คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] ::Recognize You:: -YoonhoJaejoong- [00] - ทบทวน -
Author: ::recognize you::
Author: nam-ji
Pairing: Yoonho-Jaejoong/Changmin-Yuchun/junsu - ??
Genre: AU, Melodrama,mpreg
Rate: PG-13
Note : พล๊อตตลาดสุดๆ =.,=
-00-
ทบทวน
แจจุงรู้สึกเหมือนเห็นแสงออร่าเปล่งออกมาจากวงกลมสีทองสว่างตาบนหัวของเธอ สว่าง ทว่าไม่แสบตา เป็นแสงอันอ่อนโยน เหมือนพระแม่มารีย์ผู้ทรงโปรด เหมือนเทพีซักองค์ตอนที่เธออุ้มลูกน้อยวัยหนึ่งขวบครึ่งขึ้นพาดบ่า ริมฝีปากของเธอเหยียดยิ้มออกมาคล้ายกับว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เธอเป็นทุกข์ได้ เธอสว่าง และเธอสงบ
“…..แล้วฉันก็ปล่อยเขาไป”เธอว่าพร้อมกับหันมามองเขา แจจุงหันไปมองเธอตอบ
“ทำไมล่ะครับ”
“ไม่รู้สินะ เพราะในขณะนั้น ฉันก็คิดขึ้นมาได้ว่า มันคงจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้ารั้งเขาได้แต่ตัวแต่หัวใจเขาไม่ได้อยู่กับเรา”หล่อนว่าในขณะที่เปลี่ยนมาวางเจ้าหนูน้อยไว้บนตักแทน เด็กน้อยหัวเราะมีความสุขในขณะที่รับขวดนมที่เธอส่งให้เข้าปากเล็กๆ เขาหันไปยิ้มให้เด็กน้อย เจ้าหนูมองเขาตอบแล้วยิ้มให้เขาเสียจนตามิดก่อนที่เขาจะเป็นรองลงไปเมื่อน้ำนมหยดแรกสัมผัสโดนริมฝีปาก แหงล่ะ อะไรจะดีไปกว่านมอุ่นๆ จริงมั้ย
“แล้วถ้าลูกขาดพ่อมันจะดีหรือครับ”
“ไม่ดีหรอก เด็กน่ะ ถ้าจะให้ดีต้องได้รับความรักจากทั้งพ่อและแม่ถึงจะดีที่สุด แต่ว่า ในกรณีของฉันในเมื่อเขาไม่รักฉันแล้ว ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรักลูกที่เกิดมาจากฉันด้วยหรือเปล่า คิดอยู่เรื่อยๆเลยล่ะว่าต่อไปเขาจะคิดหรือเปล่านะว่าเพราะ จินซอกทำให้เขาไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้น เขาจะโทษลูกของฉันหรือเปล่านะ ถ้าลูกของฉันต้องโตมาด้วยสภาพแวดล้อมแบบนั้น มีพ่อที่ไม่ได้รักเขา ครอบครัวมีปัญหา ฉันก็คิดว่าสู้เลี้ยงเขาด้วยตัวคนเดียวซะยังจะดีกว่า”
แววตาของเธอช่างเข้มแข็งในตอนที่มองเด็กน้อย เธอช่างดูน่าชื่นชมในจุดนี้ที่แจจุงมองอยู่ อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ความเป็นเพศแม่ฉายชัดอยู่ในดวงตาอันแสนมีพลังของเธอ พลังแห่งเพศผู้ค้ำชูโลกแผ่ซ่านออกมา เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความชื่นชมอีกครั้งและอีกครั้งในขณะที่เลื่อนมือไปสัมผัสท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา
มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างในตัวของเขาที่ถูกจุดให้สว่าง เหมือนกับว่าสวิตช์อะไรซักอย่างในหัวของเขามันถูกสับลง ความคิดหลายๆอย่างซึมเข้ามาในหัว และมันทำให้เขากล้าที่จะตัดสินใจที่จะกระทำอะไรบางอย่าง มันอาจจะเป็นอารมณ์อ่อนไหวงี่เง่าไร้สาระของคนที่อยู่ภาวะใกล้จะเป็นแม่แบบเขา
ใช่ ไม่ผิดหรอก ใกล้จะเป็นแม่
แถมกำลังจะกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วยนะ
“อ๊ะ เย็นขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย ฉันคงต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”หล่อนยิ้มให้แจจุง”หวังว่าเราจะมีโอกาสได้พบกันอีกนะคะ คุณ…”
“แจจุงครับ คิมแจจุง”
“ค่ะ คุณแจจุง ถ้าเราได้เจอกันอีกครั้งนั่นต้องดีมากแน่ๆเลยค่ะ ฉัน โซอึนนา ส่วนเจ้าหนูนี่โซจินซอกค่ะ”
เธอเดินออกไปแล้ว พร้อมด้วยเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ๆก็หลับปุ๋ยบนบ่าอันบอบบาง แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเดิมที่สวนสาธารณะโรงพยาบาล แสงแดดยามเย็นที่สาดส่องเข้ามาไม่ได้ทำให้เขาให้ความสนใจกับมันได้มากนักเท่ากับเรื่องที่คิดอยู่ในตอนนี้
แจจุงกำลังท้อง ใช่กำลังท้องอยู่ ต้องขอบคุณพระเจ้าหรือจะเรียกว่าเป็นคำสาปจากสวรรค์ที่ส่งมาให้มวลมนุษย์กันนะที่ในที่สุดวิวัฒนาการและสัญชาตญาณการพัฒนาเพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ในที่สุดก็ทำให้ผู้ชายอย่างเขาท้องได้ขึ้นมา ถ้ามันเป็นก่อนหน้านี้ซักเจ็ดแปดเดือนตัวเขาเองก็คงจะดีใจกับความจริงข้อที่ว่าตอนนี้มีอีกหนึ่งชีวิตที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ในตัว ไม่สิ ต้องบอกตอนนี้เขาเองก็ดีใจที่มีเด็กคนนี้ขึ้นมา แต่ว่า…..
เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้เขาต้องหยุดชะงักความคิดทุกอย่างลงแต่เมื่อมองเห็นแล้วว่าใครเป็นคนโทรมาเขาก็แทบอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง
‘ชองยุนโฮ’
“เป็นยังไงบ้าง”ไม่รู้ทำไมเขาถึงหงุดหงิดนักตอนได้ยินเสียงนี้
“ก็ดี หมอโจบอกแข็งแรงดี”ตอบไปพร้อมกับคิดถึงใบหน้าอันบูดเบี้ยวในตอนที่เขากำลังรับการตรวจประจำเดือนของ โจคยูฮยอน คุณหมอใหญ่ประจำโรงพยาบาลที่คนในสายขอร้องให้มาเป็นหมอประจำตัวของเขาพลางเบ้ปากเล็กๆ แน่ล่ะ หมอโจอยู่ข้างแม่นั่นนี่นา
“แล้ววันนี้กลับเองได้มั้ย คือว่าเฮริมเขา…..”
“ได้สิ”ชิงพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค”ได้อยู่แล้ว”
แจจุงวางโทรศัพท์เครื่องบางนั่นไว้ข้างตัว ศีรษะทุยสวยได้รูปเงยพิงพนักเก้าอี้ แสงแดดสีส้มที่ทอแสงมาส่องดวงตาไม่ทำให้เขาสนใจได้เมื่อตอนนี้เขาหลุดไปในห้วงความคิดอีกครั้ง
ชองยุนโฮ ชื่อนี้ทำให้เขาแทบบ้าได้ทุกครั้งที่คิดถึง ผู้ชายที่เป็นเจ้าของหัวใจเขา เจ้าของร่างกายนี้ รวมถึงเป็นพ่อของเจ้าตัวเล็กในท้องเขานี่ด้วย เขาช่างเพอร์เฟ็ค เป็นผู้ชายที่สมบรูณ์แบบ แบบที่ผู้หญิงทุกคนต้องอิจฉาถ้าคุณได้ควงแม้ซักสองวัน ป๊อปปูล่าที่สุดในมหาวิทยาลัยแม้จะเป็นชาวเอเชียก็ตาม แจจุงเจอเขาครั้งแรกก็ที่เยลนั่นแหละ แล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจคบกัน เรื่องราวระหว่างนั้นยิ่งกว่านิยายรักแสนหวานของกวีชื่อก้องโลก ทุกอย่างช่างดูดีไปหมด สวยงาม สว่างไสว เขาใจดี อ่อนโยน อบอุ่น เป็นคนรักที่ดี และเป็นคนที่แจจุงยอมฝากความรักความเชื่อมั่นศรัทธาและทุกสิ่งที่จะสามารถพูดพร่ำไปได้ตอนที่ยังอยู่ในซีทูเอชั่นสาวน้อยสีชมพูใสปิ๊ง และเป็นเช่นนั้นเรื่อยมาตลอดสี่ปีที่คบกันและร่วมกันสร้างนิยายรักบรรลือสถาบันแห่งวิชาการอันทรงเกียรติ์จนเมื่อถึงแปดเดือนที่แล้วตอนที่ทั้งเขาและแจจุงเรียนจบและบินกลับมาเกาหลีเพื่อที่จะเริ่มต้นชีวิตกัน
แต่เรื่องมันกลับตาลปัดก็ตรงนี้แหละ กลายเป็นชองยุนโฮมีคู่หมั้นอยู่และด้วยเหตุผลทางบ้านทำให้ทั้งคู่ต้องแต่งงานกันทันที
บ้าบอบัดซบที่สุด
ยูเฮริม ผู้หญิงกระด้างๆคนนั้นที่พยายามผลักไสยุนโฮแทบตายในตอนแรกแต่สุดท้ายก็ยอมเออออแต่งงานกันซะแบบนั้น
ยัยบู้หญิงบ้า หน้าด้าน
และคนที่เขาโมโหมากที่สุด
ชองยุนโฮ ที่ยอมรับการแต่งงานนั่นน่ะแหละ
ตอนแรกยุนโฮบอกให้เขารอ บอกว่าแค่ไม่นาน ในธุรกิจทางบ้านลงตัวกว่านี้ก่อน แล้วเขาจะหย่าแน่นอน คิมแจจุงในตอนนั้นจะว่ายังไงได้นอกจากเชื่อและรอคอย แล้วดูคิมแจจุงในตอนนี้สิ
หมดศรัทธาและไร้ความหวัง
และคนที่ทำให้เป็นแบบนี้ไม่ใช่ใครเลยนอกจากชองยุนโฮ
ชองยุนโฮ คนเดียว
เรื่องมันจะมีอะไรได้เล่า ก็ตามสูตรละครที่เห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาด คนได้อยู่ใกล้ชิดกันนานวันก็ก่อตัวขึ้นเป็นความรักแล้วยิ่งมีความหลังฝังใจกันประมาณว่าเคยรู้จักกันตอนเด็ก มีสัญญิงสัญญาอะไรกันไว้ด้วยนะ ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอก แต่เอาเป็นว่าที่บ้านเชียร์สุดใจขาดดิ้น เพื่อนสมัยอยู่เกาหลีเองก็เอ็นดูนังนั่นก็อยู่ไม่น้อย ทั้งหมอโจ และใครอีกหลายๆคนที่แจจุงไม่แม้แต่นึกอยากจะจำชื่อ
แล้วก็ตามสูตรนั่นแหละ สุดท้ายก็ปิ๊งปั๊งกันไปแล้วไง ถึงจะยังไม่ได้พูดอะไรออกมาแน่นอนแต่ว่าการกระทำที่เปลี่ยนไปก็บอกได้แล้วว่าใจของยุนโฮน่ะมันเปลี่ยนไปแล้ว ก็ตลกดีที่อยู่ๆเขาก็กลายเป็นตัวร้ายในละครเรื่องนี้ซะอย่างนั้น กลายเป็นนางมารร้ายที่เป็นคนคอยขัดขวางไม่ให้พระเอกกับนางเอกเขารักกัน ทั้งๆที่ไอ้เรารึก็เป็นคนมาก่อนแท้ๆ
แต่ในเมื่อโยนบทมาให้ คิมแจจุงคนนี้ก็ต้องเล่นให้สมบทบาท ทั้งวีนทั้งเหวี่ยงเชียวล่ะ ผลที่ได้จะเป็นยังไงล่ะนอกจากครอบครัวเขาเหม็นขี้หน้าแล้วเพื่อนเขายังระอาอีก มานั่งนึกตอนนี้ยังอดขำไม่ได้ เป็นอะไรทำไมถึงยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อผู้ชายห่วยๆแบบนั้นด้วยนะ
คำตอบมีคำเดียวเท่านั้นแหละ เพราะรักไง
รัก
แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรักอยู่
นึกแล้วเกลียดคำนี้จับใจ รักอะไร ทำไมสุดท้ายก็มีเขาที่เหลือมันอยู่คนเดียว
แต่แหม ถ้าเรื่องมันมีแค่นั้นตอนนี้เขาก็คงไม่ได้มานั่งคิดฟุ้งซ่านอยู่ตรงนี้ ไคลแม็กซ์มันอยู่ตรงที่ตรงนี้ต่างหาก เมื่อสี่เดือนที่แล้วเขานัดยุนโฮออกมาดื่มนิดหน่อย แล้วก็ฟูมฟายใส่นิดหน่อย แล้วเราก็เผลอรำลึกความหลังกันไปนิดหน่อย แต่ไอ้ที่ตามมามันไม่นิดหน่อยตามไปด้วยนี่สิ เมื่อผลออกมาแจ็กพ๊อตว่าเพราะเรื่องนิดหน่อยในวันนั้นมันกลับทำให้เขามีอีกหนึ่งชีวิตมาอยู่กับเขา
ดีใจแทบน้ำตาไหลแน่ะ
แต่รู้สึกเหมือนจะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ดีใจเพราะเมื่อพูดออกไปเขาอีกคนกลับยิ้มค้างซะนี่
อย่างกับตกหน้าผาที่ข้างล่างเป็นน้ำตกเชี่ยวกราดที่มีปลาปิรันย่าอาศัยอยู่
แล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือคำพูดจากแม่ของยุนโฮต่างหาก
‘แน่ใจได้ยังไงว่าเป็นลูกชายฉัน ไม่ใช่ว่าเธอไปมั่วกับคนอื่นมาหรอกหรอ’
แล้วยิ่งหมัดฮุกจากคนเป็นพ่อ
‘รอเด็กคลอดออกมาก่อนแล้วถ้าตรวจดีเอ็นเอแล้วเป็นลูกของยุนโฮจริงฉันถึงจะยอมรับ’
สุดท้ายจากคนเห็นแก่ตัวที่ห่วยแตกที่สุด
‘ลูกฉันจริงๆหรอ’แล้วก็หันหน้าไปมองภรรยาตัวเล็กอย่างเสียใจสุดแสน
บัดซบ บัดซบ บัดซบ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบทีเดียว แต่ไม่ได้ดีขนาดให้เข้าไปอยู่ในบ้านหรอกนะ เขาเข้ามาดูแลบ้างตอนที่ว่าง เข้ามาคุยบ้างตอนที่ภรรยาไม่ว่าง
แหม พ่อคนดี
ตอนนี้แจจุงอาศัยอยู่ที่คอนโดที่เคยเป็นชื่อของทั้งสองคน[แต่ไปเปลี่ยนมาเป็นชื่อแจจุงคนเดียวเรียบร้อย]มีเงินใช้จากธุรกิจส่วนตัวที่ทำคนเดียว[แม้ตอนแรกจะวางแผนไว้กับอีกคนก็ตาม]และเงินสมทบนิดหน่อยที่เรียกว่าค่าเลี้ยงดู
ค่าเลี้ยงดูบ้าบออะไร นี่ไม่ใช่เมียน้อยนะ
ถึงจะเหมือนก็เถอะ
มีหมอที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลเป็นเจ้าของครรภ์หมอที่ไม่เต็มใจจะทำหน้าที่นี้ซักนิด ก็อย่างที่บอกคุณหมอโจคยูฮยอนเค้าเข้าข้างยูเฮริมสุดพลังอยู่แล้ว เห็นว่าสนิทกันตั้งแต่เด็ก ให้กำลังใจน้องมาตลอด รักมากสินะ เหอะ!!!
คิดพลางให้หลับตาลงอีกครั้งอย่างอ่อนใจ
ยูเฮริม ผู้หญิงคนนั้นถ้าว่ากันตรงๆเธอก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนอกจากเผอิญเดินเข้ามาอยู่ในช่วงชีวิตอันบ้าๆบอๆของคิมแจจุงทำให้อดโกรธเกลียดหล่อนไม่ได้ ใช่ เธอไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำแค่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายเฮงซวยพรรณนั้นและที่บ้านของเขาก็ตอบรับเป็นอย่างดี แค่นั้นเอง
ความรู้สึกของเขาตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมันมากนัก มันอธิบายไม่ถูก โกรธ เศร้า ผิดหวัง ไม่รู้เป็นอันไหนกันแต่นี่ที่แน่ๆคือมันแย่สุดจะบรรยาย ตอนนี้เหมือนเขากำลังเดินขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงชันมาขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ทางเดินข้างหลังค่อยๆพังลงไปที่ละนิดทีละนิด จะเดินต่อก็แสนเหนื่อย แต่จะถอยหลังกลับมันก็ไม่ได้เสียแล้ว
มือบางสีขาวเนียนราวกระเบื้องเคลือบชั้นดีลูบลงที่หน้าท้องที่เริ่มจะนูนนิดๆของตัวเองอีกครั้งอย่างแผ่วเบา
‘สามเดือนแล้วนะ’
สามเดือนแล้วที่มีเขามาอยู่ตรงนี้ ไม่เคยนึกเสียใจซักครั้งหรอกที่มีเขาเกิดขึ้นมาแม้ไม่ได้เกิดมาท่ามกลางความยินดีของใครแต่อย่างน้อยก็มีเขาคนนึงนี่แหละที่ยินดีกับตัวเล็กมากที่สุด
ลูกของแม่ เลือดเนื้อเชื้อไขคนเดียวของเขา
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันเข้าใจถ้าไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง เพียงแค่วินาทีแรกเท่านั้นที่แจจุงรู้ตัวว่ามีชีวิตน้อยๆอีกหนึ่งชีวิตกำลังเติบโตอยู่ในตัวของเขาแจจุงก็รู้สึกรักเด็กคนนี้อย่างสุดหัวใจ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ชั่วขณะหนึ่งที่อยากเจอหน้าบุพการีใจแทบขาด อยากเข้าไปโอบกอดเธอและบอกกับเธอว่าตอนนี้แจจุงเข้าใจทั้งหมดแล้วว่าแม่รู้สึกอย่างไร เขารู้สึกผูกพันยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนสัญชาตญาณความเป็นแม่ในตัวถูกปลุกให้ตื่น และจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำให้ลูกของเขาต้องเจ็บปวดแน่นอน
ไม่มีวัน
‘ถ้าเขาไม่รัก อยู่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์’
อยู่ๆเสียงของโซอึนนาก็ดังก้องขึ้นมาในหู หล่อนที่แจจุงเพิ่งคุยด้วยเมื่อครู่ เธอที่เป็นเหมือนกับพระแม่มารีย์มาโปรดยามที่เขากำลังเผชิญกับปัญหาที่ดูเหมือนจะหาทางออกไม่เจอมืดแปดด้านอยู่แบบนี้ แรกเริ่มเดิมที่ทั้งเขาและอึนนาก็คุ้นหน้ากันอยู่ด้วยความที่แจจุงเห็นหน้าหล่อนต้องแต่ครั้งแรกที่มารับการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่เคยมีซักครั้งที่จะเห็นเงาของผู้เป็นพ่อเหมือนคนอื่นๆในโรงพยาบาลแห่งนี้ นอกจากเธอและเจ้าหนูจินซอกที่เธอโอบอุ้มไม่ห่าง หลังจากที่ส่งสายตาคุยกันอยู่นานในที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามาคุยกับเขาก่อน ได้ความว่าจินซอกร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเลยต้องเข้ามาตรวจที่โรงพยาบาลอยู่เนื่องๆ ครั้งพอถามถึงพ่อของเด็กน้อย เธอกลับยิ้มและตอบออกมาอย่างมั่นใจว่า’ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวค่ะ’
ช่วงเวลาที่แจจุงรู้สึกเหมือนเห็นเธอเป็นฮีโร่
คล้ายๆกับเห็นวันเดอร์วูแมนมาแปลงกายตรงหน้า จริงๆก็ผสมแคทวูแมนนิดๆแล้วก็มีเฮโล่บนหัวเหมือนเทพธิดา
เอาเป็นว่าแจจุงรู้สึกได้ว่าหล่อนเท่สุดๆไปเลยแล้วกัน
ถ้าเป็นคนอื่นคงทำให้เขารู้สึกเบื่อไม่น้อยเมื่อตอนที่หล่อนเริ่มเล่าเรื่องความเป็นไปของตัวเองแต่ในตอนนี้แจจุงกลับตั้งใจฟังประหนึ่งนั่งเรียนวิชามนุษย์กับสังคมตอนปีสองในวิทยาลัย และอดที่จะรู้สึกทึ่งไม่ได้กับความคิดหลายๆอย่างๆของเธอ
มันไม่ใช่ว่าเธอมีความคิดที่ผิดแปลกไปจากคนอื่นหรือมีมุมมองที่น่าสนใจจนสามารถเขียนหนังสือขายได้เพียงแต่มันโดนใจเขามากก็เท่านั้น เหมือนกับว่านี่คือสิ่งที่แจจุงเองก็คิดมาโดยตลอด แอบคิดอยู่คนเดียวเงียบๆในใจแต่ไม่กล้าเปิดเผยมันให้ใครฟังราวกับมันเป็นความลับที่น่าอับอาย
แจจุงไม่ใช่คนอ่อนแอ
เชื่อเถอะว่าเห็นหน้าหวานๆรูปร่างบอบบางกับเอวคอดกิ่วและผิวขาวราวน้ำนมผนวกริมฝีปากแดงชาด ภาพลักษณ์ที่แสนจะสง่างามราวกับจะแสดงให้คิดกันไปว่าคนๆนี้ราวกับนางฟ้า งดงามยิ่งกว่าเทพบนสรวงสรรค์และอ่อนโยนยิ่งกว่าเจ้าหญิงองค์ใดคนนี้ก็ใช่ว่าจะยอมลงให้ใครง่ายๆ พิสูจน์ได้จาการที่ไปอาละวาดมาจนฝั่งนู้นได้แผลเป็นไปดอกหนึ่ง และอีกหนึ่งคือจิตใจที่เข้มแข็งไม่แพ้กัน
คำพูดของอึนนาทำให้เขากล้าตัดสินใจอะไรหลายๆอย่าง คล้ายๆกับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจมากยิ่งขึ้นที่จะทำมัน อย่างบอกไปแล้ว เขาคิดมันมาตลอด แค่ไม่แน่ใจว่าควรจะทำมันดีหรือเปล่า
แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว
เหมือนกับหญ้าแห้งๆบนสนามฟุตบอลในหน้าร้อนที่ได้รับน้ำฝน ในตอนนี้เขารู้สึกเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งหลังจากโง่เง่า คิดอะไรงี่เง่ามาได้เสียตั้งนาน
ก็แค่ขาดไปซักคน
“เราอยู่กันสองคนก็ได้ใช่มั้ยลูก”แจจุงพึมพำเบาๆด้วยเสียงอันสั่นเครือ มือบางลูบหน้าท้องตัวเองอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้หยดน้ำหลั่งรินออกมาจากดวงตา
หยดสุดท้ายที่ฉันจะให้นาย ชองยุนโฮ….
TBC
ความคิดเห็น