ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    If kurapica is a girl(แฟนฟิคชั่น HxH)

    ลำดับตอนที่ #1 : If kurapica is a girl. ตอนที่หนึ่ง ลูคูโซร่ำไห้และนางฟ้าสีน้ำเงิน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 49


     ด้วยความโรคจิตส่วนตัวจึงขอเผยความคิดมาเป็นฟิคเรื่องนี้ แด่โดยสรุปแล้ว...หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วชั้น!!! ="=
    ลืมไป...คือว่าเนื้อเรื่องจะแตกต่างกับต้นฉบับมากมายเลยนะ แบบว่าดัดแปลงพอสมควรค่ะ
    เอาล่ะขอให้ผู้อ่านสนุกๆนะคะ  เอิ้กๆๆ
    ~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*
    หุบเขาลูคูโซยามสนทยา วันคืนแห่งความผวาได้คุกคามเหล่าเผ่าชนคูลท์ผู้บริสุทธิ์ ผู้ไม่อาจลุกรานผู้อื่น เปรียบดั่งชนเทพที่คอยปลอบโยนโลกที่แสนโหดร้าย ภาพของซากบ้านเรือนมอดไหม้ไปกับความร้อนของเพลิงคุกรุ่น ลุกโชนสว่างเผาผลาญสรรพสิ่งที่สัมผัสมันด้วยความร้อนแรง ซากศพไร้ซึ่งดวงเนตร นอนกลาดเกลื่อนทั่วทั้งแผ่นดินอันละเลงไปด้วยโลหิตสีชาด เสียงหวีดร้องสุดท้ายถูกจบลงเมื่อเผ่าคูลท์ทั้งสามสิบห้าคนสิ้นชีพ เหล่าทรชนผู้มีฝีมือและความกระหาย...ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เสพติดการฆ่าและ "ยมทูต" แห่งดินแดนมนุษย์ที่แสนโสมม พวกเขาเหยียบย่ำบนกองศพดั่งเช่นขยะไร้คุณค่า....ทว่า...พวกเค้าไม่รู้เลยว่า...การล้างบางนี้...เพียงเพื่อดวงเนตรสีเพลิงของชนเผ่าพิสุทธิ์....จะมีชาวคูลท์คนสุดท้ายหนีรอดจากบ่วงมรณะที่เข่นฆ่าพี่น้องและบุพการีอย่างไม่ใยดี เด็กน้อยวิ่งหนีสุดชีวิต ภายในป่าทึบโดยการช่วยเหลือของสรรพสัตว์ผู้เป็นเสมือนมิตรที่ดีต่อชนเผ่าที่แสนบริสุทธิ์นี้.....
    ~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*
    "ฮึก...ฮือ....คุณพ่อ....คุณแม่...หนู...ฮือ....หนูจะ...ล้างแค้น...เพื่อทุกคนให้เองค่ะ......"
    ภายหลังชั่วยามแห่งความตายได้คืบคลานหายไป เพลานี้ ร่างน้อยๆยืนตากสายฝนอันเย็นยะเยือกเพียงเพื่อฝังศพไร้ดวงเนตรลงในหลุมใหญ่ที่เธอได้ขุดอย่างประณีต...ถึงแม้ฝนจะโหมกระหน่ำ...ถึงแม้อากาศจะร้อนเพียงใด.....ไม่มีสิ่งไหนทำให้เธอต้องเลิกกระทำสิ่งนั้น...หนึ่งวัน....สองวัน.....สามวัน......ร่างน้อยอันเต็มไปด้วยบาดแผล ดวงเนตรสีมรกตขุ่นมัว รื้นชื้นด้วยน้ำตาที่ยังไม่แห้งเหือด ริมฝีปากสีกุหลาบบางไม่มีแม้รอยยิ้ม มือน้อยที่สั่นเทายังคงลากร่างไร้วิญญาณ ทิ้งลงในหลุมดิน แล้วจึงฝังไว้ ด้วยใจอาลัยรัก.....เมื่อศพสุดท้ายถูกฝังลง มือน้อยจึงหาแผ่นไม้แล้วสลักถ้อยคำลงไป....อาลัยถึงผู้ล่วงลับ....
    "ชั้น...จะต้องล้างแค้น....."
    ประโยคสุดท้ายที่เด็กน้อย สิ้นสุดเมื่อร่างกายที่ฝืนทนทรุดลงซบผืนพสุธา....ดินแดนแห่งเนตรสีเพลงที่แปดเปื้อน........
    ~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*
    สี่ปีต่อมา.......
    ชุมชนเล็กที่มีชาวเมืองอาศัยบางตา บ้านเรือนโบราณเป็นสีสันที่ทำให้ธานีอบอุ่นมีเสน่ห์ของอดีตที่ไม่ถูกกลืนกินจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย แม้คนในหมู่บ้านจะรู้จักการใช้อินเตอร์เน็ตก็ตาม แต่ว่าความรู้สึกที่จะยืดเวลาแห่งชนบทก็ยังคงอยู่โดยเฉพาะคนชรา หากใครได้มาเยี่ยมเยียนหมู่บ้านนี้จะได้พบเจอกับบุคคลที่แสนงดงาม...ผู้ที่เป็นที่รักยิ่งของชาวบ้าน ในโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธี และเป็นบ้านของเด็กกำพร้าหลายคน ที่นั่นคือสถานที่ใครๆต่างก็อยากไปดูสักครั้ง.....ตามสิ่งที่กล่าวขานของชาวบ้าน....นางฟ้าสีน้ำเงิน.....
    นางฟ้าที่ล่ำลือ ผู้มีเรือนผมสีทองราวกับบุษราคัมยาวจับต้องแสงอุทัย นัยน์ตาสีมรกตหวานซึ้ง สะกดสายตาผู้สบเนตร...ริมฝีปากสีชมพูบางชวนให้จุมพิต  ผิวเนียนละเอียดสีขาวอมชมพูนุ่มเนียน เรือนร่างผอมบาง...นางฟ้าผู้ที่สวมเครื่องแต่งกายสีน้ำเงิน....สีแห่งความเยือกเย็น...และเพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ ทั้งเข้มแข็ง....อ่อนโยน...และหาญกล้า......
    "คุราปิก้า...มาช่วยพี่ตากผ้าหน่อยสิ"
    เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มเรียกร่างๆหนึ่ง ร่างนั้นหันขวับ หลังจากที่ผละมือออกจาหนังสือเล่มโต เรือนผมสีทองยาวถึงสะโพกพลิ้วไหวตามแรงออกวิ่ง มือเรียวคว้าตะกร้าจากมือของหญิงสาวคนนั้น
    "ได้ค่ะพี่"
    หลังจากนั้น สองสาวก็ได้ร่วมกันตากผืนผ้าชุ่มน้ำบนราวตากผ้าที่เป็นเชือกขึงง่ายๆ
    "นี่...คุราจัง...เธอยังจะคิดเรื่องล้างแค้นอยู่เหรอ?"
    จู่ๆหญิงสาวก็เอ่ยถามด้วยนัยน์ตาสีดำที่แสนเศร้า คุราปิก้ายิ้มเศร้า
    "ค่ะ...ชั้นคิดแบบนั้นไว้ตั้งแต่แรก...ยังไงๆอีกไม่กี่เดือนหนูจะต้องเข้าสอบฮันเตอร์แล้ว....."
    "เหรอ..."
    ร่างระหงเงียบกริบ เท้าที่สวมรองเท้าผ้าสีขาวพาเจ้าของให้ไปที่ห้องครัวของโบสถ์ บ้านหลังสุดท้ายที่พวกเธอมีอยู่
    พวกเด็กๆร่วมชะตากรรมดั่งพี่น้องเริงร่า เมื่อยามนี้มีผู้ใจบุญมาเยี่ยมเยียนถึงที่ คงเพราะเดินทางตามตำนานของดินแดนลูคูโซ ชุมชนใต้ร่มภูเขาอันสูงชัน หุบเขาอันเงียบงันสูงตระหง่านใจกลางเกาะแห่งนี้ น้อยนักที่จะผู้เยี่ยมเยียนหลังจากที่ชนเผ่าคูลท์ได้สูญสิ้นไปแล้วตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน แต่กระนั้นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็คือ ป่าไม้อุดมสมบูรณ์โอบล้อมเกาะเล็กๆที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาน่าเข้าพักผ่อน และ...นางฟ้าสีน้ำเงินที่ต่างลือเลี่ยงในความงดงามและความเฉียบแหลม อีกทั้งความอ่อนโยนที่ยากจะหาได้จากหญิงอื่นใด......
    "พี่คุราปิก้า!!"
    เด็กชายตัวเล็กเข้าโผกอดเด็กสาว เธอยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน
    "อะไรจ๊ะ? เคย์"
    "วันนี้มีคนใจดีให้ขนมอีกแล้วฮะ!"
    "เหรอจ๊ะ"
    เธอเดินเข้ามาหาผู้มาเยือนด้วยความเป็นมิตร ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีรัตติกาลและดวงตาสีเดียวกัน อาภรณ์เรียบสีนิลส่งผลให้เค้าดูเป็นคนลึกลับ...ดวงตานั้นดูหวั่นไหวเมื่อได้สบตากับเจ้าของเนตรสีมรกตยาวสงบนิ่ง ใบหน้าหล่อคมที่สะกดสายตาหญิงสาวมานับไม่ครั้งถ้วน....
     "ขอบคุณมากค่ะที่มาเยือน...เอ่อ...มีอะไรให้ชั้นพอช่วยได้บ้างคะ?"
    "คือ...ผมแค่นักเดินทางคนหนึ่ง..คือเมื่อตอนกลางคืนของเมื่อวาน ผมถูกต้นหนามตำเอาที่มือ..แต่ก็รู้สึกไม่เป็นไร...แต่ว่า..ผมสังหรณ์ว่ามันอาจจะมีพิษก็ได้ครับ"
    เค้ายื่นมือให้เธอดู ข้อมือที่มีหนามเกี่ยวเป็นรอยแดง ดวงเนตรสีไพรจ้องมองด้วยความกังวล
    "คุณคงถูกหนามพิษจริงๆแหละค่ะ น่าแปลกที่ไม่เป็นอะไรมาก...ชั้น...ช่วยรักษาให้นะคะ"
    ว่าแล้วเด็กสาวร่างบางก็พาชายหนุ่มให้มานั่งที่เก้าอี้ไม้ภายในห้องเล็กๆของเธอ ร่างบางเดินไปเดินมาเพื่อหาส่วนผสมที่เป็นสมุนไพรในป่าที่เธอเก็บเอาไว้ใช้ยามจำเป็น ครกบดยาส่งเสียงไปตามจังหวะการลงมือบด เสื้อคลุมสีน้ำเงินขอบส้มทับด้วยผ้ากับเปื้อนสีขาว ชายหนุ่มมองเธอจากด้านหลังด้วยความหลงใหล....กวาดตามองไปรอบๆเจอแต่หนังสือเล่มหนาบนชั้นวางใหญ่ เตียงนอนสีฟ้า....ตู้เสื้อผ้าที่เองตั้งอยู่ข้างๆ รูปวาดด้วยสีน้ำวิจิตรบรรจงเป็นรูปของหญิงสาวผมสีทองยาว ใบหน้าของมารดาผู้ให้กำเนิดเธอ....
    "เสร็จแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆนะ"
    มือเรียวจับข้อมือของชายหนุ่มอย่างนุ่มนวล แล้วประกบด้วยสมุนไพรบรรจุภายผ้าสีขาวตาห่างเป็นเวลาสักพัก
    "ว่าแต่...เธอคือคุราปิก้า....สมญานามที่คนในหมู่บ้านตั้งให้...นางฟ้าสีน้ำเงิน...ใช่เธอรึเปล่า"
    "ก็ประมาณนั้น...แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี...ทำไมนะ...ชั้นไม่เห็นเหมือนนางฟ้าตรงไหน....ก็ชั้นแค่เป็นเด็กที่ซิตเตอร์อาเทน่าเก็บดูแล ชั้นก็เลยอาศัยที่นี่คอบดูแลพวกเด็กๆแล้วก็คนในหมู่บ้าน พวกเค้าชอบมาให้ชั้นรักษาบ่อย เค้าบอกว่าชั้นรักษาพวกเค้าหายเป็นผิดปกติ ชั้นไม่ได้ให้พวกเค้าตอบแทนอะไร ชั้นก็แค่เอาพวกสมุนไพรในป่ามารักษาเท่านั้นเองล่ะ เอาล่ะ! พิษคงเจือจางลงบ้างแล้ว จะว่าไป คุณเนี่ย อึดจังนะ ทั้งๆที่พิษน่าจะออกฤทธิ์แล้ว ยังไม่เป็นอะไรเลย...น่าทึ่งจริงๆนะคะ"
    ร่างบางพูดเนิบช้า มือหยิบผ้านั้นออก แล้วมืออีกข้างหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ เช็ดบาดแผลของชายหนุ่ม
    "ก็นิดหน่อย..."
    "อ๊ะ! ลืมถามไปซะสนิท คุณชื่ออะไรล่ะคะ ชั้นยังไม่รู้จักชื่อเลย"
    คำถามนี้ทำให้ผู้ถูกถามยิ้มกริ่มอย่างมีแผนอะไรในใจ ก่อนที่มือหนาที่เป็นอิสระจับเข้าที่มือทั้งสองข้างของเธอ
    "ไม่บอก....ถ้าจะให้ชั้นบอก เธอต้องให้ชั้นหอมแก้มก่อน..."
    วาจาล่วงเกินนี้ทำให้สาวน้อยต้องมีอันเดือดดาล เป็นใครก็ไม่พอใจสิ เรารึทั้งช่วย แถมตัวเองยังเพิ่งจะรู้จักกัน มันก็ทำแบบนี้แล้ว หน๊อย!! แบบนี้ชั้นไม่ย๊อม!!
    "นี่คุณ! ชั้นไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายนะ! ถึงให้คนแปลกหน้าหอมแก้มได้ตามใจ ชั้นก็แค่อยากรู้ ไม่ได้ "ปรารถนา" อยากรู้จักคุณซักหน่อย ไปเลย! ไปหาพวกผู้หญิงข้างนอกซะเถอะ! แล้วจะเสล่อมาที่นี่อีกถ้าคุณยังคิดเรื่องหยาบช้าพรรค์นั้นน่ะ!!"
    เด็กสาวกล่าวอย่างเดือดดาล มือเรียวชักออกทันทีที่มือของชายหนุ่มสัมผัส ก่อนที่ปากบางจะกล่าวคำเทศนายาวเหยียดแถมเสียดแทงใจคนฟัง....อย่างที่เค้าว่า...นางฟ้าสีน้ำเงินที่แสนหาญกล้า.....ช่างกล้าเสียจริง!!
    "ชั้นล้อเล่นน่า เอาล่ะ ขอบคุณสำหรับการรักษา....จริงสิ"
    "อะไร!"
    พริบตา ร่างสูงก็ไปยืนอยู่ชิดใบหน้างามของเด็กสาวจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเป่ารดพวงแก้มเนียน
    "อ๊ะ!"
    แล้วริมฝีปากของชายหนุ่มก็สัมผัสพวงแก้มเนียนเธอบางเบา
    เฟี้ยว!!
    หมัดของเธอเหวี่ยงเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่ม กะจะเหวี่ยงให้หน้าบวม ทว่ากำปั้นเล็กนี้ไม่ได้สัมผัสแม้เซลล์ที่ตายแล้วของแก้มซีด แต่สิ่งที่ได้สวนมากลับเป็น!!!
    "อุ๊บ!!"
    เสี้ยววินาที ริมฝีปากของร่างสูงสัมผัสกับริมฝีปากสีชมพู พร้อมทั้งการจุมพิตที่แสนเร่าร้อน ยัดเยียดความใคร่ใส่ร่างบอบบางของผู้เป็นดั่งธิดาที่แสนบริสุทธิ์และอ่อนต่อโลกของกามโลกีย์ มือของเธอพยายามผลักไสร่างที่มีอำนาจเหนือกว่า ไม่นานนักร่างบางก็อ่อนระทวยจากการกระทำที่น่าอึดอัด สาวน้อยถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนุ่มอย่างง่ายดาย พร้อมทั้งร่างสูงขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน
    "ปล่อยนะ!! ไอ้สารเลว!!"
    "ใจร้ายจัง...คนเค้าอุตส่าห์อยากให้มีความสุข...ต้องขอบใจชั้นนะ ที่ทำให้เธออยากจะทำตัวเป็นเด็กสาวน่ารักๆ ในเมื่อทุกๆวันถ้าเธอว่างเว้นจากการรักษาคนป่วย เธอก็มักจะฝึกฝนร่างกายด้วยการต่อสู้ ไม่ก็ไปขลุกกับพวกฝูงเสือในป่า...เป็นสาวหน้าหวานแต่ห้าวหาญจังนะ....หึๆๆ แต่ก็น่าหลงใหล...ที่ชั้นยิ่งสนใจเธอก็เพราะความงดงามที่เกินจะเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์....ความอ่อนโยนที่ใครๆก็ได้รับ โดยที่เธอให้อย่างไม่แบ่งแยกชนชั้น..."
    "แกจะทำอะไรชั้น!!! ไปให้พ้นน๊า!!"
    เท้าของเธอพยายามเตะร่างข้างบน ใบหน้าแดงกล่ำด้วยความเขินจากการถูกกระทำเมื่อครู่
    "อย่าให้ชั้นทำรุนแรงเลยนะ...แม่สาวชาวคูลท์คนสุดท้าย..."
    "นี่แก๊! รู้เรื่องของชาวคูลท์ได้ยังไงกัน!!"
    "อืม.....ทำหน้างงสุดขีดสินะ งั้นจะบอกให้เอาบุญละกัน...ที่ชั้นปล่อยเธอไปเมื่อสี่ปีก่อน ก็แค่อยากเห็นนางฟ้าตัวน้อยเติบโตมาอย่างงดงาม...แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ชั้นมาที่นี่ก็แค่มาสำรวจอะไรนิดหน่อย....งั้นจะบอกให้เธอรู้เอาไว้นะ ชั้นนี้แหละเป็นตัวบงการให้เพื่อนๆชั้นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เผ่าคูลท์..."
    เค้าเว้นช่วงบทสนทนาแล้วจัดการปลดอาภรณ์ไปพลาง พูดไปพลางเหมือนเค้ากำลังพูดไปอ่านหนังสือไปทำนองนั้น ผิดกับร่างข้างใต้ที่ขัดขืนเป็นระยะๆ
    "ปล่อยนะ!!!"
    "ปล่อยทำไมล่ะ? เธอนี่ทึ่มจัง มีเสือที่ไหนจะปล่อยกระต่ายที่จับได้กับมือล่ะ?"
    ประโยคนี้จบลง เด็กสาวก็ถูกปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจนหมดสิ้น เผยผิวสีขาวอมชมพู จนชายหนุ่มอดไม่ไหวเสียแล้ว....นางฟ้าสีน้ำเงินที่แสนเด็ดเดี่ยว...ต้องกลายเป็นเหยื่อกามรมย์ของชายชั่วคนนั้น!!!
    (คูกะ/ขออภัยมณี คือแบบว่าที่นี่ไม่นิยมX ใช่ป่ะ งั้นไม่เรทก็ไม่เรท อีกอย่างคนแต่งก็ดันมีปัญญาแต่งแค่เนี่ย!!)
    เด็กสาวรู้สึกได้ถึงความอับยศอดสู อยากจะหายไปราวอากาศธาตุซะเดี๋ยวนี้ ผิวกายถูกลูบไล้ด้วยมือของเค้า ร่างของเธอถูกเชยชมด้วยริมฝีปากและลิ้นร้อนชื้นอย่างรื่นรมย์ ไม่เคยสนใจว่าเธอจะทั้งกลัวทั้งเจ็บแค่ไหน....คนเห็นแก่ตัวแบบนั้นน่ะ.....คนที่ชั้นต้องฆ่าให้ตาย!! ทำไม!!ชั้นกลับทำอะไรไม่ได้เลย!!
    "ฮึก!!"
    ร่างกายแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดทรมานจนการปิดปากไม่ยอมร้องเสียงครวญครางต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หยดน้ำตาที่เคยอดกลั้น บัดนี้กลับไหลลงอาบแก้มเนียน การกระแทกที่แสนป่าเถื่อนและรสชาติที่สัมผัสบดขยี้บนปากบางๆ ยากนักที่ร่างที่แสบบอบบางจะต้านทานไหว สติที่เริ่มเลือนราง ในสมองยังคิดว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยเสียที ไม่มีประโยชน์....ห้องนอนของเธอยู่ชั้นใต้ดิน...ทำไมนะ? เธอถึงไม่พาคนพาลแบบนี้มารออยู่นอกห้อง....
    "ม่ายยยย"
    ร่างบางต้องกรีดร้องเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุกจากด้านล่าง ชักพาเอาความปวดแปลบทิ้งไว้ในกายที่บอบช้ำ....รวมทั้งจิตใจด้วย.....
    ตอนนี้ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงนอน จัดแจงแต่งกายให้เรียบร้อย ก่อนจะกระซิบที่ใบหูของเธอ
    "จำเอาไว้ให้ดีล่ะ คนที่ฆ่าเผ่าคูลท์...กองโจรเงามายา...สัญลักษณ์แมงมุมสิบสองขา...ถ้าเธอมีปัญญาก็มาล้างแค้นสิ....ล้างแค้นให้เพื่อนพ้อง...แต่ว่า....ถ้าเมื่อเธอจะได้พบเจอชั้นอีก..ตอนนี้เธอคงอยู่ในวัยที่เหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของชั้น....เธอก็ได้เนตรสีเพลิงคืนมา...แต่ว่าจะล้างแค้นจริงๆ ชั้นก็คงอาจจะเผลอจัดการเธอก็ได้....แล้วพบกันอีกนะ นางฟ้าสีน้ำเงิน ตอนนี้เธอไม่หลงเหลือความบริสุทธิ์อีกต่อไป..แล้วเจอกัน..."
    เสียงฝีเท้าจางหายไปพร้อมกับที่สติเลือนรางของเด็กสาว......แม้จะผ่านไปนานหลายนาที....แต่ว่าความเจ็บปวดยังคงรู้สึกได้....เค้าคนนั้นทิ้งทั้งร่อยรอยอัปยศที่ร่างบางอยากจะฆ่าตัวเองทิ้งทั้งสภาพนั้นเลย....แล้วยังความแค้นที่ยากจะสะสางนั้นด้วย...กองโจรเงามายา....ชั้นจะต้องกำจัดพวกแกให้จงได้!!! โดยเฉพาะแก!คนที่ทำให้ชั้นต้องแปดเปื้อนด้วยมือสกปรกโสมมคู่นั้น....ชั้นจะล้างแค้น!!!!!!
    บัดนี้...ดินแดนลูคูโซกำลังร่ำไห้อยู่นะ....ชาวคูลท์คนสุดท้ายต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนโหดร้ายตามลำพัง......จะมีใครรู้ไหมว่า...ดินแดนแห่งเนตรสีเพลิงที่แปดเปื้อนเลือดนี้....ทุกระทม หม่นหมองยิ่งนัก....ก็ได้แค่หวังว่าสักวัน...เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เลือนหาย...จะจากลับมาสู่ดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง.....
    คุราปิก้า....รู้ไหม...พวกเราแค่อยากให้เธอมีความสุขเท่านั้น....ขอร้องล่ะ....อย่าแก้แค้นอีกเลย.....
    ถ้อยคำวิงวอนของเหล่าวิญญาณคูลท์แห่งเนตรสีเพลิงไม่อาจจะสื่อถึงทายาทคนสุดท้ายได้.....ชาตะกรรมที่โหดร้ายได้เข้ามาคืบคลานช้าๆ.......
    +การเดินทางยังไม่สิ้นสุด จงติดตามถ้าหากอยากรู้เรื่องราว+
    + + -s b-+ +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×