คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : The dear neighbor. ตอนที่ 7 (มากกว่า)เพื่อน(รึเปล่า)
“อือ.............”
แสงตะวันยามอรุณรุ่งสาดส่องห้องนอนห้องเล็กๆ ร่างของเด็กสาวอันบอบบางลุกขึ้นนั่งบนเตียงสีฟ้า ศีรษะของเธอปวดมวนจากเหตุการณ์เมื่อวาน ตอนนี้เธอกำลังมองหาใครสักคนหนึ่ง
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มที่แสนเฉยชาดังขึ้นจากบานประตู ที่ตรงนั้นคือชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ เขาเดินมาหาเด็กสาว
“ปวดหัวอยู่รึเปล่า”
“เอ่อ......ไม่.....ค่ะ”
อาจารย์เอามือใหญ่ผิวหยาบกร้านปัดเส้นผมสีทองนุ่มเบาๆ ทำเอาร่างบางหน้าแดงนิดๆ
“หวังว่าเธอคงหายเร็วๆนะ”
“เอ่อ อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
คุราปิก้าถามอาจารย์อย่างสงสัย อาจารย์เกาผมสีดำของตัวเอง
“ชั้นแล้วก็ลูกศิษย์สองคนไปส่งที่โรงพยาบาล แล้วชั้นก็บอกให้เจ้าคุโระมันกลับบ้าน เดี๋ยวความแตก แล้วหมอก็เช็คสมองให้เธอ หมอว่าไม่เป็นไรมาก ให้พักผ่อนเยอะๆหน่อย หัวแข็งไม่เบาเลยนะเธอเนี่ย ชั้นกับเจ้าฮิโซกะเลยพาเธอกลับบ้านน่ะ”
เด็กสาวมองอาจารย์ด้วยความขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะ อาจารย์”
คุราปิก้าพูดแล้วยิ้มอย่างบริสุทธิ์
“อ่า...เอ่อ.....ก็เรื่องเล็กน้อย เอ้อ!! แล้วชั้นบอกความจริงเรื่องสำนักให้น้องเธอรู้นะ น้องของเธอโวยวายจะเป็นจะตาย บ่นว่าพี่บ้าบอ ไปอยู่สำนักชายล้วน ไม่กลัวโดนลวนลามบ้างรึไง ฮึๆๆ พี่ก็ห่วงน้อง น้องก็ห่วงพี่ รักกันจริงพี่น้องคู่นี้”
อาจารย์เล่าอย่างสบายอารมณ์ แค่คำพูดประโยคนั้นก็ทำให้คุราปิก้าหัวเราะเบาๆ
“ฮะๆๆๆๆ จริงเหรอคะ”
“จริงสิ งั้นขอตัวก่อน ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
ว่าแล้วอาจารย์ก็เดินออกห้องไป ทันทีที่ชายหนุ่มออกไป น้องชายของเธอก็เข้ามาทันที
“พี่ฮะ!!!!!!!!!!!!!!!”
“ว๊ากกกกกกกกกก กอร์น!!!! พี่อธิบายได้นะ!!!!!!!”
“ไม่ต้องมาพูดเลย พี่น่ะ ฉอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” (คูกะจัง/ด่าหลายชุดเลย ตกลงนายเป็นน้องรึว่าแม่ล่ะนั่น)
“อ๋า!!!! ก็พี่ง่ะ ”
คุราปิก้าไม่ทันได้แก้ตัวสักที่ แง่งๆๆไอ้น้องบ้า
แล้วบ้านหลังน้อยๆยังคงเสียงโวยวายไปจนถึงเที่ยง(คูกะจัง/โวยวายอะไรนักหนา)
ทางด้านหนุ่มจอมเพี้ยน(คูกะจัง/ใครที่เพี้ยนเหรอ? อ๋า พิมพ์ผิดค่า แต่ไม่อยากแก้ แอ๊กกกก โดนอีกแล้วครับท่าน!)
“ตอนนี้คุราจังจะเป็นไงบ้างนะ”
ชายหนุ่มผม สีดำสนิทเพ้ออยู่คนเดียว ทำให้เพื่อนข้างๆหูผึ่ง (ตอนนี้อยู่ที่สำนักงานตำรวจ แหล่งรวมซีไอเอ สาขาฮันเตอร์ซิตี้)
“ใครเหรอครับ คุราจังที่หัวหน้าว่า”
เด็กหนุ่มผมสีชา ดวงตาสีมรกตถามอย่างตื่นเต้น เขาพูดเสียงดังจนเพื่อนร่วมงานได้ยิน
“เอ่อ....คือ.........เฮ้อ....... ไม่เกี่ยวกับนายหรอก ชาร์”
“เฮ้ยๆๆๆ งั้นก็ข่าวดีแล้วโว้ย!!!!! หัวหน้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแย้ว ไปฉลองกันดีมั้ย”
ประโยคนี้ทำให้คนในกลุ่มถึงกับหูผึ่งและบอกตรงๆว่าเหลือจะเชื่อพอๆกับหิมะตกที่ประเทศไทยฤดูร้อนกลางวันแสกๆแดดเปรี้ยงๆประมาณนั้น(คุโระ/ไม่เห็นเกี่ยวเล้ย!!-คูกะ/ฮะๆๆขอเอี่ยวด้วยไม่ได้เหรอ?) ทำให้สำนักงานครื้นเครงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“จริงเหรอฟะ!! ไอ้ชาร์นี่แกพูดจริงเหรอวะ โห! หัวหน้าไม่ต้องขึ้นคานแล้ว 555+” (คูกะจัง/เฮ้ย!!! ขึ้นคานมันกับผู้หญิงเฟ้ย!)ชายหนุ่มร่างสูงนามว่าฟิงค์ตะโกนอย่างดีใจ(แซวมากกว่า)มันทำให้คุโระหน้าแดง(เถือก)จนเพื่อนๆแซวหนักเข้าไปอีก
“แฟนข้างเดียวตะหากเฟ้ย!! แต่ก็มีข่าวร้ายแจ้งพวกแกว่ะ”
ฮิโซกะจัดการเผาเพื่อนตนเองอย่างเมามัน(ส์) ด้วยคำพูดประโยคนี้
“แต่ว่าคุราจังที่ว่าเป็นผู้ชายว่ะ”
“(=[]=)เฮื๊อก!!!!!!”
เหล่าหน่วยซีไอเอผู้เก่งกาจก็ต้องช็อคราวฟ้าผ่าไปตามๆกัน
“ห๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! หัวหน้าเป็นเกย์!!!!!!!!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
(คูกะ/=_=ดูแต่ละคนดิ ไปเช็คสมองบ้างเน้อ...)“ปัดโถ่เว้ย ตูยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นหญิงรึชายรึเปล่า!!!! ที่สำคัญคุราจังของชั้นสวยเหมือนนางฟ้าทั้งสวยทั้งน่ารัก ทั้งฉลาด ใจดี เพอร์เฟ็คกว่าสาวไหนๆเว้ย ”(คูกะจัง/ถูกต้องนะคร้าบบบบบ)
แล้วคุณคุโระก็ตะโกนด่า(ไอ้)พวกเพื่อนรัก(หักเหลี่ยมโหด)ที่ร้องลั่นจนคนในสำนักงานยันบุรุษไปรษณีย์ที่มาส่งจดหมายหน้าสำนักงานได้ยิน เล่นเอาขาเม้าท์ทั้งหลายซุบซิบให้กระจาย(ในห้วงคำนึงของคุณ(อา เอ้ย!!! พี่ก็ได้ฟ่ะ)คุโระ/ไอ้บ้าฮิจจี้มันจะฆ่าตูทางอ้อมเหรอฟะ ตูอยากแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆว่ะ)
“คอยดูนะเฟ้ย!!! ชั้นจะควงคุราจังมาอวดพวกแกให้ดูเลย แล้วถ้าพวกแกเสือกจีบล่ะก็ พ่อจะตึ๊บให้เละเล้ย!!!!”
ชายหนุ่มท้าเพื่อนๆอย่างโมโหเดือด(คูกะจัง/เหอๆๆๆ จะทำได้เหรอ)
“จะทำได้เหรอ หัดเจียมบอดี้ซะบ้างก็ดี เพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมง แถมชั้นเพิ่งรู้นะว่านายชอบประเภทเอ๊าะๆน้องเขาเพิ่งสิบหกเอง หัวงูชัดๆ”
ฮิโซกะจัดการถากถางต่อ จนท่านชายคุโระทนไม่ไหว
“มาจิ ช่วยจัดการฆ่าหมกป่าไอ้หมอนี่ได้มะ ชักรำคาญฟ่ะ”
“ได้ค่ะ”
“แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก มาจิสุดที่รัก เอ้ย!! อย่าทำไรเค้านะตัวเอง อ๊ากกกกกกกกก”
และแล้วเจ้าฮิจจี้ก็โดนมาจิสุดที่รัก(ของเขา)ลากออกสำนักงานไปด้วยหน้าตาที่เละได้ที่(คูกะจัง/แว๊กกกก พี่ฮิจจี้ไม่กระจอกขนาดนั้นหรอกน่า แต่ว่านะ เพื่อมาจิสุดสวาทขาดใจตายชักดิ้นแหง๊กๆยอมทำทุกอย่างได้ เวอร์ไปๆ)
“เอางั้นก็ได้ครับหัวหน้า ใจเย็นๆ ผมไปทำงานรับใช้หน่วยกองโจรเงามายาแห่งซีไอเอผู้เกรียงไกรก่อนนะครับ”
ชาร์แน็คลาเพื่อหลบการโดนเทศนาโวหาร แล้วก็วิ่งด้วยความเร็วสูงจนชนตู้ขายน้ำล้ม พังในทันใด(คูกะจัง/อ่ะ โห! คนรึกระทิงฟะ ชนจนตู้ขายน้ำพัง?)
ส่วนคนอื่นก็ทำหน้ากลัวจับใจ ก็มันน่าโกรธอยู่หรอกนะ (=”=)
“มองไรฟะ ไปทำงานสิเฟ้ย ยังอีกๆ ยังมองหน้าอีก เดี๋ยวพ่อปลดซะเลย!!”
“ค่ะ/ครับ”
และแล้วแมงเม้าท์ เอ้ย! หน่วยกองโจรเงามายาได้ทำงานต่อ(คูกะจัง/โจรรึตำรวจ จะว่าไปพวกนี้ทำงานไรเนี่ย งง)
“จะว่าไปทำไมนายชื่อกับนามสกุลถึงเหมือนยัยเด็กคุราฟะ รึว่า!!! จะเป็นคนๆเดียวกัน เป็นไปไม่ได้น่า!!”
ชายหนุ่มคิดในใจ แล้วเขาก็เดินไปหาเพื่อนคู่หูที่กลับมาคุ้ยเอกสารเล่น เอ้ย!! มาทำงานต่อด้วยใบหน้าที่ปูดบวม(คูกะจัง/ดีนะเจ๊มาจิไม่ได้ลงมือจริงๆ ไม่งั้น...บรื๋อ...)
“นายคิดว่ามันแปลกรึเปล่า คุราจังของชั้นชื่อเหมือนยัยเด็กคุรานั่นเลย นามสกุลก็คูลท์ไม่ใช่รึ” (คูกะจัง/ให้มันน้อยๆหน่อยน่า คุราจังไม่ใช่ของๆนายสักหน่อย ชั้นเป็นเพื่อนกับคุราจังมากี่ปีแล้วเรื่องอะไรที่ชั้นจะไม่รู้ว่านายมั่วนิ่ม แอ๊ก!!! เปิ้นโดนสาวกคนงามบีบคอ แอ๊ก!! จ้วยตวย!!!<--- ภาษาเหนือ แปลเองเน้อ มันมั่วเข้าๆแล้ว แหะๆ)
“ก็... ชั้นว่านามสกุลสะกดไม่เหมือนกันมากกว่า เป็นไปไม่ได้หรอกที่คนๆเดียวจะมีสองเพศน่ะ คิดมากน่า ชั้นว่านายไปทำงานช่วยยัยชิซึคุกับไอ้ชาร์วิสามัญเอ้ย!! ไปช่วยจับนักโทษแหกคุกดีกว่า”
ฮิโซกะแนะนำเพื่อนตัวเอง คุโระก็เอาแต่คิดแล้วก็คิด จนในที่สุดก็ตัดสินใจไปหาเพื่อนสองคนเพื่อช่วยทำงาน
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังดีกว่า ถ้าได้ข่าวอะไรก็บอกชั้นบ้างล่ะ”
“เออ แน่นอน ไม่ต้องห่วงหรอกไอ้หมาน้อย” (คูกะจัง/ไปว่าเขาเหมือนหมาน้อยได้ไง...แต่นั้นมันชมไม่ใช่เหรอ อิๆน่ารักเหมือนลูกหมา (><) อ๊ากกกก คิดไปได้ไง ยัยคูกะ!!)
**********************************************
“อ๋อ......งั้นเองเหรอครับ งั้นก็แย่สิ แล้วคุณจะทำอย่างดีล่ะครับ”
เสียงของเด็กหนุ่มผมสีเงินเอ่ยถามเพื่อนบ้านที่น่ารัก เธอมาหาเขาที่บ้านเพื่อปรึกษา
“ก็คิดว่าเป็นเด็กผู้ชายหลอกไปก่อน ชั้นก็แค่อยากเก่งเท่านั้นเองค่ะ ยังไงก็ขอบคุณคุณคิลัวที่เป็นที่ปรึกษาให้นะคะ”
คุราปิก้าเอ่ยขอบคุณเพื่อนบ้านสุดหล่อ(คูกะจัง/ที่รู้ก็คือหล่อกว่าอีตาเลโอละกัน)
“ครับ เอ่อ...ถ้าคุณไม่รังเกียจผมขอเป็นเพื่อนของคุณได้ไหมครับ”
คิลัวเอ่ยประโยคนี้อย่างยากลำบาก เพราะกลัวปฏิกิริยาจากเด็กสาว แต่แล้วเด็กสาวก็คลี่ยิ้มอันบริสุทธิ์และงดงามเท่าที่เขาเคยได้พบเห็น จนใบหน้าขาวๆต้องแดงระเรื่อ
“ได้ค่ะ ได้เสมอเลย ชั้นไม่รังเกียจอะไรหรอกค่ะ....ดีใจมากต่างหาก”
เธอพูดอย่างมีความสุข ไม่นึกเลยว่าจะมีเพื่อนเพิ่มมาอีกคน
“ทำไมถึงดีอกดีใจขนาดนั้นล่ะครับ”
“ชั้นน่ะ ร้อยวันพันปีไม่มีเพื่อนเหมือนคนอื่นบ้างเลย ตั้งแต่ชั้นเข้าเรียนสอบเทียบ (เด็กอัจฉริยะที่เรียนลัดโดยการสอบเทียบ) ก็ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนด้วย เขาหาว่าชั้นเป็นเด็กประหลาด วันๆเอาแต่อ่านหนังสือ แต่ทำไมถึงเล่นกีฬาเก่งนัก เขาว่าชั้นเหมือนไม่ใช่คน ชั้นอยู่คนเดียวเหงามาตลอดจันกระทั่งเมื่อสี่ปีก่อน พ่อรับเลี้ยงกอร์นเป็นลูกบุญธรรมหลังจากคุณจิน ฟรีคส์กับภรรยา เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถชน ชั้นก็เลยไม่เหงา แต่ไม่นาน คุณแม่ก็....ช่างเถอะค่ะ ส่วนคุณพ่อท่านก็เสียหลังจากวิสามัญโจรที่...ทำอย่างนั้นกับคุณแม่ ไม่นานกอร์นก็ถูกปองร้าย น้ามิโตะ น้าของกอร์นเลยส่งชั้นกับน้องมาอยู่ที่นี่ คิดว่าที่นี่คงปลอดภัยดีค่ะ”
เด็กสาวเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง เด็กหนุ่มฟังอย่างตั้งใจ เพราะเหตุนี้เอง เธอถึงได้เศร้าหมองเช่นนี้
“ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญแท้ๆ ทำไมเธอถึงได้....”
คิลัวถามอย่างแปลกใจ
“ก็ ไม่เคยมีใครที่รับฟังเรื่องของชั้น หรือถ้าจะให้พูดให้ถูกก็คือ อยู่กับคุณแล้วรู้สึกโล่งใจ ตั้งแต่ที่คุณช่วยชั้นเมื่อวันนั้นชั้นก็รู้สึกขอบคุณแล้วค่ะ”
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างโล่งใจ
“งั้นมาฉลองกันมั้ยครับ”
“อ่า.... เอ่อ....แต่ว่า....”
“ไม่เป็นไรน่า”
ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็เปิดตู้เย็นแล้วหยิบเบียร์มาสองสามกระป๋องและมันฝรั่งทอดถุงหนึ่ง
“ดื่มฉลองแด่เพื่อนใหม่ดีกว่านะครับ”
เด็กหนุ่มเอ่ย แล้วยื่นเบียร์ที่เปิดกระป๋องแล้วให้เด็กสาว
“ตะ...แต่ชั้นไม่เคยดื่มเบียร์ค่ะ อายุยังไม่สิบแปดด้วย”
คุราปิก้าปฏิเสธ
“ไม่ดื่มวันนี้ แล้วจะดื่มวันไหนล่ะครับ นิดเดียวเองน่า”
คิลัวขอร้อง(คูกะจัง/นายเป็นเพื่อนจริงๆเหรอ ส่งเสริมให้ทำชั่วจริงๆนะนาย)
“ก็......”
คนสวยเริ่มอึกอัก จะดื่มก็ไม่ได้ ไม่ดื่มก็เสียมารยาทสิ
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”
ว่าแล้วเธอก็ดื่มเข้าไปจิบหนึ่ง รสชาติขมๆแปลกๆแฮะ(คูกะจัง/ผู้ใหญ่เขาว่ามันขม ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่เด็กๆอย่าลอกเลียนแบบนะ ไม่ดีต่อสุขภาพนะจ๊ะ)
“เอ้า.....ดื่มฉลองแด่มิตรภาพ”
คิลัวเอากระป๋องเบียร์ยื่น คุราก็เลยเอากระป๋องเบียร์ชนกัน
“แด่มิตรภาพ....ดื่ม”
ทั้งสองดื่มเบียร์เงียบๆ สำหรับวันนี้แล้วช่างเป็นวันที่สงบสุขจริงๆ(รึเปล่า)
**********************************************
“นี่คุราจัง ตื่นสิๆ”
คิลัวเรียกคุราที่นอนสลบเหมือดเพราะเบียร์หนึ่งกระป๋องที่ดื่มเข้าไป(คูกะจัง/อ้าว......ตะกี้ยังปฏิเสธเลย ทำไมอ่ะ)
ท่าทางสาวเจ้าคงไม่ตื่นง่ายๆหรอก เด็กหนุ่มจึงอุ้มเธอขึ้นเตียงของเขา แล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ
“เอาไงดี จะพาอุ้มไปส่งก็ไม่มีใครอยู่บ้าน แถมไม่มีเบอร์โทรฯของน้องชายของคุราจังด้วย จนกว่ากอร์นคุงจะมา ต้องให้นอนที่นี่ซะแล้วแฮะ”
เด็กหนุ่มคิดในใจ เขามองหน้าเด็กสาวเงียบ ใบหน้าสวยของเธอช่างงดงามเสียจริงๆ ทั้งริมฝีปากสีชมพูน่าจุมพิตแก้วเนียนสีชมพูระเรื่อ เส้นผมสีทองนุ่มน่าสัมผัสหรือแพขนตาอันงอนงาม ไม่ว่าจะมองตรงไหน เธอก็งดงาม.....งดงามจนเขาอดใจไม่ไหวเสียแล้ว(คูกะจัง/เฮ่ยๆๆ จะทำอะไรน่ะ )
และแล้วใบหน้าของเขาก็เข้าใกล้ใบหน้าเธอช้าๆ ริมฝีปากของเขาก็ได้มอบจุมพิตอันเร่าร้อนและเนิ่นนานให้กับร่างบางที่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวใดๆ (คูกะจัง/อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้คิลลลลลลลลลลล บังอาจขโมยจูบคุราเรอะ!!!!!! )
ริมฝีปากของเขาก็เลื่อนลงมาที่ลำคอขาวๆช้าๆ
“อือ.........”
เสียงร้องอันงัวเงียของร่างบางดังขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เขาค่อยๆปลดกระดุมของเด็กสาวช้าๆแล้วก็........(คูกะจัง/อ๊ากกกกกกกก ม่ายย๊อมมมมมมมมม อ้ายคิลมานต้องตายยยยยย แต่เราจาตายก่อน สาวกแห่มาสังหารโหดแล้ว ช่วยด้วยยยยยยยยย)
“พี่คิลัว!! พ่อเรียกค่า!!”
น้องสาวของเด็กหนุ่มตะโกนเรียก ทำเอาเด็กหนุ่มตกใจมากกกกกกว
“เดี๋ยวๆ พี่กำลังยุ่ง” (คูกะจัง/แน่ใจนะว่ายุ่ง)
คิลัวตะโกนตอบ และกำลังจะปลดกระดุมต่อไป
“ช้า 3 วินาที พ่อจะจับฝึกพิเศษนะคะ”
“อ๋า....... เออ..... เดี๋ยวๆ”
เด็กหนุ่มตอบรับ ในใจเสียดายสุดๆที่ไม่ได้แอ้มสาวสวยที่ตัวเองแอบชอบ แต่ก็ทำตามที่น้องสาวบอก ขืนไม่ไป คอขาดแน่.....
“เดี๋ยวมานะ ที่รัก”
เขาหอมแก้มเด็กสาวเบาๆและกระโจนลงบันได(คูกะจัง/เฮ้ยยยยยยย ใครที่รักของนายฟะ!!!)
**********************************************
“อืม......ที่นี่ที่ไหนนะ”
คุราปิก้าพูดอยู่กับตัวเอง ขณะที่เจ้าตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนสีขาวช้าๆ รอบๆตัวเป็นห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ใช่แล้ว !!!นี่มันห้องของคิลัวนี่นา
“เอ.....แล้วเค้าหายไปไหนนะ?”
เด็กสาวลุกขึ้นช้าๆ พลางกวาดตาไปรอบๆห้อง เธอสังเกตเห็นเสื้อที่หลุดลุ่ย กระดุมไม่ติดทุกเม็ด แต่ก็จำได้ว่าเมาแอ๋อยู่ที่นี่
“โถ่ น่าอายชะมัดยากเลย”
เธอบ่นกับตัวเอง พลางแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่กระนั้นก็ยังปวดหัวตุบๆอยู่ดี ดวงตาสีมรกตจดจ้องไปยังนาฬิกาแขวนที่บนเพดาน เวลา สองทุ่ม แย่แล้ว!!!!!
“อ๊ะ!! ห้องถูกล็อคจากด้านนอกนี่นา ทำไงดีอ่ะ! กอร์นบอกว่าจะไปค้างบ้านโฮตารุคุงอีกอ่ะ แง๊ๆ!!เค้าอยากกลับบ้าน!!”
คุราปิก้าบ่นอยู่คนเดียว ขณะเดียวกันก็พยายามคิดหาวิธี จะลองปีนหน้าต่างดีมั้ยแต่ดูเหมือนโจรปีนบ้านเขา(ตอนนี้เวลาสองทุ่มคนผ่านแถวนี้มันเยอะ)...โอย...ตายแน่ๆยัยคุรา ทำไงๆๆๆ คุณคิลัวหายไปไหนของเขานะ......... มาซะทีสิ!!!!
สมพรที่เธอขอจริงๆ เพราะตอนนี้คิลัวก็เข้ามายังห้องนอนของตนเองพอดี เขาเห็นสุดสวาทขาดใจของเขายืนงงเหมือนบ้านนอกหลงกรุง(คูกะจัง/เปรียบเทียบอะไรของเราอ่ะ...)
“อ้าว....ตื่นแล้วเหรอครับ ให้ผมไปส่งดีไหมครับ”
“ขะ...ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่มาซะที ชั้นอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้วค่ะ”
คุราเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ และแล้วเธอก็จะได้กลับไปอาบน้ำแล้วนอนสบายใจเสียที
**********************************************
“อ๊า........................ กุญแจหายไปไหนง่า!!!”
คุราตะโกนอย่างไม่พอใจ เพราะเธอค้นกุญแจทั่วทั้งตัวแล้ว แต่ก็จำได้ว่าตัวเองลืมกุญแจไว้ในบ้าน แถมจะเข้าบ้านต้องรอน้องอีก อ๊ากกกกกกกกกก ซวยจริงๆวันนี้
“งั้นก็แย่สิครับ ลองปีนเข้าไปไม่ได้เหรอครับ”
คิลัวเสนอ แต่คุราส่ายหัว
“บ้านของพ่อมีแต่กับดักจับขโมยทั้งนั้นแหละค่ะ ชั้นไม่อยากเสี่ยง ตอนนี้มีเงินติดตัวบ้าง เดี๋ยวชั้นไปนอนโรงแรมดีกว่า”
คุราปิก้าบอกเพื่อนหนุ่ม
“งั้น.....ถ้าไม่รังเกียจก็พักที่ห้องผมก็ได้นะครับ”
เด็กหนุ่มเสนอช่วย(คูกะจัง/ช่วยรึฉวยโอกาสยะ!!!)
“เอ๋....ที่บ้านคุณไม่ว่าเหรอคะ”
“ไม่ว่าหรอกครับ ที่บ้านผมเป็นบ้านพักเฉย พี่ชายสองคนกับน้องสาวอีกคนของผมก็มาพักผ่อนที่นี่ วันนี้กลับไปเมื่อกี้นี้เอง ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่กลับตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วครับ” (คูกะจัง/หรูขนาดนี้บ้านพัก แล้วถ้าบ้านจริงๆมันไม่ใช่มหาวิหารคฤหาสน์สุดหรูไปแล้วเหรอ?)
“เหรอคะ...... แล้วชั้นต้องนอนห้องของคุณเหรอคะ”
“ครับ ที่บ้านไม่มีห้องของแขกหรอกครับ ส่วนจะให้ไปนอนห้องอื่นก็คงไม่ได้ บ้านก็มีแต่กับดักทั้งนั้น”
คิลัวอธิบายเรื่องของบ้านตัวเองอย่างเบื่อหน่าย
“งั้น.....ก็ได้ค่ะ แต่ว่า........”
เด็กสาวเริ่มพูดไม่ออกกับความสงสัยบางอย่าง
“งั้นคุณนอนเตียงของผมดีกว่า แล้วผมจะนอนโซฟาเอง”
“จริงเหรอคะ.....เอ.....มันจะดีเหรอคะ”
“ดีสิครับ แต่คุณมีชุดเปลี่ยนรึเปล่า ถ้าไม่มีคุณยืมผมก่อนก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆชั้นไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไงดี”
คุรากล่าวขอบคุณอย่างไม่หยุด
“งั้น เราก็ไม่ต้องพูดคุณก็จะดีกว่านะ มันห่างเหินไงๆไม่รู้”
เด็กหนุ่มพูด
“ได้จริงๆนะ....”
“ฮื่อ.... ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา เรียกชั้นว่าคิลัวก็พอแล้วน่า”
“เอ่ออออออ งั้นไม่เกรงใจล่ะนะ”
คุราปิก้ายิ้มออกมาอย่างดีใจสุดๆ
“ก็ตามใจสิ งั้นต่อไปชั้นเรียกคุราจังแล้วนะ”
“ก็ได้สิ คิลัวคุงหน้าแมว”
“เอ๊อะ ว่าชั้นหน้าแมวเรอะ!!! ได้ทีใส่เอาๆนะเธอเนี่ย”
คิลัวพูดอย่างตกใจ
“ฮะๆๆๆๆๆๆๆ ก็นายหน้าเหมือนแมวจริงๆนี่ น่ารักดีออก”
ว่าแล้วเธอก็วิ่งหนีเพื่อนคนใหม่ที่กำลังจะลงโทษข้อหา สี่หาว เอ้ย! สามหาว ดีนัก ต้องโดนจี้เอวให้หายแค้น แง่งๆ(คูกะจัง/แมวชัดๆ)
**********************************************
“นี่ คิลัวคุงชั้นอาบน้ำเสร็จแล้วนะ”
คุราเอ่ยออกมาขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอสวมชุด(ของคิลคุง)นอนสีขาวตัวเล็กๆ(ซึ่งเป็นของนายคิลตอนที่พี่อายุ 14 ปี) เด็กหนุ่มยิ้ม
“ใส่ได้พอดีเลยนะ เอาล่ะตาชั้นอาบบ้าง”
ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็เดินเข้าห้องน้ำ
“เป็นคนที่ใจดีจังนะเนี่ย”
เด็กสาวยิ้มอย่างมีความสุข มือหวีเส้นผมสีทอง และเธอก็ผล็อยหลับไป ในเวลาไม่นาน
**********************************************
และแล้วรุ่งเช้าก็มาเยือน สาวน้อยเรือนผมสีทองลืมดวงตาสีมรกตช้าๆ เธอลุกขึ้นมาอย่าง่วงซึม พลางจ้องมองนาฬิกา เวลาตีห้า ยี่สิบนาที และเธอก็กวาดตาไปรอบห้อง ตามองไปยังห้องมืดแล้วหาสวิตซ์เปิดไฟ จนเปิดได้ดวงหนึ่ง ภาพที่ปรากฏคือเด็กหนุ่มผมสีเงินนอนอยู่บนโซฟา ผ้าห่มสีดำหล่นลงมาจากโซฟาสีเงินที่กว้างพอนอนได้สองคนเลยทีเดียว(คูกะจัง/มิน่าล่ะถึงได้กล้านอนโดยไม่กลัวตก) แล้วเธอก็ถอดชุดนอนของเด็กหนุ่มแล้วหยิบชุดของตนเองมาใส่อีกครั้ง แล้วเธอก็วางชุดนั้นลงบนเตียงและจัดเตียงอีกด้วยจากนั้นก็เดินไปหาแล้วห่มผ้าห่มให้
“ท่าทางหลับสลายล่ะสิ แต่ขอโทษนะ ชั้นต้องไปเรียนแล้ว”
เธอพูดกับร่างที่หลับใหล แต่แล้ว......
“อ๊ะ!”
คุราถูกมือข้างหนึ่งของคิลัวฉุด แล้วเธอก็ถูกฉุดไปนอนอยู่ไกล้ๆเขา
“จะทำอะไรน่ะ!!”
เด็กสาวรู้สึกว่าเด็กหนุ่มจะใช้มือโอบกอดเธอ เล่นเอาเจ้าตัวทั้งตกใจทั้งอาย อะไรกันนี่!
“อือ....... นอนกาบ....ผมด้ายมะ...... ผมเหงา.....ม่ายอยากอยู่คนเดียวววววววว”
ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะละเมอซะแล้ว แล้วเธอจะทำเช่นไร
“อ๊ะ!! ไม่ได้นะ...ชั้น”
คุราจังหน้าแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงซะอีก แน่ล่ะ เกิดมายังไม่เคยถูกผู้ชาย(ที่ไม่ใช่พ่อกับน้อง)กอดมาก่อน แถมถูกดึงให้มานอนด้วย
แต่ว่า......... ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ ชั้น......... ชั้นคิดอะไรอยู่น่ะ? จะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้นะ....
“อือ...แม่ฮะ....ทามมายแม่...ตัวเล็กจังอ่า....เล่านิทาน...ห้ายผมฟังหน่อยยยยยยยดิ”
“เอ๋....เขาคิดว่าชั้นเป็นแม่เหรอ”
เด็กสาวแอบคิดในใจ คงจะเหงาจริงๆน่ะ แหะๆ เราคิดอะไรอยู่น่ะ
“อ๊ะ ไม่ได้นะคิล......”
“แม่ง่า..... อย่าเพิ่งปายทามงานเสะ.... อยู่กับผมนานๆนะฮะแม่..........”
ด้วยความสงสาร เธอจึงปล่อยให้เด็กหนุ่มกอดอยู่อย่างนี้ มือเรียวบางปัดเส้นผมสีเงินของเด็กหนุ่มอย่างเบามือ
“อื้อ.... นอนให้สบายนะ เด็กดี”
“อื้อออออออออ”
แล้วรอยยิ้มอันบริสุทธ์ของคิลัวก็เผยออกมา
“นายก็เหมือนกับชั้น...... หลับให้สบายนะ....คิล”
คุราปิก้าพูดเบาๆแล้วก็ผละออกจากคิลัวที่นอนไม่รู้เรื่องต่อ
แล้วเธอก็ปีนลงหน้าต่าง ก่อนไป เธอก็หันมามอง แล้วยิ้ม
“ขอบคุณนะ นายเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ”
และเธอก็ปีนป่ายกำแพง จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้าน
**********************************************
“ก๊อกๆๆ”
“กอร์น มาแล้วเหรอ เปิดประตูให้พี่หน่อย”
ไม่นานก็มีเด็กชายผมสีดำตั้งมาเปิดประตู
“พี่ไปไหนมาฮะ ทำไมไม่เข้าบ้านล่ะ?”
กอร์นถามคุราปิก้าที่สวมชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนต์(ซึ่งเจ้าตัวเปลี่ยนก่อนมา)
“คืออย่างนี้นะ”
ทั้งสองนั่งคุยกันสักครู่ แล้วก็ต่างแยกย้ายกันไปแต่งตัวเตรียมไปเรียน เด็กชายร่างเล็กบ่นอุบอิบเพราะเรื่องที่พี่สาวได้ก่อวีรกรรมเอาไว้ ส่วนเด็กสาวก็ไม่ได้ติดใจอะไร
“พี่รู้นะว่านายรักพี่น่ะ ถึงได้บ่นดีนัก เหมือนแม่ไปทุกวันๆแล้วแฮะ แต่ช่างเหอะ จะว่าไปพี่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยใจนะกอร์น”
เธอพูดกับตัวเอง พลางแต่งตัว
“ต่อไปอะไรจะรอพวกเราอยู่อีกนะ”
>To be continue<
ความคิดเห็น