ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the tale of love

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 48


         เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงกับเสียงคุ้นหูที่ดังมาแต่ไกล

          ..ลูนะ..เป็นอะไรอีกล่ะ..ถึงจะนิสัยห้าวๆ แต่ยังไงก็อดห่วงไม่ได้แฮะ...

         เท้าไวเท่าความคิดเมื่อสองขาพาวิ่งไปทางต้นเสียงทันที \"ลู..เป็นอะ.\"



         \"น่าร้ากก..\"เสียงเล็กเอ่ยอย่างตื่นเต้น  แต่ภาพที่เห็นกลับทำเอาคูลเวตน์ยืนนิ่งไป

         …ก็ในมือของเธอนั่นมันเหลือเชื่อชัดๆ...



         ลูนะมองร่างเล็กๆของแฟรี่ตัวจิ๋วที่มีขนาดใหญ่กว่านกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปีกบางสีฟ้าของมันถูกเด็กหญิงทดลองจับดูเป็นว่าเล่น ส่วนเจ้าแฟรี่เคราะห์ร้ายก็ได้แต่ต่อสู้สุดฤทธิ์จนเส้นผมสีทองสลวยที่ถูกมัดรวบเป็นเปียสองข้างปลิวไสวตามแรง



          คูลเวตน์กระพริบตาปริบๆราวกับจะไล่ภาพลวงตา

         ..ของแบบนี้มีจริงได้ยังไงกัน มองยังไงก็เป็นแฟรี่ชัดๆ..



         เด็กหนุ่มเสมองไปทางอื่นหวังจะให้ภาพลวงตาหายไป แต่พอมองไปทางยอดไม้แต่ก็ต้องแปลกใจรอบสองเมื่อเห็นเงาคนจากข้างบน



         \"น่าสนใจๆ มองเห็นพวกเรากันทั้งคู่เลยเหรอ\" เสียงถามมาจากร่างนั้นก่อนที่เจ้าตัวจะบินลอยลงมาอยู่ต่อหน้าพวกเขา \"สวัสดี ชั้นเป็นเทพแห่งต้นไม้ ชื่อเคียร่า\"



          ทั้งสองหันมามองพลางเบิกตากว้างก่อนจะพร้อมใจประสานเสียงกันอีกรอบ



          \"ว๊ากกก..!!\"

                                                            ~*~*~*~*~*~*~



         เมื่อเริ่มสงบสติอารมณ์กันได้บ้างแล้วลูนะจึงค่อยๆเอ่ยคำถามแม้ว่าคูลเวตน์จะไม่อยากเชื่อเรื่องเหล่านี้เลยก็ตาม



          \"พวกคุณเป็นใครกัน แล้วมาจากไหน\" เธอเอ่ยอย่างเป็นมิตร



         \"ก็บอกแล้วไงว่าข้าคือเคียร่า ส่วนเจ้าแฟรี่นี่ก็เรนนี่\" เทพสาวตอบ \"แต่ที่ถามว่าเรามาจากไหนคงตอบไม่ได้เพราะพวกเราอยู่ที่นี่กันมาแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเจ้ามองไม่เห็นกันเองก็เท่านั้น\"



         \"ถ้างั้น..ทำไม\" ลูนะขมวดคิ้วในขณะที่เคียร่ายิ้มบางๆพลางชี้มือไปทางกระเป๋าเสื้อของเธอ



         \"เพราะเจ้าสิ่งนั้นไงล่ะ ที่ทำให้มองเห็นพวกเรา\"



         \"หินลายหยดน้ำ??\" เด็กหญิงมองมันอย่างงๆพลางหันไปทางคูลเวตน์ที่หยิบของตัวเองออกมาดูเหมือนกัน



         \"ดิวดรอบ\" เรนนี่แก้อย่างคนรู้ดี



         \"มันเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขี้นได้ยากมากเมื่อหยาดน้ำค้างแห่งรุ่งอรุณจะรวมตัวกันและกลายเป็นหินแบบนี้ แล้วมันก็มีพลังพิเศษที่ทำให้เห็นพวกเราได้เพราะปกติมนุษย์จะไม่สามารถเห็นได้หรอก\" เทพสาวอธิบาย



         \"ใช่...แล้วมันก็บังเอิญจริงๆที่พวกนายเก็บได้\" เรนนี่ว่าต่อ \"ผุ้ที่มองเห็นดิวดรอบได้จะเป็นคนที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากจริงเท่านั้นแหละ\" เจ้าแฟรี่แลบลิ้นใส่ ..ท่าทางจะยังโกรธคาลูร์ไม่หาย..



         \"เหลือเชื่อ\" คูลเวตน์เอ่ยหลังจากเงียบไปนาน ส่วนลูนะก็ได้แต่มองเคียร่ากับเรนนี่สลับไปมาพลางยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ตามฉบับตัวเอง



         ส่วนเรนนี่ก็หันมาพูดต่ออย่างไม่สนใจใคร

         \"เข้าใจก็ดีแล้วทีนี้พวกนายก็ห่างๆธรรมชาติซักพักละกันจะได้ไม่ต้องเจอพวกเราอีก\" แฟรี่น้อยบอกอย่างมั่นใจเพราะก่อนหน้านี้เคยมีคนเก็บดิวดรอบได้แต่ก็กลัวพวกเธอจนแผ่นแน่บไปทั้งๆที่ไม่มีอะไรอันตรายอะไรซักหน่อย..มนุษย์ก็เหมือนๆกันหมดน่ะแหละ



         \"เคียร่า\" ลูนะเอ่ยเรียกอย่างตื่นเต้นพลางหันไปมองคูลเวตน์และมาหยุดอยู่ที่เรนนี่ \"ตั้งแต่นี้ไปชั้นจะขอมาที่นี่ทุกวันเลยนะ เรื่องเทพนิยายเนี่ยชอบมาตั้งนานแล้ว..!!\"



         คำพูดที่หนักแน่นและดูเหมือนว่าจะไม่เปลี่ยนใจของเด็กหญิงทำเอาแฟรี่น้อยอ้าปากค้าง

         ..อะไรกันเนี่ย งานนี้ท่าจะยุ่งซะแล้ว พวกนี้ไม่เห็นเหมือนคนอื่นๆเลย...



                                                                  ~*~*~*~*~*~*~



         แล้วลูนะก็ทำตามที่พูดไว้อย่างไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว เธอกลายเป็นคนตื่นเช้าขึ้นมาได้เพื่อจะมาที่สวนหลังโรงเรียนนี้โดยเฉพาะ  ส่วนช่วงเย็นถ้ามีเวลาเด็กหญิงก็จะแอบแวะมาเล่นก่อนกลับบ้านเหมือนกัน

         เธอสามารถผูกมิตรกับเหล่าแฟรี่ในสวนได้อย่างรวดเร็วและด้วยความที่เป็นคนชอบเทพนิยายสุดๆอยู่แล้วทำให้ลูนะสนุกได้อย่างไม่เบื่อเลย ส่วนเรนนี่ที่ไม่ค่อยถูกชะตากับลูนะในตอนแรกกลับยอมเปิดใจเล่นกับเธอบ้างแล้ว



         “โอ๊ส!!วันนี้มีขนมเค้กมาฝากเต็มเลย ใครช้าอดน้าคร้าบ..” เด็กหญิงวิ่งเข้าสวนไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นเหล่าแฟรี่บินมาหาเธอด้วยความคุ้นเคย



         “อรุณสวัสดิ์ลูนะ มาเช้าจังนะวันนี้” แอเรียล เงือกน้อยแห่งบ่อปลาส่งเสียงทักมาด้วยความขบขัน “อ้าว..มาเช้าพอกันเลยแฮะ อรุณสวัสดิ์หนุ่มน้อยคูลเวตน์”



         ลูนะหันหลังไปตามทางก็เห็นคนที่ถูกเรียกโบกมือทักน้อยๆพลางเดินตามหลังเธอเข้ามาติดๆ

         ..นี่ก็น่าแปลก ตอนแรกๆก็เห็นพี่คูลทำท่าจะไม่เชื่อเรื่องแฟรี่ แต่ไหงเขากลับมาที่นี่ซะได้ละเนี่ย  เฮ้อ..ช่างเถอะเรื่องของเขานี่นา..



         “เคียร่าชั้นเอาวิทยุมาด้วยล่ะ เปิดเพลงฟังแล้วกินมอร์นิ่งไทม์กันเถอะ” เธอหันมาสนใจของตรงหน้าแทนก่อนจะแจกจ่ายขนมให้เพื่อนๆอย่างมีความสุข



         “จริงสิแอเรียลกินเค้กด้วยไหม” ลูนะหันไปหาเงือกน้อย เมื่อเห็นเธอพยักหน้ารับเด็กหญิงจึงลุกไปหาทันที



         “อ่ะนี่” เธอส่งให้แต่กลับสะดุดเศษหินเสียหลักจนเกือบร่วงไปในบ่อน้ำถ้าไม่ใช่เพราะว่า..



         “ไม่เป็นไรนะ” คูลเวตน์เอ่ยอย่างร้อนรนพลางถามคนในอ้อมแขน



         ..โชคดีจริงๆที่คว้าร่างเล็กไว้ทันก่อนจะหล่นโครมลงไปในน้ำ  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องช่วยเธอ  แต่ในใจมันกลับเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก  แค่รู้ว่าเธอกำลังจะตกน้ำก็รีบวิ่งมารับแทบไม่ทันแล้ว..



         “อ..เอ้อ” ลูนะเอ่ยอย่างตะกุกตะกักเมื่อออกมาจากอ้อมกอดของเขา

         ..ทำไมหัวใจถึงได้เต้นผิดจังหวะได้ก็ไม่รู้..



         “ขอบคุณนะ  พี่คูล ไม่ได้พี่หนูคงตกไปแล้วละ” เธอยิ้มให้เขาอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก

         ..ดูดีๆถ้าหมอนี่ไม่ปากเสียแล้วก็มีน้ำใจแบบนี้  ไม่เก๊กมากเกินไปเหมือนแต่ก่อนก็น่ารักดีแฮะ..



                                                                    ~*~*~*~*~*~*~



         ราวกลับกลัวว่าลูนะจะทำอะไรแผลงๆอีกคูลเวตน์จึงมาคอยเฝ้าที่สวนนี่แทบทุกวัน  แม้จะต้องตื่นเช้าไปเสียหน่อยแต่เอาเข้าจริงๆมาคุยเล่นกับพวกแฟรี่ก็ไม่เลวนักหรอกถึงจะต้องทนฟังเสียงเจื้อยแจ้วของลูนะตัวดีอยู่ตลอดเวลาก็เถอะ

         ถ้านับดูจริงๆหลังจากที่ได้พบกับพวกเคียร่าครั้งแรกก็ปาเข้าไปเกือบสองสัปดาห์แล้ว จะว่าไปก็อาจเป็นเพราะกาลเวลาหรือไม่ก็เพราะเหตุการณ์ที่บ่อปลานั่นแหละที่ทำให้เขากับลูนะพูดกันดีๆได้โดยไม่กัดกันอีก อย่างน้อยก็ได้เป็นมิตรกันมากพอตัวทีเดียว



         ขนมคุกกี้ถุงโตถูกยื่นมาตรงหน้าทำเอาคนรับแปลกใจไปพอตัว “ให้ฉันเหรอ”

         เด็กหนุ่มหันไปมองลูนะที่พยักหน้ารับ

         ..ก็แค่แปลกใจว่าทำไมคราวนี้ถึงให้ขนมถุงใหญ่กว่าปกติ ทั้งที่เจ้าตัวหวงขนมจะตายไป..



         “ขี้โกงนี่หน่า ทำไมเจ้านั่นได้ถุงใหญ่กว่าล่ะ” จิน แฟรี่เพศชายที่ชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจบ่นอย่างอารมณ์เสีย



         “ไม่เห็นแปลกเลยจินก็ลูนะเขาชอบคูลเวตน์นี่หน่า” เรนนี่บอกเพื่อนอย่างไม่รู้ตัวว่าคนที่ถูกเอ่ยหน้าขึ้นสีไปทั้งคู่แล้ว



         “เปล่านะ..แค่ขอบคุณที่พี่เขาคอยช่วยเหลือบ่อยๆต่างหาก” เด็กหญิงรีบเอ่ยแก้

         ...หลังจากช่วยที่บ่อน้ำพี่เขายังมาคอยสอนการบ้าน คอยช่วยถือของบ่อยๆเลยนี่นา..ก็แค่ขอบคุณเอง คิดอะไรมากนะเรนนี่..



         “เอ้อ..ว่าแต่ว่าพวกเราจะสามารถมองเห็นเคียร่าได้ตลอดไปเลยรึเปล่าล่ะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง



         “ชั้นกำลังจะบอกเรื่องนี้อยู่พอดีเลย” เทพสาวเอ่ยอย่างเศร้าๆ “ดิวดรอบจะหายไปเมื่อหมดเวลาของมันและดูท่าทางมันคงจะหายไปราวๆอาทิตย์นี้ซะด้วยซิ”



         “ถ..ถ้ามันหายไปก็..” ลูนะเงียบไปเมื่อพูดคำสุดท้ายไม่ออก



         “ก็จะไม่สามารถเห็นพวกเราได้อีก” เรนนี่ต่อให้แต่สีหน้ากลับสลดลง “บอกตรงๆว่าตอนแรกชั้นไม่ถูกชะตากับเธอเลยเพราะว่ามนุษย์น่ะชอบทำลายธรรมชาติ แต่พอรู้จักกันจริงๆก็รู้ว่าพวกเธอไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย ออกจะเป็นคนดีด้วยซ้ำจนตอนนี้ชักไม่อยากแยกจากกันซะแล้ว”



         ลูนะสลดไปวูบหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มกว้างเหมือนเดิม “เอาน่ายังพอมีเวลาเหลืออีกหน่อยนี่หน่า  ใช้ช่วงเวลาที่มีอยู่ให้มีค่าที่สุดละกันนะ  พวกเราร้องเพลงกันอีกรอบเถอะ..”



        ..ในเมื่อเวลาก็เหลือน้อยมากแล้วถ้ามัวแต่สลดก็หมดสนุกกันพอดีน่ะซิ ขอใช้ช่วงเวลาที่ล้ำค่าให้คุ้มเถอะ ให้ได้อยู่กับทุกๆคนแล้วก็..พี่คูล..

        

                                                                   ~*~*~*~*~*~*~*~



         ถ้าถามถึงช่วงที่วุ่นวายมากที่สุดในโรงเรียนคงไม่พ้นตอนพักที่นักเรียนรอคอยให้ถึงเป็นที่สุด  เมื่อกริ่งปล่อยพักดังขึ้นจึงมีเสียงเฮลั่นของทุกคนตามมาอีกระลอก



         “ไปโรงอาหารกันเลยนะลู” เจน เพื่อนสาวของลูนะเข้ามาชวนทันทีที่ออกจากห้องเรียน



         “เอ้อ..โทษทีนะเดี๋ยวจะตามไปละกันมีธุระนิดหน่อย” เธอว่าในขณะที่วิ่งไปชั้นบนทันที

         ..ก็เมื่อวานพี่คูลดันลืมหนังสือเรียนไว้ที่สวนซะนี่  ถ้ามีเรียนก็แย่เลย..



         เด็กหญิงหยุดยืนหน้าห้องเรียนของคูลเวตน์แต่ไม่ทันจะเข้าไปก็ได้ยินเสียงที่ลอดมาจากประตูห้องซึ่งแง้มเอาไว้



         “คูลเวตน์  เห็นเขาว่ากันว่านายไปที่สวนหลังโรงเรียนกับรุ่นน้องที่ชื่อลูนะเหรอ  อย่าบอกนะว่านายชอบยันนั่น เห็นห้าวออก นิสัยต่างกับนายจะตายไป”



         “เกี่ยวอะไรกับนาย ชั้นก็ยังไม่ได้บอกว่าชอบเขาซักหน่อย” เสียงคูลเวตน์ตอบมาเรียบๆแต่ก็ทำเอาลูนะหันหลังวิ่งกลับไปอีกทางแทบจะทันที



         ..นั่นซิ..คนเก่งๆอย่างเขามีเหรอจะมาสนใจเรา ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะดิวดรอบก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักกันหรอก  เรื่องทั้งหมดนี่อาจไม่มีวันเกิดขึ้นเลยก็ได้ สุดท้ายมันก็แค่ความคิดไปเองเท่านั้นซินะ..แค่คิดไปเอง..เท่านั้น..
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×