คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Holy knight X Holy children ภารกิจที่2
Holy knight X Holy children ภารกิจที่สอง แค้นxรักxตัวเลือกที่แสนยาก
++++++++++
ความมืด บางครั้งเราก็เกลียดมันเหลือเกิน
แต่บางที เราก็รักมันเหลือเกิน
เกลียดที่มันทำให้เราไม่สามารถมองในสิ่งที่เราอยากเห็น
รักที่มันทำให้เราไม่สามารถมองเห็นในสิ่งที่เราไม่ได้อยากเห็น....
ความมืด....จริงๆแล้วคุณคือมิตรหรือศัตรูของผมกันนะ?
“คูล...หนีไป!!”
“มะ...ไม่นะฮะ...พ่อฮะ!! แม่ฮะ!!! ไม่! ผมไม่หนี!!”
บ้านเรือนหลังเล็ก ชุมชนบนภูเขาอันห่างไกลจากผู้ชนพลุกพล่าน ดินแดนแห่งเนตรสีเพลิง บัดนี้ได้มลายหายกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านวายวอด เหล่าชาวคูลท์เจ้าของเนตรสีเพลิงหวีดร้อง หนีตายจากมัจจุราชแห่งโลกมนุษย์ เสียงคร่ำครวญดังก้องในโสตประสาท....เด็กชายผู้มีเรือนผมสีทองสว่างร่ำไห้เมื่อผู้เป็นบุพการีสั่งตนให้หนีไปโดยทิ้งพวกเขาไว้เพื่อต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่ง
“ไม่!! คูล! หนีไปซะ!!”
คำประกาศกร้าวเรียกความตระหนกให้แก่เด็กน้อย คูลตัวสั่นเทา ก่อนจะก้าวถอยห่างทั้งสองร่าง หยาดธาราใสอาบแก้มเนียน เนตรสีเพลิงส่องแสงท่ามกลางความมืด
“แต่....ว่า...”
“ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่นะ...คูล หนีไปซะ! อ๊ะ!!!”
หญิงสาวผู้มีใบหน้าคล้ายกับเด็กน้อย แต่ก็มีความแก่วัยประดับบนดวงหน้างาม ดวงตาสีชาดจ้องมองร่างหลายร่าง ไกลออกไปกับสามีของเธอไม่มากนัก เธอได้สติขึ้นแล้วผลักเด็กชายตกลงหน้าผาที่รองรับด้วยสายชลสายสำคัญของภูเขา ร่างน้อยดิ่งลงด้วยแววตาที่ตกใจระคนแค้นเคืองผู้ที่รุกรานเผ่า ภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็นคือร่างของมารดาและบิดาทรุดลงกับยอดเหว
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงหวานหวีดร้องดังก้องอยู่ภายในพื้นที่จำกัด ภาพแห่งความหวาดผวาได้หายไป แทนที่ด้วยเพดานห้องสีฟ้า ดวงตาสีเพลิงกระพริบช้าๆ ขอบตารื้นชื้นไปด้วยหยดน้ำตา ร่างนั้นยังคงนอนอยู่กับเตียง ทบทวนเรื่องความฝัน....ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน....แม้กาลเวลาจะผันผ่านไปห้าปี แต่ความเศร้า...ความแค้นจะไม่สลายไปเหมือนอากาศธาตุ...
ทั้งๆที่...เกลียดความมืดเหลือเกิน
แต่ยิ่งเกลียด...เราได้พบเจอกับมันทุกเมื่อเชื่อวัน....
“ฮึก...ฮึก....”
เสียงสะอื้นดังขึ้น ใบหน้างดงามเกินความเป็นบุรุษเพศซุกลงไปใต้หมอนขนนกนุ่ม เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น...ทุกคืน...ต้องผวากับฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนเขา....หัวใจที่แสนเปราะบางไม่อาจจะเยียวยาได้.....ย่อมจะต้านทานภาระที่แสนยิ่งใหญ่ .ยากเย็น....ครั้งแล้วครั้งเหล่าไม่ได้......หยดน้ำตาหลั่งรินไม่ให้ใครเห็น....แม้แต่ใบหน้าสะท้อนในกระจก เขาก็ยังไม่กล้าแม้จะมองใบหน้าที่แสนอ่อนแอของตัวเอง
..ทั้งที่..อยากเข้มแข็ง..
.....แต่พอเรื่องนี้ทีไร....สุดท้ายเราก็พ่ายแพ้....
“ฮือ....อึก.....โฮ!!!!!!”
ร่างบางร้องไห้อย่างไม่สนใจอะไรรอบข้าง ไหล่บอบบางสั่นสะท้าน
เขา....เขาต้องการ....อย่างน้อยก็คนที่จะปลอบประโลม...
อย่างน้อย.....ก็แค่อยากมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง.....รับรู้ความทุกข์ของเขา...เท่านั้นก็ยังดี......
คืนนี้....ก็เป็นอีกคืน....ที่เขาจะต้องนอนกอดตัวเอง...กับเสียงร่ำไห้ที่ตัวเองเปล่ง....และ....น้ำตาที่อาบแก้มตัวเอง....
ทำไม? ทำไมความเหงาถึงทำร้ายคนเราได้ถึงขนาดนี้?......
++++++++++
“ห้องของคุราปิก้าอยู่ที่นั่นแหละ”
“เรื่องนั้นฉันรู้แล้วเฟ้ย”
เสียงของการโต้เถียงดังขึ้นเพียงบางเบาราวใบไม้ที่ตกลงซบผิวหญ้านุ่ม บุรุษร่างสูงในชุดสีรัตติกาลทั้งตัว และเด็กสาวร่างผอมในชุดแบบเดียวกัน ทั้งสองหลบอยู่ในชายป่ามืดทึบในยามอาทิตย์ลาขอบฟ้าไปนาน
“แล้วจะเอาไง ยัยคูกะ”
“เป็นไปได้ ช่วยตัดความ “ยัย” ออกได้มะ....แล้วก็ไปหาเขาสิ....เป็นว่าที่ภรรยา ของนายไม่ใช่เร้อ!”
คูกะพูดแกมหยอกล้อร่างสูง ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ในที่มืดเนื่องจากเด็กสาวสายตาดีพอๆกับสัตว์ป่า
“จะบ้าเรอะ”
“ไอ้สัตว์เคี้ยวเอื้อง! ไม่ไปแล้วเอ็งจะลากคอมาได้ไงวะ! อย่าปอดแหกเซ่ แล้วก็อย่าลืมใช้เซ็สสึสิเฟ้ย!! เดี๋ยวคนงามจะตื่น!”
“กำลังจะทำเฟ้ย ฉันไม่ชอบใช้กำลัง แต่ถ้าจะฆ่ากันที่นี่ ไม่เกี่ยงล่ะนะ..... ”
“เอาเวลานั้นไปจับคนงามเหอะ ไปเว้ย! ไปเลย ไปหาหญ้าอ่อนกินโน่น!”
ออร่าสีครามเหือดหายเข้าไปในกายของชายหนุ่ม ฝีเท้าอันเบาหวิวทั้งสี่ปะทะกับพื้นเพียงเล็กน้อย การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วชนิดคนธรรมดามองไม่เห็น
ในที่สุดทั้งสองก็หยุดอยู่ในห้องของเด็กหนุ่มหน้าหวาน
“ตานายแล้ว!”
“เฮ้ย! เธอก่อนสิ”
“เงียบไปเลย ทำงานๆ ไปได้แล้ว ไปปลุกเขาา!”
คูกะผลักคุโระให้เข้าไปใกล้ร่างบอบบาง ผ้าห่มสีฟ้าไปกองอยู่กับพื้นเพราะการนอนดิ้นของร่างนั้น เสื้อเชิ้ตสีขาวผืนบางปกปิดท่อนบนอย่างลวกๆ ชายเสื้อยาวเพียงสะโพก ต้นขาเรียวสวยปกปิดด้วยกางเกงขาสั้นสีขาว ใบหน้าสวยที่ดูเหนื่อยล้า ริมฝีปากสีชมพูเผยอเล็กน้อย แพขนตาที่ชื้นไปด้วยน้ำตาที่ยังไม่แห้งดีนัก คุราปิก้าก็ไม่ได้ต่างจากนางอัปสรยามนิทรา ชายหนุ่มจ้องมองร่างนั้นอย่างหลงใหล ใบหน้าโน้มลงใกล้กับใบหน้าสวยเพียงไม่กี่นิ้ว มือสากลูบเรือนผมสีสว่างอย่างรักใคร่ ริมฝีปากสีซีดเข้าใกล้ริมฝีปากสีกุหลาบเต็มที
โป๊ก!!!
“ทำบ้าไรฟะ!”
วัตถุที่เรียกว่าหนังสือลอยหวือจากมือเรียวของคูกะ เข้าปะทะศีรษะของชายหนุ่มอย่างจัง ความคิดที่จะเป็นก้างขวางคอของคูกะถูกถ่ายทอดด้วยหนังสือเล่มนี้ ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด ตอนแรกคิดที่จะให้ร่างสูงรู้สึกตัวและถอยห่าง ที่ไหนได้....ริมฝีปากทั้งสองประกบกันเพราะแรงกระแทกที่หัวของคุโระ เรื่องนี้ทำให้เจ้าตัวต้องตกใจเป็นอันมาก
“เฮ้ย!! ถอยก่อนๆ” พูดไปงั้นๆ จริงชอบหนังสด !
“....”
คุโรโร่อ้าปากพะงาบๆหาคำพูดด่าเธอ แม้หัวจะโน แต่ก็สุขใจที่ได้จูบร่างบางแล้ว แม้มันจะไม่ประทับใจก็ตาม แต่เพราะเป็นจูบที่รุนแรง เพราะได้แรงส่งจากหนังสือ ทำให้ฟันกระทบกัน
“อือ.....”
ร่างบางครางเบาๆ ดวงตาสีมรกตลืมขึ้น
.....แล้วเรื่องที่น่ากลัวก็ได้อุบัติขึ้น ..
“นะ....นาย!!!!!”
เสียงหวานหวีดร้องสุดขีดเมื่อลืมตาเห็นภาพที่แสนจะตามมาหลอกหลอนเขาเมื่อคิดเรื่องล้างแค้น ดวงตาสีไพรแปรเปลี่ยนเป็นเนตรสีเพลิงแดงฉาน สายโซ่บนมือขวาอาวุธประจำกายปรากฏ ร่างบางกระโดดไปที่ขอบหน้าต่าง เตรียมกระบวนท่าต่อสู่
“เอ่อ...คุรา..ฉันไม่ได้คิดจะสู้กับนายหรอกนะ วันนี้มาเจรจา..กัน..ที”
ชายหนุ่มตะกุกตะกัก เมื่อคนสวยจ้องเขาเขม็งแม้จะออกแนวว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเขานอกจากความแค้นเท่านั้น
“นายพูดแบบนี้ต้องการอะไร!!!!!!”
“ใจเย็นๆ คูลคนดี นายหยุดตั้งท่าแบบนั้นได้มะ พวกชั้นเห็นขาขาวของนายเต็มตานะ ถ้าไม่อยากถูกหมอนี่จับกดก็วางอาวุธซะ แต่ถ้าไม่ชั้นจะจัดการนายซะเดี๋ยวนี้เลย”
“ยัยคูกะ!”
คุโระสบถใส่คูกะ คำพูดแสนพิลึกมักจะพรั่งพรูมาจากปาก(หมาๆ)ของเธอ ถึงแม้ร่างสูงจะรู้จักกับเธอไม่นาน แต่อย่างไรก็มีสังหรณ์แปลกๆเกี่ยวกับเทพคนนี้ คุราปิก้านิ่งสักครู่ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน
แต่ว่าดูจากสถานการณ์แล้ว การจะเสี่ยงหยิบผ้าสักผืนมาปกปิดเรียวขาเท่ากับว่าเขาต้องคลาดสายตาจากบุคคลที่เขารู้จัก ชายผู้เป็นหัวหน้ากองโจรเงามายา อริราชศัตรูที่เขาต้องกำจัด กับเด็กหนุ่มปริศนา(มองผิดๆ)
‘ท่าทางจะเป็นสมาชิกใหม่ของแมงมุมมั้ง’ คุราปิก้าคิดในใจ
“ต้องการอะไร?”
“ต้องการนายมาร่วมมือกับพวกชั้น เพื่อกำจัดดาร์คอีวิล รายละเอียดชั้นจะบอกถ้านายตกลง”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว อะไรกัน? เจ้าพวกบ้า
....ทั้งๆที่อยากจะหนีให้พ้น....แต่สุดท้ายก็เจอมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน....
“ถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้”
คูกะหยิบกล่องใบเล็กสีดำสนิทรอบกล่องสลักไปด้วยลวดลายอักษรเน็นทรงอานุภาค พึมพำอะไรบางอย่าง แล้วในที่สุดกล่องนั้นได้กลับกลายเป็นเนตรสีเพลิงในกระบอกที่แช่ด้วยฟอมาลีนเข้มข้น
ทั้งๆที่อยากเห็นบางสิ่งที่อยากเห็น...แต่ความมืดก็ทำให้เรามองไม่เห็นเสมอ....
“อ๊ะ!!!นั่นมัน!!”
“ไม่ต้องแหกเนตรดูก็รู้เนอะ ถ้านายไม่ตกลงมันก็จะ!”
มือทำท่าเขวี้ยงเนตรสีเพลิงลงบนพื้นแข็ง แค่ท่าทางนี้ก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องหวั่นไหว ร่างบอบบางสั่นเทาเพราะความกลัว
“ทะ...เธอ...ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนี้!!”
“จะต่อต้านเหรอ!! ได้!! เดี๋ยวฉันขอสนอง!!!”
“หยุดได้แล้วไอ้สถุล! ถ้าคิดจะทำแบบนี้ล่ะก็ คอแกก็หลุดก่อน!”
คุราปิก้าตะโกนท้าทายอำนาจ หากแต่หยดน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความกลัว ไม่ทันที่เขาจะกระโจนเข้าไปห้ามสิ่งที่คูกะได้ทำ เขาก็ต้องถูกร่างสูงขวาง มือใหญ่จับข้อมือเขาด้วยความแรง แล้วผลักร่างบางลงบนเตียง
“ตอบฉันสิ จะยอมตกลงรึเปล่า?”
เสียงเย็นชาของร่างเล็กแฝงไปด้วยเล่ห์กล เล่นเอาร่างบางต้องคิดหนัก
......ระหว่างศักดิ์ศรี หรือเพื่อนพ้อง....เลือกสิ...คุราปิก้า...นายต้องเลือกแล้ว......
“แล้วก็ถ้านายไม่เลือก น่าจะได้บริการพิเศษอีกชุด ดีมั้ย?”
ร่างสูงของผู้เป็นอริเข้าคร่อมร่างของเด็กหนุ่ม ริมฝีปากจรดต้นคอของเด็กหนุ่ม ลมหายใจรดร่างนั้น ร่างบางพยายามดิ้นรน
นี่มันบ้าชัดๆ!! ไอ้พวกสกปรก!
“เลือกสิ....”
“ฉัน...เลือก...อึ่ก!! เลือกทำตามที่พวกนายทุกอย่าง”
“ขอร้องฉันสิ” รอยยยิ้มไร้ปราณีกดดันคนตรงหน้าจนทิฐิถูกทำลายลง ทำนบน้ำตาของผู้พ่าย หลั่งรินหยดน้ำแห่งความเศร้าโศก เด็กหนุ่มสะอื้นด้วยเจ็บแค้น ด้วยความเศร้า ด้วยอะไรสักอย่างที่ทำให้ต้องยอมจำนน
“ยอมทำทุกอย่างที่นายต้องการ....ขะ...ขอร้องล่ะ.....อย่า...อย่าทำอะไรเนตรสีเพลิง....”
“ดีมาก”
สุดท้ายร่างของเขาถูกปลดจากพันธนาการจากชายหนุ่ม เขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้า หยดน้ำตาหยดไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย เป็นภาพที่น่าสลดเสียจริง สองร่างชุดทมิฬมองด้วยความสงสาร หากบทละครนี้กำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า
“โอเค...ถ้าตกลงล่ะก็...มานี่ซิ”
เด็กสาวสั่ง ร่างบอบบางคลานลงจากเตียง แล้วนั่งอยู่แทบเท้าเธอ
แม้ว่าจิตใจจะบอบช้ำ แต่เพื่อเพื่อนพ้องแล้วอะไรเขาก็ทำได้ทั้งนั้น
ศักดิ์ศรีอะไรไม่สนแล้ว ขอเพียงให้เพื่อนพ้องปลอดภัย...ก็พอแล้ว....
“อ๊ะ! มันเป็นของนายแล้ว”
“!!!”
ดวงเนตรสีไพรนิ่ง คุราปิก้าตกใจเป็นอันมากเมื่อได้ยินคำตอบ
ใช่....ชั้นได้ยินชัดเจนเลย เขาคืนเนตรสีเพลิงให้ชั้น!!
“อ่ะ...นี่มัน....?”
“นายไม่ต้องห่วงหรอก มันเป็นของนายแล้วรับไปสิ”
คุโรโร่บอกด้วยรอยยิ้ม ช่างเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นที่เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน มือเรียวสั่นเทาแล้วเอื้อมหยิบกระบอกเนตรสีเพลิงจากมือของเด็กสาว แล้วตระกองกอดมันด้วยความรักใคร่ พร้อมทั้งสายชลเนตรหยดไหลเปื้อนกระบอกและข้างแก้มแดงระเรื่อ
“ฮึก...ชั้น....ขอบ...ใจ.....ฮึก....”
“คุราปิก้า....หยุดเถอะ....อย่าร้องไห้อีกเลย....ใช่...ต่อไป...นายไม่ต้องล้างแค้นแล้ว....แล้วก็เนตรสีเพลิงทั้งสามสิบหก ก็จะเป็นของนายทั้งหมด ชั้นกับพวกเงามายาจะช่วยรวบรวม”
ดวงเนตรสีน้ำตาลสะท้อนภาพบุคคลที่งดงามที่สุดในใจเธอ ผู้ที่เป็นเหมือนพี่น้องคนหนึ่ง....นี่ล่ะ...คือสิ่งที่เธอต้องการ....หยุดยั้งเงามายา...และตามหาเนตรสีเพลิงให้กับร่างนั้น....
ร่างสูงนั่งลงข้างกายร่างบาง มือหนาค่อยโอบไหล่ร่างบาง ช่างน่าแปลก..ที่ร่างบางกลับไม่สนใจที่จะไล่เขาไป ตรงกันข้ามกลับยอมให้ผู้ซึ่งเป็นศัตรูตัวสำคัญโอบกอดเขา อาจเป็นเพราะร่างกายไม่ยอมสั่งการ หรือเพราะอบอุ่นและไว้วางใจ....แม้ไม่อาจเอ่ยคำพูดใดๆ แต่ภาษากาย...อาจสื่อความหมายได้ดีกว่าคำพูด
มือหนาลูบหลังร่างบางด้วยความห่วงใย ปล่อยให้หยดน้ำตาเย็นเปื้อนไหล่กว้าง ร่างผอมยิ้มเศร้า ก่อนจะเดินออกห้องไป ถึงไม่อยากให้สองคนกอดกับก็เถอะ...แต่เพราะว่าไปขัดคนรักกันก็ไม่ได้ด้วย...แล้วอีกอย่าง.....ความอ่อนโยนของชายหนุ่มที่มีต่อร่างบาง หรือกับเพื่อนพ้อง...น่าชื่นชมที่เขาทำแบบนี้ได้ดีกว่าชายหนุ่มทั่วไป
“ทำไมถึงไม่ผลักไสฉัน”
“ถ้าหากเจ้านั่นบอกว่าให้ทำตามทุกอย่าง ฉันก็ไม่ขัดประสงค์หรอก”
“ทำไมถึงกล้าทำแบบนั้น” เนตรสีนิลสบมองเนตรสีมรกต “ทำไมถึงยอมสละตัวเองเพื่อเรื่องนี้?”
“ไอ้สกุล.....ถ้าคิดว่ามันไม่สำคัญสำหรับฉันล่ะก็ ฉันไม่มีวันจะทำมันหรอก เพื่อนของฉันก็คือชีวิตของฉัน ในเมื่อเขาสละชีวิตเพื่อฉัน มันก็ถึงเวลาที่ฉันจะสละชีวิตเพื่อพวกเขา”
ใบหน้าหวานยิ้มอ่อนโยน หากแม้นมีหยดน้ำตา แต่ก็งดงามสำหรับร่างในยามนี้
“ก็เหมือนกับที่เพื่อนของนายเป็น อุโบกิ้น เพื่อนของนาย...ยอมตายได้เพื่อไม่คายความลับของนาย”
“......” ใบหน้าหล่อคมหันมองไปข้างนอกหน้าต่าง “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ....”
“ฉันก็ชักอยากจะเอาชีวิตไปแขวนเส้นด้ายเหมือนนาย ก็เจ้าพวกนั้นสำคัญต่อฉัน....”
“บางที” เนตรปรือปรอยด้วยความง่วง “นายอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ฉันคิดหรอกนะ....”
“นายก็เหมือนกัน แต่ฉันยังไม่หายแค้นนาย”
“หึ ฉันก็เหมือนกัน....เจ้าคนหยาบช้า”
‘แบบนี้ไม่มีอะไรต้องห่วง’ คูกะคิดในใจ เท้าทั้งสองย่ำอยู่บนเฉลียงไม้ขัด ตามองท้องฟ้าอับแสงจันทรา
บางที.......ฉันคงต้องอยู่กับความมืดแบบนี้....บางที....การปล่อยให้มันกลืนกินร่าง....ดำดิ่งลงไปใต้โลกเบื้องล่าง...
....มันอาจจะดีกว่าการต้องทนเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น....
.....อ้อมกอดของรัตติกาล...บางครา...มันก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก....
++++++++++
“คนสวยไปไหนล่ะ?”
“อ๋อ...ร้องไห้จนหลับไปเลย...ฉันก็เลยพาเค้าไปนอน”
คุโรโร่ชี้ไปที่เจ้าหญิงนิทราแสนสวยของเขา บนเตียงนอนไม่ไกลจากที่เขานั่ง
“เหรอ...งั้นพาเขาไปที่คฤหาสน์นาย ก่อนอื่นก็ต้องขนของ...นายมีความสามารถเลือกสิ่งของที่ต้องการภายในเวลาจำกัดมั้ย?”
“เรื่องอะไรจะไม่มี”
สกิลบุ๊คเปิดไปที่หน้าหนึ่ง ร่างสูงพึมพำอะไรบางอย่าง ออร่าสีครามไหลเวียนทั่วร่างราวสายน้ำอันสงบ แล้วก็ปรากฏร่างเงาสีทมิฬราวภูติแห่งความมืด
“จงเลือกสิ่งของที่ร่างนี้ใช้ประจำ และต้องเป็นสิ่งของที่จำเป็นให้กับข้าที”
มือผายไปทางร่างที่หลับใหล
“ขอรับนายท่าน”
เงานั้นหยิบสิ่งของต่างๆเหมือนหุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ไม่ผิดพลาด ไม่กี่อึดใจ ข้าวของเครื่องใช้จำเป็น อาทิ เสื้อผ้า,หนังสือที่อ่านประจำ, โทรศัพท์มือถือ,คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค,กระเป๋า เป็นต้น ก็ถูกกองอย่างเป็นระเบียบ คูกะถือกล่องแบบเดียวที่ใช้ใส่กระบอกเนตรสีเพลิง
“ความสามารถเจ๋งมากเลยนี่นาย....”
มือหยาบปิดหนังสือคู่กาย แล้วสิ่งนั้นก็ได้อันตธานหายไป กล่องสีใสถูกวางลงใกล้ๆกองสัมภาระ
“ได้โปรดเก็บสิ่งพวกนี้ด้วยเถิด”
ข้าวของหายแว๊ปไปทันใด กล่องนั้นส่องประกายแสงสีขาวสว่าง ลวดลายอักษรสลักลงบนตัวกล่องโดยอัตโนมัติ
“ช่วยแต่งตัวหมอนั่นด้วยล่ะ”
“ได้เลย!!”
คุโระรับฟังแล้วค่อยๆพลิกร่างบางขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะถอดเสื้อเชิ้ตนั้นออก
“ไอ้บ้า! ฉันหมายถึงหาเสื้อคลุมมาคลุมเค้า เดี๋ยวเตะดับเล้ยไอ้สัตว์เคี้ยวเอื้อง สมองแกทำจากหญ้ารึไงห๊า!!”
“แล้วก็ไม่บอก.....” อดจะถากถางไม่ได้ แต่เอาเถอะ เพื่อเมีย เอ้ย เพื่อเพื่อนรวมงาน ยอมก็ได้...
“หยวนน่า!”
ร่างผอมยิ้มชวนขนลุก แล้วเดินนำหน้า ปล่อยให้คุโรโร่แบกร่างของคุราปิก้าที่ห่มคลุมด้วยเสื้อโค๊ทสีน้ำเงิน
ร่างสองร่างที่สวมอาภรณ์รัตติกาลย่ำเท้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นั่นคือหน้าประตูห้องเก็บอวัยวะมนุษย์ที่ลูกสาวเจ้าของคฤหาสน์ นามเนออน นอททราด ได้รวบรวมสิ่งเหล่านั้นตามนิสัยแปลกของหล่อน ออร่าของผู้ล่วงลับที่ยังคงฝังแน่นในตัวชิ้นส่วนของผู้ล่วงลับ มือของคูกะหยิบลูกแก้วประตูมิติขึ้น
“ไปกันเลยนะ”
“ฮื่อ!”
“คฤหาสน์ลูซิเฟอร์ นครดาวตก โลกฮันเตอร์”
++++++++++++++++++++++++++
“ปล่อยให้เขานอนไปก่อนนะ เดี๋ยวเราไปหาอีกสองคนกัน”
“หือ? แล้ว.....”
ชายหนุ่มถามต่ออีกที ทั้งที่เขาเองปกติจะเป็นฝ่ายตอบมากกว่า ทว่าแม้ซาตานก็มิอาจต่อต้านทวยเทพได้ ผู้ที่หันหลังให้กับพระเจ้า.....ก็จะได้รับผลกรรมที่ก่อเอาไว้ อย่างเบาะๆก็คือความเดียวดาย....ดวงตาสีนิลมองร่างผอมที่พึมพำอะไรอยู่คนเดียว...ช่างเป็นบุคคลที่น่ากลัวเสียจริง....
“ไปกันได้รึยัง”
“ยัง”
คุโระเดินไปที่ห้องหนึ่ง โดยมีคูกะเดินตามหลัง มือหนาผลักประตูนั้น แล้วก็ปรากฏร่างเล็กๆของสัตว์เน็นที่เกิดจากการถอนเน็น ความสามารถที่มีไว้จัดการกับเน็นที่ครอบงำ ใบหน้าของเด็กหญิงที่ถอดแบบมาจากคุราปิก้า หากแต่มีดวงเนตรสีดำรัตติกาลของผู้ที่เป็นอริ นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงอึกทึก อาจเพราะเธอเป็นเน็นจึงมีประสาทที่ไม่ไวเท่ามนุษย์ก็เป็นได้
“อ๊ะ!! ป๊ะป๋า!!!”
ร่างเล็กวิ่งมากอดเอวชายหนุ่มไว้ด้วยรอยยิ้มหวาน
“วันนี้....เป็นวันพิเศษนะ ป๋าจะแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนใหม่ คนนี้ชื่อคูกะ”
คูกะยิ้มอย่างอ่อนโยน คุรัยช่างน่ารักน่าหยิกอะไรเช่นนี้
...น่าเลี้ยงต้อยวุ้ย...
“พี่ชายซื่อคูกะเหยอก๊ะ!”
คุรัยยิ้มหวาน แล้วหันไปมองพ่อ(?)
แต่ความคิดอัปมงคลก็จบลงเพราะสายตาคุณพ่อน่ารักพอๆกับยมทูตเลยทีเดียว
“อ่า...พี่ผู้หญิงนะน้อง”
คูกะพูดเบาๆอย่างช็อค ไรวะ! ใครเห็นก็ทักผู้ชาย! น่ารำคาญจังว่ะ!
ขนาดแปลงร่างเป็นผู้หญิงแท้ๆ มันมองกันไม่ออกรึไง ฉันมันห่วยจริงๆ โถ่ถังกะละมังปิ๊บ!
“จริงสิ ป๊ะป๋ามีอะไรจะ...จะให้หนูเหรอ?”
“งั้นก็มานี่เลย”
“เฮ้! เจ้าหัวกลม งานนี้นายจัดการเองละกันไม่อยากยุ่งเรื่องผัวเมียเค้าน่ะ”
“อย่ามาแซวเฟ้ย! เดี๋ยวหัวพรุนเป็นฟองน้ำซะหรอก!”
แม้จะตวาดออกไปแต่ใบหน้าขึ้นสีแดง แต่ก็ยังทำฟอร์ม จริงๆแล้วคงถูกใจคำพูดเธอก็น่าจะไม่ผิด
มือของร่างสูงอุ้มร่างเน็นแล้วพาไปยังห้องนอนของเขา
“เอ่อ...คุราปิก้า...ตะ...ตื่น...”
คุโรโร่สะกิดร่างบางนิทราเบาๆ ดวงเนตรลืมขึ้น แล้วก็ต้องเบิกโพลงเมื่อมีร่างอีกร่างที่หน้าเหมือนเค้าเป๊ะ เพียงแต่ดูเหมือนเค้าตอนวัยเด็ก
ปะ..เป็นไปไม่ได้!!
“อ๊ะ!!!!! หม่าม้า!!!”
มะ ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
คุราคนงามตาค้าง อะไรก๊านนนนนนนนนนน
คุรัยก็โดดกอดคุราอย่างดีใจ แต่คนถูกกอดสิ หน้างงเต๊ก...
“อย่างงเลย...ก็ลูกของเราสองคนไงล่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างขำๆ ใบหน้าสวยแดงกล่ำ เพราะความอายบวกความโกรธ
“จะบ้าเรอะ! ฉันเป็นผะ...ผู้ชายนะ!!” แล้วจำไม่ได้ว่าไปผลิตลูกกับนายเมื่อไหร่ จะมาไม้ไหนฟะ เจ้าสถุล...
“คิดว่าคนจริงๆเรอะ จริงๆแล้ว เป็นสัตว์เน็นที่เกิดจากการแปรสภาพเน็นที่ถูกครอบงำให้อยู่ในรูปของสัตว์ไง เด็กคนนี้ชื่อคุรัย แต่ว่าเธอออกจะเอาแต่ใจหน่อยนะ งั้นช่วยทำตัวเป็นภรรยาที่ดีหน่อย”
“ใครจะไปทำฟะ!”
หมัดขวาเหวี่ยงใส่ใบหน้าคม แต่เขาก็หลบได้อย่างหวุดหวิด คุราปิก้าสบถอย่างเหลืออด
“อึก....ฮึก...ฮึก...หม่าม้าใจร้าย...ไม่รักป๊ะป๋าแล้วง่ะ.....คุรัย...คุรัยม้ายย๊อมมมมมมมม แงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
เสียงร้องไห้จ้าของคุรัยดังมากจนทั้งสามแสบแก้วหูไปตามๆกัน
พระเจ้าช่วยกล้วยบวดชี พระเจ้ามีแต่ท่านไม่ช่วย อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ร่างบางได้ยินก็ทำอะไรไม่ถูก ทำไมชั้นต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!!
“โอ๋...คุรัยอย่าร้องนะ...ทำไรซักอย่างสิฟะ! นั่งหน้าขาวอยู่ได้”
คูกะว่าให้สองคนที่มีเครื่องหมายคำถามอยู่รอบหัว
ฉันเคยเลี้ยงเด็กซะที่ไหนล่ะ!!
“คุรัย...อย่าร้องนะ....”
ร่างบางกอดร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน ความอ่อนโยนและกลิ่นกายหอมกรุ่นทำให้คุรัยสงบลง
“ฮึก....หม่าม้า...รักป๊ะป๋า....รึเปล่าอ่ะ?”
“จะ...จ๊ะ...หม่าม้ารักสิ...รักมากด้วย”
คุราส่งสายตารังเกียจไปที่ร่างสูง
ฉันแค่พูดนะเว้ย! ไม่ได้รักจริงซะหน่อย!
ในขณะเวลาเดียวกันที่ชายหนุ่มหน้าแดงกล่ำ ฝันเฟื่องจริงเลยนะนาย!!
“หม่าม้า...หนูขอนอนกะหม่าม้านะ....ป๊ะป๋าด้วย...นะ....”
“แต่....”
“ใจร้าย!”
“วันหลังก่อน...วันนี้ป๋ามีธุระสำคัญ”
“งือ...”
ร่างเล็กพองแก้ม ดูท่าจะงอนเต็มที่ ศีรษะซบอกของร่างบาง งอนผู้ที่เธอคิดว่าเป็นบิดา
“เชอะ!! เค้านอนกะหม่าม้าก็ด๊ะ!”
“จ้าๆ เข้านอนได้แล้ว เด็กดีเค้าไม่นอนดึกนะ คุรัย”
คุราเริ่มบทเป็นมารดาจำเป็นขึ้น ช่วยไม่ได้แฮะ! ถึงจะเกลียดผู้ชายคนนั้น แต่เขาไม่อาจจะเหมารวมความแค้นกับคุรัยเด็ดขาด เธอเกิดมาเพราะตัวของเขาเอง
“ที่รักจ๋า...ดูแลลูกดีๆนะ”
“เดินทาง....ปลอดภัยนะ....” แทบอยากกัดปากตัวเองซะบัดนี้ แต่ทำไมได้ ต่อหน้าเด็ก ต้องสงบใจ
แล้วไอ้ใบหน้าของไอ้บ้าที่ทำท่าจะขำ มันหมายเควี่ยว่าไง!!
อย่าให้เผลอนะเว้ยเฮ้ย เดี๋ยวพ่อมีชำแหละไม่เลี้ยง หึ....คิดว่าแกจะรอดรึไง !
แม้จะคิดว่านี่เป็นแค่บทละคร แต่ก็อดคิดไม่ได้กับท่าทีที่ดูสมจริง
....เอาเถอะ...ก็หมอนั่นเก่งนักเรื่องแสดงละครนี่!
“ฮื่อ”
ร่างที่แทบทั้งตัวเป็นสีดำเดินออกห้องไป ทิ้งสองร่างเอาไว้ ด้วยคำถามมากมายที่ฝาก
“ว่าแต่?....หมอนั่นจะไปไหน?”
คุรามองตาปริบๆ เขาล้มตัวลงนอนแล้วกอดร่างเล็กเอาไว้
“หม่าม้าร้องเพลงกล่อมหน่อยจิ...”
....สรรหาเรื่องดีๆจริงๆ ลูกใครวะ!....
คุราคิดในใจอย่างโมโห ทว่า เขากลับเปล่งเสียงบทเพลงอันไพเราะ บทเพลงปลอบประโลมหวังให้โลกนี้เกิดสันติภาพในรูปแบบของชาวคูลท์ผู้บริสุทธิ์ เสียงหวานไพเราะเรียกความสงบให้แก่บริเวณนี้ มือเรียวลูบผมสีสว่างของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน...อย่างน้อยก็ยังมีชาวคูลท์เหลืออยู่ ถึงจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเค้า....ก็ตามที
คุรัยหลับตาพริ้ม ใบหน้าซบหน้าอกของร่างที่อายุมากกว่า
“จะว่าไปหมอนั่น...ออกจะเป็นคนอ่อนโยนด้วยซ้ำไป....ทำไม...ถึงได้...ฆ่าคนนะ....”
คำตอบนี้ยังคงวนเวียนอยู่ภายในสมองของเขา แต่อีกไม่นาน ชาวคูลท์คนสุดท้ายจะได้รู้จักกับคนๆนั้นได้ดียิ่งขึ้น
เพิ่งรู้....ว่าความมืด....บางทีมันก็มีดีของมัน.....
+ติดตามตอนต่อไป+
ความคิดเห็น