ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hello Freshy ร้ายแบบนี้ขอรักเลย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ จ้า

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 52


                        เช้าลืมตาขึ้นมาก็เจอแต่เรื่องเดิมๆ  ก็ม่ายมีคัยมาเติมชีวิตให้เป็น
    เรื่องใหม่ ออกไปที่อื่น เจอะใครมากมาย หันมองไปทางใดก็เจอแต่คนรักกัน” 
    เพลง
    I need somebody ของแฟนฉันเองแหละ พี่บี้The star ไง อิอิ 
    จะว่าไปฉันก็เสียงดีเหมือนกันนะเนี่ย น่าไปสมัครประกวดร้องเพลงเผื่อจะได้เป็น
    นักร้องกะใครเค้ามั่ง    เดี๋ยวขอแนะนำตัวกับคุณผู้อ่านก่อนแล้วกันนะคะ 
            ฉันมีชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ว่า    นางสาวอณิณฑิตา นามระบือ 
    (ไม่ใช่นามกระบือนะ อย่าออกเสียงผิดเชียว งอนนะบอกให้
    ^_^)    
    ชื่อเล่นของฉันนั้นคือ  แสตมป์  เหตุผลที่ชื่อแสตมป์นั้นเพราะแม่ฉันชอบสะสม
    แสตมป์ พวกท่านเลยเอาชื่อนั้นมาตั้งชื่อให้ลูกสาวคนแรกคนเดียวและคนสุด
    ท้ายในชีวิตของพวกท่าน เอ่อ คือฉันเป็นลูกคนเดียวน่ะค่ะ พวกท่านรักฉันมาก
    เลยล่ะ ฮ่าๆ (ไม่รักแกแล้วจะไปรักแมวที่ไหนเล่า มีลูกคนเดียว ยัยนี่ก็) ตั้งแต่
    เด็กๆฉันมีความฝันว่าอยากเป็นนักร้อง หรือไม่ก็ดารา  นางแบบ  อะไรเทือกๆนี้ 
    อยากเข้าวงการบันเทิงว่างั้นเถอะ  แต่พ่ออยากให้ฉันเรียนบริหารเพื่อที่ว่าจบ
    ออกมาจะได้กลับมาช่วยท่านดูแลกิจการที่บ้านที่ไม่มีอะไรให้บริหาร นอกจาก
    ข้าวในนา กับปลาในน้ำ จริงๆแล้วบ้านฉันก็เปิดร้านขายของชำเล็กๆอ่านะ 
    ซึ่งฉันคิดว่าไม่ต้องเรียนบริหารก็น่าจะขายได้นะแค่พวกแฟ้บ สบู่ ยาสีฟัน 
    ขนมเด็กน้อย เห้อ
    ! ถึงแม้ใจจะอยากขัดแต่ก็จำยอมจำนนฟ้าดิน ในที่สุดฉันจึง
    ได้เข้าเรียนคณะบริหารธุรกิจ เอก การจัดการ ในมหาวิทยาลัยของรัฐที่ใหญ่ที่
    สุดในภาคอีสาน เอ่อ ฉันบอกคุณๆหรือยังว่าฉันเป็นคนอีสาน แม้หน้าตาจะไป
    ละม้ายคล้ายพอลล่า คริคริ
    ^3^
     มัวแต่แพล่มเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว โอ้วม่าย! 
    นี่ฉันสายอีกแล้วเรอะ ตายๆ วันนี้มีรายงานต้องนำเสนออาจารย์ด้วยง่ะ
    “ก็มีแต่ใจให้ไปไม่คิดอาไร แค่อยากให้เธอเข้าใจและลองรักดู” เสียงริงโทน
    เพลงใจให้ไปของพี่โอ้ที่สุดแสนจะไพเราะดังมาจากมือถือสีชมพูตัวน้อยของฉัน
     ฉันจึงเอื้อมมือกดรับสาย
    “แตมป์ แกอยู่ไหนวะ วันนี้รายงานนะโว้ย อีกห้านาทีอาจารย์ฉวีแกจะเข้าและนะ
     เร็วๆหน่อยได้ม๊ายยยย”เสียงไอ้อาร์มมี่ดังลอดลำโพงจนฉันต้องเอาหูออกห่างๆ
    ก่อนที่แก้วหูจะแตก
    -_-;
    “เออๆ เสร็จแล้วๆ ฉันกำลังจะออกไป แกอย่าบ่นได้มะ อีกห้านาทีเจอกัน 
    “ ตี๊ด ฉันกดวางสายจากเพื่อนชายแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำสามขัน 
    (เปลืองคร่า ช่วยชาติประหยัด อิอิ)รีบแต่งตัวแล้วบึ่งรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจไปยัง
    ตึกเรียนด้วยความเร็วคงที่ หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางจากหอพัก
    ไปยังตึกคณะประมาณสามกิโลเมตร ระหว่างทางรถก็ติ๊ดติด ไม่รู้มันจะมาติด
    อะไรตอนที่ฉันรีบๆก็ไม่รู้ และมหาวิทยาลัยจะใหญ่ไปไหนครับพี่น้องครับ 
    ห้าพันกว่าไร่ สร้างเมืองได้ทั้งเมืองเลยมั้ง มาเรียนที่นี่ต้องมีรถมอเตอร์ไซด์ไว้
    ใช้เพื่อความสะดวกสบาย ตึกเรียนแต่ละคณะก็ห่างกันเป็นกิโลๆ จริงๆทาง
    มหาลัยก็มีรถเมย์ไว้บริการนะ แต่ฉันเป็นคนขี้เกียจน่ะ เลยเอารถมาขับดีกว่า 
    ว่าแต่จะทันรึเปล่าเนี่ย อาจารย์ฉวีแกยิ่งไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา 
    ถ้าเข้าช้านิดช้าหน่อยแกก็ล็อคห้องไม่ให้เข้าแล้วง่ะ ตายๆ 
    นังแตมป์แกตายแน่ๆ
    T0T
                    และแล้วฉันก็สามารถลากสังขารเข้าห้องเรียนได้ทันเวลาพอดี 
    ที่ว่าทันพอดีคือตอนที่ฉันเข้าห้องฉันเข้าก่อนอาจารย์แค่วินาทีเดียว แฮ่ๆ 
    เวอร์ไปๆ พอเข้าไปในห้องปุ๊ป ไอ้อาร์มมี่ก็ส่งสายตาพิฆาตมาทางฉันเป็น
    สัญญาณบอกว่าถ้าฉันมาช้ากว่านี้ต้องโดนมันงับหัวเอาแน่ๆเลย
     ฉันเดินไปนั่งข้างๆอาร์มมี่ และเพื่อนๆเพื่อนในกลุ่มฉันมีผู้ชาย
    4 คนคือ 
    อาร์มมี่ ปอร์ หนุ่ม กั้ง และผู้หญิง
    2 คน คือฉันและ ยัยกุกกุ๊ก 
    ตอนนี้พวกเราก็อยู่ปีสองกันแล้ว ฉันยังจำวันแรกๆที่เข้ามาเรียนในรั้ว
    มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ดี เผอิญวันนั้นเป็นวันรายงานตัวและรุ่นพี่นัดเจอ
    รุ่นน้องในสาขา ฉันไม่รู้จักใครเลย และคนที่มาชวนฉันคุยคนแรกคือ
     ยัยกุกกุ๊กและเนื่องมาจากมันเป็นคนคุยเก่งจึงรู้จักเพื่อนในสาขาภายในวันเดียว
     และหลังจากนั้นก็แนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆที่เหลือ เหอะ จากวันนั้นจนวันนี้พวก
    มันก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉันโดยปริยาย
    ปึ้ง! เสียงทุบโต๊ะข้างๆดังขึ้น                                                                                                                             “นี่แกจะเหม่ออีกนานมะ อาจารย์เรียกให้ออกไปนำเสนองานแล้ว 
    ไปเตรียม
    Powerpoint ดิ ไป๊”                    นังกุกกุ๊กสั่งเสียงดัง แหมๆ 
    นังนี่ได้ทีมันขี่ช้างไล่เลยนะ เอ๊ะ หรือแพะกันหว่า สับสนๆ
    *0*
    หลังจากที่เรียนวิชาอาจารย์ฉวีเสร็จตอนเที่ยงฉันและเพื่อนๆก็ย้ายก้นมา
    นั่งที่โรงอาหารของคณะศึกษาศาสตร์ เพราะคณะฉันมันเล็กไม่มีโรงอาหาร อา
    นาถาเนอะ ใครใจบุญมาบริจาคสร้างให้ทีเถอะค่ะ เรามักจะมานั่งทานข้าวที่นี่
    เป็นประจำเพราะใกล้และที่สำคัญราคานักศึกษา 
    “นี่ๆ พวกแกเย็นนี้เค้าจับสลากเลือกน้องรหัสนะ พวกแกจะไปกันรึเปล่า”
     กุกกุ๊กเปิดประเด็น
    เนื่องจากคณะเราคนน้อยจึงใช้การจับสลากเอาน้องรหัส
    แทนการใช้รหัสเดียวกันเป็นตัวนับญาติ
    “ไปดิวะ จับสลากน้องรหัสทั้งที พลาดได้ไง ปีนี้น้องๆผู้หญิงน่ารักๆทั้งนั้น 
    ใช่มะไอ้ปอร์” หนุ่มสะกิด
    (*_*)V
    “เออ ก็จริงนะ ฉันว่าไปลุ้นด้วยตัวเองก็ดีเหมือนกัน ปีที่แล้วพอฉันจับสลากเสร็จ
    ถามหาพี่รหัส ไม่เจอ แมร่ง เสียความรู้สึกว่ะ ปีนี้ฉันจะไม่ทำให้น้องๆเสียความ
    รู้สึกแน่นอน” โอ้ ไอ้พ่อพระ จริงๆแล้วฉันว่ามันมีแผนมากกว่า 
    “แล้วแตมป์ว่าไง” 
                                                                                          
    “ไปดิ พวกแกไปแล้วฉันจะอยู่กับใครอ่ะ” ฉันพูดพลางตักไข่พะโล้เข้าปาก
     
    -0-                                                         
     “แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพวกแกได้ไปดูน้องปีหนึ่งเข้าเชียร์กลางรึเปล่าวะ
     ฉันไปดูมาประทับใจว่ะ น้องมันได้ใจจริงๆ ปีนี้ “ เชียร์กลางเป็นประเพณี
    ที่น้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ต้องไปนั่งบนอัฒจรรย์เพื่อร้องเพลงของมหาวิทยาลัย 
    ตามการให้จังหวะของเชียร์ลีดเดอร์ เป็นการรับน้องที่สือบทอดกันมานานรุ่นต่อ
    รุ่น ถ้าน้องร้องได้ตามจังหวะ รุ่นพี่ที่ไปดูก็จะปรบมือให้ แต่ถ้าร้องไม่ดี ร้องไม่ถูก
     ก็จะโดนโห่ไปตามระเบียบ ฉันเคยผ่านเวลาแห่งการทดสอบนั้นมาแล้ว 
    มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้น และภาคภูมิใจที่สุดเลยล่ะตอนที่พวกเราทั้ง 
    หกพันกว่าคน ได้ธงประจำรุ่น นั่นหมายถึงเราทุกคน ที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ได้
    รวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความสามัคคีที่นำพวกเราไปสู่ความสำเร็จ
    “เหรอ แล้วแกไปโห่น้องหรือไปเชียร์น้องวะไอ้อาร์มมี่ “ หนุ่มโพล่งถามขึ้นมา 
    O_O
    “ก็ไปเชียร์ดิวะ แกเห็นฉันเป็นคนยังไงกัน ไม่ใจร้ายใจดำขนาดนั้นหรอกเว้ย “ 
    หน้าอย่างแกเนี่ยนะไอ้ลิงยักษ์ เหอะ ฉันนี่แหละคนนึงที่ไม่เชื่อ
                    หลังจากทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย เราทั้งหกก็ขึ้นไปบนห้องที่
    จะจับสลากน้องรหัสกัน ฉันเห็นน้องผู้หญิงหลายคนเห็นปอร์แล้วแอบหันหลังมา
    ซุบซิบๆทำตาวิวับมีประกาย เหอะ ก็เข้าใจน่ะนะว่าไอ้ปอร์มันหน้าตาดี ตี๋ๆ ขาวๆ
     สูงๆ หุ่นมาตรฐานเลย แต่พอไอ้หนุ่มกะอาร์มมี่เดินผ่านน้องกลับพากันเงียบ
    สงสัยไอ้สองคนนี้มันเถื่อนเกินไป ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×