ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {fic exo} :: Just so you know แค่รู้ว่ารัก :: chanbaek

    ลำดับตอนที่ #7 : 。 Just so you know - s i x

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 56




     

      Just so you know   แค่รู้ว่ารัก  :: - chanbaek

     

     

     

    #จซยนครวร

     

     

     

    ตอนที่ 6

     


              P a r t : B a e k h y u n

     

     

     

                    ในเวลาค่ำคืนพระอาทิตย์ล่วงลับหายไป แบคฮยอนกับชานยอลนั้นกำลังเดินกลับบ้านด้วยกันหลังจากที่ได้ไปเที่ยวใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันในวันเปิดเทอมวันแรกของพวกเขา

     

     

     

    โอ้ยยย ให้ตายเหอะเพราะนายแท้ๆ ชานยอล ฉันเมื่อยขาไปหมดเลย

     

     

                ผมพูดบ่นๆให้คนที่เดินอยู่ข้างๆได้ยิน 

     

     

    “ ….. “

     

     

     

                คนที่อยู่ข้างๆผมไม่ตอบอะไร หยุดยืนนิ่งเฉยๆมองไปบนท้องฟ้าไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผมพูดเลย  ผมเลยต้องหยุดเดินและมองไปบนท้องฟ้าตามที่ชานยอลมอง

     

     

     

                ว้าววว....ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่ายามฟ้ามืดดาวจะสวยมากขนาดนี้  เปล่าหรอก....เพราะผมไม่เคยสนใจดาวเลยต่างหากล่ะ ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะไร้สาระที่เราจะต้องไปคอยดูดาวเฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไร

     

     

     

    หมอนั่นยืนดูอยู่แป๊บนึง แสงยามค่ำคืนที่ส่องลงมาที่ตัวของหมอนั่น  ผมสีทองที่เป็นประกายสะท้อนกับไฟสลัวยามค่ำคืนนั่น  ดูดีชะมัดเลย....(เอ๊ะ? -___-  )   แต่ทำไมหมอนั่นถึงให้ความสนใจกับดาวจังนะ  มันก็แค่ดาวนิ  จะดูตอนไหนก็ได้ยามค่ำคืน

     

     

     

     

    มองฉันทำไม.....หลงรักฉันแล้วล่ะสิ “  หมอนั่นละสายตาจากดวงดาวบนท้องฟ้ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับผมแล้วยิ้มกริ่ม

     

     

     

    จะบ้าหรอใครจะไปชอบนายกันล่ะ ทำไมชอบพูดจาไรหลงตัวเองอยู่เรื่อย ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ก่อนจะตอบหมอนั่นไป ทำไมถึงชอบหลงตัวเองอยู่เรื่อย ไอ้หูกางเอ้ย คิดว่าตัวเองหล่อมากหรือไง.......

     

     

     

    เออ ก็หล่อจริงล่ะ.......ผมคิดในใจ  ถึงจะหน้าตาหล่อ หน้าตาดีก็เหอะแต่ก็ใช่ว่าผมจะต้องไปหลงรักหรือชอบหมอนั่นซะหน่อย

     

     

     

    หรอ ฮ่าๆๆๆ งั้นกลับบ้านกันต่อเถอะ “   หมอนั่นหัวเราะเบาๆ ผมเงยหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้าก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วหันกลับมาเดินต่อ

     

     

     

                ระหว่างเดินทางกลับบ้านนั้นผมกับหมอนั่นไม่ได้คุยอะไรกันเลย  ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน มันอึดอัดจริงๆ  ไม่ชอบเลยทำไมหมอนั่นไม่พูดล่ะ ปกติเห็นพูดมากจะตาย ผมไม่ชินเอาซะเลยเวลาหมอนั่นทำตัวเงียบๆ  จะว่าไปตอนหมอนั่นเงียบๆนี่ไม่ยิ้มไม่พูดอะไรนี่น่ากลัวชะมัด  ปกติเห็นจะยิ้มและพูดมากตลอดเวลา

     

     

     

     

    นี่นาย.... “  เสียงของผมแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ  ผมทนกับความเงียบและความน่ากลัวของหมอนั่นไม่ได้เลยตัดสินใจเป็นคนทักหมอนั่นไปก่อน      

     

     
     

    อะไร? “  หมอนั่นตอบก่อนหันหน้ามายักคิ้วสงสัยใส่ผม 

     

     
     

     

    ทำไมจู่ๆนายก็เงียบไปล่ะ “  

     

     

     
     

    เปล่าวซะหน่อย  อ๊ะ นั่นไงถึงบ้านละ   นายนั่นหันมาตอบผมก่อนจะเงยหน้ามองบ้านที่จะถึงอยู่ตรงหน้า

     

     

     
     

    เฮ้....ห้องนายมีระเบียงยื่นออกมาด้วยหรอ หมอนั่นถาม ชี้นิ้วไปตรงห้องของผม  

     

     

     

    อือ....ใช่   ห้องฉันติดกับระเบียง ตอนเช้าๆก็ออกมาสูดอากาศได้ “ 

     

     
     

     

    ผมตอบกลับไปพลางเดินเข้าบ้านไม่ได้สนใจอะไร   ผมเดินขึ้นไปบนบ้าน เข้าห้องของตัวเองแล้ววางกระเป๋านักเรียนลงบนเตียงก่อนล้มตัวนอนลง  วันนี้เหนื่อยชะมัด  ล้าไปทั้งตัวเลย ผมคิด พลางยกมือขึ้นนวดตามตัว

     

     
     

    สักพักผมก็ไปอาบน้ำ   และกลับมายังห้องเช็ดผมให้แห้งแล้วปิดไฟล้มลงเตียงคลุมโปรงนอน

     

     

     

     

                ก๊อก   ก๊อก

     

     

     

     

     

    “  ใคร.... “  ผมขานถามออกไปแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา....

     

     

     

    ใครน่ะ ฉันถาม “ 




                      ผมตะโกนถามไปอีกที แต่ก็เหมือนเดิม......มีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา  ผมรวบรวมความกล้าลุกขึ้นจากเตียงเปิดไฟแล้วค่อยๆหันลูกบิดประตูแล้วเปิดประตูออกอย่างช้าๆ   ผมค่อยโผล่หน้าออกไปมองข้างนอกว่าใครมาเคาะประตู

     

     

     

     
     

    แบร่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “

     

     

     

    เหย!!!!!!! “

     

     

     

    ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     
     

     

                           ผมลืมตามาอีกทีก็พบว่าตัวเองนั่งลงอยู่กับพื้นแล้วมีคนตัวสูงตรงหน้ายืนมองผมแล้วหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง   ให้ตายเหอะ ไอ้หูกางมันแกล้งผมอีกแล้ว  เมื่อตอนที่เดินกลับบ้านยังเงียบๆทำหน้านิ่งจ๋อยเหมือนหมาหิวอยู่เลย

     

     

     
     

    นี่!!!  ไอ้หูกาง แกล้งกันแบบนี้ตลกมากปะ?!! “   ผมยันตัวลุกขึ้นก่อนชี้หน้าตะคอกใส่คนตรงหน้าที่เอาแต่ยืนมือกุมท้องหัวเราะไม่หยุด

     

     
     

    ฮ่าๆๆๆๆ ใช่ ตลกมาก ฮ่าๆๆๆๆๆ “  คนตรงหน้าหัวเราะไม่หยุด แถมยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง

     

     

    “  เฮ้อออ ฉันล่ะขี้เกียจพูดกับนายละ  กลับห้องไปได้แล้ว ฉันจะนอนพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน ผมว่าก่อนโบกมือไล่เบาๆ

     

     

    ฉันนอนไม่หลับ ฉันยังหลงเวลาอยู่

     

     

    แล้วไง?

     

     

    “  อยากดูดาว 

     

     

     

     

                ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดต่อนายนั่นก็เข้ามาในห้องผมโดยที่ยังไม่ขออนุญาตจาผม  แต่ผมก็ปล่อยให้นายนั่นเข้ามาไม่ได้ห้ามอะไร  เพราะเมื่อตอนหัวค่ำเห็นจากสีหน้านายนั่นตอนเงียบขรึม  ดูป็นคนน่าสงสารชะมัด  คยองซูเคยบอกผมว่า 

     

     

     

    คนที่ร่าเริงยิ้มแจ่มใส  คนที่ใครอยู่ด้วยแล้วก็มีความสุข  ตอนที่คนนั้นเศร้า  คนนั้นจะน่าสงสารมากที่สุด 

     
     

     

    ผมว่าที่คยองซูพูดมาเป็นความจริงล่ะ  เมื่อตอนหัวค่ำชานยอลน่าสงสารมากจริงๆ  หรือเพราะว่าผมไม่ชินกับมุมๆนี้ของนายนั่น

     

     

     

    ระเบียงนายอยู่ตรงไหนหรอ แบคฮยอน  




                นายนั่นมองไปรอบๆห้องก่อนจะหันมาถามผม  ผมเลยชี้ไปตรงระเบียงที่มีผ้าม่านปิดไว้อยู่  ระเบียงผมอยู่ใกล้ๆกับเตียง  ถ้าจะดูดาวจริงๆไม่ต้องออกไปนอกระเบียงก็ได้  แค่เปิดผ้าม่านออกก็นอนดูดาวได้แล้ว   ชานยอลเดินไปตามที่นิ้วแบคฮยอนชี้ ชานยอลเปิดผ้าม่านออกมาก็พบว่ามีประตูกระจกเลื่อนบานใหญ่อยู่

     

     

     

    ชานยอล นายแน่ใจหรอว่าจะออกไปดูดาวข้างนอก   ตอนกลางคืนยุงเยอะจะตาย “  ผมถาม เหลือบมองเจ้าตัวสูงที่มองออกไปข้างนอกอย่างสนใจ

     

     
     

    “  งั้นฉันนั่งในห้องข้างๆเตียงนายแต่เปิดผ้าม่านออกดูดาวได้ไหม หมอนั่นหันมาถาม

     

     

     

     ให้ตายสิ

    แววตายังกะลูกหมาได้ของเล่น 

     

     

     

    แล้วแต่นาย   ตอนดูดาวปิดไฟด้วยก็แล้วกันเพราะฉันง่วง ฉันจะนอนผมหันหน้า หลบสายตาคู่นั้นกับมายังที่นอน

     

     

     

    “  อื้ม...

     

     

     

     ชานยอลตอบก่อนจะเดินไปปิดไฟและล้มตัวนั่งลงตรงพื้นเอาหลังพิงขอบเตียงและหันหน้ามองดูดาวอย่างเงียบๆอยู่คนเดียว  ส่วนผมก็นอนอยู่บนเตียง  ให้ตายเหอะผมก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ใครจะไปหลับลงล่ะก็มีคนมาอยู่ในห้องด้วยเนี่ย 

     

     

     

    ผมนอนตะแคงแอบมองหมอนั่นเล็กน้อย หมอนั่นนั่งดูดาวอย่างใจจดใจจ่อ หมอนั่นไม่เบื่อบ้างหรอที่นั่งดูดาวอยู่เฉยๆ ทำไมถึงให้ความสนใจกับดาวจัง หมอนั่นชอบดูดาวหรอ  ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ ว่าคนพูดมากอย่างหมอนั่นจะชอบนั่งดูดาวและมีมุมเงียบขรึมอย่างนี้ด้วย

     

     

     

    03:00 am

     


     

     

                ผมลืมตาขึ้นมากลางดึก นี่ผมหลับไปตอนไหนเนี่ยไม่รู้ตัวเลยแฮะ  ผมจำได้ตอนสุดท้ายคือนอนมองชานยอลนั่งดูดาว  ผมรู้สึกถึงมีอะไรหนักๆทับที่ช่วงท้อง  

     

     




     

    อะ อะไรเนี่ย

     

     



     

    ผมเบี่ยงตัวหันตะแคงข้าง แต่ก็ต้องตกใจแบบสุดชีวิต  ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดใส่หน้าผม

     

     


     

    ชานยอล.. ชานยอลเรอะ?

     

     



     

    พอผมหันไปก็พบว่าคนที่มานอนข้างๆผมคือชานยอล  ดวงตากลมโตถูกปิดสนิท  ลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าคนข้างๆเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ผมสังเกตว่าหมอนี่หลับสนิทสุดๆ  แต่ร่างกายของหมอนั่นไม่ได้ห่มผ้าห่มด้วย แอร์ก็เย็นไม่หนาวหรือไงกันนะ  สงสัยจะชินกับอากาศที่อเมริกามั้ง

     

     



     

    เอาวะ.. ผมดึงผ้าห่มห่มให้อีกคนเบาๆ

    ผมไม่ได้ต้องการจะให้มันตื่น

     

     



     

    ก็แค่.. ก็แค่เห็นว่ามันหลงเวลา กว่าจะหลับก็หลับยากแค่นั้นเอง

     

     



     

    ผมสะบัดหัวเบาๆ ก่อนถดตัวนอนลงไปตามเดิม ถึงจะไม่ค่อยชินกับการที่มีลมอุ่นๆเป่ารดระยะประชิดก็เถอะรับ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

     

     




     

    ฝันดีนะ.....นาย ปาร์ค ขานยอล

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×