คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ผู้ยิ๋งของผม
ฉันตื่นมาตอนเที่ยง วันนี้เป็นวันเสาร์จึงไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า ฉันปลุกกุกกุ๊กให้ไปอาบน้ำอาบท่า
เสร็จเรียบร้อยวันนี้ฉันมีแพลนว่าจะไปเที่ยวซะหน่อย เพราะอุดอู้อยู่แต่ในมอมานาน
“แกจะไปเที่ยวไหนอ่ะร้อนก็ร้อน ไม่มีที่ไหนน่าไปเลย” &_&
“ฉันอยากไปดูหนังว่ะ หนังเข้าใหม่อ่ะน่าดู” ฉันเพิ่งจะเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตมาหมาดๆ
“โหยแก ขี้เกียจ อยากนอนมากกว่า ไม่ไหวอ่ะ ขอบาย” กุกกุ๊กบอกพร้อมกับทิ้งตัวลงนอน เฮ้ย !
“ตกลงจะนอนว่างั้น เออ ชวนคนอื่นก็ได้ ชิ” จากนั้นฉันก็โทรจิกเพื่อนที่เหลือ แต่ไม่มีใครยอมไปกับฉันสักคน
นี่แหละน้าข้อเสียของการไม่มีแฟน ฉันว่าฉันต้องเริ่มปฏิบัติการหาคู่ด่วนแล้วนะเนี่ย ไอ้เพื่อนบ้ามันไม่สนใจฉัน
สักคน ฮือๆ ว่าแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า ชิ งอลลลลลลลลล >0<
บ่ายสองครึ่งฉันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าโรงหนังเป็นที่เรียบร้อย ตั๋วก็มีแล้ว ป๊อบคอร์น.... ก็มีแล้ว แค่ไม่มี...
คู่ แงT^T แล้วจะมายืนบ่นทำไมเนี่ย ฉันเดินเข้าไปในโรงที่3 ที่นั่งคือ A8นั่งบนสุดเลยวุ้ย
ตอนนี้หนังเริ่มฉายแล้วทุกคนในโรงเงียบได้ยินแต่เสียงเคี้ยวขนมกับเสียงดูดน้ำ มีเสียงคนหัวเราะคิกคัก
คงเพราะขำเสียงพวกนี้แหละ ก็เล่นเงียบกันซะ ฉันยังอดขำไม่ได้เลย
“นั่งด้วยคนนะ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูด ไม่รู้ว่าพูดกับฉันรึเปล่าคือในโรงหนังมันมืดน่ะ แ
ต่ที่อยู่ใกล้ๆก็ไม่มีนี่คงฉันแหละ ฉันเลยพยักหน้าให้ตามมารยาท ไม่รู้จะขอทำเพื่อ บัตรก็ซื้อมาเอง
ฉันไม่ได้ออกตังค์ซะหน่อย
“มาคนเดียวเหรอ “ ถามแปลกก็เห็นอยู่นะว่านั่งอยู่คนเดียว
“ค่ะ” ฉันตอบแต่ไม่ได้หันไปมองคนข้างๆเลยเพราะมัวแต่สนใจตัวอย่างหนัง
“แสดงว่ายังไม่มีแฟน งั้นข่าวที่ได้มาก็ถูกต้อง” สิ้นประโยคฉันก็หันไปมองหน้าคนพูดทันที (*o*)
“นายเนม มาได้ยังไงน่ะ” มันจะบังเอิญเกินไปมั้ยที่ฉันต้องมาเจอเขาที่นี่
“อ้าว ก็ขับรถมาอ่ะดิ “เขาบอกพลางเอื้อมมือมาหยิบป็อปคอร์นจากมือฉันไปกินหน้าตาเฉย
“อะไรของนายเนี่ย “ 0x0
“ชู่ววววววว์ เงียบๆน่า แค่นี้อย่าหวงนักเลย ไว้ดูหนังเสร็จเดี๋ยวฉันเลี่ยงข้าวแทนป็อปคอร์นที่ฉันกินเลยเอ้า”
ฉันจำต้องเงียบ ไม่ใช่เพราะข้อเสนอ แต่เป็นเพราะคนหันมามอง ถ้าเกิดยัยแมรี่อยู่แถวนี้ฉันซวยแน่
หนังเรื่องนี้มีฉากต่อสู้เยอะจังเลย มันมีฉากที่ตัวร้ายเอามีดเสียบพุงตาลุงแก่ๆคนนึงแล้วก็ตัดแขนด้วยง่ะ
กลัว T^T ฉันเอามือข้างหนึ่งปิดตา อีกข้างจับที่ท้องตัวเอง วู้ยยยยยย น่ากลัว
“กลัวแล้วยังอยากมาดูอีกเหรอ เธอนี่ตลกเป็นบ้า ฮ่าๆ” นี่เขาจะหัวเราะทำไม มันผิดตรงไหนที่ฉันปิดตาดูหนัง
ฉันไม่ต่อปากต่อคำดีกว่า เสียเวลา
“นี่ ตั้งใจขนาดนั้นเชียว “ นายเนมเอาศอกกระทุ้งเข้าที่แขนฉัน ชิ อย่าหันไปแตมป์ อย่าหันไป
“นี่ คนถามไม่ได้ยินรึไง” เขาพูดเสียงดังจนตอนนี้คนทั้งโรงหนังหันมานองหมดแล้ว อับอายๆ
แต่เงียบไว้แตมป์ ทำเหมือนไม่รู้จักไปเลย U.U
“มองไรกัน ไม่เคยเห็นผัวเมียทะเลาะกันรึไง” O_O ป้าดดดดดดด ดูมันพูด ขันติแตมป์ ขันติ
อย่าแสดงตัวออกรับเขาอยากพูดอะไรก็พูดไป ขันติลูก ฮึบ หายใจเข้า ฟู่วววว หายใจออก
“นี่ตกลงจะไม่พูดใช่มั้ย “ เงียบไว้ๆ นิ่งไว้ลูก ดีมาก
“โอเค้” ฮึ โอเค้อะไรของเค้าวะ แต่ช่างเถอะรอดแล้วมั้ง ระหว่างที่กำลังคิดเข้าข้างว่าตัวเองว่าหมอนั่นเลิกตอแยแล้ว
ฉันจึงหันไปมองหน้าเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาเงียบไปแล้วจริงๆจังหวะนั้นเขาก็โน้มใบหน้าขาวๆเข้ามาใกล้ฉันและ
ประทับริมฝีปากอย่างรวดเร็วจนฉันตั้งตัวไม่ทันเขาใช้มือประคองใบหน้าของฉันไว้อย่างแผ่วเบา ทุกสิ่งรอบตัวล้วน
หยุดเคลื่อนไหว มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก พอตั้งสติได้ฉันจึงผลักหน้าเขาออก
นี่เขาขโมยจูบฉันงั้นเหรอ จูบซึ่งเป็นจูบแรกของฉัน แต่เขากลับเอามันไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ คนบ้า
“เพี๊ยะ!!!”
“นาย นะ นาย” ฉันพูดอะไรไม่ออกจริงๆมันเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกตรงคอจะกลืนก็ไม่เข้าจะคายก็ไม่ออกน้ำตา
ค่อยๆไหลลงมาจากสองแก้ม ใช่ ฉันร้องไห้ ร้องไห้ให้กับความงี่เง่าของตัวเอง ทำไมเขาต้องเป็นคนที่ได้จูบแรกของ
ฉันไป ทั้งๆที่เขาแค่นึกสนุกอย่างนั้นหรอกเหรอ
“ยอมพูดออกมาแล้วสินะ “ ที่ทำไปทั้งหมดเพียงเพราะต้องการให้ฉันพูดงั้นเหรอ
“ฉันเกลียดนาย เกลียดๆๆๆๆๆ “ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วเดินออกจากโรงหนังทั้งที่มันยังฉายไม่จบ เพราะหนัง
เรื่องนี้แท้ๆที่ทำให้ฉันต้องรู้สึกแย่ๆแบบนี้ รู้งี้ฉันนอนอยู่ห้องยังจะดีกว่า ไอ้คนบ้า ไอ้คนเฮงซวย
เขาวิ่งตามฉันออกมาและจับแขนฉันไว้แน่น สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฉันร้องไห้
“นี่เธอ ...... เอ่อ ร้องไห้ทำไม”
“นายถามว่าฉันร้องไห้ทำไมงั้นเหรอ นายมันเลวจริงๆเลย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อย” ฉันสั่งเสียงแข็งนี่เขาไม่รู้จริงๆ
หรือแกล้งโง่กันแน่ เขาคิดว่าฉันเหมือนผู้หญิงในฮาเรมหรือไงที่จะทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้
“ เอ่อ ....คือ ฉันไม่ได้ตั้ง เอ่อ........”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ปล่อย” ฉันย้ำอีกครั้งเพื่อแสดงเจตนาว่าฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเขา เขาก้มหน้าเล็กน้อย และ
ยอมปล่อยแขนฉันในที่สุด
ตอนนี้ก็เวลาห้าโมงเย็นแล้ว ฉันเดินทอดน่องมานั่งตรงม้านั่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง นี่ฉันนั่งอยู่ตรงนี้
มานานเท่าไหร่แล้วนะ ลมเย็นเฉื่อยๆพัดมากระทบผมยาวๆของฉันให้พลิ้วไปตามแรงลม คนเริ่มเยอะ บ้างก็พาหมา
มาวิ่ง บ้างก็มาออกกำลังกาย ฉันว่าฉันกลับดีกว่านี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวรถจะหมดซะก่อน
“มานั่งเป็นนางเอกมิวสิคอะไรแถวนี้วะแตมป์ “ เสียงใครคนหนึ่งดังมาไม่ไกลนัก ฉันหันซ้ายหันขวามาองหาที่มา
ของเสียง อ้อ ปอร์นั่นเอง มันเดินมาพร้อมผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งซึ่งไม่คุ้นตา จะว่าน้องสาวก็หน้าไม่มีส่วน
คล้ายกันแม้แต่น้อย
“ไอ้ปอร์ ไปไงมาไงเนี่ย แล้วนี่ใครวะ” ฉันยิ้มทักทายเพื่อนและผู้หญิงตรงหน้าอย่างเป็นมิตร หล่อนก็ยิ้มตอบเช่นกัน
“นี่เหรอ เด็กข้างบ้านน่ะ ชื่อพู่กัน เอ่อ พู่กันนี่เพื่อนพี่ชื่อพี่แสตมป์” หลังจากการแนะนำ พู่กันก็ยกมือไหว้ฉัน
ฉันรับไหว้และบอกว่าไม่ต้องพิธีรีตองก็ได้
“อ่ะโห เดี๋ยวนี้แกมีเด็กข้างบ้านน่ารักจิ้มลิ้มแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ฉันสังเกตเห็นสีหน้าปอร์เริ่มแดงจนถึงใบหู
ก่อนจะหันไปมองน้องพู่กันแว๊บนึงก่อนตอบ
“ก็ เพิ่งจะมีเมื่อไม่กี่อาทิตย์มานี่ละ ว่าแต่แกเหอะ มานั่งทำไรคนเดียว กุกกุ๊กไปไหน ปกติเห็นแกที่ไหนก็เห็นมัน
ที่นั่นนี่นา” อย่าให้เหลาเลย ป่านนี้มันจะตื่นรึยังก็ไม่รู้เนี่ย
“เหอะ มันก็คงนอนอืดอยู่มั้ง ฉันมาดูหนังน่ะ ว่าจะกลับแล้วล่ะ”
“อืม ไปพร้อมฉันสิ พอดีจะเข้าในมหาลัยสักหน่อย เดี๋ยวฉันไปส่งแกด้วย” ปอร์พูดพลางเดินมากอดคอฉัน
ให้เดินไปกับมัน
“เอ่อ จะดีเหรอวะ เกรงใจน้องว่ะแก” ฉันไม่อยากเป็น กขค ใครนะเว้ย แล้วนี่มากอดคงกอดคอ
เดี๋ยวน้องพู่กันเข้าใจผิดพอดี
“ไป ขึ้นรถ” ปอร์ว่าพร้อมยัดฉันเข้าไปนั่งในรถของมันเป็นที่เรียบร้อย มันรู้ดีว่าถ้า
ไม่มัดมือชกแบบนี้ฉันก็ไม่มีทางมากับมันหรอก เพราะฉันขี้เกรงใจ
รถของปอร์พาฉันมาถึง พรจีราอพาร์ทเม้นต์เป็นที่เรียบร้อย มันอาสาจะเดินมาส่งฉันถึงห้อง
แต่ฉันมองหน้าน้องพู่กันแล้วคาดว่าอาจจะไม่ค่อยพอใจที่ปอร์มันแสดงอาการเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้
ฉันเลยรีบขอตัวขึ้นไปบนห้อง ตอนนี้ฉันมาหยุดอยู่หน้าห้องตัวเอง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย
นี่ฉันตาฝาดไปรึเปล่าเนี่ย ฉันขยี้ตาจนแสบแล้ว แต่ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏเป็นภาพผู้ชายที่ฉันเพิ่งตบหน้าเขา
ใช่ เขาเอง
ฉันยืนจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เขาเองก็ยืนพิงประตูและมองมาทางฉันเช่นกัน
“ มาแล้วเหรอ รอตั้งนาน นี่เธอไปไหนมาเนี่ย” เขาถามแต่ก็ยังยืนพิงประตูอยู่เช่นเดิม
“เรื่องของฉัน ถอยไป ฉันจะเข้าห้อง” เขายอมขยับออกห่างจากประตูเพื่อให้ฉันเดินไปไขกุญแจเข้าห้อง
ฉันเดินเข้าไปและกำลังจะปิดประตู มือของเขาก็ดันประตูเอาไว้ ฉันจ้องหน้าเขานิ่งๆ
“นาย
ฉันไม่มีอะไรจะตกลงหรือคุยกับนายทั้งนั้น นายไปได้แล้ว ขอล่ะ”
“ฉันขอโทษ”
“ฮะ “ ฉันถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เขาสบตาฉันนิ่งๆ แววตาของเขาดูอ่อนลงกว่าครั้งแรกที่เจอกัน
“คือ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากให้เธอพูดกับฉัน เธอรู้มั้ย.. เธอเป็นคนแรกที่กล้าด่าฉัน และไม่วิ่งเข้าหาฉันเหมือน
ผู้หญิงคนอื่นๆ ทุกครั้งที่เจอกัน เธอทำเหมือนฉันมันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ฉันพยายามจะพูดกับเธอ แต่เธอก็ทำ
เหมือนไม่อยากพูดกับฉัน คือ ฉันสนใจเธอนะแสตมป์ ฉันอยากให้เธอเป็นแฟนฉัน เราคบกันได้มั้ย” นะ นี่ นี่มัน
เรื่องอะไร นี่เขากำลังขอฉันเป็นแฟนใช่มั้ยเนี่ย บอกตรงๆนะว่าครั้งแรกที่เจอเขาแม้จะไม่ประทับใจนัก แต่เขาก็ไม่
ได้เลวร้ายจนฉันขยะแขยงอย่างที่เขาพูด เพียงแต่เขามีแมรี่อยู่แล้ว ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าแย่งแฟนใคร ฉันไม่อยากมี
ปัญหา
“มันเร็วไปมั้ยเนม ฉันกับนายไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ”
“ไม่เร็วหรอก ฉันว่ามันช้าไปด้วยซ้ำ ฉันมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่มากหรอกนะแตมป์ ถ้าเธอบอกว่าเราไม่รู้จักกัน
งั้น ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมนาย
เกลียด การโกหก คติ พรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่ แล้วเธอหล่ะ” ฉันอดยิ้มไม่ได้กับท่าทีทะเล้นๆเหมือนเด็กของเขา
นี่เขาแนะนำตัวกับฉันเหรอ
“โอเคๆ ฉัน นางสาว
ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เราสองคนต่างก็ยิ้มให้กันและหัวเราะกับการทำความรู้จักที่ติงต๊องสุดๆ
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วนะที่หัวใจของฉันไม่ได้เต้นเป็นจังหวะแบบนี้
“เราสองคนรู้จักกันแล้วนะ งั้นต่อไปนี้ฉันจะทำให้เธอรู้จักฉันมากขึ้น”
“อืม ฉันก็จะพยายามรู้จักนายให้มากขึ้น”
“งั้นฉันกลับล่ะ ไว้เจอกัน” เขาโบกมือให้และหมุนตัวเดินลงบันไดไป ฉันแอบอมยิ้มนิดๆและปิดประตูเข้ามา
หมอนี่ทำให้ฉันลืมไปเลยว่าเมื่อก่อนฉันเกลียดเขาขนาดไหน ร้ายจริงๆ
ความคิดเห็น