คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : If kurapica is a girl. ตอนที่สอง ก้าวแรกแห่งการเดินทาง
~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*
“อ๊ะ!! คุราปิก้า เธอตัดผมเหรอ? พี่จำแทบไม่ได้แน่ะ!!”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อผู้ที่เป็นดั่งพี่น้องมายืนต่อหน้าด้วยเส้นผมสีทองยาวเพียงประบ่าเท่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่แปลใจ พวกเด็กๆต่างก็แปลกใจการกระทำของเธอ..
“อื้อ....พี่มีเลียน...คือว่าชั้นจะไปสอบฮันเตอร์แล้วล่ะ”
เสียงที่ตอบกลับบัดนี้ไม่ได้หวานซึ้งอย่างปกติ กลับเป็นเสียงหวานที่ห้าวหาญ และท่าทีสงบไร้รอยยิ้ม มีเลียนเดินเข้ามาหาด้วยความใคร่รู้
“คุราปิก้า วันนี้เธอเป็นอะไร?”
“ไม่มีอะไรมากมาย...ก็แค่อยากสอบฮันเตอร์เท่านั้นเอง....อีกอย่าง ตอนนี้ชั้นตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายตั้งแต่ตอนนี้...ดังนั้น...”
เธอหันมามองคู่สนทนาด้วยแววตามุ่งมั่น
“พี่มีเลียนก็เห็นชั้นเป็นน้องชายคนหนึ่งก็แล้วกัน”
การเอ่ยปากขอที่ไม่น่ารื่นรมย์เรียกบรรยากาศคุกรุ่น หญิงสาววิ่งไปคว้าแขนของเด็กสาว
“คุราปิก้า...พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้อง...แต่ว่า.....พี่น่ะ..ไม่อยากให้เธอต้องไปสอบนะ...ได้โปรดเถอะ...ถึงน้องจะไปแก้แค้น...แล้วคิดเหรอว่าพวกพ่อแม่พี่น้องของเธอตะฟื้นขึ้นมา...ดังนั้น..พี่ไม่อยากให้เธอไปนะ...”
น้ำเสียงเว้าวอนของมีเลียนไม่ได้ทำให้คุราปิก้าหวั่นไหว เธอโอบกอดหญิงสาวด้วยความรัก
“ชั้น...ทนไม่ได้ที่ต้องมีคนต้องถูกพวกมันฆ่าตายไม่ได้อีกแล้ว...ปล่อยชั้นไปเถอะ...ชั้นจะกลับมา....พี่ไม่ต้องเป็นห่วง....”
ภาพที่ปรากฏบนแก้วตามัวหมองเพราะอาบชุ่มไปด้วยน้ำตา สองร่างต่างสวมกอดด้วยใจอาลัยรัก....ผู้ที่เป็นเหมือนพี่น้อง..ต้องไปสู่อันตรายตามลำพัง.....เป็นใครก็เจ็บปวดกันทั้งนั้น......สุดท้ายแล้วร่างบางจำต้องออกเดินทางจากดินแดนมาตุภูมิ ด้วยความอาวรณ์....
~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*
“นี่เป็นตุ้มหูของชาวคูลท์ ชั้นจะใส่มันที่หูข้างซ้าย...อยากให้พี่สวมอีกอันที่ข้าวขวาเอาไว้นะ....สัญญาว่าชั้นจะ “กลับมา” หาทุกคนอีก...ชั้นสัญญา”
เสียงหวานเศร้าแฝงดังก้องในจิตใจของหญิงสาว มีเลียนมองตุ้มหูคริสตัลสีแดงในมือ ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ
“คุราปิก้า...พี่ไม่อยากให้เธอล้างแค้น....หรอกนะ...”
เธอก็ได้แต่รำพึงกับตัวเอง...โดยที่คนที่เธอคิดถึงได้ยืนอยู่อีกผืนแผ่นดิน....
~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*
เท้าที่สวมด้วยรองเท้าผ้าสีเขียวน้ำทะเลย่ำก้าวไปตามตลาดเล็กของชาวประมง หลังจากที่ร่างบางเดินทางจากเกาะบ้านเกิดมาได้หนึ่งสัปดาห์ เธอก็มารอเรือที่จะเดินทางไปสู่สนามสอบ ร้านรวงที่คึกคักไปด้วยผู้ที่จะมาเข้าทบสอบ ที่แห่งนี้ คงคึกคักกว่าที่แล้วมาสินะ......
“น้องสาวจ๊ะ! ให้พี่เดินด้วยคนมั้ยน้อง!!”
ชายหนุ่มขี้หลีแซว เมื่อร่างบางเดินผ่านหน้า
“....”
เธอไม่ตอบอะไร ไม่มีเหตุผลที่ต้องใส่ใจกับคนพรรค์นั้นแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด่าตอบ...แต่ไม่ดีกว่า เธอไม่อยากมีเรื่องแบบนั้นหรอกนะ....
คิดไปก็อดคิดเรื่องของชายหนุ่มโรคจิตคนนั้นไม่ได้....เพราะหมอนั่นแหละ!! ที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้!!
ตั้งแต่นั้นมา เด็กสาวก็เอาแต่คิดเรื่องจะล้างแค้น ทุกๆวันเธอก็ฝึกอย่างหักโหมกว่าเดิม เส้นผมสีทองยาวตัดจนสั้นเพียงประบ่า แม้จะสวมเสื้อคลุมที่ใส่ประจำ แต่เปลี่ยนจากกระโปรงยาวสีขาวมีเป็นกางเกงขายาวสีขาวแทน แต่ก็ไม่ได้หนีพ้นสายตาของผู้ชายอยู่ดี โดยเฉพาะพวกบ้ากามทั้งหลาย.....ทั้งๆที่แต่งชายนะเนี่ย....(คูกะ/แล้วมันต่างกันตรงไหนเนี่ย?)เท้าทั้งคู่หยุดตรงที่ท่าเรือ เรือสำเภาที่จะนำพาผู้โดยสารไปยังจุดหมาย จอดเทียบท่า เหล่าผู้สมัครสอบฮันเตอร์ต่างมองกันอย่างกินเลือดกินเนื้อ ร่างบางถอนหายใจ แล้วก้าวขึ้นเรือ หาที่นั่งเหมาะสม กวาดตามองไปรอบๆ เหล่าชายฉกรรจ์ต่างข่มขู่ด้วยสายตาชิงชัง แม้จะมีบางคนที่ยิ้มระรื่นที่ได้เห็นใบหน้างามของเธอ คุราปิก้าหยิบหนังสือในกระเป๋สะพายข้างสีแดงเลือด เปิดอ่านโดยไม่ได้สนใจอะไร
~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*
แสงตะวันสาดกระทบร่างบาง ดวงตาที่ปิดสนิทเพราะการหลับยามกลางวันที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ของคนสมาธิสั้น คุราปิก้านั่งหลับอยู่ด้วนข้างของกองลังไม้ผุๆ ผู้สมัครสอบต่างผ่อนคลายอิริยาบถ บ้างก็นั่งเล่นไปพลาง ชมวิวไปพลางอย่างไม่มีอะไรจะเกิด ทั้งๆที่ต้องเหมือนกับออกไปทิ้งชีวิตอย่างไงอย่างนั้น
“เหวอ!!!”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งแว่วผ่านหู ตามาด้วยเสียงตุ้บของบางสิ่งหล่นลงใส่พื้นเรือ เธอหันมามองสักครู่หนึ่ง เด็กชายผมสีดำประกายเขียวตั้ง ดวงตาน้ำตาลไหม้ดูไร้เดียงสา ชุดสีเขียวของเค้าทำให้ผู้สวมใส่ยิ่งเด็กเข้าไปใหญ่ ข้างๆคือชายหนุ่มสูงโย่งผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำถ่าน ดวงตาสีน้ำตาลดูไม่น่าวางใจ ชุดสูทสากลที่ดูเป็นงานเป็นการแต่ไม่เหมาะสมกับการเดินทางไปสนามสอบเลยแม้แต่น้อย มือหนาถือกระเป๋าถือแกว่งไปมา ถึงแม้เด็กสาวจะไม่ได้รู้เหตุที่มาของสองบุคคลนี้ แต่ก็พอเดาได้จากสายคันเบ็ดที่เด็กชายเก็บ คงจะโหนตัวมาสินะ...เรือสำเภาเดินทางอย่างเนิบนาบตามกระแสลมขับเคลื่อนผ่านผืนผ้าใหญ่ เหล่ากะลาสีเรือต่างขะมักเขม้นทำงานอย่างสามัคคี สองบุคคลนั้นเดินออกมาสำรวจรอบเรือช่วยเหลือลูกเรือไปพลางอย่างสุขใจ เป็นภาพที่หาดูได้ยากเสียจริง....ถ้ากับคนที่ต้องสอบฮันเตอร์โดยเดิมพันด้วยชีวิตที่แสนมีค่าของตนเอง.....
~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง...ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสำหรับเธอ..รวมทั้งตื่นตระหนกด้วย....ทั้งเรื่องพายุที่ทำเอาผู้โดยสารอาเจียนด้วยความคลื่นไส้..คิดไปก็น่าสมเพส แค่เมาเรือแล้วยังมีหน้ามาสอบฮันเตอร์อีกเหรอ....กลับไปขายของที่บ้านเกิดเลยไป!! เด็กสาวคิดไปก็น่าเบ้....แล้วยังอีตาผู้ชายคนนั้นอีก คนอะไร?...หน้าไม่หล่อแล้วหลงตัวเองอีก..... ได้ยินชัดๆว่าหมอนี่...กำลังนินทาชั้นอยู่.....ไม่สบอารมณ์เล้ยจริงๆ!!
“น่ารำคาญชะมัด”
เมื่อยามพายุลูกแรกสงบลง เธอเดินออกไปสูดอากาศข้างนอก ตามองผู้เข้าสอบปอดแหกทั้งหลายลงจากเรือลำเล็กเพื่อหนีจากพายุที่กัปตันบอกเอาไว้ คิ้วขมวดมุ่นเมื่อพบว่ายังมีคนไม่เป็นอะไรนอกจากเธออีกสองคน คือเด็กผู้ชายที่ดูไม่มีภัยกับผู้ชายหน้าเงินคนนั้น แดดยามสายส่องให้ทัศนียภาพดูงดงาม....ถ้าไม่ใช่คนธรรมดาไม่มีวันรับรู้หรอกว่าจะเกิดพายุในเวลาไม่กี่ชั่วโมง......
เด็กสาวสาวเท้าไปยังท้องเรือเพื่อหากัปตันเรือ โดยที่เด็กผู้ชายกับชายหนุ่มทั้งสองเดินมาด้วยกันตาที่ชายวัยกลางคนเรียกหา
“พวกเจ้าชื่ออะไร”
ชายคนนั้นถามอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่า ดวงเนตรสีไพรมองสองร่าง เด็กชายดูเหมือนจะกระตือรือร้นเสียเหลือเกิน ผู้ชายคนนั้นเก๊กท่าซะจนอยากอาเจียนให้รู้ๆกันไปเลย
“ผมกอร์นฮะ”
เด็กชายตอบด้วยรอยยิ้ม
“ชั้นชื่อเลโอลีโอ”
“ชั้นชื่อคุราปิก้า”
“ทำไมพวกเจ้าถึงอยากเป็นฮันเตอร์กันล่ะ?”
คำถามที่สองบุกจู่โจมทันควัน ร่างสูงเอ่ยขึ้นเหมือนชอบปิดบัง
“อย่ามาวางก้ามถามนู่นถามนี่นะโว้ย!!ไม่ใช่เจ้าหน้าสอบสัมภาษณ์ซักหน่อย?”
“เอาน่าตอบมาเหอะ”
“ว่าไงนะ!!”
น้ำเสียงของชายหนุ่มดูจะไม่พอใจ แน่ล่ะ..ต่อให้ไม่ฟังเค้าเอ่ยก็ดูเอาที่หน้าตาสี....ชวนหาเรื่องชะมัด!!
“ชั้นก็เหมือนกับเลโอลีโอแหละ”
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่เรื่องของชนเผ่าคูลท์ก็ยากนักที่จะให้คนแปลกหน้าได้รับรู้......ชั้นไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะชั้นก็เท่านั้นแหละ.....
“เฮ้!! นายอายุเท่าไหร่กันวะ! ดันมาเรียกชื่อคนอื่นๆลอยๆได้ยังไง?”
เค้าถามเด็กสาวอยากเดือดดาล เธอเริ่มโมโหขึ้นมา แต่ก็แอบขอบใจที่ยังมองออกว่าเธออยู่ในฐานะเด็กหนุ่ม....จะเรียกว่าหมอนี่ตาถึงรึตาถั่วกันแน่?
“ไอ้เรื่องโกหกให้สมจริงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงคำถามที่ไม่อยากตอบน่ะมันง่าย แต่การจะกล่าวความเท็จ มันก็เป็นการกระทำที่น่าละอายพอๆกับความละโมบโลภมากน่ะแหละ แต่ถึงงั้นจะให้บอกความจริงกับคนที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกน่ะ เหตุผลของชั้นมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินไปซะด้วย จะให้บอกตรงนี้คงทำไม่ได้”
เธอตอบเนิบนาบ คิ้วขมวดมุ่นเมื่ออีตาโย่งเอ่ยคำสั่งออกมาให้เรียกเค้าว่า “คุณเลโอลีโอ” ไม่อยากทำหรอก นายไม่ใช่พ่อชั้น ชั้นจะทำตามไปทำไม?
“อ้อ....เรอะ งั้นพวกเจ้าก็ลงเรือไปซะ!”
“ว่าไงนะ!!”
“ยังไม่เข้าใจอีกเรอะ การทดสอบคุณสมบัติการเป็นฮันเตอร์เริ่มต้นขึ้นแล้ว!”
(เอาเป็นว่าฮันเตอร์เวอร์ชั่นฟิคภาคพิสดารละกันเนอะ!! บางประโยคจะเหมือน แต่ส่วนมากจะดัดแปลงหมด เหอะๆ)
เรือโคลงเครงตามกระแสคลื่นที่เชี่ยวกราก พายุลูกใหญ่โหนกระหน่ำ ทำให้เรือสำเภาจำต้องเดินเรือฝ่ากระแสคลื่น ท้องเรือโคลงเครงตามแรงคลื่น เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังก้อง ข้าวของเก็บไม่มิดชิดเคลื่อนที่บ้างกลิ้งบ้านหล่น คลื่นโหมกระหน่ำพร้อมด้วยความกดดันจากเหล่านักล่ามือใหม่ทั้งหลาย
“อย่างที่พวกเจ้ารู้กัน คนที่อยากเป็นฮันเตอร์มีมากมายพอๆกับดวงดาว ไม่มีทั้งกำลังและเวลาพอที่จะหาเจ้าหน้าที่มาทดสอบพวกนั้นได้ เพราะงั้นคนอย่างพวกชั้นจึงถูกจ้างให้มาทำหน้าที่ทดสอบแทน ชั้นส่งข่าวไปที่คณะกรรมการแล้วว่าผู้โดยสารคนอื่นๆนอกจากพวกเจ้าสอบตกหมด เพราะงั้น...ต่อให้ใช้ทางอื่นไปถึงสนามสอบตัดสินได้...ก็ต้องถูกไล่ออกมาอยู่ดี.... พวกเจ้าจะได้ทดสอบจริงๆรึเปล่ามันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า...เพราะงั้นจงตอบคำถามมาอย่างระมัดระวัง”
สิ้นสุดการบอกกล่าว กัปตันผมสีอ่อนมองใบหน้าของทั้งสามด้วยเหมือนอ่านจิตใจ ร่างบางตัดสินใจแล้วว่า เมื่อถึงการทดสอบจึงต้องยอมบอกความจริงออกไป...
“ชั้นเอง...เป็นผู้รอดชีวิตจากเผ่าคูลท์”
เพียงคำพูดประโยคเดียวทำเอาผู้ทดสอบตกใจ..ภายในสมองคงไม่คาดคิดว่าชาวคูลท์ในตำนานที่ว่ากันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว...กลับมายืนพูดอยู่ต่อหน้าเค้า..ตัวเป็นๆ (ท่าทางเค้าคงอาจแอบคิดว่าพูดอยู่กับวิญญาณก็อาจเป็นได้)
“ชั้นอยากจะเป็นฮันเตอร์เพื่อจะจับกองโจรเงามายาที่ฆ่าเผ่าของชั้นเมื่อ4ปีก่อน...”
“คิดจะล่าพวกในบัญชีดำงั้นเรอะ จะเอาชีวิตไปทิ้งซะเปล่าๆล่ะมั้ง ขนาดฮันเตอร์มืออาชีพยังไม่กล้าเสี่ยง ถึงเงินฆ่าหัวเจ้าพวกนั้นจะชั้นหนึ่งก็เถอะ”
“ชั้นไม่กลัวตายหรอก...กลัวแค่ความแค้นนี้มันจะสูญสลายกลับกลายเป็นอากาศธาตุไปมากกว่าน่ะสิ”
เค้านิ่งเงียบชั่วครู่เพื่อไตร่ตรอง ดวงเนตรรอยตีนกาข้างมองดวงเนตรแห่งความมุ่งมั่นของเด็กสาว....พวกชาวคูลท์ช่างเป็นนักรบที่หาญกล้าเสียจริง...เสียจนน่ากลัวไปซะแล้ว....
ชายร่างโย่งโพล่งขึ้นเมื่อฟังเหตุผลของร่างบาง
“กะอีแค่ล้างแค้น ไม่เห็นต้องมาเป็นฮันเตอร์ก็ทำได้ไม่ใช่หรือไง?”
เด็กสาวชักมีน้ำโห จู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองสีไวโอลินให้สัตว์มีเขาฟัง (คูกะ-สีซอให้ควายฟังนั่นแหละ)
“นี่เป็นคำถามที่โงที่สุดในโลกคำถามนึงเลยล่ะเลโอลีโอ...ที่ๆเข้าไม่ได้ ข่าวสารที่ถามไม่ได้ การกระทำที่ทำไม่ได้ ถ้านายไม่ได้เป็นฮันเตอร์ มันมีอยู่ตั้งเยอะแยะจนยัดสมองนิ่มๆของนายไม่หมดน่ะแหละ....”
ท่าทางคราวนี้พี่บัฟ(ฟาโล่)จะพอจับข้อมูลยัดใส่กะโหลกที่แสนจะหนาราวซีเมนต์เสริมเหล็กได้บ้างเมื่อเห็นปฏิกิริยาอาการโมโหได้แจ่มชัด
“แล้วเจ้าล่ะ?เลโอลีโอ”
“ชั้นน่ะเรอะ! ขี้เกียจนั่งเดาให้ถูกใจ ขอตอบตรงๆเลยละกัน! เงินไงล่ะ!! ถ้ามีเงินละก็อยากได้อะไรก็ได้!! บ้านใหญ่ๆ!รถหรูๆ!เหล้าดีๆ!”
สาวน้อยมาดนิ่งชักนิ่งต่อไม่ไหว เธอเกลียดพวกหน้าเงินทีเดียวแหละ
“สันดานน่ะ ซื้อด้วยเงินไม่ได้นา....เลโอลีโอ”
เมื่อลองพูดประโยดเสียดแทงใจคนบ้าง หนูทดลองจิตวิทยาเริ่มมีอาการตอบสนองได้ดีเกินคาด!!
“ครั้งที่สามแล้วนะโว้ย!! เจอกันข้างนอกหน่อยเด๊ะ!คุราปิก้า ชั้นจะกวาดล้างสายเลือดโสโครกโสมมของพวกชาวคูลท์ให้เกลี้ยงเชียว!”
“ถอนคำพูดซะ!!เลโอลีโอ”
ดวงเนตรสีไพรจดจ้องด้วยความโกรธา ดั่งน้ำมันถูกสาดลงบนกองไฟที่ลุกโชน บัดนี้สติขาดผึงเมื่อถูกสบประมาทจากคนแปลกหน้า
“คุณเลโอลีโอ ต่างหาก..”
“ตามมา”
เค้าเดินนำหน้าเพื่อท้าประลอง
“ด้วยความยินดี”
สองร่างย่างกายออกไปจากท้องเรือ เป็นเหตุทำให้กัปตันต้องห้ามปรามด้วยความตกใจ....ในเมื่อกำลังจะทดสอบ...แต่ทำไม?ทั้งสองจึงได้เดือดดาลได้เพียงนี้.....
“ปล่อยเค้าไปเหอะ”
จู่ๆเด็กชายตัวเล็กคนนั้นเอ่ยห้ามปราม ตาสีน้ำตาลไหม้ไร้เดียงตาสบกับดวงตาสีเข้มของกัปตัน วาจาเรียบง่ายได้ใจความเอ่ยเอื้อนเหตุที่ต้องห้ามเค้า
“ถ้าอยากจะรู้นิสัยของคนๆนั้น ก็ให้รู้ซะก่อนว่าคนๆนั้นจะโกรธเพราะเรื่องอะไร.....นั่นเป็นคำสอนของน้ามิโตะที่ผมชอบที่สุด.....ผมคิดว่าสาเหตุสองคนนั่นโกรธต้องเป็นเรื่องที่สำคัญต่อทั้งคู่มากที่สุด เพราะงั้นอย่าขวางเค้าดีกว่า”
ละอองคลื่นถาโถมเรือให้สั่นไหว กลิ่นเกลือรุนแรงเตะประสาทการดมกลิ่น สองร่างวัยเดียวแต่ต่างรูปร่าง ชายหนุ่มร่างสูงยืนประจันหน้ากับเด็กสาวในนามของเด็กหนุ่ม ดวงแก้วสีไพรประกายแค้น ไม่หวั่นเกรงกระทั่งคลื่นซัดหรือกับชายหนุ่มร่างสูงที่ดูแข็งแกร่งกว่า...พร้อมๆกันนี้คือเสียงของลูกเรือต่างช่วยกันชักใบเรือต้านกระแสคลื่นด้วยความเข้มแข็ง
“ชั้นจะยกโทษให้นาย ถ้าหากนายถอนคำพูดซะ”
ร่างบางเอ่ยบอก
“แกนั่นแหละถอนคำพูดซะก่อน...ชั้นไม่คิดจะถอยแม้แต่ก้าวเดียว”
ร่างสูงปฏิเสธเสียงแข็ง
ทันใด!! ร่างบางชักดาบคู่เพื่อเข้าต่อกรกับชายหนุ่ม มีดสั้นครูดกับดาบคู่ราวปะทะความคมแก่กัน การต่อสู้ที่มีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพันพร้อมด้วยกระแสคลื่นที่ต่อสู้กับเรือ...คลื่นจะแกร่งเช่นไรก็ไม่อาจต่อต้านจิตใจแข็งแกร่งของมนุษย์ได้!
เปรี้ยง!!!
เสียงของไม้กระทบใส่ใบหน้าลูกเรือผู้เคราะห์ร้าย ชายร่างผอมกระเด็นออกไปจนแทบจะตกจากเรือ ร่างที่ต่อกันอย่างดุเดือดเลิกล้ม...เท้ากระโจนไปคว้า..ขอเพียงแค่อะไรก็ได้...อะไรก็ได้ที่จะช่วยเค้า!! นี่เป็นความคิดแบบเดียวกันของทั้งสอง...ทว่า!! ด้วยการช่วยเหลือของทั้งสองช้าไปเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที ชายผู้นั้นกำลังจะตกลงสู่ทะเลไป!!!!
ในที่สุด!!! ร่างเล็กของเด็กชามผมตั้งสีนิลเหลื่อมมรกตกระโจนช่วยเป้าหมาย มือน้อยมากรอยด้านจับข้อเท้าของร่างผอมเอาไว้....ร่างเล็กกำลังจะตกลงสู่ทะเลพร้อมกับผู้เคราะห์ร้าย!!....และ....ข้อเท้าเล็กได้ถูกคว้าไว้ด้วยมือแกร่งของร่างสูง ในขณะที่ร่างบางรีบดึงร่างของทั้งสามขึ้นแม้จะคว้าบางส่วนของร่างสูงเอาไว้!! ไม่ว่าจะอย่างไรชาวเรือทั้งหลายได้พร้อมใจกันเข้าช่วยเหลือ...จนในที่สุดทั้งสี่ก็รอดปลอดภัยไปอีกช่วงหนึ่ง
.
+++++
เมื่อมรสุมพัดผ่าน ท้องฟ้าย่อมสงบ....นกทะเลส่งเสียงร้องต้อนรับฟ้าสดใส...ร่างหลายร่างต่างเหนื่อยล้ากับภารกิจที่ต้องเดินพันด้วยชีวิตของพวกเค้า เลโอลีโอนั่งอยู่ข้างคุราปิก้า แม้ตัวเองจะเปียกปอนน้ำเค็มก็ไม่ใส่ใจ...แม้จะเหลือเสื้อผ้าเพียงกางเกงขาสั้นสีอ่อน(ไม่ถูกกะหน้าเอ็งเลยฟ่ะ...)ตัวเดียวก็ตาม เด็กสาวไม่ค่อยพอใจเสียเท่าไหร่ เพราะต้องมานั่งข้างๆผู้ชายใส่ผ้าผืนเดียว (ก็โรคกลัวผู้ชายนั่นไง โถ่! น่าสงสาร)กอร์นนั่งยิ้มแหยๆอยู่ตรงหน้า
“นายนี่ทำอะไรมุทะลุชะมัด?”
ร่างบางกล่าวเนือยอย่างเหลือจะเชื่อว่ายังมีคนบ้าบิ่นอยู่อีกเหรอ?
“ใช่แล้วๆ ถ้าพวกชั้นจับขานายไว้ไม่ทัน นายก็ไม่เหลือซากแล้ว!!”
ชายหนุ่มหน้าแก่เกินวัยบอกด้วยความโมโห...ไม่เคยพบเจอใครแบบนี้มาก่อนจริงๆ
“แต่ก็จับผมได้ไม่ใช้เหรอ?”
กอร์นยิ้มไร้เดียงสา เรียกความรู้สึกแปลกใจให้แก่ทั้งสอง รวมทั้งกัปตันเรือที่แอบลอบสังเกตการณ์ลับๆ
คุราปิก้ายิ้มกับตัวเอง...นั่นสิ...ถึงจะมีคนแบบนี้ร่วมเป็นเพื่อนร่วมทางก็ดีไปอย่าง.....แล้วก็ เลโอลีโอคนนั้น...หมอนี่มีเหตุผล...ไม่ใช่ความละโมบ...ไม่ใช่ท่าทางของคนชั่ว.....ถ้าเค้าเห็นแก่ตัว ทำไมจึงต้องกระโจนช่วยผู้ชายคนนั้น.....แม่บอกชั้นเสมอว่า....คนเรามีทั้งดีและชั่วอยู่ในตัว....ผิดไหม?...ถ้าชั้นอยากจะทำความรู้จักกับพวกเค้า...เพราะ....อยากเป็นเพื่อน...อย่างนั้นหรือ...เพราะอยากเป็นเพื่อน...อยากช่วย...อยากพึ่ง?.....อยากร่วมหัวเราะ.....คำตอบนั้น..ชั้นต้องค้นหาด้วยตัวเองสินะ....
“คุณเลโอลีโอ...ขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อกี้”
“ไม่เป็นไรๆเรียกเลโอลีโอก็พอแล้วคุราปิก้า ชั้นเองก็ขอถอนคำพูดด้วย...ถอนรากถอนโคนเลยล่ะ”
เค้าตอบไปยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...จนชั้นเผลอยิ้มไปกับเค้าด้วย..ทั้งๆที่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา....ชั้นแทบจะลืมวิธิยิ้มไปเลยทีเดียว.....น่าขำจัง...
“หึๆๆ ฮ่ะๆๆๆ ข้าชอบพวกเจ้าจริงๆ วันนี้ข้าอารมณ์เป็นพิเศษ!! ข้าจะรับผิดชอบทั้งสามคนไปส่งให้ถึงสนามสอบตัดสิน!!
“อ้าว? แล้วการทดสอบล่ะ?”
เด็กน้อยถาม
“ดีใจจนลืมไปเลย...ที่สำคัญข้าจะสอนเดินเรือต่อให้...”
“อื้อ!!”
ร่างเล็กวิ่งตามกัปตัน สองร่างที่เฝ้ามองยิ้มกริ่มอย่างสำราญ....วันนี้....เราเป็นเพื่อนกันแล้วสินะ......
+การเดินทางยังไม่สิ้นสุด จงติดตามถ้าหากอยากรู้เรื่องราว+
มาลงแบบสายฟ้าแลบ!! ขอให้รอ(อีกนาน) เพราะเราจะเตรียมดอง 555+
(เดี๋ยวถ้าว่างจะเอาฟิค ที่คนในบอร์ดคุรุตะขนานนาม(เวอร์น่า)ว่ายาววววววววมากกกกกกก มาลงนะ 555+)
ความคิดเห็น