ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Holy knight X Holy children

    ลำดับตอนที่ #6 : Light and dark part 5 เทพแห่งสมดุล

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 50


    Light and dark begin to Holy knight X Holy children
    part 5 เทพแห่งสมดุล

    -----------------
    “ไม่มีใครหัวเราะก่อนร้องไห้  จงก้าวต่อไป อย่าได้ท้อแม้กายจะสูญสลายกลายเป็นเถ้าก็ตาม”
    -----------------


    ....คนเราเกิดมาต่างก็มีโชคชะตาที่ต่างกัน

    .....โชคดี หรือ โชคร้าย

    .....เราเลือกเกิดไม่ได้

    .....แต่เราเลือกที่จะเป็นได้

    ....จะดีหรือชั่ว

    ......ก็แล้วแต่เราจะเป็นทั้งนั้น

    ......แต่ไม่ว่า

    ....จะดีจะชั่ว

    .....ทุกคน

    .....ก็มีหัวใจกันทั้งนั้น
    +++++++++++++++++++

    ราตรียามดวงศศิธรเจิดจรัสหลังม่านเมฆสีหม่น แสงจันทร์ที่มิอาจเล็ดลอดจากม่านนั้น หลายชีวิตต่างเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อเก็บออมเรี่ยวแรงสู่ยามอาทิตย์ชักขึ้นสู่นภาอันสดใส แต่สำหรับคืนนี้แล้ว ค่ำคืนในเดือนมืดจากลับเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของหมู่คนกลุ่มหนึ่งโดยที่พวกเขาเองก็มิอาจจะหยั่งรู้.....

    นี่คือเรื่องราวตำนานของเทพนารีทั้งสามและสหายผู้เก่งกาจ ก่อนที่ทั้งห้าจะต้องพบเจอกับชะตากรรมภายในโลกมนุษย์ที่แสนโหดร้าย นารีแห่งความบริสุทธิ์ทั้งสามผู้ที่ยอมอุทิศตนให้แก่การปกป้องสันติ และนารีแห่งสมดุลผู้รักษาสมดุลแก่โลกา อีกทั้งซาตานผู้มีจิตใจงดงามเกินกว่าคำว่าซาตาน.....
     

    และพวกเขานั้นเอง....ก็ได้มีชีวิตอีกครั้ง ท่ามกลางความหวาดกลัว ท่ามกลางการนองเลือด....


    ............ในคราบของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์..............


    +++++++++++++++++++
    ณ ดินแดนแห่งกองเหล่าเศษมูลขยะปฏิกูลอันมืดมัว ดินแดนอันได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่สามารถทิ้งอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะสิ่งที่ชีวิตหรือไม่ก็ตาม

    .......ลึกลงไปในเมืองอันห่างไกลเหล่ากองขยะ เมืองนี้ดูน่าอยู่อาศัยกว่าแหล่งขยะทีเดียว ผู้คนที่แต่งตัวประหลาด มีเชื้อสายที่แตกต่างกัน หากแต่เว้นว่าเกือบทุกคนต่างมีความรักต่อเพื่อนพ้องดังเช่นพี่น้อง แน่นแฟ้นกลมเกลียวราวกับครอบครัวที่แข็งแกร่ง ดินแดน....นครดาวตก.....

     อีกจุดหนึ่งในเมืองคือส่วนที่เป็นเสมือนโอเอซิสท่ามกลางทะเลขยะมหาศาล เมืองเล็กๆที่มีสิ่งแวดล้อมสวยงาม เต็มไปด้วยเหล่าแมกไม้สีเขียวขจีที่เบ่งบาน ชุมชนเล็กที่มีบ้านเรือนแบบเรียบง่าย ราวกับเป็นชนบทของนครดวงตก

    ที่สะดุดตาคือคฤหาสน์หลังงามที่ประดับตกแต่งภายนอกด้วยเถาไม้เลื้อยรอบกำแพงสูง ภายในสวนคือเหล่าบุพผาหลากสีที่คอยเบ่งบานรับแขกที่มาเยือน เคหสถานที่ดูเงียบเหงามิอาจจะให้บุคคลธรรมดาเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยกเว้นเด็กกำพร้ายากจนที่รู้จักกับเจ้าของบ้านเป็นอย่างดีและได้รับการสงเคราะห์ให้ได้รับการศึกษาจากผู้ที่เป็นทั้งบิดา พี่ชายและครู

     อีกทั้งที่นี่ถูกจับจองด้วยหัวหน้ากองโจรเงามายา จึงกลายเป็นแดนนรกสำหรับเหล่าทรชนในคราบฮันเตอร์นักล่าค่าหัว ตัวอาคารสีดำทมิฬที่แซมด้วยบานกระจกใส แต่ปิดกั้นแสงและสายตาผู้พบด้วยผ้าม่านกำมะหยี่สีรัตติกาล สถาปัตยกรรมแบบกรีกที่ดูวิจิตร

    ......แต่ในขณะเดียวกันก็ดูหม่นหมองเหมือนหัวใจของชายหนุ่มผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นเทพแห่งความตาย เป็นซาตานบนโลกมนุษย์เลยก็ว่าได้ แต่ทว่ามีไม่กี่คนที่ได้รับรู้ว่า

    ......แท้ที่จริงแล้วซาตานในสายตาของคนอื่นเขาผู้นี่เป็นเทพบุตรผู้หล่อเหลาและเต็มไปด้วยคุณธรรมและความอ่อนโยนโดยที่ปิดบังตลอดมา ....แต่เด็กๆที่ได้รับการคุ้มครองจากเขาผู้นี้ได้รับรู้แล้วว่าผู้ที่อยู่เคียงข้างเขาคือเทพบุตรที่ที่มีจิตใจดี ดีกว่าเหล่าร้ายเป็นไหนๆ

    ……..น่าเศร้าที่ชายผู้นี้ควรจะให้ความรู้สึกห่วงใยแก่ปุถุชนภายนอกเสียบ้าง.......
    +++++++++++++++++++

    หากใครได้ชายตามองมายังคฤหาสน์ในเวลานี้ จะพบว่ามีร่างของสิ่งมีชีวิตที่ที่คล้ายคลึงมนุษย์อย่างประหลาด ทว่าที่แปลกตาคือร่างนั้นยืนอยู่บนยอดจั่วหลังคาในส่วนของห้องสมุดที่ชายหนุ่มได้เก็บสมบัติล้ำค่าของหนอนหนังสือเอาไว้ ในชั้นหนังสือขนาดมหึมาที่สามารถล้มทับคนธรรมดาตายได้ภายในไม่กี่วินาที และหนังสือหลากหลายขนาด หลายชนิดก็จัดได้อย่างลงตัว

    ร่างที่ยืนอยู่แม้ในใจจะเสียดายที่มิได้ใช้มือขาวสะอาดจับต้องหนังสือแล้วเปิดมันอ่านด้วยความสุข แต่สิ่งที่ต้องปฏิบัติต่อไปคือการทำหน้าที่ที่สำคัญยิ่ง

    “ถึงเวลาแล้วนะ ที่นายจะต้องได้ชดใช้ ในสิ่งที่นายได้ทำเอาไว้....และที่สำคัญ....”

    เสียงนั้นเว้นวรรค เมื่อแสงของหลอดนีออนเหลืองนวลส่องกระทบกับร่างนั้น สิ่งที่ปรากฏคือร่างของเด็กสาวที่ใบหน้ามิอาจจะระบุเพศ แต่สังเกตได้จากกระโปรงสีดำยาวเลยเข่าหลายนิ้ว เสื้อสูทสีฟ้าเข้มที่ทับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดเอาไว้ เนคไทสายสีนิลห้อยลงมา รองเท้าหนังหุ้มข้อเท้าแตะกับกระเบื้องดำขลับเพียงเล็กน้อยราวกับเธอกำลังลอยจากพื้นกระเบื้อง

     ผมสีดำสนิทราวผืนฟ้าราตรีที่แสนสงบเงียบ ดวงเนตรสีน้ำตาลไหม้มองไปยังบุคคลหนึ่งที่อยู่ภายไต้อาคารที่มีกระจกรายล้อม

    “การรวมพรรคพวกแล้วก็.....การทำเพื่อคุราปิก้า.....คนรักข้างเดียวของนายด้วย.....ซาตานลูซิเฟอร์”

    เสียงเย็นราวกับน้ำแข็งของเด็กสาวกล่าวราวกับกระซิบกับวิญญาณ แล้วจู่ๆสิ่งที่เรียกว่าออร่าของเธอได้สลายกลับเข้าไปในร่างของเธอ

    “การจะจัดการกับนาย.....ฉันต้องรอบคอบกว่าปกติร้อยเท่า การใช้เซ็สสึบางทีก็ไม่อาจจะทำให้นายหลงกล...ช่างเหอะ ยังไงๆฉันก็มีไพ่ตายอยู่แล้ว....ซาตานลูซิเฟอร์....เอ้อ! จริงสิ นายเป็นมนุษย์แล้วนี่ แล้วกำลังจะตามหาคูลลิเทียสุดสวาทขาดใจชักดิ้นของนายนิ”

    เธฮทำหน้าเหยเก ทำท่าเหมือนคนกินของหวานมากเกินไป

    “ก็รักกันปานน้ำผึ้งเดือนห้าผสมน้ำตาลเคี่ยวสิบตันเลยนี่นา คนมีที่รักก็เงี้ย......”

     “เออเหอะ ซาตาน เอ้ย!! เวรกรรม....ดันขี้เกียจเรียกชื่อเต็มซะละ ช่วยไม่ได้แฮะ นายคุโรโร่ ลูซิเฟอร์ ซาตานผู้เกิดใหม่ท่ามกลางชะตากรรมที่โหดร้าย ตอนนี้.....ฉันนี่แหละจะขุดหลุมฝังนาย เฮ่อ.....ไม่ใช่ๆจะลากนายมาสู่แสงสว่างซักที เอาละ...บ่นใส่ตัวเองก็ไร้ประโยชน์ คงต้องถึงเวลาพิพากษาซะแล้ว....”

    แล้วออร่าสีทองอร่ามก็ปล่อยออกมา ส่งผลให้บรรยากาศดูกดดัน จิตสังหารที่เฉียบคมยิ่งเสียกว่าใบมีดกรีดแทงใจ ส่งผลให้ผู้ถูกเรียกว่าเป็นซาตานรู้สึกตัว!
    +++++++++++++++++++

    ย้อนรอยเหตุการณ์ความทรงจำของเด็กสาวเมื่อครั้งก่อน.......
    ณ ดินแดนแห่งแสงสว่างอันเงียบสงบ โลกแห่งความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเหล่าเทพผู้งดงาม ดินแดนสวรรค์อันห่างไกลสิ่งชั่วร้าย ทวยเทพต่างเริงร่า ไม่โรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีความหิวโหย

    บางส่วนของดินแดนนี้ได้มีการจัดการเข้าทดสอบเหล่าเทวดาและนางฟ้าเพื่อการเป็นเทพชั้นสูง เทพผู้สามารถมีอิทธิฤทธิ์ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง เพื่อช่วยสรรสร้าง ปกป้อง ทำลายโลกาอันเป็นที่อาศัยของมนุษย์ปุถุชน รวมทั้งดินแดนสวรรค์อีกด้วย.....

     เวทีการประลองแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนผืนน้ำทะเลสาบแห่งความหวัง ทะเลสาบบริสุทธิ์อันมีหยดวารีทิพย์เรืองรองราวเพชรยามต้องแสงอโณทัย สามารถชำระล้างสิ่งชั่วร้ายออกจากกายของผู้ที่ได้ดื่มกิน หรือผู้ที่ได้แช่กายลงในทะเลสาบ เป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของเทพในการชำระร่างกายได้เป็นอย่างดี การต่อสู้เทพชั้นสูงที่ได้รับการแต่งตั้ง20คนสุดท้ายได้จบลง เมื่อเทพทั้งหลายต่างประลองยุทธ์ จนกระทั่งเหลือเทพชั้นสูง10คนสุดท้ายเพื่อการชิงเป็น เทพอิสระ

    ..... เทพผู้สามารถแต่งตั้งตนเป็นเทพอะไรก็ตามแต่ปรารถนา ขอเพียงไม่ก่อความเดือดร้อนเท่านั้น

    .....และแล้วการต่อสู้ก็ได้เริ่มต้น..
    +++++++++++++++++++

    “อั่ก!”

    เสียงของเทพนารีผู้หนึ่งกระแทกเข้ากับพื้นหินขัดสีบริสุทธิ์เสียงดัง พร้อมกับที่หยดโลหิตไหลออกจากมุมปากของเธอ เส้นผมสีราตรีสงบยาวเพียงครึ่งคอเปื้อนหยดโลหิตเป็นบางส่วน ใบหน้าที่ดูเผินๆเหมือนเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผลจากพลังเทพตัดเฉือนร่าง
     ร่างผอมพยุงกายลุกขึ้น มืออันสั่นเทาถือกิ่งไม้สีน้ำตาลแดง ชั่วพริบตาสิ่งนี้ได้กลายเป็นดาบสีเงินอันแหลมคม เชือกสีดำห้อยระย้าลงมาจากปลายด้ามถือผูกติดกับแหวนลงอาคมที่แข็งแกร่ง เมื่อร่างกายพร้อม เธอลุกขึ้นมาเพื่อฟาดฟันชายหนุ่มผู้เป็นเทพบุตรรูปงาม
    เสี้ยววินาที! ดาบคมได้สลาย กลับกลายเป็นกิ่งไม้ตามเดิม พร้อมกับสีหน้าอันเจ็บปวดของร่างผอม เทพบุตรยิ้มเย็น เรือนผมสีเงินเทา ดวงตาสีเทาอันเย็นยะเยือกยิ่ง มือขาวซีดถือดาบเล่มยาวสีเงิน เลือดแห้งยังคงติดอยู่บนดาบ

    “เหตุใดนารีเยี่ยงเจ้าจักต้องเข้าประมือร่วมด้วยบุรุษ เจ้าแค่เพียงนารีผู้บอบบาง ข้ามิอาจจะฆ่าเจ้าด้วยกำลังนี้ แต่ทว่าหากข้าไม่อาจล้มเจ้าได้ ข้าก็มิอาจจะเป็นเทพอิสระดังหมายที่ข้าใฝ่ฝัน”

    ชายหนุ่มเอ่ยวาจาเยือกเย็นราวกับหิมะยามเหมันต์ฤดู ขณะที่เด็กสาวลุกขึ้นมาอีกครั้ง

    “ใยเล่า.....แต่โบราณกาลยุคสมัย อิสตรีจำต้องเป็นเบื้องล่างให้เหล่าชายเหยียบย่ำ ใยเล่า ที่อิสตรีต้องกลับกลายเป็นดั่งทาสเพื่อให้บุรุษเพศข่มเหง ร่างกาย.....บอบบาง.....มิอาจต่อกรกับบุรุษ...เช่นนี้ ...”

    “ใช่ว่าอิสตรี....มิอาจแข็งแกร่งได้ไม่ ข้า....จักต้องให้เจ้าได้ประจักษ์แก่สายตาของเจ้า....ให้เจ้า...ได้รู้ว่า....อย่าดูถูกนารีเป็นอันขาด!!! จำเอาไว้!!!!”

    สิ้นเสียงเย็น เด็กสาวกระโจนเข้าหาชายหนุ่ม มือเรียวง้างดาบขึ้นหมายฟันร่างของผู้ที่อยู่ตรงหน้า และ
    +++++++++++++++++++
    “คูกะ...คูกะ”

    เสียงหวานกังวานเยี่ยงระฆังแก้วดังขึ้นข้างกายที่บอบช้ำของเด็กสาวเกศารัตติกาล เธอเบิกเนตรอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ทอดมองร่างระหงของเทพนารีผู้เลอโฉม พักตร์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี...กลีบปากสีชมพูนุชคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงแก้วมรกตน้ำงามส่องประกายงดงามยิ่งนัก หัตถ์เรียวงามสัมผัสใบหน้าขาวของนารีอีกนาง

    “ท่าน... คูลลิเทีย....ข้า.....”

    “เธอบาดเจ็บอยู่นะ พักผ่อนก่อนเถอะ”

    นารีที่สูงวัยกว่าสางเรือนผมสีทองราวแสงอุทัยส่องสว่างอันยาวสลวยของนาง

    “ท่านคูลลิเทีย.....ท่านตรัสภาษามนุษย์โลกได้หรือเพคะ”

    “ฮื่อ...เธอก็รู้นี่นาว่าฉันชอบศึกษาหาความรู้มาตลอด ครึ่งปีที่เธอฝึกไม่ลืมหูลืมตา เธอพัฒนาขึ้นมากจนฉันกับพี่คูลเทียกับน้องลีเซียทึ่งมากเลยล่ะ”

    “อ๊ะ....จริงสิท่านหญิง!!! แล้วการสอบล่ะ?”

    คูกะกระวนกระวายใจ แล้วพยุงกายลุก แต่คูลลิเทียคว้าแขนเอาไว้

    “เธอ....ได้เป็นเทพชั้นสูง แล้วก็เป็นเทพสุธีอันดับสิบของสวรรค์ ยินดีด้วยนะ...คูกะ”

    ประโยคนี้แทนที่ร่างผอมจะยิ้ม แต่กลับสร้างความบาดหมางภายในจิต ไม่ต่างจากร่างที่บอบช้ำ

    “อะ....นั่นสินะ...ก็แพ้....เทพมิราเคิล....นี่นา.....ความฝัน....ในที่สุดก็....สิ้นสุดแล้วสินะ”

    ร่างผอมทรุดกายลงบนเตียงสะอาดด้วยจิตใจที่แตกร้าว หยดธาราอาบไหลแก้มขาว

    “คูกะ......”

    หญิงสาวนั่งลงข้างร่างนั้น แล้วโอบไหล่เธอเอาไว้ นารีผมสีนิลซบใบหน้าลงบนไหล่บางของหญิงสาว ไหล่สั่นไหวจากการสะอื้นไห้อย่างหนัก.....ความฝันของชั้น.......สิ้นสุดแล้วสินะ.......

    “คูกะ....ถ้าเสียใจมากก็ร้องไห้ไปเถอะ ร้องจนเธอหายเสียใจ แล้วจากนี้....จงเข้มแข็ง....ยิ่งขึ้น....อย่างน้อยถ้าเธอร้องไห้ ถ้าสิ่งนี้ทำให้เธอคลายเศร้า......”

    มือเรียวลูบเส้นผมนุ่มลื่นของเด็กสาวราวมารดาปลอบขวัญบุตรี

    ....ความฝันยังไม่จบลงนะ…


    +++++++++++++++++++

    ทะเลสาบแห่งความหวังเรืองรอง สายน้ำกระเพื่อมอยู่เสมอ กลิ่นอายหอมกรุ่นเย้ายวนผู้สูดดม สร้างความงามรื่นรมย์สดใสให้แก่ที่แห่งนี้

    “เคียว....นายมาสอดแนมอะไรน่ะ?”

    เสียงเย็นราวน้ำแข็งสะกดเทพบุตรร่างสันทัด เกศาสีแดงเพลิงสะดุดตาตัดกับผิวกายสะอาดราวปุยเมฆ ดวงตาสีนิลที่ดูสดใสเป็นมิตรส่องแววเหมือนพบเจอสมบัติล้ำค่า ร่างสูงหันมามองแล้วกวักมือเรียกเด็กสาว

    “คูกะๆ อยากเห็นมั้ยล่ะ!”

    “อะไร?”

    “ชู่ว..เบาๆ เดี๋ยวไก่ตื่น”

    ดูเหมือนนายเคียวจะปิดบังเธอสักอย่าง คูกะเลิกคิ้วแล้วสาวเท้าไปหา

    “เทพนารีบุพผา.....มาอาบน้ำด้วย....สวยชิบเป๋ง”

    ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ เรียกความโกรธาให้สาวน้อยทีเดียว

    “ไอบ้า!! ไม่ทิ้งสันดานคนเลยนะนาย...ใครใช้นายมาดูผู้หญิงเขาาอาบน้ำล่ะฟะ!!”

    เสียงปรามดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวนด้วยกลิ่นรัญจวนของนารีงามกลางทะเลสาบ

    “เอาน่าๆ เธอดูสิสวยมากเลยนะ...รู้สึกจะชื่อโนะฮาระกับคุรามิน่ะ”

    ว่าแล้วชี้ไปที่ของร่างระหง แม้จะอยู่ไกล แต่ก็เห็นได้ชัดว่านารีทั้งสองงดงามเพียงใด เทพนารีผู้หนึ่งมีเส้นผมยาวสลวยสีชมพูนุชราวกลีบกุหลาบ ดวงตาสีนภายามสงบ ผิวสีขาวอมชมพูนุ่มเนียน เรือนร่างตั้งแต่เอวบางคอดอยู่ใต้ผืนน้ำอันสงบที่ทั้งสองเห็นมีเพียงแผ่นหลังขาวอีกนางหนึ่งคือเด็กสาวอายุรุ่นเดียวกับเทพคูกะ หากแต่ใบหน้างดงามนี้จะต่างโดยสิ้นเชิง เรือนผมสีน้ำตาลทอง ดวงตาสีน้ำตาลทอง อีกทั้งผิวกายสีขาว ตั้งแต่ศีรษะจนถึงหัวไหล่โผล่พ้นจากวารี ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผู้พบเห็นมิอาจจะเห็นเรือนร่างได้หมด

    คูกะมองร่างนั้นราวกับว่าถูกสะกด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย อาจยกเว้นบุรุษผมสีเพลิงที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หลังพุ่มไม้ขจี

    “กลับเหอะ เดี๋ยวพวกเธอก็รู้ตัวหรอก!”

    เสียงเย็นบอก ดวงเนตรน้ำตาลมองชายหนุ่มอย่างกังวล ว่าจะถูกเล่นงานจากหญิงทั้งสอง เพราะเธอจำได้ว่าทั้งสองผ่านเข้ารอบ20คนสุดท้าย และได้เป็นนารีบุบผา ในขณะที่เธอยังรอการแต่งตั้งเป็นเทพชั้นสูง เธอต้องฝึกฝนร่างกายเพื่อการเป็นเทพที่ดี

    ร่างผอมคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆมีดเล่มงามก็พุ่งตรงหมายปักกระหม่อมเธอ แต่ด้วยทักษะอันร้ายกาจ เอี้ยวตัวหลบในทันใด มีดนั้นผูกเข้ากับริบบิ้นชมพู จากนั้น2วินาทีมันก็ลอยหวือสู่มือเจ้าของ

    “บอกมานะ!! ว่าเจ้าเป็นใคร!”

    เสียงหวานใสตวาดขึ้น ทำให้นารีเทพตกใจ

    “เคียว...กลับกะ...”

    ไม่ทันพูดจบ เทพบุตรนายนี้ก็รีบเผ่นไปไกลสุดอาณาเขต จนร่างผอมกลืนน้ำลายแทบไม่ลง

    “อ่า....ไอ้เคียว! คนทรยศ.....”

    เธอเดินออกจากพุ่มไม้ด้วยความกังวลบวกกับความฉุนเฉียวที่เพื่อนหนุ่มหนีจรจีไปไกลอย่างไม่บอกกล่าว นารีทั้งสองผู้ที่อยู่ตรงหน้าชายตามองด้วยความเกรี้ยว พวกนางแต่งกายด้วยผ้าสีบริสุทธิ์ทั้งร่าง

    “เจ้ามองข้ากับสหายชำระกายหรือไม่?”
    หญิงสาวผมสีกุหลาบเอ่ยถาม

    “ขะ....ข้าเปล่านะ ข้าเพียงแค่อยากชำระกายเท่านั้น”
    เสียงเย็นสั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    “เจ้าเป็นเทพบุตร...ใยเล่าเจ้าจึ่งไม่ชำระกายเพลาอื่นล่ะ”

    เด็กสาวอึ้งเหวอ......แล้วก็ยิ้มอย่างฝืดฝืนเต็มทน แต่ช่วยไม่ได้ที่หล่อนจะเข้าใจผิด เมื่อเครื่องหน้าของเธอดูเหมือนเทพบุตรมากกว่าเทพนารีเสียอีก

    “ข้า....ข้าเป็นอิสตรี......”

    ว่าแล้วก็เดินให้พบซึ่งพุ่มไม้เตี้ย เผยให้เห็นเรียวขาที่ปิดทับด้วยกระโปรงยาวจรดพื้น

    “อ่ะ...ข้าขอโทษ”

    เมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงกล่าวขอโทษ ใบหน้างามต้องเป็นสีแดงระเรื่อ ร่างระหงเดินมาที่ฝั่ง

    “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าคือเทพคูกะใช่รึเปล่า?”

    เสียงใสของเทพนารีอีกคนเรียกบรรยากาศให้สดใสขึ้น

    “ใช่... แต่เหตุใดเจ้าจึงพูดภาษานี้ปนเปกับภาษามนุษย์โลกล่ะ?”

    “ฉันคือคุรามิ เป็นมนุษย์มาก่อน...แล้วนี่คือโนะฮาระ เป็นเหมือนชั้นเช่นกัน ฉันรู้นะว่าเธอเป็นมนุษย์มาก่อน”

    “ใช่...อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ”

    คูกะเดินเข้ามาหาทั้งสอง เท้าย่ำลงผิวน้ำโดยมิได้จมลง แล้วมือเรียวจึงยื่นมือทักทายนารีทั้งสอง

    “หวังว่าจะได้พบกันอีกนะ ชั้นชื่อคูกะ โคล ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

    “จ๊ะ!! ชั้นชื่อฟุคาซาว่า คุรามิ”

    เทพนารีผมสีน้ำตาลเอ่ย

    “ชั้นชื่อ วะตะชิ โนะฮาระ ชื่อเล่นนารุโกะจ๊ะ!”
    หญิงสาวอีกคนบอกแล้วยิ้มหวาน  ทั้งสองผลัดกันจำมือของเด็กสาว

    “อ๊ะ! ตายจริง! ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะ ขอโทษนะที่คุยได้ไม่นาน ไปกันเถอะคุรามิ!”

    โนะฮาระจับมือคุรามิ และวิ่งฉิวราวกับหายตัว แต่ทิ้งบางอย่างเอาไว้

    กลีบดอกกุหลาบขาววางอย่างบรรจงอยู่บนพื้นหญ้า เรียงเป็นอักษรงดงามน่าประหลาด

    “ขอโทษนะจ๊ะ ที่เข้าใจผิด....คูกะ...เธอเก่งกาจและกล้าหาญมาก .......”

    ร่างผอมอ่านข้อความ แล้วยิ้มอย่างสุขใจ ฉับพลัน...กลีบดอกงามปลิวไสวหายไปชั่วพริบตา

    “น่ารักดีแฮะ อยากเจออีกมั่งจัง”

    เธอพูดชม แล้วลงไปชำระกายอย่างที่หมายเอาไว้แต่แรก

    +++++++++++++++++++

    “ยินดีด้วยนะ คูกะที่เธอได้เป็นว่าที่เทพแห่งสมดุลแล้วนะ”

    เทวนารีผู้หนึ่งเปรยเบาๆ หล่อนจับจ้องร่างผอมซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ขัดเงาวับ

    “แต่ว่า ถ้าทำอย่างนั้น ท่านฮิคารุจะต้องถูกปลดจากตำแหน่งนี้นะคะ? ท่านหญิงคูลเทีย”

    คูกะเอ่ยคัดค้านเธอ เทพนารีผู้มีเรือนผมสีแดงเพลิงราวเปลวเพลิงลุกโชติช่วงยาวจรดพื้น ดวงแก้วสีมรกตฉายแววลึกลับ สุขุมยิ่งนัก ผิวสีขาวอมชมพู ริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบ และรูปร่างบางอรชร

    “เธอทำหน้าที่ของเทพชั้นกลางคอยช่วยเหลือชั้นแล้วพวกน้องสาวด้วย แล้วก็ยังต่อสู้กับเทพหลายองค์ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ก้าวสู่จุดที่สูงที่สุดในชีวิต การได้เป็นเทพชั้นสูงยังไงล่ะ”

    “ตะ...แต่ว่าท่าน......”

    น้ำเสียงเย็นรู้สึกผิดดังขึ้น คูกะไม่กล้าที่จะสบตากับเทพนารีคูลเทียเพราะด้วยความหวาดกลัว และความไม่ค่อยคุ้นเคยเท่านารีคูลลิเทีย

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ท่านพ่อไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก ท่านก็บ่นอยู่เหมือนกันว่างานเทพสมดุลเหนื่อยไม่เบา ท่านพ่อยังอยากให้เธอได้เป็นเทพสมดุลแทนท่านเลย”

    “จริงเหรอคะ? ท่านคูลเทีย”

    “จ๊ะ”

    หญิงสาวยิ้มหวานชวนฝัน ก่อนที่จะวางมือเรียวงามบนหลังมือขาวของคูกะ

    “พยายามเข้านะ คูกะ”

    “ค่ะ! ท่านคูลเทีย”

    เด็กสาวยิ้ม สักครู่หนึ่งประตูไม้สลักลายหงส์ประยุทธ์กับมังกรก็ได้เปิดขึ้น

    ปรากฏเด็กสาวร่างเล็ก เธอมีเส้นผมสีมรกตพิสุทธิ์ยาวเคลียไหล่เล็ก ดวงตาสีเดียวกับนารีเกศาเพลิงหากแต่ส่องประกายสดใส ผิวกายขาวปกปิดด้วยอาภรณ์สีขาวยาวจรดพื้นหินขัด

    “ท่านพี่คูลเทียกับท่านคูกะ...ท่านพ่อเรียกค่ะ”
    เสียงใสกล่าวบอก แล้วเทวธิดาทั้งสองนางจึงเดินเท้าด้วยความแปลกใจ

    “ขอบใจนะ ลีเซีย”

    “ไม่เป็นไรค่ะ”

    +++++++++++++++++++
    ตำหนักเทพชั้นสูงของเทพแห่งสมดุล อาคารสีขาวบริสุทธิ์รังสรรค์ด้วยผืนผ้าสีเพลิงประดับตกแต่งพร้อมด้วยสารหนังสือนานาชนิดจากทั้งแดนเทพหรือแดนมนุษย์ พรมสีโลหิตอันแสดงเห็นถึงความหาญกล้าของผู้อาศัย ข้าวของทุกชิ้นล้วนแต่เป็นงานวิจิตรบรรจงแต่คงไว้ซึ่งความเรียบง่าย ที่ห้องโถงใหญ่ที่ร่างของเทพบุตรเรือนผมสีเพลิง ดวงตาสีเพลิงจับจ้องด้วยแววตาอบอุ่นต่างกับสีชาดที่ดูน่าหวาดเกรง ริวฝีปากสีซีดเอ่ยเรียกบุตรีทั้งสองและว่าที่เทพนารีแห่งสมดุล

    “คูลเทีย ลีเซีย แล้วก็คูกะสินะ พวกลูกๆเห็นคูลลิเทียบ้ารึเปล่า?”

    ถ้อยคำภาษามนุษย์ของเทพสมดุลหนุ่ม เรียกความเป็นกันเองได้ไม่น้อย

    “ท่าน...คูลลิเทียออกไปอาบน้ำที่ทะเลสาบค่ะท่านพ่อ”
    ลีเซียตอบแทนพี่สาวที่กำลังจะพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างนั้นทั้งสามคนช่วยเรียกคูลลิเทียทีซิ”

    “รับทราบค่ะ”

    เพียงเสี้ยววินาที ทั้งสามจึงมุ่งตรงไปยังทะเลสาบทันใด
    +++++++++++++++++++

    “รู้สึกบรรยากาศจะแปลกๆนะ”
    เสียงหวานกังวานเปรย ขณะที่ร่างเปลือยเปล่าเดินขึ้นฝั่งดิน แต่แล้ว

    “นั่นใครน่ะ!!!”

    เสียงหวีดร้องแต่คงความเสนาะดังขึ้นจากปากงาม ดวงตามรกตจ้องมองเงาหลังพุ่มไม้ด้วยความเคือง แล้วผืนผ้าคลุมสีขาวปกปิดร่างเธอทันใด จากนั้นร่างบางกระโจนไปยังที่แห่งนั้นหมายจับผู้ต้องสงสัย

    “เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”
    เธอด่าทอร่างที่อยู่ตรงหน้า ดวงแก้วสะท้อนภาพของบุรุษแปลกหน้า ผู้ที่เส้นเกศาละอาภรณ์สีรัตติกาลมืดมิด ดวงตาสีสีนิลดูลึกลับจนน่าเกรงขาม ร่างนั้นนั่งอยู่กับพื้นหญ้าแห้ง ทั่วลำตัวเต็มไปด้วยบาดแผลจากคาถาเทพ

    “ชั้น.....ไม่รู้...ว่าที่นี่คือ....ที่ไหน”

    เสียงทุ้มที่ดูเหนื่อยล้าเรียกความสงสารให้นารีได้ไม่น้อย เธอนั่งลงข้างๆ

    “คุณ.....เป็นมนุษย์เหรอ?”

    คูลลิเทียกล่าวถาม ในใจยังคิดว่าชายผู้นี้มีกลิ่นอายไม่เหมือนเทพแต่ก็พูดภาษามนุษย์ได้ อาจจะเป็นคนทรงที่ลองใช้วิชาต้องห้ามเพื่อมายังสถานที่ๆอยากไป แต่กลับมาหลงที่สวรรค์ของทวยเทพ

    “เปล่า ....แต่ฉัน....”

    “อะไร? อ๊ะ!!”

    และแล้วบุรุษรูปงามสิ้นสติลง ใบหน้าอันหล่อเหลาซบลงบนไหล่บางของคูลลิเทีย

    “สลบซะละ”

    หญิงสาวนำมือของเธอสัมผัสที่ร่างกายของอีกคนเบาๆ และบาดแผลก็หายไปราวกับเนรมิต

    “พลังรักษาของเราได้ผลดีทีเดียว พากลับไปที่ตำหนักให้ท่านพ่อดูดีกว่า”

    ว่าแล้วนกสีขาวบริสุทธิ์ขนาดมหึมาได้พาร่างของทั้งสองไปยังที่หมาย โดยไม่รู้ว่าเรื่องยุ่งยากจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
    +++++++++++++++++++

    “หา.....นี่ท่านคูลลิเทีย!! จะรักษาบุรุษผู้นี้เหรอคะ?”

    คูกะกล่าวอย่างอึ้ง เมื่อร่างสูงของบุรุษนิรนามนอนนิ่งอยู่บนเตียงตั่งของเทวนารีคูลลิเทีย

    “ใช่...อย่าลืมว่าชั้นไม่เลือกรักษาใครนี่นา ไม่ว่าใครก็เจ็บปวดเป็นเหมือนกัน”
    หญิงสาวเอ่ย แล้วมองชายหนุ่มด้วยความอาธร

    “แต่ว่าพี่รู้สึกว่าเค้าจะ.....”
    คูลเทียมองดูใบหน้าของร่างสูง สัญลักษณ์”ครอส” ที่หน้าผากยังคงความแครงใจไม่น้อย

    “เหมือนสัญลักษณ์บางอย่าง...”
    ลีเซียเอ่ย แล้วหยิบหนังสือเล่มหนามากางออก

    “หึ....สัญลักษณ์ของซาตานสินะ มิน่า ชั้นถึงรู้สึกกลิ่นอายปีศาจขึ้นจากเค้า”
    เสียงเย็นเรียกสามสาวให้หันมา

    “จริงรึ คูกะ?”

    “ค่ะ ใช่จริงๆด้วย แต่ถ้าอยากได้คำตอบว่าทำไม ต้องถามเจ้าตัวเอาเอง”
    คูกะเดินออกจากตำหนัก เพื่อสำรวจบางอย่าง

    “แล้วก็ ถ้าไม่อยากให้ท่านฮิคารุหรือเทพองค์อื่นรู้ ได้โปรดเก็บซาตานเอาไว้ดีๆนะคะ”
    เธอเดินออกจากประตูไปด้วยจิตที่หมองหม่น

    “คูกะโกรธหนูรึเปล่าคะ? พี่คูลเทีย”

    “ไม่หรอก แต่คูกะเกลียดกลิ่นซาตานเท่านั้น เจ้าตัวเค้าบอกมางี้แหละ”

    คูลเทียให้คำตอบน้องสาว และจูงมือลีเซียออกห้องไป

    “ชอบเค้าล่ะสิ คูลลิเทีย ซาตานคนนี้น่ะ.... ดูท่าทางมีเสน่ห์ไม่น้อยนะ.....”
    ทิ้งท้ายแล้วก็ออกไป โดยที่น้องสาวคนสวยยืนหน้าแดงก่ำอย่างมีสาเหตุ

    “จะบ้ารึไง!”

    +++++++++++++++++++
    เมื่อยามราตรีมาเยี่ยมเยือน แดนสวรรค์ของทวยเทพเงียบงัน หากแต่ความสวยงามยังคงอยู่ตลอดกาล
    ภายในตำหนักอันโอ่อ่า สะอาดตาด้วยผืนผ้าสีไข่มุก เตียงสี่เสาอันมีอาภรณ์สีนภาใสปกคลุมซ่อนไว้ซึ่งร่างนิทราจากภายใน
    ไม่ไกลนักคือเตียงสีขาวที่จัดอย่างบรรจงคือร่างของบุรุษปริศนาผู้ซึ่งมีกลิ่นอายราวซาตาน ทว่าเครื่องหน้าที่ดูหล่อเหลา คมเข้ม แต่กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่น ร่างนั้นเบิกเนตรช้าๆ ดวงเนตรสีนิลรัตติกาลชายตามองรอบๆบริเวณ และดวงแก้วนั้นสะดุดอยู่ตรงเตียงใหญ่ข้างร่างของเขา เท้าสีขาวซีดจรดพื้นด้วยเสียงอันเบาราวกับเสียงของฝีเท้าพยัคฆ์ยามล่าเหยื่อ

    อาภรณ์สีขาวอันเป็นเครื่องแบบของเทพบุตรเสียดสีกับผ้าม่าน มือหนาสีซีดปัดม่านให้พ้น แล้วเงาสะท้อนของดวงตาสีนิลจึงได้ปรากฏร่างระหงของเทวนารีผู้เลอโฉม แพขนตางอนงามอันเก็บซ่อนเนตรไพรอ่อนหวาน ริมฝีปากสีกุหลาบได้รูป เกศาบุษราคัมเหยียดตรง ผิวกายน่าสัมผัส....น่าลิ้มลอง.....

    ทันใดนั้นซาตานบรรจงประกบริมฝีปากกับร่างสงบอย่างอ่อนโยนแฝงความเร้าร้อน ร่างนั้นขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน แล้วเริ่มบรรเลงบทเพลงพิศวาส หากแต่การกระทำนี้คงจะสำเร็จได้หรอก ทว่ามีรึที่เทพชั้นกลางอย่างนารีผู้นี้จะไม่มีสติรับรู้

     “อ๊ะ!! นาย..... นายจะทำอะไรฉัน!!”

    เสียงหวานหวีดร้อง เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดทับร่าง

    “คูลลิเทีย ชั้นหลงรักเธอเข้าซะแล้ว”

    “ไม่นะ...อุ๊บ!!”

    ยังไม่ทันที่เสียงหวานจะเอ่ยจนจบประโยค ก็ถูกริมฝีปากหนาประกบจูบ ทั้งหนักหน่วงและรุนแรง จนกล่องเสียงชักจะทำงานได้ไม่คล่องตัว

    ฉับพลัน!!!!
    ร่างสูงของซาตานบ้ากามปลิวหวือออกจากเตียง เมื่อหญิงสาวรวบรวมออร่าไว้ตรงที่ฝ่าเท้าเล็กของเธอ แล้วถีบร่างนั้นออกให้พ้นทาง

    “โอ้ย!! เธอเป็นผู้หญิงจริงรึไง จู่ๆก็มาถีบฉัน!!”

    เสียงทุ้มดังขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ทั้งที่เมื่อกี้ยังมีราคะที่น่าขยะแขยง

    “นายพูดอย่างงี้ได้ไง!! แล้วใครล่ะที่เข้ามาหมายจะทำร้ายฉัน!?”

    คูลลิเทียด่าทอ แต่กลับไม่สังเกตใบหน้าบื้อๆของชายหนุ่ม

    “หา? เธอบอกว่าฉันจะ....ทำร้ายเธอเหรอ?”

    “ยังมาปากแข็งอีก!!! ก็นาย....ฮึก....ก็นาย.....”

    ร่างบางอึกอัก ดวงเนตรไพรมองสบลึกในตาสีนิลที่ดูงุนงง ดูเหมือนเขาจะไม่โกหกแต่อย่างใด

    “เอ่อ....อาจใช่ก็ได้ เอาเป็นว่าฉันขอโทษนะ”

    พูดไปคิดไป แล้วก็นึกเรื่องที่ตัวเองลืม

    “เอ้อ...แล้วที่นี่มันที่ไหน?”

    คำถามของคนซื่อ(บื้อ)ยั่วอารมณ์(โมโห)ให้แก่เธอ จากนั้นร่างระหงก้าวเท้าไปหาร่างสูง ดวงเนตรสีไพรมองอย่างตำหนิ

    “ยังจะมาทำไก๋อีก!!”

    “ก็ชั้นไม่รู้จริงๆนี่!!!”

    พูดแล้วก็ทำหน้าซื่อบริสุทธิ์ จนเทพสาวต้องยอมรามือ

    “ถ้าอย่างนั้นช่วยฟังเรื่องนี้ด้วย”

    ด้วยความเมตตาและความที่เห็นว่าชายหนุ่มจะพูดไม่โกหก เธอจึงสลัดน้ำโหแล้วเปิดปากเล่าให้ฟัง
    +++++++++++++++++++
    “ที่แท้ที่นี่คือสวรรค์เหรอครับ แล้ว... ท่าน คือคูลลิเทียเหรอ สมคำล่ำลือจริงๆนะครับ”

    “คำล่ำลือ?”

    “ที่โลกของความสมดุลที่ท่านฮิคารุได้สร้างขึ้นเพื่อให้พวก”ไม่มีความแน่นอน”อาศัยอยู่ไง ผมมีพ่อเป็นซาตานมีแม่เป็นนางฟ้า ผมก็เลยต้องอยู่ในโลกสมดุล ที่สำคัญนะที่นั่นพูดด้วยภาษามนุษย์ ผมก็เลยพูดภาษามนุษย์ แล้วก็ที่หลงทางเพราะผมไปเจอเคล็ดวิชาประตูมิติของพ่อมา เลยมาฝึกดู แต่ผลที่ได้ไม่นึกว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้”

    ซาตานหนุ่มกล่าวเล่าด้วยความปิติ เมื่อมีนางฟ้าสวยมานั่งฟังอยู่ข้างๆ

    “แล้วคำล่ำลือล่ะ”
    หญิงสาวถามตอบด้วยความสงสัย

    “คูลลิเทีย ธิดาแห่งเทพบุตรฮิคารุ เทพบุตรสมดุลกับเทพนารีคูลเทเรียนารีบุบผาสวรรค์องค์ก่อน คูลลิเทียงดงามยิ่งนัก งดงามกว่านารีใดบนสรวงสวรรค์...โลกมนุษย์ หรือโลกไหนๆ ต่างเป็นที่รักของหมู่มวลสรรพสิ่ง ผู้เป็นที่รักยิ่ง....จิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่อง อ่อนโยนอ่อนหวานไม่อาจหาสิ่งใดเทียมเท่า อีกทั้งความสามารถ พลังแห่งการรักษาที่ยอดเยี่ยม จะหาผู้ใดเทียบเทียม ตอนนี้ดีใจมากที่ผมได้รู้จักท่าน แล้วท่านช่วยรักษาผม ขอบพระคุณมากนะครับ”

    ว่าแล้วก็ยิ้มละไมชวนหลง

    “ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ?”

    กว่าคำถามนี้จะออกจากกลีบปากกุหลาบนี้ ก็เล่นเอาแทบแย่ เธอเป็นผู้ปราดเปรื่อง แต่ก็คงขวัญเสียเมื่อมีชายหนุ่มมาปลุกปล้ำ แถมยังบื้อกินสมองอีก แย่ชะมัด….

    “ผมชื่อลูซิเฟอร์ครับ ใครๆเค้าก็เรียกว่าซาตานลูซิเฟอร์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

    มือหนายื่นเป็นสัญญาณทักทาย ก่อนที่หญิงสาวจะสัมผัสมือนั้นเบาๆ

    “ทักทายแบบมนุษย์รึเปล่านะ ช่างเหอะ.....ยินดีที่ได้รู้จัก”

    “ท่านคูลลิเทียเนี่ยเป็นเทพบริสุทธิ์จริงหรือครับ?”

    ซาตานหนุ่มซักไซ้ด้วยวาจาขี้เล่น อัปสรสาวพองแก้มอย่างเง้างอน แล้วเบือนหน้าหนี

    “ก็ใช่สิ! รึเห็นชั้นเป็นอะไร”

    พูดแล้วฉุน ทำเหมือนกับเธอเป็นจำเลยให้ศาลซักถามอยู่อย่างนั้น แต่ก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ทำร้ายซาตานคนนี้

    “ก็ท่านดูเป็นกันเองดี ผมชอบคนแบบท่านจัง”

    ว่าแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

    “เงียบไปเลย !ถ้าฝืนพูดภาษาเทพไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูด ไม่ต้องเรียกว่าท่าน! มันขัดกับคำพูดตัวเองมาก พอได้แล้วด้วยฉันจะนอน!”

    ได้โอกาสด่า ว่าแล้วสาวเจ้าก็ล้มตัวลงนอนกับเตียง ทิ้งอีกร่างให้นอนเตียงสำรอง

    “ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

    แล้วราตรีที่แสนไม่ธรรมดาก็ได้ปลูกต้นรักของทั้งสองขึ้น

    +++++++++++++++++++

    “นายชื่อลูซิเฟอร์เหรอ?”

    เสียงเย็นชาของคูกะดังขึ้น ยามที่ชายหนุ่มก้าวเท้ามาเยือนตำหนักของเธอพร้อมด้วยท่านหญิงคูลลิเทีย

    “ใช่แล้ว แล้วเธอชื่อคูกะใช่มะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้หญิงนะ....”

    ว่าแล้วก็มองร่างผอมผู้ซึ่งสวมชุดฝึกกังฟูสีขาว ยิ่งรูปร่างผอมบางยิ่งคล้ายคลึงกับเด็กหนุ่มยิ่งกว่าชุดเทพเสียอีก

    “เออ....เรื่องของชั้น นายใช่สุดเทพบุตรแล้วดูดีนี่ จริงสิมาทดสอบฝีมือหน่อยมะ?”

    “ทดสอบฝีมือเหรอ?”

    “ใช่แล้ว”

    มือสีขาวหยิบใบไม้แห้งที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น

    “นี่คือความสามารถเน็นของโลกมนุษย์”
    ทันใดนั้นเองสิ่งที่อยู่ในมือกลับกายเป็นมีดสีเงินยาวครึ่งฟุต เชือกสีเขียวผูกติดปลายด้าม แหวนคาถาสีทองเรืองรองราวมีชีวิต ร่างผอมสะบัดข้อมือเล็ก มีดคมพุ่งตรงไปยังต้นเสาด้านหลังร่างสูง

    “ฉึก!”

    ปลายมีดแหลมคมเสียบเสาสีนิล ปักคาอยู่เช่นนั้น ซาตานหนุ่มมองแล้วยิ้ม

    “เธอใช้เน็นได้ด้วยเหรอ แต่ปกติพวกสายแปรสภาพจะไม่ถนัดสายแผ่พุ่งไม่ใช่เหรอ?”

    เขาเดินไปหยิบมีดที่เสียบคา

    “ใช่ แต่โทษที ชั้นเป็นสายพิเศษนะ สามารถใช้เน็นได้ทุกสายได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อก่อนก็เป็นสายแปรสภาพ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไป เพราะอะไรน๊า”
    คูกะตั้งคำถาม เหมือนกันทดสอบต้อนรับแขกมาเยือน

    “เพราะแหวนสีเงินที่คุณสวมอยู่ โฮลี่ไนท์ ริงค์ มันเป็นแหวนทรงอานุภาพที่สามารถใช้ขอพรอะไรก็ได้สามประการ แล้วมันจะเป็นจริงเมื่อผู้ขอพรสวมใส่มัน และคนที่สร้างมันได้ก็มีแต่ผู้ดำรงตำแหน่งเทพสมดุลเท่านั้น ผู้สร้างคงจะเป็นท่านฮิคารุกระมัง”

    ลูซิเฟอร์กล่าว ทำให้ทั้งสองเทพนารีทึ่งในความรอบรู้

    “แต่ว่านะ ทำไมเธอถึงมีแหวนวงนี้ได้ ปกติเทพสมดุลจะมอบให้เฉพาะบุตรของท่านเท่านั้น”

    “ก็เพราะว่าท่านพ่อรักคูกะเหมือนลูกไงล่ะ”

    คูลลิเทียตอบ มือเรียวจับไหล่ของคูกะ

    “เหรอครับ? ท่านคูลลิเทีย”

     “ทีกับท่านคูลลิเทียพูดสุภาพเชียวนะ”

    คูกะคิดในใจ หน้าเบ้ไปด้วย

    “คูกะเป็นเทพนารีผู้จงรักพักดีต่อพวกเราไม่แปรผัน ท่านพ่อจึ่งสร้างแหวนไว้ห้าวง ให้ตัวเอง ให้ชั้น ให้ท่านพี่คูลเทียกับน้องลีเซีย แล้วก็ของคูกะ”

    เธอยิ้มหวาน จากนั้นจึงเดินออกจากตำหนัก

    “ชั้นจะไปช่วยพี่คูลเทียปลูกต้นไม้นะ พวกเธอฝึกที่หลังตำหนักใช่มั้ย ขอตัวล่ะ”

    “ครับ/ค่ะ”

    แล้วหนึ่งเทพหนึ่งซาตานจึงได้ประยุทธ์ เพื่อแสดงความเก่งกาจอย่างสนุกสนาน

    +++++++++++++++++++

    หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ลูซิเฟอร์กลายเป็นที่รักใคร่ของเหล่าเทพสมดุล สามพี่น้องต่างได้ร่วมกันทำกิจกรรมต่างกับซาตานหนุ่มและว่าที่เทพสมดุล มิตรภาพงอกงามเบ่งบานเหมือนบุหงาบานท่ามกลางท้องทุ่งอันสงบ

    “นี่ ลูซิเฟอร์ นายจะกลับโลกสมดุลแล้วใช่มั้ย แล้วจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่?”

    คูกะถามขึ้น ทั้งสองนั่งชมน้ำตก หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกต่อสู้

    “ฮื่อ แต่ว่านะ ถ้าเธอได้เป็นเทพสมดุล รับรองว่าเราต้องได้เจอกันแน่”

    ลูซิเฟอร์ตอบด้วยดวงตาเป็นประกายที่อบอุ่น

    “นี่...นายรักท่านคูลลิเทียใช่มั้ย?”

    ซาตานลูซิเฟอร์อึ้ง ลุกลี้ลุกลนจนสังเกตได้

    “เอ่อ.....”

    “ไม่ต้องมาเอ่อ เมื่อวานชั้นกับท่านคูลเทียกับท่านลีเซียเห็นนะ นายกับท่านคูลลิเทียจุมพิตกันที่หลังตำหนัก”

    ซาตานคิดหนัก อดฉุนไม่ได้ที่มีแขกไม่รับเชิญมาล่วงรู้ความลับ

    “ก็....อย่างที่เห็นนั่นแหละ”

    หน้าแดงเป็นลูกตำลึง แล้วก้มหงุดๆไม่ยอมสบตา

    “บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าไม่โกรธหรอก แต่ว่ามีเรื่องจะขอร้อง”

    “หือ”

    คูกะลุกขึ้นพรวด แล้วเหม่อมอง

    “ซาตานลูซิเฟอร์ ถ้าชั้นเกิดตายหรือว่าเป็นอะไรไป ฝากดูแลท่านคูลลิเทียได้มั้ย”

    เธอหันควับมาที่ใบหน้าคมที่เงยขึ้น ร่างสูงลุกขึ้นตาม

    “ได้สิ เพราะคูลลิเทียเป็นคนที่ชั้นรักนี่นา ไม่ใช่แค่คูลลิเทียเท่านั้น ลีเซียหรือคูลเทียชั้นก็จะปกป้อง พอใจมั้ยล่ะ?”

    ลูซิเฟอร์ตอบ ยิ้มด้วยความมั่นใจเต็มที่ คูกะยิ้มแล้วชูนิ้วก้อย

    “สัญญานะ ถ้าผิดสัญญาขอให้มีอันเป็นไป”

    นิ้วก้องของชายหนุ่มเกี่ยวเข้า

    “ฮื่อ หากผิดสัญญาขอให้มีอันเป็นไป”

    “ตั้งแต่บัดนี้”

    เสียงเย็นชากล่าว

    “เป็นต้นไป”

    เสียงทุ้มตอบ

    สัญญาแห่งการปกป้องได้เกิดขึ้น ทั้งสองไม่รู้หรอกว่าต่อไปความหายนะกำลังได้ก่อตัวขึ้น

    +++++++++++++++++++
    แต่แล้วจู่ๆเมฆสีทมิฬได้ปกคลุมน่านฟ้าของแดนสวรรค์ เสียงหวีดร้องดังเซ็งแซ่ เทพต่างถอยหนีด้วยเหตุการณ์หนึ่งที่หาได้เคยเกิดขึ้นบนสวรรค์ไม่ เสียงอึกทึกเรียกนารีสมดุลทั้งสามให้ตื่นจากนิทรา ร่างทั้งสามกระพือปีพิสุทธิ์โบยบินสู่จุดหมาย อันไม่ไกลจากตำหนัก

    “นี่มันอะไรกัน!!”

    ภาพสะท้อนบนเรตินาของคูลลิเทียคือสิ่งมีชีวิตอันแผ่รัศมีแห่งความชั่ว ร่างสีทมิฬก่อรูปราวปีศาจหิวกระหาย เศษวิญญาณเทพลอยฟุ้งเป็นสัญญาณของการถูกคร่า ปีศาจจ้องมองธิดาผู้เลอโฉมไม่วางตา

    “เจอแล้ว ในที่สุดข้าก็เจอแล้ว นารีคูลลิเทีย มาเป็นขอข้าเถอะ....”

    วาจาอันคาบหยาบเรียกโทสะของหญิงสาว เธอหมายกระโจนโจมตีปีศาจ หากแต่คงสำเร็จได้ เมื่อพี่สาวคูลเทียไม่คว้าแขนเอาไว้

    “คูลลิเทีย!! ใจเย็นๆ เจ้านี่คือดาร์คอีวิลนะ พวกมันคงสิงเทพปราการที่โลกมนุษย์เข้า  เรื่องนี้ต้องปล่อยให้ท่านพ่อจัดการ”

    หญิงผมสีเพลิงบอกกล่าว น้องสาวได้แต่กัดฟัน

    “ท่านพี่คะ!! พาพี่คูลลิเทียไปหลบในที่ปลอดภัยก่อน ดูเหมือนว่าพวกมันจะต้องการตัวท่านพี่มาก”

    ลีเซียกล่าวอย่างกังวล แล้วมือน้อยได้ยื่นออกไป จากนั้นกำแพงที่มองไม่เห็นได้ปกป้องร่างทั้งสามเอาไว้

    “เขตอาคมของหนูคงใช้ได้แค่สิบนาทีเท่านั้น ระหว่างที่สร้างพี่คูลเทียช่วยเปิดประตูมิติพาพี่คูลลิเทียไปก่อนนะคะ”

    นารีร่างเล็กยิ้มชวนโล่งใจ แล้วยืนนิ่ง

    “แล้วเธอล่ะ?”

    “หนูจะเป็นกำลังเสริมให้ท่านพ่อเอง”

    “ไม่!! หนูไม่ไปนะคะพี่ หนูจะอยู่ที่นี่!!”

    หญิงสาวปฏิเสธอย่างดื้อรั้น

    “แต่ว่า...”

    “หนูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!!”

    เธอตะโกนโหวกเหวก จนคูลเทียต้องยอมแพ้

    “ก็ได้....”

    และแล้วท่านพ่อที่พวกเธอพูดถึง เขาผู้นั้นยืนอยู่ข้างหน้าร่างทั้งสาม จากนั้นออร่าสีทองจึงปะทุขึ้น

    “หยุดการกระทำชั่วช้าของเจ้าได้แล้ว วิญญาณชั่วร้าย!!”

    “เหะๆๆ คิดว่าเจ้าเพียงผู้เดียวจะสามารถล้มข้าได้ ไม่มีทาง!!”

    สายลมปะทะอย่างรุนแรงยิ่งเสียกว่าพายุยามวสันตฤดู ลีเซียพยายามสร้างเกราะขึ้นเพื่อปกป้องพี่สาวทั้งสอง ในขณะที่พ่อของพวกเธอได้ใช้พลังต่อสู้...............

    +++++++++++++++++++

    “ท่านพ่อ!!!!!!!!!!!!”

    เสียงหวานของคูลลิเทียกรีดร้องราวสิ้นใจ ยามเมื่อบิดาผู้ให้กำเนิดต้องสิ้นชีพ ร่างนั้นเรือนหายราวกับแสง

    “ท่านฮิคารุ!!!”

    เสียงเย็นชาที่แสนคุ้นเอยเอ่ยเอื้อนอย่างตะลึง เธอวิ่งไปหาร่างนั้นโดยมิได้สนใจการห้ามปรามจากซาตานหนุ่มที่ติดตามมาด้วย
    “ท่านคูลลิ....”

    ไม่ทันไรหญิงสาวนามคูลลิเทียวิ่งไปหาร่างของพ่อ โดยมีธิดาร่วมสายเลือดตามมาติดๆ

    “พวกลูกๆ...พ่อคงอยู่ต่อไม่ได้แล้วล่ะ....”

    เสียงอบอุ่นของฮิคารุบอกกล่าวนารีทั้งสี่ ร่างที่ไม่อาจจะก่อรูปดังเดิมจะกลายเป็นแค่มวลอากาศเสียแล้ว

    “ท่านพ่อ...ท่านจะตายได้ไม่ได้นะคะ!!!”

    หญิงสาวผมทองกล่าวทั้งน้ำตา แล้วทรุดลง

    “ท่านพ่อ.....”

    อีกสองพี่น้องต่างก็สลด แม้นจะรู้ว่าท่านพ่อคงไม่อาจจะอยู่ได้อีกต่อไป

    “ไม่เป็นไร ยังไงถ้าลูกอยากเจอพ่อ ลูกก็ปลุกพ่อขึ้นอีก คูกะ ฝากดูและลูกสาวทั้งสามด้วยนะ แล้วก็....”

    “ท่าน....”

    หยดน้ำตาไหลอาบแก้มผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนารีผู้เข้มแข็ง คูกะพยักหน้ารับ

    “แล้วเจ้าด้วยนะ ซาตานลูซิเฟอร์....”

    ซาตานหนุ่มผู้อยู่ข้างหลังคูลลิเทียพยักหน้าตอบ

    “ดูแลตัวเองด้วยนะ ลาก่อน”

    และแล้วร่างนั้นก็มลายหายกลับกลายเป็นอากาศธาตุท่ามกลางเสียงสะอื้นของนารีทั้งหลาย

    “ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดมันก็ตายลง! ต่อไปเหยื่อของข้าคือพวกเจ้า แล้วคูลลิเทีย เจ้าจะต้องเป็นของข้าตลอดไป!!”

    วิญญาณชั่วร้ายหัวเราะอย่างสะใจในความทุกระทมของเหล่าเทพที่ได้รับ แต่แล้วพลังของเทพทั้งสี่กับซาตานได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าประหลาด

    “ไม่มีใครยอมให้แกทำลายสวรรค์ไปมากว่านี้ อีกแล้ว เตรียมตัวตายได้แล้วไอ้วิญญาณชั่ว!!!”

    คำประกาศหมายล้มจอมปีศาจดังขึ้น และแล้วการต่อสู้ก็ได้เริ่มต้น..................
    +++++++++++++++++++
    “ท่าน.....คูลลิเทีย ท่านลีเซีย ท่านคูลเทีย พวกท่านจะตายไม่ได้นะคะ!!!”

    คูกะตะโกน เมือนารีทั้งสามจะกลายสภาพเป็นดังเช่นฮิคารุ

    “คูกะ ชั้นไม่ไหวแล้วล่ะ....”

    ลีเซียบอก ทำนบน้ำตาไม่อาจจะเชื่อมต่อก็เพราะเธอกำลังจะไร้ตัวตน กำลังจะตาย…

    “ที่เหลือฝากเธอจัดการด้วยนะ”

    คูลเทียยิ้มหวาน แล้วก้าวมาหาคูกะ ผู้เต็มไปด้วยรอยแผล

    “ลูซิเฟอร์ ชั้นคงเป็น...คู่ชีวิตของเจ้าไม่ได้แล้วล่ะ....”

    “ไม่.....คูลลิเทีย เธอจะต้องเป็นของๆฉันจะตลอดไป ฉันจะไม่ให้เธอจากไป!!!”

    คำพูดอันร้อนรนของซาตาน เรียกความเศร้าโศกให้แก่บริเวณนี้ หยดสายธาราจากนัยน์ตานิลกาฬหยดแล้วหยดเล่าที่ตกกระทบกายโปรงแสงของหญิงสาว มือแกร่งพยายามโอบอุ้มร่างนั้นเอาไว้ ในขณะที่สองนางแห่งเทพสมดุล ต่างก็ตกสภาพเดียวกัน

    แต่แล้ว!!

    “มีอีกวิธีหนึ่ง....วิธีที่จะให้พวกท่านได้มีชีวิตเป็นมนุษย์อีกครั้ง...”

    เสียงนั้นดังขึ้น คูกะผู้ซึ่งกำลังโศกเศร้านั่นเอง ร่างผอมเดินมาหาหญิงสาวทั้งสาม

    “ลูซิเฟอร์ จะไว้ใจฉันได้ไหม? ปล่อยคูลลิเทีย แล้วสร้างเขตอาคมรอบพวกเราทีนะ”

    เธอสั่ง ถึงแม้จะไม่ชัวร์ว่าแผนจะสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามซาตานหนุ่มผละจากร่างบาง แล้วเดินมาประจันหน้ากับจอมปีศาจซึ่งกลายสภาพเป็นเงาดำดั่งหมีผู้ชั่วช้า

    “วิชาผนึกวิญญาณ คือการผนึกวิญญาณเทพเข้าใส่ผนึกคริสตัลเทพ แล้วใช้เศษวิญญาณที่ถูกผนึกเข้าไปในตัวทารกของมนุษย์ ท่านทั้งสามเคยบอกชั้น....ใช่โฮลี่ ชิวเดร้น...ความหวังของพวกเรา ฉันจะสร้างตำนานนี้เองค่ะ ได้โปรดเชื่อใจฉัน....”

    เด็กสาวเอ่ยกับร่างโปรงแสงซึ่งยิ้มยินดี

    “พวกเราไว้ใจเธอ....ขอบคุณที่รักกัน ขอบคุณสำหรับทุกๆสิ่ง....”

    คูลเทียบอกด้วยรอยยิ้ม

    “พี่คูกะ หนูสนุกมากๆที่มีพี่อยู่ด้วยขอบคุณนะคะ......”

    ลีเซียพูดทั้งน้ำตา

    “คูกะ.....ชั้นจะไม่บอกว่าลาก่อน แล้วเจอกันใหม่นะ....”

    คูลลิเทียยิ้ม แล้วหันไปมองลูซิเฟอร์

    “แล้วก็.....ลูซิเฟอร์....ฉัน...ฉันรักเธอ.....แล้วเจอกันนะ”

    เสียงหวานแว่วเอ่ยถ้อยคำรัก ยากนักที่เวลาคับขันไม่สร้างความประทับใจ และห้วงเวลานี้อาจจะเป็นวินาทีสุดท้าย ที่คูลลิเทียกับซาตานลูซิเฟอร์....อาจได้พบเจอกัน....

    ชายหนุ่มได้รับฟังจำต้องแอบยิ้ม แต่ไม่ได้หันมามองก่อนจะพูดคำพูดนี้ออกมา

    “คูลลิเทีย ฉันก็รักเธอ......”

    และแล้วทั้งสามร่างมลายไป อยู่ภายในคริสตัลสีใสในมืออันเรียวบางของคูกะ

    “ได้เจอกันแน่ ฉันรับรองได้เลย ลูซิเฟอร์....”

    คริสตัลในมือเธอสลายเข้าสู่จี้ไม้กางเขนบนคอขาวของเธอ

    “แต่จากนี้.....เราต้องชนะ......”

    ทั้งสองร่างกระโจนไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต

    “ชั้นจะต้องกำจัดแกให้ได้!!!!!!!!!! ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

    +++++++++++++++++++

    ณ ตำหนักอันเป็นจุดพิพากษาของทวยเทพ ม่านสีขาวพิสุทธิ์กั้นขวางมิให้ผู้ใดได้ทอดมองร่างอันสง่าของมหาเทพ ผู้เป็นใหญ่แห่งเหล่าทวยเทพทั้งมวล เทพชั้นสูงหลายองค์ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ อยู่เคียงข้างจอมราชัน

    ตรงจุดกึ่งกลางแห่งตำหนัก คือสองร่างผู้ซึ่งผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความตึงเครียด และแล้วเสียงวงอำนาจได้สะกดจิตใจผู้รับฟัง
    “เทพนารีคูกะ เจ้ามีความผิดฐานให้ที่พักแก่ซาตานลูซิเฟอร์ ข้าจะเนรเทศเจ้าไปอยู่ยังโลกมนุษย์ แต่เพราะเจ้าได้ต่อสู้กับวิญญาณชั่วร้าย ข้าจะให้เจ้าแก้ตัวอีกครั้ง จงสร้างอัศวินศักดิ์สิทธิ์ดังที่เจ้าได้ประกาศ และจงกำจัดวิญญาณชั่วร้ายให้หมดไป.....”

    ราวกับหัวใจจะแตกร้าว..... คำประกาศนี้แทบจะทำให้เธอต้องเจ็บปวดไม่มีใครเห็นความดีของชั้นบ้างหรือยังไง.....

    “ซาตานลูซิเฟอร์ เจ้ามีความผิดฐานอยู่บนสวรรค์โดยมิได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าจักต้องไปเกิดเป็นมนุษย์ แต่เจ้าช่วยเทพนารีคูกะ ข้าจะให้เจ้าเลือกเกิด จบคำพิพากษา”

    และแล้วการพิพากษาได้จบลง ทั้งสองร่างได้แต่เจ็บปวดกับสิ่งที่จะต้องตามมา แต่อย่างไรหัวใจที่แข็งแกร่งจะต้องนำพาร่างกายไปสู่การต่อสู้หลายๆสิ่ง ถึงแม้โชคชะตาจะไม่เข้าข้าง ขอเพียงแค่เราสู้ต่อไปก็พอแล้ว

    “ลูซิเฟอร์ แล้วเจอกันที่โลกมนุษย์นะ....”

    คูกะอำลาเพื่อนต่างเชื้อสาย ก่อนที่เธอจะถูกส่งไปยังแดนมนุษย์ผ่านทางประตูมิติ

    “ฮื่อ แล้วเจอกัน...”

    ลูซิเฟอร์ยิ้มตอบรับอย่างเศร้าสร้อย ก่อนที่ร่างจะสลายไป

    “ท่านเทพอารักขา ชั้นพร้อมแล้วล่ะ”

    เธอบอกกล่าวเทพชุดเกราะรอบกายซึ่งประจำการ ณ เขตแดนแห่งสวรรค์พยักหน้าตอบรับ ก่อนที่ประตูมิติจะเริ่มเพปิดออก แต่

    ทันใดนั้น! ชายหนุ่มผมสีเพลิง เคียว วิ่งตรงไปยังเขตแดนนั้น แต่ก็ถูกเทพอารักขาหลายองค์สกัดไว้

    “คูกะ !ถ้าท่านมหาเทพอนุญาตให้ชั้นไปเยี่ยมเมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปหานะ!!”

    เคียวตะโกนโหวกเหวก หวังให้เพื่อนรักได้รับรู้

    “เอ้อ!!!! แล้วเจอกัน!!”

    เทพนารีสมดุลตะโกนตอบ แล้วยิ้มอย่างปลาบปลื้ม นั่นสิ....ยังไงชั้นก็มีเพื่อนพ้องที่แสนวิเศษนี่นา ถึงแม้จะเจอกันได้ไม่นานก็เถอะ

    “แล้วชั้นจะรวมพรรคพวกไปช่วยเธอนะ!!!”

    “ขอบใจมากกกกกกกกก”

    สิ้นเสียงตะโกน ร่างผอมของคูกะก็ได้หายไปกับประตูมิติ............................................
    +++++++++++++++++++

    .........แม้ว่าหนทางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

    ..........แต่จงอย่าจำนนต่อโชคชะตา

    ........ต่อสู้ให้ถึงที่สุด

    ..........แล้วจะรู้ว่าวันข้างหน้านั้น

    .........สดใสยิ่งกว่าวันไหนๆ

    .........สู้ต่อไป

    ..........นักล่าฝัน

    +The end+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×