คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ร่มคันที่ 1
ร่มคันที่ 1
“บางครั้งถ้าสังเกตบ้างก็คงดี”
เช้าวันนี้อากาศไม่ได้สดใสเหมือนในการ์ตูนหรือในนิยายเรื่องไหนๆ ท้องฟ้ายามเช้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆฝนสีอึมครึมแตกต่างกันกับใครบางคนที่อยู่ในห้องและกำลังมีความสุขกับเช้าวันนี้เสียเหลือเกิน
แบคฮยอนที่กำลังนอนขยับตัวขยุกขยิกอยู่บนเตียง ในมือถือเครื่องมือสื่อสารที่กำลังเป็นที่ยอดฮิต สองนิ้วมือรัวจิ้มลงกดตอบโปรแกรมแชทอย่างรัวและรวดเร็วนั่นบ่งบอกได้ว่าแบคฮยอนนั้นติดเจ้าเครื่องมือสื่อสารนี่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
คิกคิก..
เสียงหัวเราะของแบคฮยอนที่ดังออกมาเป็นช่วงๆ สายตาของแบคฮยอนก็ยังคงจ้องอยู่ที่โปรแกรมแชทอยู่เดิมเดิม ใครกันนะที่จะทำให้แบคฮยอนมีความสุขได้ขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ใครนั้น
พัค โชรง
เธอเป็นรุ่นน้องแบคฮยอนถึง4ปี เท่ากับว่าตอนนี้เธอกำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมปลายปีสามนั่นเอง โชรงเป็นเด็กน่ารักเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้คนอย่างแบคฮยอนรู้สึก อ ย า ก ดู แ ล
RRRRRRRRRRR~
“ว่าไงคะคนสวยของพี่” แบคฮยอนกดรับสายด้วยน้ำเสียงที่ดูนุ่ม สุภาพ และอ่อนหวาน..
(คิดถึงพี่แบคฮยอนจังเลยค่ะ)
“ฮ่าๆพี่ก็คิดถึงเรานะคะคนดี วันนี้พี่ว่าฝนต้องตกแน่ๆเลยอย่าลืมพกร่มนะคะ” น้ำเสียงที่ไม่ว่าใครที่ผ่านมาได้ยินก็ต้องฟังออกว่าแบคฮยอนห่วงคนในสายมากแค่ไหน
(ค่ะ พี่แบคฮยอนด้วยน้า เนี่ยไม่ได้เจอพี่แบคฮยอนมา 1 2 3 4 วันแล้วนะเนี่ย!คิดถึงเป็นบ้าเลยละ)
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนอีกวันใช่ไหมคะ งั้นวันเสาร์ที่จะถึงเราไปเที่ยวกันนะคะ ไปกินไอศกรีมร้านโปรดที่เราชอบดีมั้ยเอ่ย?”
(อื้อ! ไปเรียนแล้วนะคะ รักพี่แบคฮยอนนะ!)
“รักเราเหมือนกันนะครับนางฟ้าของพี่ ตั้งใจเรียนนะครับ” แบคฮยอนว่าพลางนอนยิ้มบนเตียงอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอาเครื่องมือสื่อสารมาดูและได้เห็นว่าอีกฝ่ายได้กดตัดสายไปแล้ว แบคฮยอนเอื้อมมือไปวางโทรศัพท์ไปบนชั้นที่อยู่เหนือเตียง
เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาบนผนังก็เห็นว่าเป็นเวลา 7:00 นาฬิกาเข้าไปแล้ว แบคฮยอนรีบกุลีกุจอพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ก็แน่ละวันนี้แบคฮยอนมีเรียนเช้านี่นา
หลังจากทำธุระเสร็จฝนยามเช้าก็ตกลงมาเสียอย่างนั้น แบคฮยอนมีเรียนตอน 8:30 นาฬิกาซึ่งตอนนี้เพียงอีกไม่กี่นาทีก็จะ8นาฬิกาอยู่แล้ว แบคฮยอนรีบแต่งตัวและคว้าเอาสัมภาระเพื่อลงไปรอเพื่อนที่จะมารับหน้าบ้านในเช้าเกือบทุกวันเหมือนเดิม
คิม จงอิน
RRRRRRRRRRRR~
“ว่าไงมึง นี่กูมารอข้างล่างแล้วนะ” แบคฮยอนกดรับพลางกรอกเสียงไปตามสาย
(เออๆแวะซื้อหมูปิ้งหน้าปากซอยหน้าบ้านมึงอยู่อ่ะ ไอเซฮุนมันหิวมึงแดกไรยังจะได้ซั้อไปเผื่อ)
“เออๆซื้อมาเผื่อด้วย”
(เออๆ ซื้อฝากอีเตี้ยด้วย)
คาดว่าประโยคถัดไปจงอินอาจจะตะโกนบอกเซฮุนแต่แบคฮยอนกลับได้ยินซะงั้น ซึ่งก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรจงอินไม่เลย..
“อีดำเอ้ย”
หยอกครับ..
แบคฮยอนเดินลงมาหน้าบ้านพร้อมกับกวาดสายตาแล้วก็ต้องพบกับพี่ชายตัวดีของเขาเองพี่อี้ฟาน ไม่ใช่พี่แท้ๆหรอกครับ พี่เขาแค่มาอาศัยอยู่ด้วยสักพักเนื่องจากเพิ่งหางานทำแถวนี้ได้ ตอนนี้กำลังรอคอนโดสร้างอยู่ จริงๆต้องเรียกว่าลูกพี่ลูกน้องมากกว่าถูกไหมครับ?
“พี่ ไหนแม่วะ”
“ออกไปตลาดอ่ะ”
“ฝนตกเนี่ยนะ?”
“ตอนแม่มึงออกมันก็ยังไม่ตกป่ะครับน้อง”
“เออๆขอโทษได้ไหมละครับพี่ ไปเรียนละนะพี่ฝากบอกแม่ด้วย บาย”
ปี๊น ปี๊น!
เสียงแตรรถดังมาจากนอกบ้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร..
“ไปเห่อะ เพื่อนมาละ ตั้งใจเรียนไอน้องอย่ามัวแต่หลีสาว”
“เออๆบาย”
และด้วยความรีบเร่งของแบคฮยอนมันก็มากพอที่จะทำให้แบคฮยอนลืมของสำคัญที่ควรจะพกในฤดูฝนแบบนี้..
แบคฮยอนคนเก่งของเราลืมร่มซะแล้ว..
สายฝนที่ยังคงหลั่งลงมาอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แต่นั่นก็ไม่ได้หนักมากพอที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมหรืออะไรก็แค่ทำให้อากาศเย็นและเปียกก็เท่านั้น..
ชานยอลลืมตาขึ้นกับบรรยากาศยามสายของเช้าวันนี้ที่อากาศออกจะเย็นสบายไปซะเหลือเกิน รู้สึกโชคดีจริงๆที่วันนี้พี่ปีสองนัดตอนสิบเอ็ดโมง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเพียงเวลาแปดนาฬิกาเท่านั้น
หลังจากเมื่อวานที่เขาเดินกลับบ้านกับพี่แบคฮยอนจริงๆบ้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันอย่างที่คิดหรอกครับก็แค่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่ก็อยู่ห่างจากกันแค่3ซอยเท่านั้น มันก็ไม่ได้ไกลเกินที่จะให้ชานยอลเดินไปส่งและเดินกลับมาบ้านตัวเอง
แต่ถึงบ้านแบคฮยอนอยู่ไกลชานยอลก็คงเดินไปส่งอยู่ดี
ชานยอลเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงออกมาดูฟีดใหม่สำหรับทุกวัน ก่อนจะต้องตกใจกับตัวเลขเล็กน้อย
‘คุณมี 1 ข้อความใหม่’
‘คุณมี 7 สายที่ไม่ได้รับ’
ความคิดแรกที่แว๊บเข้ามาหลังจากเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความและคนที่โทรมาทั้งหมดคงไม่มีอะไรนอกจากคำว่า ‘กวนตีน’
และคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนตัวดีของชานยอล... ลู่หาน
ชานยอลสไลด์หน้าเครื่องมือสื่อสารในมือและไม่ลังเลที่จะต่อสายถึงเพื่อนตัวดีเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาฝ่ายตรงข้ามก็รับสายอย่างรวดเร็ว
“ว่าไงมึง”
(อยู่ไหนวะ กูอยู่มอแล้วอ่ะ)
“กำลังเดินออกจากบ้าน” ชานยอลกำลังนอนอยู่บนเตียง
(เออรีบๆมา กูรออยู่ที่ร้านหน้าคณะนะรีบๆ)
“ยี่สิบนาทีเจอกัน นั่งป้อสาวไปก่อนนะมึง”
ยี่สิบนาทีหรือหนึ่งชั่วโมงกันแน่ปาร์คชานยอล...
(บาย)
ชานยอลค่อยๆขยับร่างสูงๆ ขายาวๆ หยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าแล้วค่อยๆเดินเข้าห้องน้ำไปแบบไม่รีบเร่ง พร้อมๆกับฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี
แบคฮยอนมาถึงมอตอนแปดโมงกว่าๆ ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็แยกกันไปตามคณะ แบคฮยอน จงอิน และเซฮุนไม่ได้เรียนอยู่คณะเดียวกัน เรียกได้ว่าไปกันคนละทางเลยด้วยซ้ำ
แบคฮยอนเรียนดุริยางคศิลป์ เอกการขับร้อง
เซฮุนเรียนนิเทศ สาขาศิลปะการแสดง
จงอินเรียนวิศวะโยธา
...
เฟี้ยวจังครับ สามหนุ่ม สามหล่อ สามสไตล์
ขณะที่แบคฮยอนกำลังเดินไปตามทางเรื่อยๆก็พบปะกับรุ่นน้องในคณะมากมายแน่นอนว่าปีสุดท้ายแล้วการมีรุ่นน้องรู้จักเยอะคงไม่แปลกสักเท่าไหร่ เพราะงานคณะส่วนใหญ่แบคฮยอนก็จะลงแสดงด้วยทุกครั้ง
“ไงมึง” แบคฮยอนเอ่ยปากทักเพื่อนตัวเล็กตรงหน้า
“กูมีข่าวดีจะบอก”
“ว่าไงมึง มีผัวแล้วเหรอวะ” หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ
“ยกคลาส”
ครับ...
อาจารย์มหาลัยนี่แฟนตาซีมากไหมครับ
ยกคลาสกันนี่หนักไหม
วางได้นะ
ถุ้ย!
“เออๆขอบใจ” แบคฮยอนว่าพลางตบบ่าเพื่อนตรงหน้าเบาๆก่อนจะหันหลังกลับไป ดูท่าแบคฮยอนคนเก่งคงต้องหาทางกลับบ้านเองเสียแล้วล่ะ
“เดี๋ยวแบค กูหิวอ่ะ ไปกินร้านข้างคณะการบินกัน เปิดใหม่อร่อยมาก”
“แน่นอนว่า!?”
“เออ กูเลี้ยงจอดรถไว้หลังคณะพอดี ไปกันหิวจนจะแดกมึงได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย”
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนสองคนที่พากันเดินกอดคอกันไปตามโถงทางเดิน
บางครั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนมันก็สวยงามว่าไหมครับ.. ?
“แบคฮยอนเดี๋ยวมึงลงไปจองโต๊ะก่อน กูเอารถไปจอด” ซิ่วหมินว่าพลางจอดหน้าร้านเพื่อให้เพื่อนลงไปก่อนเพื่อที่จะไม่ต้องเดินเปียกฝนไปด้วยกัน
“เออๆรีบๆเตี้ย”
หลังจากนั้นแบคฮยอนกับซิ่วหมินก็นั่งกินอาหารกันอยู่ในร้านนั้นสองคน เป็นร้านแนวอาหารไทยผสมอิลาเลียนซึ่งเป็นอาหารแนวที่แบคฮยอนชอบ ตกแต่งไปในโทนสีฟ้าขาว ด้วยความที่แบคฮยอนชอบสีฟ้าอยู่แล้วนั่นก็ยิ่งเพิ่มความชอบให้เจ้าตัวเข้าไปอีก
“ไวเนอะมึง จะจบแล้วเนี่ย เห็นเด็กเข้าใหม่แล้วนึกถึงพวกเราเลยว่ะ” แบคฮยอนพูดในขณะที่มองไปรอบๆเห็นรุ่นน้องเฟรชชี่อยู่ประปรายบ้างมีป้ายแขวนคอ บ้างมีผ้าสีผูกข้อมือ
“เออ เห็นแล้วคิดถึงเลยเนี่ย ไวฉิบหาย กูยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลย นี่กูคิดว่ากูเหนื่อยแค่เข้ามหาลัยได้แล้วก็จบแล้วนะ แต่พอได้มาอยู่จุดนี้จริงๆแล้วกูก็รู้ว่าแม่งไม่ใช่เลย” ซิ่วหมินพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะเบาๆพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“เอาน่ามึง ถึงจุดนั้นแล้วแม่งก็ต้องดิ้นรนจนได้แหละ”
“มึงอ่ะพูดได้เลยดิ ต้นสังกัดแม่งเล็งมึงเอาไว้แล้วนี่”
“แต่มันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นนะมึง ลองคิดดูว่าเล่นๆ กูร้องเพลงไปอาจจะถูกหูคนบ้าง อาจจะมีคนไม่ชอบเสียงกูบ้าง กูอาจจะดับข้ามคืนก็ได้ กูว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น แต่กูเชื่อว่าถ้าคนเรามีความพยายามมากพอแม่งก็ต้องสำเร็จสักวัน หนทางการเป็นนักร้องที่ดังได้มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมึง แต่ถ้าถึงวันนั้นแล้วมึงไม่มีงานทำจริงๆ นี่กูไม่ได้แช่งนะเว้ย มึงมาร้องเพลงที่ร้านอาหารพ่อกูแก้ขัดก็ได้นะ กูยินดี”
“กูแม่งโคตรรักมึงเลย” ซิ่วหมินไม่ได้พูดเปล่าแต่หยิบซอสบนโต๊ะมาวาดเป็นรูปหัวใจบนจานข้าวของแบคฮยอนไปด้วย
“เออเคะน้อยของกู” หลังจากนั้นก็ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะเหมือนอย่างเคย
RRRRRRRRRRRR~
ทั้งสองคนก็ต่างคว้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูว่าเป็นของตนเองหรือเปล่าที่เมื่อซิ่วหมินยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาชูตรงหน้าก็เป็นอันรู้กันว่าเป็นสายของซิ่วหมิน
“ครับป๊า”
“ว่างครับ ยกคลาสน่ะ”
“อ๋อ ได้ครับๆ”
“แบค ป๊ากูตามกลับบ้านอ่ะ วันนี้มีแขกมาบ้าน มึงกลับเองได้ใช่ป่ะ นี่เงินนะฝากมึงจ่ายด้วยละกัน” ซิ่วหมินไม่พูดเปล่าหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาและส่งเงินให้คนตรงข้ามทันที
“เออๆกูมีร่ม มึงไปเถอะ ขับรถดีๆนะ”
“เออคืนนี้เจอกัน บาย”
แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่โบกมือหยอยๆตามเพื่อนเล็กน้อยพร้อมกับย้ายตัวเองออกจากที่นั่งเพื่อจะไปจ่ายเงิน นี่ก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมงแล้วแฮะ.. กลับบ้านไปนอนตีฮอนดีกว่า
กริ๊ง ~
เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ตรงประตูหน้าร้านเพื่อเป็นสัญญานว่ามีลูกค้าคนใหม่มาเยือน ในขณะเดียวกันแบคฮยอนที่กำลังยืนค้นสัมพาระอยู่ในกระเป๋าอยู่หน้าประตูร้านก็สบสายตากับลูกค้าคนใหม่พอดี
“อ้าว? ชานยอล”
“ครับ ผมขอตัวนะเพื่อนรออยู่” ชานยอลพูดพร้อมกับเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังแบคฮยอน และเมื่อแบคฮยอนหันกลับไปก็พบว่าชานยอลนัดเพื่อนเอาไว้จริงๆแต่คนละมุมกับเมื่อกี้ที่เขานั่งเลยแฮะ
เอ้ะ..
ร่ม..
หยิบมาแล้วนี่..
แบคฮยอนก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาคุ้ยกระเป๋าต่อไป ไม่งั้นคงกลับบ้านไม่ได้แน่ๆ จริงอยู่ว่าฝนมันตกไม่หนัก แต่กว่าจะเดินออกไปหน้ามอนี่คงเปียกแน่ๆ ใกล้ๆซะเมื่อไหร่ ไกลพอตัวเลย ครั้นจะโทรเรียกจงอินให้มารับคิดว่าเพื่อนตัวดำก็คงต้องเรียนอยู่แน่ๆ
แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดตรงไหล่..
“ชานยอลมีอะไรรึเปล่า? ไม่นั่งกับเพื่อนเหรอ?”
“พี่หาอะไร”
อา.. ไม่ตอบคำถาม
“หาร่มน่ะ พี่ว่าพี่หยิบมาแล้วแต่คงลืมแน่ๆเพราะมัวแต่คุยกับพี่ชาย”
“เอาร่มผมไปดิ แล้วก็วันหลังหัดพกร่มติดกระเป๋าไว้ด้วยนะแบคฮยอน ช่วงนี้ฝนตกบ่อย” ชานยอลพูดพร้อมกับยัดร่มพับสีฟ้าคันเดิมใส่มือแบคฮยอน
ให้ร่มผมมาแล้วน้องใช้ไรวะ..
“ผมมีร่มอีกคันในกระเป๋า ไม่ต้องห่วง”
นี่น้องชานยอลจิตสัมผัสรึเปล่าวะ..
“ไม่ได้จิตสัมผัส แต่หน้าพี่มันบอก” ชานยอลพูดเสร็จก็เดินหันหลังกลับโต๊ะไปเลย มันเร็วจนแบคฮยอนไม่ทันเอ่ยขอบคุณกับชานยอลด้วยซ้ำ
แล้วมันก็เป็นอีกวันที่แบคฮยอนกางร่มสีฟ้ากลับบ้าน..
แต่หากแบคฮยอนถามซักไซ้ให้มากกว่านี้สักนิดแบคฮยอนอาจจะรู้ก็ได้ว่าวันนี้ชานยอลพกร่มมาแค่คันเดียว และมันก็อยู่ในมือของแบคฮยอนเรียบร้อยแล้ว..
ガ━━Σ(゚Д゚|||)━━ン!!
เหนือราดหน้า ยังมียอดผัก
#ฟิคอบอุ่น
O W E N TM.
ความคิดเห็น