉันไม่อยากทำมันอีกแล้ว”

    คราวนี้เป็นยุนโฮที่ขมวดคิ้วด้วยความสับสน”หมายความว่ายังไง”

    “ฉันทนปิดบังต่อไปไม่ไหวแล้วยุนโฮยกโทษให้ฉันด้วยนะ”ยังคงตีบทแตกอย่างต่อเนื่อง น้ำตาแห่งความเสียใจยังคงไหลมา ตอนนี้แจจุงสะอื้นหอบจนตัวโยน จนยุนโฮต้องลุกขึ้นไปรวบร่างบางๆที่ร้องให้หนักและดูบอกบางราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อมาไว้ในอ้อมกอด แจจุงซุกที่อกแกร่งนั่นก่อนจะว่ากล่าวตามบทของตัวเองต่อไป “ที่จริงแล้ว ฉัน ฉัน…..

    “มีอะไรหรอแจจุง ไม่เป็นไรนะ บอกฉันมาเถอะ”

    “จริงๆแล้ว เด็กในท้องไม่ใช่ลูกของยุนโฮหรอกนะ”

    ยุนโฮนิ่งไปในทันที

    “ฉันขอโทษ ฉันกลัวเลยต้องบอกว่าท้องกับคุณ ฉันขอโทษจริงๆยุนโฮ ฉันขอโทษ”มือบางกอบกุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดที่ยุนโฮใส่ไว้แน่นเหมือนกับต้องการหาหลักยึดถึงแม้จะแอบยิ้มในใจยามที่เห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ช๊อกไปเลยใช่มั้ยล่ะ ก็แหม เข้าใจว่าเป็นลูกตัวเองมาตั้งเกือบสี่เดือน อย่างน้อยก็ต้องรู้สึกผูกพันกันบ้างล่ะ ยิ่งพอมาได้มารู้ว่าเป็นลูกคนอื่นแบบนี้คงเจ็บปวดไม่น้อยเลยสินะ

    ในเวลานี้ต่อให้ใครจะมาว่าที่หลังว่าคิมแจจุงช่างใจง่าย หรือเข้าใจผิดกับเรื่องนี้ไปจริงๆเขาก็ไม่สนแล้ว

    ตอนนี้ขอแจจุงสะใจก่อนนะ อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

    แน่นอน เด็กคนนี้ในความเป็นจริงแล้วเป็นลูกของชองยุนโฮแน่ๆ แต่ไหนๆในเมื่อยอมตัวใจแล้วเขาก็ขอเอาคืนเสียหน่อยให้สมกับความเจ็บปวดทั้งหมดที่ได้รับมาในระหว่างนี้ ถึงมันจะเทียบกันไม่ได้แต่ก็สะใจไม่น้อยเชียวล่ะ

    แถมยังเป็นข้อรับประกันด้วยนะว่าต่อจากนี้ตระกูลชองคงไม่มายุ่งกับเขาอีกต่อไปแล้ว

    ลูกของแจจุง จากนี้ไปก็จะกลายเป็นลูกของแจจุงคนเดียว

    “คุณว่าอะไรนะ”น้ำเสียงช่างนิ่งเฉย

    “ฉันขอโทษยุนโฮ ฉันขอโทษจริงๆ ยกโทษให้ฉันเถอะ ก็ตอนนั้นนอกจากยุนโฮแล้วฉันก็ไม่มีใครแล้วจริงๆ”บีบน้ำตาอีกครั้งก่อนจะปล่อยโฮอย่างน่าสงสาร “ฉันไม่อยากรู้สึกผิดแบบนี้อีกแล้ว ฉันจะปล่อยยุนโฮไป ฉันจะไม่ยุ่งกับพวกคุณอีกแล้ว เพราะฉะนั้น เพื่อความสบายใจของฉัน ได้โปรดบอกหน่อยเถอะว่าคุณยกโทษให้ฉัน”

    “คุณจะไปไหน”นอกจากจะไม่ตอบแล้วยังถามคำถามใหม่ด้วย แจจุงเงยหน้าขึ้นจากอกของยุนโฮแล้วสบตากับเจ้าของดวงตาเรียวรีที่ตอนนี้มีแววคุกรุ่นอย่างน่าประหลาด แปลกจัง ทำไมเขาทำเหมือนเขาโมโหจนเกินพอดีแบบนี้นะ

    “ผมถามว่าคุณจะไปไหน”

    “ฉัน ฉันจะกลับอเมริกา ฉันจะไปเลี้ยงลูกที่นั่นแล้วจะไม่มายุ่งกับคุณอีก”

    เงียบ

    เงียบสนิททั้งยุนโฮทั้งแจจุง ทั้งสองจ้องตากันอย่างเนิ่นนานจนเมื่อแจจุงรู้สึกได้ว่าแรงที่บีบข้อแขนของเขามันมาขึ้นเรื่อยๆจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา “ยุนโฮ ฉันเจ็บ”

    “จะหนีไปอยู่กับมันใช่มั้ย”

    แจจุงเกือบจะหลุดอ้าปากค้างอยู่แล้วตอนที่ได้ยินแบบนั้น

    “ใคร”

    “คนที่คุณไปนอนกับมันมาไง คุณนอกใจผมหรอ คุณแอบมีชู้หรอ ทำไมคุณทำแบบนี้”ยุนโฮดึงตัวแจจุงเข้ามาใกล้กว่าเดิม หน้าพวกเขาใกล้กันจะแทบจะติดกันอยู่แล้ว ในตอนนี้แจจุงสังเกตเห็นเส้นเลือดที่เต้นตุบๆอยู่ตรงขมับของยุนโฮแล้วก็อดจะคิดกับตัวเองไม่ได้

    ซวยแล้ว

    ใครจะไปคิดว่าชองยุนโฮจะหึงโหดขนาดนี้

    “ฉัน…..ฉัน   ฉัน “เป็นแจจุงแล้วที่เริ่มคิดคำพูดไม่ออกเมื่อสิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามนั้นในตอนแรกเขาคิดแค่ว่ายุนโฮจะแค่อึ้งๆแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปเสียอีก ก็มันควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอยุนโฮควรจะดีใจไม่ใช่หรอที่เขาจะไม่ยุ่งกับยุนโฮอีก แล้วก็ไม่ต้องมีภาระอะไรแล้วด้วย มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ

    “ผมไม่ให้คุณไปกับมันหรอกนะ คุณต้องอยู่ที่นี่”

    “คุณบ้าไปแล้วหรอ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ”

    “ได้ไม่ได้ผมก็จะทำ คุณเป็นของผมคนเดียว จำเอาไว้คิมแจจุง”

    สุดท้ายแล้วชองยุนโฮก็เป็นแค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวแค่ที่อยากจะเก็บคิมแจจุงเอาไว้อยู่ดี


    TBC

    Talk:: สวัสดีค่า ทักทายกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกตั้งแต่มาลงฟิคที่นี่ เป็นยังไงบ้างคะ สนุกกันมั้ย >< ไม่รู้จะถูกใจกันหรือเปล่า อยากให้ทุกคนชอบนะคะ ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ >3<
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×