ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ จ้า
เช้าลืมตาขึ้นมาก็เจอแต่เรื่องเดิมๆ ก็ม่ายมีคัยมาเติมชีวิตให้เป็น
เรื่องใหม่ ออกไปที่อื่น เจอะใครมากมาย หันมองไปทางใดก็เจอแต่คนรักกัน”
เพลง I need somebody ของแฟนฉันเองแหละ พี่บี้The star ไง อิอิ
จะว่าไปฉันก็เสียงดีเหมือนกันนะเนี่ย น่าไปสมัครประกวดร้องเพลงเผื่อจะได้เป็น
นักร้องกะใครเค้ามั่ง เดี๋ยวขอแนะนำตัวกับคุณผู้อ่านก่อนแล้วกันนะคะ
ฉันมีชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ว่า นางสาวอณิณฑิตา นามระบือ
(ไม่ใช่นามกระบือนะ อย่าออกเสียงผิดเชียว งอนนะบอกให้ ^_^)
ชื่อเล่นของฉันนั้นคือ แสตมป์ เหตุผลที่ชื่อแสตมป์นั้นเพราะแม่ฉันชอบสะสม
แสตมป์ พวกท่านเลยเอาชื่อนั้นมาตั้งชื่อให้ลูกสาวคนแรกคนเดียวและคนสุด
ท้ายในชีวิตของพวกท่าน เอ่อ คือฉันเป็นลูกคนเดียวน่ะค่ะ พวกท่านรักฉันมาก
เลยล่ะ ฮ่าๆ (ไม่รักแกแล้วจะไปรักแมวที่ไหนเล่า มีลูกคนเดียว ยัยนี่ก็) ตั้งแต่
เด็กๆฉันมีความฝันว่าอยากเป็นนักร้อง หรือไม่ก็ดารา นางแบบ อะไรเทือกๆนี้
อยากเข้าวงการบันเทิงว่างั้นเถอะ แต่พ่ออยากให้ฉันเรียนบริหารเพื่อที่ว่าจบ
ออกมาจะได้กลับมาช่วยท่านดูแลกิจการที่บ้านที่ไม่มีอะไรให้บริหาร นอกจาก
ข้าวในนา กับปลาในน้ำ จริงๆแล้วบ้านฉันก็เปิดร้านขายของชำเล็กๆอ่านะ
ซึ่งฉันคิดว่าไม่ต้องเรียนบริหารก็น่าจะขายได้นะแค่พวกแฟ้บ สบู่ ยาสีฟัน
ขนมเด็กน้อย เห้อ ! ถึงแม้ใจจะอยากขัดแต่ก็จำยอมจำนนฟ้าดิน ในที่สุดฉันจึง
ได้เข้าเรียนคณะบริหารธุรกิจ เอก การจัดการ ในมหาวิทยาลัยของรัฐที่ใหญ่ที่
สุดในภาคอีสาน เอ่อ ฉันบอกคุณๆหรือยังว่าฉันเป็นคนอีสาน แม้หน้าตาจะไป
ละม้ายคล้ายพอลล่า คริคริ ^3^
เรื่องใหม่ ออกไปที่อื่น เจอะใครมากมาย หันมองไปทางใดก็เจอแต่คนรักกัน”
เพลง I need somebody ของแฟนฉันเองแหละ พี่บี้The star ไง อิอิ
จะว่าไปฉันก็เสียงดีเหมือนกันนะเนี่ย น่าไปสมัครประกวดร้องเพลงเผื่อจะได้เป็น
นักร้องกะใครเค้ามั่ง เดี๋ยวขอแนะนำตัวกับคุณผู้อ่านก่อนแล้วกันนะคะ
ฉันมีชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ว่า นางสาวอณิณฑิตา นามระบือ
(ไม่ใช่นามกระบือนะ อย่าออกเสียงผิดเชียว งอนนะบอกให้ ^_^)
ชื่อเล่นของฉันนั้นคือ แสตมป์ เหตุผลที่ชื่อแสตมป์นั้นเพราะแม่ฉันชอบสะสม
แสตมป์ พวกท่านเลยเอาชื่อนั้นมาตั้งชื่อให้ลูกสาวคนแรกคนเดียวและคนสุด
ท้ายในชีวิตของพวกท่าน เอ่อ คือฉันเป็นลูกคนเดียวน่ะค่ะ พวกท่านรักฉันมาก
เลยล่ะ ฮ่าๆ (ไม่รักแกแล้วจะไปรักแมวที่ไหนเล่า มีลูกคนเดียว ยัยนี่ก็) ตั้งแต่
เด็กๆฉันมีความฝันว่าอยากเป็นนักร้อง หรือไม่ก็ดารา นางแบบ อะไรเทือกๆนี้
อยากเข้าวงการบันเทิงว่างั้นเถอะ แต่พ่ออยากให้ฉันเรียนบริหารเพื่อที่ว่าจบ
ออกมาจะได้กลับมาช่วยท่านดูแลกิจการที่บ้านที่ไม่มีอะไรให้บริหาร นอกจาก
ข้าวในนา กับปลาในน้ำ จริงๆแล้วบ้านฉันก็เปิดร้านขายของชำเล็กๆอ่านะ
ซึ่งฉันคิดว่าไม่ต้องเรียนบริหารก็น่าจะขายได้นะแค่พวกแฟ้บ สบู่ ยาสีฟัน
ขนมเด็กน้อย เห้อ ! ถึงแม้ใจจะอยากขัดแต่ก็จำยอมจำนนฟ้าดิน ในที่สุดฉันจึง
ได้เข้าเรียนคณะบริหารธุรกิจ เอก การจัดการ ในมหาวิทยาลัยของรัฐที่ใหญ่ที่
สุดในภาคอีสาน เอ่อ ฉันบอกคุณๆหรือยังว่าฉันเป็นคนอีสาน แม้หน้าตาจะไป
ละม้ายคล้ายพอลล่า คริคริ ^3^
มัวแต่แพล่มเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว โอ้วม่าย!
นี่ฉันสายอีกแล้วเรอะ ตายๆ วันนี้มีรายงานต้องนำเสนออาจารย์ด้วยง่ะ
นี่ฉันสายอีกแล้วเรอะ ตายๆ วันนี้มีรายงานต้องนำเสนออาจารย์ด้วยง่ะ
“ก็มีแต่ใจให้ไปไม่คิดอาไร แค่อยากให้เธอเข้าใจและลองรักดู” เสียงริงโทน
เพลงใจให้ไปของพี่โอ้ที่สุดแสนจะไพเราะดังมาจากมือถือสีชมพูตัวน้อยของฉัน
ฉันจึงเอื้อมมือกดรับสาย
เพลงใจให้ไปของพี่โอ้ที่สุดแสนจะไพเราะดังมาจากมือถือสีชมพูตัวน้อยของฉัน
ฉันจึงเอื้อมมือกดรับสาย
“แตมป์ แกอยู่ไหนวะ วันนี้รายงานนะโว้ย อีกห้านาทีอาจารย์ฉวีแกจะเข้าและนะ
เร็วๆหน่อยได้ม๊ายยยย”เสียงไอ้อาร์มมี่ดังลอดลำโพงจนฉันต้องเอาหูออกห่างๆ
ก่อนที่แก้วหูจะแตก -_-;
เร็วๆหน่อยได้ม๊ายยยย”เสียงไอ้อาร์มมี่ดังลอดลำโพงจนฉันต้องเอาหูออกห่างๆ
ก่อนที่แก้วหูจะแตก -_-;
“เออๆ เสร็จแล้วๆ ฉันกำลังจะออกไป แกอย่าบ่นได้มะ อีกห้านาทีเจอกัน
“ ตี๊ด ฉันกดวางสายจากเพื่อนชายแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำสามขัน
(เปลืองคร่า ช่วยชาติประหยัด อิอิ)รีบแต่งตัวแล้วบึ่งรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจไปยัง
ตึกเรียนด้วยความเร็วคงที่ หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางจากหอพัก
ไปยังตึกคณะประมาณสามกิโลเมตร ระหว่างทางรถก็ติ๊ดติด ไม่รู้มันจะมาติด
อะไรตอนที่ฉันรีบๆก็ไม่รู้ และมหาวิทยาลัยจะใหญ่ไปไหนครับพี่น้องครับ
ห้าพันกว่าไร่ สร้างเมืองได้ทั้งเมืองเลยมั้ง มาเรียนที่นี่ต้องมีรถมอเตอร์ไซด์ไว้
ใช้เพื่อความสะดวกสบาย ตึกเรียนแต่ละคณะก็ห่างกันเป็นกิโลๆ จริงๆทาง
มหาลัยก็มีรถเมย์ไว้บริการนะ แต่ฉันเป็นคนขี้เกียจน่ะ เลยเอารถมาขับดีกว่า
ว่าแต่จะทันรึเปล่าเนี่ย อาจารย์ฉวีแกยิ่งไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา
ถ้าเข้าช้านิดช้าหน่อยแกก็ล็อคห้องไม่ให้เข้าแล้วง่ะ ตายๆ
นังแตมป์แกตายแน่ๆ T0T
“ ตี๊ด ฉันกดวางสายจากเพื่อนชายแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำสามขัน
(เปลืองคร่า ช่วยชาติประหยัด อิอิ)รีบแต่งตัวแล้วบึ่งรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจไปยัง
ตึกเรียนด้วยความเร็วคงที่ หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางจากหอพัก
ไปยังตึกคณะประมาณสามกิโลเมตร ระหว่างทางรถก็ติ๊ดติด ไม่รู้มันจะมาติด
อะไรตอนที่ฉันรีบๆก็ไม่รู้ และมหาวิทยาลัยจะใหญ่ไปไหนครับพี่น้องครับ
ห้าพันกว่าไร่ สร้างเมืองได้ทั้งเมืองเลยมั้ง มาเรียนที่นี่ต้องมีรถมอเตอร์ไซด์ไว้
ใช้เพื่อความสะดวกสบาย ตึกเรียนแต่ละคณะก็ห่างกันเป็นกิโลๆ จริงๆทาง
มหาลัยก็มีรถเมย์ไว้บริการนะ แต่ฉันเป็นคนขี้เกียจน่ะ เลยเอารถมาขับดีกว่า
ว่าแต่จะทันรึเปล่าเนี่ย อาจารย์ฉวีแกยิ่งไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา
ถ้าเข้าช้านิดช้าหน่อยแกก็ล็อคห้องไม่ให้เข้าแล้วง่ะ ตายๆ
นังแตมป์แกตายแน่ๆ T0T
และแล้วฉันก็สามารถลากสังขารเข้าห้องเรียนได้ทันเวลาพอดี
ที่ว่าทันพอดีคือตอนที่ฉันเข้าห้องฉันเข้าก่อนอาจารย์แค่วินาทีเดียว แฮ่ๆ
เวอร์ไปๆ พอเข้าไปในห้องปุ๊ป ไอ้อาร์มมี่ก็ส่งสายตาพิฆาตมาทางฉันเป็น
สัญญาณบอกว่าถ้าฉันมาช้ากว่านี้ต้องโดนมันงับหัวเอาแน่ๆเลย
ฉันเดินไปนั่งข้างๆอาร์มมี่ และเพื่อนๆเพื่อนในกลุ่มฉันมีผู้ชาย 4 คนคือ
อาร์มมี่ ปอร์ หนุ่ม กั้ง และผู้หญิง 2 คน คือฉันและ ยัยกุกกุ๊ก
ตอนนี้พวกเราก็อยู่ปีสองกันแล้ว ฉันยังจำวันแรกๆที่เข้ามาเรียนในรั้ว
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ดี เผอิญวันนั้นเป็นวันรายงานตัวและรุ่นพี่นัดเจอ
รุ่นน้องในสาขา ฉันไม่รู้จักใครเลย และคนที่มาชวนฉันคุยคนแรกคือ
ยัยกุกกุ๊กและเนื่องมาจากมันเป็นคนคุยเก่งจึงรู้จักเพื่อนในสาขาภายในวันเดียว
และหลังจากนั้นก็แนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆที่เหลือ เหอะ จากวันนั้นจนวันนี้พวก
มันก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉันโดยปริยาย
ที่ว่าทันพอดีคือตอนที่ฉันเข้าห้องฉันเข้าก่อนอาจารย์แค่วินาทีเดียว แฮ่ๆ
เวอร์ไปๆ พอเข้าไปในห้องปุ๊ป ไอ้อาร์มมี่ก็ส่งสายตาพิฆาตมาทางฉันเป็น
สัญญาณบอกว่าถ้าฉันมาช้ากว่านี้ต้องโดนมันงับหัวเอาแน่ๆเลย
ฉันเดินไปนั่งข้างๆอาร์มมี่ และเพื่อนๆเพื่อนในกลุ่มฉันมีผู้ชาย 4 คนคือ
อาร์มมี่ ปอร์ หนุ่ม กั้ง และผู้หญิง 2 คน คือฉันและ ยัยกุกกุ๊ก
ตอนนี้พวกเราก็อยู่ปีสองกันแล้ว ฉันยังจำวันแรกๆที่เข้ามาเรียนในรั้ว
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ดี เผอิญวันนั้นเป็นวันรายงานตัวและรุ่นพี่นัดเจอ
รุ่นน้องในสาขา ฉันไม่รู้จักใครเลย และคนที่มาชวนฉันคุยคนแรกคือ
ยัยกุกกุ๊กและเนื่องมาจากมันเป็นคนคุยเก่งจึงรู้จักเพื่อนในสาขาภายในวันเดียว
และหลังจากนั้นก็แนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆที่เหลือ เหอะ จากวันนั้นจนวันนี้พวก
มันก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉันโดยปริยาย
ปึ้ง! เสียงทุบโต๊ะข้างๆดังขึ้น “นี่แกจะเหม่ออีกนานมะ อาจารย์เรียกให้ออกไปนำเสนองานแล้ว
ไปเตรียม Powerpoint ดิ ไป๊” นังกุกกุ๊กสั่งเสียงดัง แหมๆ
นังนี่ได้ทีมันขี่ช้างไล่เลยนะ เอ๊ะ หรือแพะกันหว่า สับสนๆ *0*
ไปเตรียม Powerpoint ดิ ไป๊” นังกุกกุ๊กสั่งเสียงดัง แหมๆ
นังนี่ได้ทีมันขี่ช้างไล่เลยนะ เอ๊ะ หรือแพะกันหว่า สับสนๆ *0*
หลังจากที่เรียนวิชาอาจารย์ฉวีเสร็จตอนเที่ยงฉันและเพื่อนๆก็ย้ายก้นมา
นั่งที่โรงอาหารของคณะศึกษาศาสตร์ เพราะคณะฉันมันเล็กไม่มีโรงอาหาร อา
นาถาเนอะ ใครใจบุญมาบริจาคสร้างให้ทีเถอะค่ะ เรามักจะมานั่งทานข้าวที่นี่
เป็นประจำเพราะใกล้และที่สำคัญราคานักศึกษา
นั่งที่โรงอาหารของคณะศึกษาศาสตร์ เพราะคณะฉันมันเล็กไม่มีโรงอาหาร อา
นาถาเนอะ ใครใจบุญมาบริจาคสร้างให้ทีเถอะค่ะ เรามักจะมานั่งทานข้าวที่นี่
เป็นประจำเพราะใกล้และที่สำคัญราคานักศึกษา
“นี่ๆ พวกแกเย็นนี้เค้าจับสลากเลือกน้องรหัสนะ พวกแกจะไปกันรึเปล่า”
กุกกุ๊กเปิดประเด็นเนื่องจากคณะเราคนน้อยจึงใช้การจับสลากเอาน้องรหัส
แทนการใช้รหัสเดียวกันเป็นตัวนับญาติ
กุกกุ๊กเปิดประเด็นเนื่องจากคณะเราคนน้อยจึงใช้การจับสลากเอาน้องรหัส
แทนการใช้รหัสเดียวกันเป็นตัวนับญาติ
“ไปดิวะ จับสลากน้องรหัสทั้งที พลาดได้ไง ปีนี้น้องๆผู้หญิงน่ารักๆทั้งนั้น
ใช่มะไอ้ปอร์” หนุ่มสะกิด(*_*)V
ใช่มะไอ้ปอร์” หนุ่มสะกิด(*_*)V
“เออ ก็จริงนะ ฉันว่าไปลุ้นด้วยตัวเองก็ดีเหมือนกัน ปีที่แล้วพอฉันจับสลากเสร็จ
ถามหาพี่รหัส ไม่เจอ แมร่ง เสียความรู้สึกว่ะ ปีนี้ฉันจะไม่ทำให้น้องๆเสียความ
รู้สึกแน่นอน” โอ้ ไอ้พ่อพระ จริงๆแล้วฉันว่ามันมีแผนมากกว่า
ถามหาพี่รหัส ไม่เจอ แมร่ง เสียความรู้สึกว่ะ ปีนี้ฉันจะไม่ทำให้น้องๆเสียความ
รู้สึกแน่นอน” โอ้ ไอ้พ่อพระ จริงๆแล้วฉันว่ามันมีแผนมากกว่า
“แล้วแตมป์ว่าไง”
“ไปดิ พวกแกไปแล้วฉันจะอยู่กับใครอ่ะ” ฉันพูดพลางตักไข่พะโล้เข้าปาก
-0-
“แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพวกแกได้ไปดูน้องปีหนึ่งเข้าเชียร์กลางรึเปล่าวะ
ฉันไปดูมาประทับใจว่ะ น้องมันได้ใจจริงๆ ปีนี้ “ เชียร์กลางเป็นประเพณี
ที่น้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ต้องไปนั่งบนอัฒจรรย์เพื่อร้องเพลงของมหาวิทยาลัย
ตามการให้จังหวะของเชียร์ลีดเดอร์ เป็นการรับน้องที่สือบทอดกันมานานรุ่นต่อ
รุ่น ถ้าน้องร้องได้ตามจังหวะ รุ่นพี่ที่ไปดูก็จะปรบมือให้ แต่ถ้าร้องไม่ดี ร้องไม่ถูก
ก็จะโดนโห่ไปตามระเบียบ ฉันเคยผ่านเวลาแห่งการทดสอบนั้นมาแล้ว
มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้น และภาคภูมิใจที่สุดเลยล่ะตอนที่พวกเราทั้ง
หกพันกว่าคน ได้ธงประจำรุ่น นั่นหมายถึงเราทุกคน ที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ได้
รวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความสามัคคีที่นำพวกเราไปสู่ความสำเร็จ
“ไปดิ พวกแกไปแล้วฉันจะอยู่กับใครอ่ะ” ฉันพูดพลางตักไข่พะโล้เข้าปาก
-0-
“แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพวกแกได้ไปดูน้องปีหนึ่งเข้าเชียร์กลางรึเปล่าวะ
ฉันไปดูมาประทับใจว่ะ น้องมันได้ใจจริงๆ ปีนี้ “ เชียร์กลางเป็นประเพณี
ที่น้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ต้องไปนั่งบนอัฒจรรย์เพื่อร้องเพลงของมหาวิทยาลัย
ตามการให้จังหวะของเชียร์ลีดเดอร์ เป็นการรับน้องที่สือบทอดกันมานานรุ่นต่อ
รุ่น ถ้าน้องร้องได้ตามจังหวะ รุ่นพี่ที่ไปดูก็จะปรบมือให้ แต่ถ้าร้องไม่ดี ร้องไม่ถูก
ก็จะโดนโห่ไปตามระเบียบ ฉันเคยผ่านเวลาแห่งการทดสอบนั้นมาแล้ว
มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้น และภาคภูมิใจที่สุดเลยล่ะตอนที่พวกเราทั้ง
หกพันกว่าคน ได้ธงประจำรุ่น นั่นหมายถึงเราทุกคน ที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ได้
รวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความสามัคคีที่นำพวกเราไปสู่ความสำเร็จ
“เหรอ แล้วแกไปโห่น้องหรือไปเชียร์น้องวะไอ้อาร์มมี่ “ หนุ่มโพล่งถามขึ้นมา
O_O
O_O
“ก็ไปเชียร์ดิวะ แกเห็นฉันเป็นคนยังไงกัน ไม่ใจร้ายใจดำขนาดนั้นหรอกเว้ย “
หน้าอย่างแกเนี่ยนะไอ้ลิงยักษ์ เหอะ ฉันนี่แหละคนนึงที่ไม่เชื่อ
หน้าอย่างแกเนี่ยนะไอ้ลิงยักษ์ เหอะ ฉันนี่แหละคนนึงที่ไม่เชื่อ
หลังจากทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย เราทั้งหกก็ขึ้นไปบนห้องที่
จะจับสลากน้องรหัสกัน ฉันเห็นน้องผู้หญิงหลายคนเห็นปอร์แล้วแอบหันหลังมา
ซุบซิบๆทำตาวิวับมีประกาย เหอะ ก็เข้าใจน่ะนะว่าไอ้ปอร์มันหน้าตาดี ตี๋ๆ ขาวๆ
สูงๆ หุ่นมาตรฐานเลย แต่พอไอ้หนุ่มกะอาร์มมี่เดินผ่านน้องกลับพากันเงียบ
สงสัยไอ้สองคนนี้มันเถื่อนเกินไป ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า
จะจับสลากน้องรหัสกัน ฉันเห็นน้องผู้หญิงหลายคนเห็นปอร์แล้วแอบหันหลังมา
ซุบซิบๆทำตาวิวับมีประกาย เหอะ ก็เข้าใจน่ะนะว่าไอ้ปอร์มันหน้าตาดี ตี๋ๆ ขาวๆ
สูงๆ หุ่นมาตรฐานเลย แต่พอไอ้หนุ่มกะอาร์มมี่เดินผ่านน้องกลับพากันเงียบ
สงสัยไอ้สองคนนี้มันเถื่อนเกินไป ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น