ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( fic exo ) c á l i d o 。 | chanbaek ft.kaihun/lumin

    ลำดับตอนที่ #2 : ร่มคันที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 58



    ร่มคันที่ 1

      

    “บางครั้งถ้าสังเกตบ้างก็คงดี”

      

                เช้าวันนี้อากาศไม่ได้สดใสเหมือนในการ์ตูนหรือในนิยายเรื่องไหนๆ ท้องฟ้ายามเช้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆฝนสีอึมครึมแตกต่างกันกับใครบางคนที่อยู่ในห้องและกำลังมีความสุขกับเช้าวันนี้เสียเหลือเกิน

     

                แบคฮยอนที่กำลังนอนขยับตัวขยุกขยิกอยู่บนเตียง ในมือถือเครื่องมือสื่อสารที่กำลังเป็นที่ยอดฮิต สองนิ้วมือรัวจิ้มลงกดตอบโปรแกรมแชทอย่างรัวและรวดเร็วนั่นบ่งบอกได้ว่าแบคฮยอนนั้นติดเจ้าเครื่องมือสื่อสารนี่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

     

                คิกคิก..

     

                เสียงหัวเราะของแบคฮยอนที่ดังออกมาเป็นช่วงๆ สายตาของแบคฮยอนก็ยังคงจ้องอยู่ที่โปรแกรมแชทอยู่เดิมเดิม ใครกันนะที่จะทำให้แบคฮยอนมีความสุขได้ขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ใครนั้น

     

                พัค โชรง

     

                เธอเป็นรุ่นน้องแบคฮยอนถึง4ปี เท่ากับว่าตอนนี้เธอกำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมปลายปีสามนั่นเอง โชรงเป็นเด็กน่ารักเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้คนอย่างแบคฮยอนรู้สึก อ ย า ก ดู แ ล

     

                RRRRRRRRRRR~

     

                ว่าไงคะคนสวยของพี่แบคฮยอนกดรับสายด้วยน้ำเสียงที่ดูนุ่ม สุภาพ และอ่อนหวาน..

     

                (คิดถึงพี่แบคฮยอนจังเลยค่ะ)

     

                ฮ่าๆพี่ก็คิดถึงเรานะคะคนดี วันนี้พี่ว่าฝนต้องตกแน่ๆเลยอย่าลืมพกร่มนะคะน้ำเสียงที่ไม่ว่าใครที่ผ่านมาได้ยินก็ต้องฟังออกว่าแบคฮยอนห่วงคนในสายมากแค่ไหน

     

                (ค่ะ พี่แบคฮยอนด้วยน้า เนี่ยไม่ได้เจอพี่แบคฮยอนมา 1 2 3 4 วันแล้วนะเนี่ย!คิดถึงเป็นบ้าเลยละ)

     

                เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนอีกวันใช่ไหมคะ งั้นวันเสาร์ที่จะถึงเราไปเที่ยวกันนะคะ ไปกินไอศกรีมร้านโปรดที่เราชอบดีมั้ยเอ่ย?

     

                (อื้อ! ไปเรียนแล้วนะคะ รักพี่แบคฮยอนนะ!)

     

                รักเราเหมือนกันนะครับนางฟ้าของพี่ ตั้งใจเรียนนะครับ แบคฮยอนว่าพลางนอนยิ้มบนเตียงอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอาเครื่องมือสื่อสารมาดูและได้เห็นว่าอีกฝ่ายได้กดตัดสายไปแล้ว แบคฮยอนเอื้อมมือไปวางโทรศัพท์ไปบนชั้นที่อยู่เหนือเตียง

     

                เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาบนผนังก็เห็นว่าเป็นเวลา 7:00 นาฬิกาเข้าไปแล้ว แบคฮยอนรีบกุลีกุจอพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ก็แน่ละวันนี้แบคฮยอนมีเรียนเช้านี่นา

     

                หลังจากทำธุระเสร็จฝนยามเช้าก็ตกลงมาเสียอย่างนั้น แบคฮยอนมีเรียนตอน 8:30 นาฬิกาซึ่งตอนนี้เพียงอีกไม่กี่นาทีก็จะ8นาฬิกาอยู่แล้ว แบคฮยอนรีบแต่งตัวและคว้าเอาสัมภาระเพื่อลงไปรอเพื่อนที่จะมารับหน้าบ้านในเช้าเกือบทุกวันเหมือนเดิม

     

                คิม จงอิน

     

                RRRRRRRRRRRR~

     

                ว่าไงมึง นี่กูมารอข้างล่างแล้วนะแบคฮยอนกดรับพลางกรอกเสียงไปตามสาย

     

                (เออๆแวะซื้อหมูปิ้งหน้าปากซอยหน้าบ้านมึงอยู่อ่ะ ไอเซฮุนมันหิวมึงแดกไรยังจะได้ซั้อไปเผื่อ)

     

                เออๆซื้อมาเผื่อด้วย

     

                (เออๆ ซื้อฝากอีเตี้ยด้วย)

     

                คาดว่าประโยคถัดไปจงอินอาจจะตะโกนบอกเซฮุนแต่แบคฮยอนกลับได้ยินซะงั้น ซึ่งก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรจงอินไม่เลย..

     

                อีดำเอ้ย

     

                หยอกครับ..

     

                แบคฮยอนเดินลงมาหน้าบ้านพร้อมกับกวาดสายตาแล้วก็ต้องพบกับพี่ชายตัวดีของเขาเองพี่อี้ฟาน ไม่ใช่พี่แท้ๆหรอกครับ พี่เขาแค่มาอาศัยอยู่ด้วยสักพักเนื่องจากเพิ่งหางานทำแถวนี้ได้ ตอนนี้กำลังรอคอนโดสร้างอยู่ จริงๆต้องเรียกว่าลูกพี่ลูกน้องมากกว่าถูกไหมครับ?

     

                พี่ ไหนแม่วะ

     

                ออกไปตลาดอ่ะ

     

                ฝนตกเนี่ยนะ?

     

                ตอนแม่มึงออกมันก็ยังไม่ตกป่ะครับน้อง

     

                เออๆขอโทษได้ไหมละครับพี่ ไปเรียนละนะพี่ฝากบอกแม่ด้วย บาย

     

                ปี๊น ปี๊น!

     

                เสียงแตรรถดังมาจากนอกบ้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร..

     

                ไปเห่อะ เพื่อนมาละ ตั้งใจเรียนไอน้องอย่ามัวแต่หลีสาว

     

                เออๆบาย

     

                และด้วยความรีบเร่งของแบคฮยอนมันก็มากพอที่จะทำให้แบคฮยอนลืมของสำคัญที่ควรจะพกในฤดูฝนแบบนี้..

     

                แบคฮยอนคนเก่งของเราลืมร่มซะแล้ว..

     

     

     

     

                สายฝนที่ยังคงหลั่งลงมาอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แต่นั่นก็ไม่ได้หนักมากพอที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมหรืออะไรก็แค่ทำให้อากาศเย็นและเปียกก็เท่านั้น..

     

                ชานยอลลืมตาขึ้นกับบรรยากาศยามสายของเช้าวันนี้ที่อากาศออกจะเย็นสบายไปซะเหลือเกิน รู้สึกโชคดีจริงๆที่วันนี้พี่ปีสองนัดตอนสิบเอ็ดโมง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเพียงเวลาแปดนาฬิกาเท่านั้น

     

                หลังจากเมื่อวานที่เขาเดินกลับบ้านกับพี่แบคฮยอนจริงๆบ้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันอย่างที่คิดหรอกครับก็แค่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่ก็อยู่ห่างจากกันแค่3ซอยเท่านั้น มันก็ไม่ได้ไกลเกินที่จะให้ชานยอลเดินไปส่งและเดินกลับมาบ้านตัวเอง

     

                แต่ถึงบ้านแบคฮยอนอยู่ไกลชานยอลก็คงเดินไปส่งอยู่ดี

     

                ชานยอลเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงออกมาดูฟีดใหม่สำหรับทุกวัน ก่อนจะต้องตกใจกับตัวเลขเล็กน้อย

     

                คุณมี 1 ข้อความใหม่

                คุณมี 7 สายที่ไม่ได้รับ

     

                ความคิดแรกที่แว๊บเข้ามาหลังจากเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความและคนที่โทรมาทั้งหมดคงไม่มีอะไรนอกจากคำว่า กวนตีน

     

                และคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนตัวดีของชานยอล... ลู่หาน

     

                ชานยอลสไลด์หน้าเครื่องมือสื่อสารในมือและไม่ลังเลที่จะต่อสายถึงเพื่อนตัวดีเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาฝ่ายตรงข้ามก็รับสายอย่างรวดเร็ว

     

                ว่าไงมึง

     

                (อยู่ไหนวะ กูอยู่มอแล้วอ่ะ)

     

                กำลังเดินออกจากบ้านชานยอลกำลังนอนอยู่บนเตียง

     

                (เออรีบๆมา กูรออยู่ที่ร้านหน้าคณะนะรีบๆ)

     

                ยี่สิบนาทีเจอกัน นั่งป้อสาวไปก่อนนะมึง

     

    ยี่สิบนาทีหรือหนึ่งชั่วโมงกันแน่ปาร์คชานยอล...

     

    (บาย)

     

    ชานยอลค่อยๆขยับร่างสูงๆ ขายาวๆ หยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าแล้วค่อยๆเดินเข้าห้องน้ำไปแบบไม่รีบเร่ง พร้อมๆกับฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี

     

     

     

     

    แบคฮยอนมาถึงมอตอนแปดโมงกว่าๆ ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็แยกกันไปตามคณะ แบคฮยอน จงอิน และเซฮุนไม่ได้เรียนอยู่คณะเดียวกัน เรียกได้ว่าไปกันคนละทางเลยด้วยซ้ำ

     

    แบคฮยอนเรียนดุริยางคศิลป์ เอกการขับร้อง

    เซฮุนเรียนนิเทศ สาขาศิลปะการแสดง

    จงอินเรียนวิศวะโยธา

     

    ...

     

    เฟี้ยวจังครับ สามหนุ่ม สามหล่อ สามสไตล์

     

    ขณะที่แบคฮยอนกำลังเดินไปตามทางเรื่อยๆก็พบปะกับรุ่นน้องในคณะมากมายแน่นอนว่าปีสุดท้ายแล้วการมีรุ่นน้องรู้จักเยอะคงไม่แปลกสักเท่าไหร่ เพราะงานคณะส่วนใหญ่แบคฮยอนก็จะลงแสดงด้วยทุกครั้ง

     

    ไงมึงแบคฮยอนเอ่ยปากทักเพื่อนตัวเล็กตรงหน้า

     

                กูมีข่าวดีจะบอก

     

                ว่าไงมึง มีผัวแล้วเหรอวะหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ

     

                ยกคลาส

     

                ครับ...

                อาจารย์มหาลัยนี่แฟนตาซีมากไหมครับ

                ยกคลาสกันนี่หนักไหม

                วางได้นะ

     

                ถุ้ย!

     

                เออๆขอบใจแบคฮยอนว่าพลางตบบ่าเพื่อนตรงหน้าเบาๆก่อนจะหันหลังกลับไป ดูท่าแบคฮยอนคนเก่งคงต้องหาทางกลับบ้านเองเสียแล้วล่ะ

     

                เดี๋ยวแบค กูหิวอ่ะ ไปกินร้านข้างคณะการบินกัน เปิดใหม่อร่อยมาก

     

                แน่นอนว่า!?”

     

                เออ กูเลี้ยงจอดรถไว้หลังคณะพอดี ไปกันหิวจนจะแดกมึงได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย

     

                หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนสองคนที่พากันเดินกอดคอกันไปตามโถงทางเดิน

     

                บางครั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนมันก็สวยงามว่าไหมครับ.. ?

     

     

     

     

                แบคฮยอนเดี๋ยวมึงลงไปจองโต๊ะก่อน กูเอารถไปจอดซิ่วหมินว่าพลางจอดหน้าร้านเพื่อให้เพื่อนลงไปก่อนเพื่อที่จะไม่ต้องเดินเปียกฝนไปด้วยกัน

     

                เออๆรีบๆเตี้ย

     

                หลังจากนั้นแบคฮยอนกับซิ่วหมินก็นั่งกินอาหารกันอยู่ในร้านนั้นสองคน เป็นร้านแนวอาหารไทยผสมอิลาเลียนซึ่งเป็นอาหารแนวที่แบคฮยอนชอบ ตกแต่งไปในโทนสีฟ้าขาว ด้วยความที่แบคฮยอนชอบสีฟ้าอยู่แล้วนั่นก็ยิ่งเพิ่มความชอบให้เจ้าตัวเข้าไปอีก

     

                ไวเนอะมึง จะจบแล้วเนี่ย เห็นเด็กเข้าใหม่แล้วนึกถึงพวกเราเลยว่ะแบคฮยอนพูดในขณะที่มองไปรอบๆเห็นรุ่นน้องเฟรชชี่อยู่ประปรายบ้างมีป้ายแขวนคอ บ้างมีผ้าสีผูกข้อมือ

     

                เออ เห็นแล้วคิดถึงเลยเนี่ย ไวฉิบหาย กูยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลย นี่กูคิดว่ากูเหนื่อยแค่เข้ามหาลัยได้แล้วก็จบแล้วนะ แต่พอได้มาอยู่จุดนี้จริงๆแล้วกูก็รู้ว่าแม่งไม่ใช่เลยซิ่วหมินพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะเบาๆพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

     

                เอาน่ามึง ถึงจุดนั้นแล้วแม่งก็ต้องดิ้นรนจนได้แหละ

     

                มึงอ่ะพูดได้เลยดิ ต้นสังกัดแม่งเล็งมึงเอาไว้แล้วนี่

     

                แต่มันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นนะมึง ลองคิดดูว่าเล่นๆ กูร้องเพลงไปอาจจะถูกหูคนบ้าง อาจจะมีคนไม่ชอบเสียงกูบ้าง กูอาจจะดับข้ามคืนก็ได้ กูว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น แต่กูเชื่อว่าถ้าคนเรามีความพยายามมากพอแม่งก็ต้องสำเร็จสักวัน หนทางการเป็นนักร้องที่ดังได้มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมึง แต่ถ้าถึงวันนั้นแล้วมึงไม่มีงานทำจริงๆ นี่กูไม่ได้แช่งนะเว้ย มึงมาร้องเพลงที่ร้านอาหารพ่อกูแก้ขัดก็ได้นะ กูยินดี

     

                กูแม่งโคตรรักมึงเลย ซิ่วหมินไม่ได้พูดเปล่าแต่หยิบซอสบนโต๊ะมาวาดเป็นรูปหัวใจบนจานข้าวของแบคฮยอนไปด้วย

     

                เออเคะน้อยของกูหลังจากนั้นก็ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะเหมือนอย่างเคย

     

                RRRRRRRRRRRR~

     

                ทั้งสองคนก็ต่างคว้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูว่าเป็นของตนเองหรือเปล่าที่เมื่อซิ่วหมินยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาชูตรงหน้าก็เป็นอันรู้กันว่าเป็นสายของซิ่วหมิน

     

                ครับป๊า

     

                ว่างครับ ยกคลาสน่ะ

     

                อ๋อ ได้ครับๆ

     

                แบค ป๊ากูตามกลับบ้านอ่ะ วันนี้มีแขกมาบ้าน มึงกลับเองได้ใช่ป่ะ นี่เงินนะฝากมึงจ่ายด้วยละกันซิ่วหมินไม่พูดเปล่าหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาและส่งเงินให้คนตรงข้ามทันที

     

                เออๆกูมีร่ม มึงไปเถอะ ขับรถดีๆนะ

     

                เออคืนนี้เจอกัน บาย

     

                แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่โบกมือหยอยๆตามเพื่อนเล็กน้อยพร้อมกับย้ายตัวเองออกจากที่นั่งเพื่อจะไปจ่ายเงิน นี่ก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมงแล้วแฮะ.. กลับบ้านไปนอนตีฮอนดีกว่า

     

     

     

     

                กริ๊ง ~

     

                เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ตรงประตูหน้าร้านเพื่อเป็นสัญญานว่ามีลูกค้าคนใหม่มาเยือน ในขณะเดียวกันแบคฮยอนที่กำลังยืนค้นสัมพาระอยู่ในกระเป๋าอยู่หน้าประตูร้านก็สบสายตากับลูกค้าคนใหม่พอดี

     

                อ้าว? ชานยอล

     

                ครับ ผมขอตัวนะเพื่อนรออยู่ชานยอลพูดพร้อมกับเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังแบคฮยอน และเมื่อแบคฮยอนหันกลับไปก็พบว่าชานยอลนัดเพื่อนเอาไว้จริงๆแต่คนละมุมกับเมื่อกี้ที่เขานั่งเลยแฮะ

     

                เอ้ะ..

     

                ร่ม..

     

                หยิบมาแล้วนี่..

     

                แบคฮยอนก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาคุ้ยกระเป๋าต่อไป ไม่งั้นคงกลับบ้านไม่ได้แน่ๆ จริงอยู่ว่าฝนมันตกไม่หนัก แต่กว่าจะเดินออกไปหน้ามอนี่คงเปียกแน่ๆ ใกล้ๆซะเมื่อไหร่ ไกลพอตัวเลย ครั้นจะโทรเรียกจงอินให้มารับคิดว่าเพื่อนตัวดำก็คงต้องเรียนอยู่แน่ๆ

     

                แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดตรงไหล่..

     

                ชานยอลมีอะไรรึเปล่า? ไม่นั่งกับเพื่อนเหรอ?

     

                พี่หาอะไร

     

                อา.. ไม่ตอบคำถาม

     

                หาร่มน่ะ พี่ว่าพี่หยิบมาแล้วแต่คงลืมแน่ๆเพราะมัวแต่คุยกับพี่ชาย

     

                เอาร่มผมไปดิ แล้วก็วันหลังหัดพกร่มติดกระเป๋าไว้ด้วยนะแบคฮยอน ช่วงนี้ฝนตกบ่อยชานยอลพูดพร้อมกับยัดร่มพับสีฟ้าคันเดิมใส่มือแบคฮยอน

     

                ให้ร่มผมมาแล้วน้องใช้ไรวะ..

     

                ผมมีร่มอีกคันในกระเป๋า ไม่ต้องห่วง

     

                นี่น้องชานยอลจิตสัมผัสรึเปล่าวะ..

     

                ไม่ได้จิตสัมผัส แต่หน้าพี่มันบอกชานยอลพูดเสร็จก็เดินหันหลังกลับโต๊ะไปเลย มันเร็วจนแบคฮยอนไม่ทันเอ่ยขอบคุณกับชานยอลด้วยซ้ำ

     

                แล้วมันก็เป็นอีกวันที่แบคฮยอนกางร่มสีฟ้ากลับบ้าน..

     

     

               

    แต่หากแบคฮยอนถามซักไซ้ให้มากกว่านี้สักนิดแบคฮยอนอาจจะรู้ก็ได้ว่าวันนี้ชานยอลพกร่มมาแค่คันเดียว และมันก็อยู่ในมือของแบคฮยอนเรียบร้อยแล้ว..



     

    ガ━━Σ(゚Д゚|||)━━ン!! 

     

     

    เหนือฟ้า ยังมีฟ้า
    เหนือราดหน้า ยังมียอดผัก
    #ฟิคอบอุ่น

     

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×